บทที่ 4
ปากกาด้ามสีดำเงาหรูดูราคาแพงร่วงลงพื้นเพราะคนถือเผลอหลุดมือเมื่อได้ยินคำพูดของบิดาตน เจนภพมองหน้าเจษฎาผู้เพิ่งกลับจากโรงพยาบาลเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วด้วยความประหลาดใจที่พ่อยังคงพูดถึงเรื่องนี้ไม่เลิก
วันก่อนพ่อบอกเขาไปแล้วนะว่าต้องแต่งงานกับลูก
สีหน้าเรียบเฉยของชายหนุ่มเจือความระคนสงสัยทันทีว่าควรพาพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อเช็คสมองอีกครั้งแบบจริงจังดีไหม ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกัน น่าจะจับมาเช็คประสาทพร้อมกันเลยก็ดี ไม่รู้ว่าเธอนึกอย่างไรที่ยอมมานั่งฟังพ่อของเขาพล่ามเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ได้
แล้วเขาว่าไง ผมว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมหรอก
เขาไม่ได้ไม่ยอม บอกว่าเดี๋ยวให้คำตอบ
เจษฎาแสร้งว่าไปทั้งๆที่ความจริงแล้วเมื่อเนตรนภิสได้ยินก็แทบจะปฏิเสธออกมาทันที ขณะที่ลูกชายของเขาเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าไม่เชื่ออย่างรุนแรงก่อนจะทิ้งท้ายพร้อมเดินออกจากบ้าน
ถึงเขายอม ผมก็ไม่ยอมหรอกครับ
เจนภพทอดหายใจตลอดทางเดินยาวสู่บ้านหลังเล็กที่อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก พุ่มดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนหวานด้านหน้าบ้านยังคงส่งกลิ่นหอมต้อนรับผู้มาเยือนทุกคนไม่ต่างอะไรกับเมื่อสิบปีที่แล้ว สวนหย่อมเล็กๆถูกจัดแต่งอย่างดีเพื่อรักษาสภาพแม้ว่านานทีปีหนจะมีคนมาเยือน บ้านหลังขนาดกลางสไตล์ยุโรปที่ถูกล้อมรอบด้วยพุ่มไม้ประดับเหล่านี้เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่เขาเติบโตมาตั้งแต่เล็กๆ และก็มีเขาเพียงคนเดียวที่มีกุญแจสามารถเข้าไปในบ้านหลังนี้ได้ เจนภพมองประตูบ้านสีขาวโค้งมนอย่างชั่งใจ แล้วตัดสินใจคว้ากุญแจออกมาไขทันที
ห้องโถงกว้างที่ตกแต่งดูเรียบง่ายหากแต่หรูด้วยม่านสีทองนั้นบอกรสนิยมของผู้เคยอาศัย ณ ที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี บนวอลเปเปอร์สีครีมอ่อนมีระดับประดับไปด้วยรูปของเด็กชายเจนภพกับแม่ในอิริยาบาถต่างๆ ชายหนุ่มใช้เวลามองภาพถ่ายเหล่านั้นพักใหญ่ แววตาเข้มขรึมนั้นอ่อนโยนลงโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ก่อนที่จะเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ทุกครั้งที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ เขามักจะเดินมาที่บ้านของแม่หลังนี้เสมอ
หน้าจอโทรศัพท์ขนาดใหญ่แสดงหน้าสมุดโทรศัพท์ เจนภพรีบกดโทรหาลูกน้องของบิดาทันที
มีเบอร์ของผู้หญิงที่ชื่อน้อยหน่าไหม
ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที หมายเลขโทรศัพท์ของเนตรนภิสก็อยู่บนหน้าจอ แถมเขายังได้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่าปัจจุบันหญิงสาวทำงานเป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษทุกระดับชั้น เขารีบเก็บเบอร์โทรศัพท์เธอไว้แล้วใช้ปลายนิ้วเลือกโทรออก
สวัสดีค่ะ
คุณน้อยหน่าใช่ไหม
ค่ะ ไม่ทราบว่าจาก... ปลายเสียงแปลกใจก่อนถูกตัดบทฉับ
ผมเจนภพ
งั้นเราไม่มีอะไรต้องคุยกันค่ะ คู่สนทนาตอบกลับมาแบบแทบไม่คิด
แต่ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ
พอเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันไม่พร้อมที่จะคุยอะไรทั้งนั้น แค่นี้นะคะ
บทสนทนาจบสิ้นภายในเวลาไม่ถึงนาที คนโทรไปกำโทรศัพท์แน่นก่อนจะรีบโทรออกใหม่ สมองนึกเคืองไปว่านี่เธอกล้าดียังไงตัดสายเขาทิ้ง...
เพียงรอบเดียวที่เสียงสัญญาณดัง ฝั่งตรงข้ามก็ตัดสายทิ้งอีกครั้งทันที
เมื่อรู้ว่าความพยายามคงไม่สำเร็จในวันนี้ เจนภพจึงเก็บเรื่องนี้ไว้ข้ามคืนพร้อมทั้งคิดแผนการใหม่ที่จะเรียกตัวเนตรนภิสออกมาให้ได้ ทันทีที่ถึงบริษัทในเช้าวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มรีบดิ่งไปยังเลขานุการของตนเองแล้วจัดการยื่นกระดาษทีเมื่อเธอได้รับไปอ่านแล้วก็ถึงกับทำหน้างง
คุณปานไพลิน ช่วยโทรเบอร์นี้แล้วพูดตามสคริปต์นี้หน่อย
เลขานุการคนสวยถึงกับทำหน้าไม่ถูกเมื่ออ่านสิ่งที่เจ้านายเขียนมาให้ การรับบทคุณแม่ลูกหนึ่งโทรไปตื๊อติวเตอร์นี่มันนอกเหนือขอบเขตงานที่เจนภพเคยตกลงกับเธอไว้เมื่อตอนเธอเข้ามาทำงานใหม่ๆ พลางเงยหน้าขึ้นไปผู้เป็นนาย แต่ก็เห็นกระดาษอีกแผ่นถูกชูขึ้นมาบังหน้าเขียนว่า เปิดสปีกเกอร์ด้วย
สวัสดีค่ะ ปลายสายรับอย่างรวดเร็วจนปานไพลินต้องรีบมีสมาธิกับบทพูด ขณะที่เจนภพนั้นนั่งทำหน้าเรียบเงียบเชียบ
สวัสดีค่ะ ครูน้อยหน่าใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ
พอดีมีลูกสาวเรียนอยู่ป.ห้าค่ะ อ่อนวิชาภาษาอังกฤษมาก รับสอนตัวต่อตัวไหมคะ
รับค่ะ น้องพื้นฐานเป็นยังไงคะ ผู้ชายหรือผู้หญิง ต้องการให้เน้นเรื่องไหนเป็นพิเศษไหมคะ แบบปูแกรมม่าร์หรือแค่สอนการบ้านและเตรียมตัวสอบ
คนรับบทแม่รีบยกโทรศัพท์ห่างออกจากตัวแล้วกระซิบถามผู้เป็นนายเมื่อคู่สนทนาเล่นถามเสียลึก
ว่าไงต่อไปดีคะ
ชายหนุ่มทำมือปัดไปมาเป็นเชิงว่าให้พูดไปตามใจ
น้อง... พื้นอ่อนค่ะ เป็น... เอ่อ... เป็นตุ๊ด แล้วก็อยากสอนอะไรก็สอนได้เลยค่ะ
เจนภพกุมขมับเมื่อได้ยินคำตอบที่ดูเหมือนว่าเลขาคนสวยจะลืมกลั่นกรองออกจากสมอง
เอ่อ... จะเอาแบบนั้นจริงหรือคะคุณแม่
ค่ะๆ แบบนั้นแหละค่ะ เลขานุการผู้ไม่เคยผ่านการตั้งท้องถึงกับถอนหายใจโล่งเมื่อคนปลายสายเริ่มตกลง ก่อนจะเหลือบอ่านบทพูดอีกครั้ง
ถ้าเป็นสักมะรืนนี้เดี๋ยวให้คุณพ่อไปคุยนะคะ คุณครูสะดวกไหมคะ
ได้เลยค่ะ ยินดีค่ะ
เจนภพนั่งฟังเสียงคุณครูน้อยหน่าคุยกับเลขานุการของเขากำลังนัดสถานที่และเวลาด้วยความสุภาพพลางนึกหมั่นไส้ขึ้นมา
ทีกับเขาล่ะพูดเสียงห้วนเชียว...
เสร็จแล้วค่ะคุณเจน จริงๆนี่คือจะทำอะไรเหรอคะเนี่ย เลขานุการหันมาถามเมื่อจบบทสนทนาแล้ว
ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ ช่วยจดในตารางงานผมด้วยว่าวันเสาร์นี้มีนัดตอนห้าโมงเย็น กับคุณครูน้อยหน่า
เจนภพเน้นคำหลัง ก่อนที่จะกระตุกรอยยิ้มเหยียด อยากรู้ว่าเธอจะทำหน้าอย่างไรเมื่อพบว่าคุณพ่อของเด็กป.ห้านั่นกลับกลายเป็นผู้ชายที่เขม่นกันนักหนาแบบเขา
เนตรนภิสหยุดลงเมื่อเท้าพาเดินมาถึงร้านกาแฟชั้นล่างของตึกสำนักงานใจกลางเมือง สายตามองไปรอบๆเห็นว่าเยื้องๆกันนั้นคือตึกสำนักงานของบริษัทอภิทักษ์ สมองก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนตระกูลนั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเธอ
เธอไม่อยากมาแถวนี้และไม่อยากเห็นอะไรทั้งสิ้น หากแต่เพราะพ่อของเด็กที่นัดเอาไว้ดันใช้ที่นี่เป็นจุดนัดพบ เนตรนภิสจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตัวให้สะดวกแล้วมาตามคำนัด
นาฬิกาข้อมือแสดงเวลาอีกห้านาทีจะห้าโมงเย็น เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพร้อมกับแสดงเบอร์แปลกหน้าที่ไม่คุ้น
คุณครูน้อยหน่าใช่ไหมครับ ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว
ถึงเรียบร้อบแล้วค่ะ
เดินเข้ามาด้านในเลยครับ
เนตรนภิสเปิดประตูร้านเข้าไปก็ได้กลิ่นกาแฟกหอมรุ่นลอยเข้ามาทักทายปลายจมูก สายตากวาดมองไปโดยรอบพยายามหาผู้ชายที่นั่งโต๊ะเพียงคนเดียว แล้วสะดุดตากับชายหนุ่มในชุดสูทที่นั่งก้มหน้า มือนึงกำลังพลิกดูแฟ้มงาน มืออีกข้างถือโทรศัพท์ไว้แนบหู รูปร่างนั้นดูคุ้นๆพิกล หากแต่เธอก็ไม่นึกใส่ใจพลางรู้ได้ทันทีว่านี่คือคนที่นัดหมายเธอ
เข้ามาแล้วใช่ไหม
ค่ะ เนตรนภิสตอบพร้อมตั้งใจเดินเข้าไปหาชายผู้นั้น แต่ก็ต้องแทบแข็งเป็นหินเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
ผมเอง
เจนภพลุกขึ้นมาพร้อมกล่าวเสียงเย็นเรียบลอดมาจากลำโพงโทรศัพท์เข้ามาเกาะกุมหัวใจหญิงสาว ความจริงที่เพิ่งรับรู้ย้อนกลับมาในสมองทำให้เธอแทบไม่อยากเห็นหน้าเขา เนตรนภิสหันหลังกลับอย่างไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
นี่ จะรีบกลับเลยหรือไง เรายังไม่ได้คุยกันเลย
ร่างสูงเดินฉับๆเข้ามาหยุดตรงหน้า ดวงหน้าหล่อเหลานั้นจ้องมองเธออย่างเปื้อนไปด้วยคำถาม เนิ่นนานกว่าที่เนตรนภิสจะรวบสติให้อยู่นิ่งแล้วค่อยๆตอบ
คุยอะไร มีอะไรต้องคุย ไหนล่ะลูกชายป.ห้าของคุณ
เธอกล่าวออกไปโดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำหน้าอย่างไรจนคนตรงหน้าถึงกับทัก
แล้วทำไมต้องทำหน้าโกรธขนาดนั้น
ก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ
หญิงสาวหายใจเข้ายาวๆ... แค่เขาด่าเธอว่าเมียน้อยก็เกินทนแล้ว แต่นี่เป็นลูกของคนที่เกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเธอ เห็นทีว่าต้องลาขาด
เพียงแต่ฉันไม่มีธุระจะพูดอะไรกับคุณ
เสียงหวานนั้นแข็งและเย็นชายิ่งกว่าเขา จนชายผู้ฟังเผลอเข้าใจไปว่าเธอนึกโกรธเขามากที่เคยว่าเอาไว้เยอะก่อนหน้านี้
แต่ผมมี
ฉันจะคุยแค่เรื่องงานเท่านั้น ในเมื่อคุณไม่ได้ลูกที่ต้องการจะเรียนพิเศษ ฉันก็ขอลาค่ะ
ถ้าผมไม่ทำแบบนี้คุณก็ไม่ยอมออกมาหาผมหรอก เข้าเรื่องเลยละกัน
สายตาคนในร้านเริ่มหันมาจับจ้องยังคนทั้งสองที่ยืนคุยราวกับว่ากำลังหาเรื่องกันอยู่ เจนภพเป็นคนจับความรู้สึกนั้นได้จากหางตาจึงยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบ
จะให้เขามองต่อไปแบบนี้เรื่อยๆเหรอ
แค่คนมองฉันไม่อายหรอกค่ะ ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้เป็นเมียน้อยใครนี่
โดยที่ไม่ทันคาดคิดชายหนุ่มฉวยแขนขวาเธอหมับก่อนจะลั่นเสียงดัง
นี่คุณนอกใจผมแล้วก็ยังจะเดินหนีเหรอ คุณนี่เป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ผมรวยไม่พอเหรอ ดีไม่พอหรือไง ถ้าวันนี้เราไม่ได้คุยกันคุณก็ไม่ต้องกลับบ้านไปหาไอ้บ้านั่น
คราวนี้คนทั้งร้านถึงกับพร้อมใจหันมามองยังเนตรนภิสที่ยืนอึ้งจากคำพูดโกหกสดๆร้อนๆ เธอมัวแต่โมโหจนคิดอะไรไม่ทันเจนภพที่ถือโอกาสลากตัวเธอกลับมายังโต๊ะที่เขานั่งอยู่ในตอนแรกแล้วกดตัวให้นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่นึกสนใจสายตาใคร
หญิงสาวรวบสติ รับรู้แล้วว่าไม่ว่าเธอจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่คุยกับเขาเช่นไร เขาก็ยิ่งจะใช้ทุกวิธีเพื่อให้เธอมาคุยกับเขาให้จงได้
เมื่อกี๊พูดอะไร ไม่คิดหรือไงคะ
ไม่งั้นคุณจะยอมนั่งดีๆเหรอ เอาเป็นว่าผมพูดเลยละกัน
เนตรนภิสเบือนหน้าออกไปยังวิวถนนนอกกระจกใส จงใจที่จะไม่อยากมองหน้าเขา
ผมรู้วันก่อนผมพูดไม่เข้าหูคุณ
เสียงคนพูดฟังดูอ่อนลงมาจากทุกครั้งที่เธอได้ยิน ก่อนที่จะหันกลับมาสบตาเมื่อชายหนุ่มพูดคำต่อมาด้วยแววตาที่ดูจริงใจกว่าที่เธอเคยเห็นมาก่อนหน้านี้
ผมขอโทษ
เนตรนภิสสบตานิ่ง เผลอพินิจดวงหน้าหล่อสะอาดยามสำนึกผิดนั้นแล้ววูบในใจ ก่อนจะรีบเอ่ยเพื่อกลบเกลื่อน
ช่างมันเถอะค่ะ
ก็ดี ง่ายๆแบบนี้ คนที่เพิ่งขอโทษพยักหน้าแล้วหันไปหยิบอะไรในกระเป๋าเอกสารทันที ทำเอาคนฟังถึงกับงงในความหมายของอีกคำที่เขาเพิ่งกล่าวมา ก่อนที่ความรู้สึกในแง่ลบแบบเดิมจะกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขายื่นอะไรให้กับเธอ
และนี่ก็คือเช็ค คราวนี้รู้นะ
หญิงสาวแอบกำหมัดแน่นด้วยความเคืองใต้โต๊ะ รู้สึกถึงความไม่พอใจที่แล่นตรงเข้าสมองเมื่อเห็นชัดแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้สำนึกอะไรจริงเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะพยายามสะกดกลั้นอารมณ์
รู้ค่ะว่าเช็ค
ก็ช่วยรับไว้ด้วย แล้วเลิกยุ่งกันแบบเด็ดขาด คุณรู้นะว่าพ่อผมเพิ่งเสนออะไรกับคุณ ชายหนุ่มว่าแล้วก็วางเช็คลงโต๊ะ มูลค่านั้นคือห้าแสนบาท
เนตรนภิสมองกระดาษขาวใบนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า คนตรงหน้าเธอเติบโตมาในโลกของเงินจนหัวใจด้านชา ก่อนที่จะมองหน้าอย่างปิดอารมณ์โกรธไม่มิดอีกแล้ว
เอะอะๆก็ชอบแจกเช็คนะคะ คุณเห็นฉันหน้าเงินขนาดนั้นเลยเหรอ
เจนภพใจกระตุกเมื่อเห็นคนตรงหน้าดูโกรธจริงจังขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นึกไม่เข้าใจว่าตอนแรกที่ลองขอโทษดูเธอก็พูดดีขึ้นหน่อย แต่พอมาแจกเงินที่ใช้ได้จริง เธอกลับโกรธอย่างไร้เหตุผลแบบนี้
เพราะคุณควรจะได้อะไรตอบแทนไปบ้าง
แต่ฉันไม่ต้องการค่ะ!
แต่ผมอยากให้เราเลิกยุ่งกับแบบเด็ดขาดอย่างสบายใจทั้งสองฝ่ายโดยที่ทางคุณก็ไม่ต้องมานั่งรู้สึกว่าผมเอาเปรียบคุณเกินไป
แล้วถามหน่อย การที่คุณบอกให้เราเลิกยุ่งกันเด็ดขาด ฉันตามเกาะขาคุณหรือคะถึงพูดแบบนี้! มีแต่ฝั่งคุณมากกว่าที่อยากหาเรื่องฉัน ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วที่ฉันบอกว่าเราไม่ต้องเจอกันอีก แล้วคราวนี้คืออะไร ถึงกับต้องหลอกกันว่าจะปรึกษาปัญหาเรื่องการเรียนของลูกที่ไม่มีตัวตนอยู่จริงเพื่อนัดเจอฉัน คิดดูดีๆนะคะใครยุ่งกับใครแน่
เจนภพที่ตีหน้าเรียบในตอนแรกถึงกับสะอึกเมื่อเจอชุดใหญ่ของหญิงสาว... เธอพูดไม่ผิดเลยแม้แต่น้อยเมื่อมาลองคิดดูดีๆ แต่เขาเองก็ไม่ผิดเช่นกันในเมื่อมีสิทธิ์ที่จะเรียกให้เธอออกมาคุยเพื่อไม่รับข้อเสนอจากพ่อของเขา
แม้ใจนึกอยากจะต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้าเพียงใด แต่ก็เริ่มเห็นแล้วว่าเธอเองคงไม่ยอมเขาง่ายๆ เจนภพจึงทำหน้าเฉยปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปชั่วครู่ สายตาจับจ้องยังใบหน้าสวยแต่แสดงความจองหองออกมาตรงหน้าก่อนจะเลื่อนสายตาไปเห็นแขนซ้ายที่มีผ้าพันแผล... ได้ข่าวมาจากพ่อว่าเธอถูกฟันเข้าให้ที่แขนซ้ายเพราะช่วยพ่อของเขาในคืนนั้น เมื่อเห็นว่าเนตรนภิสดูท่าว่าจะเย็นลงบ้างแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเอ่ยถาม
แขนหายดีหรือยัง?
ไม่เกี่ยวกับคุณ
เนตรนภิสสะบัดเสียงแล้วเอ่ยย้อน รู้ดีว่าคนตรงหน้าจงใจถามเพื่อให้เธอเย็นลง
มีอะไรอีกก็พูดตรงๆเถอะ อย่าอ้อมค้อม
ผมมาที่นี่ เพื่อขอให้คุณปฏิเสธคำขอร้องลูกสะใภ้จากพ่อของผม
ว่าแล้ว...
เนตรนภิสฟังคำขอของคนเบื้องหน้าแล้วก็เข้าใจจุดประสงค์ทุกอย่างทันที ทั้งการแจกเช็ค ทั้งการพยายามตามตัวเธอ เพราะเขาไม่อยากที่จะต้องทำตามคำขอของพ่อตัวเอง พลางนึกไปถึงการตายของพ่อ ถ้าเจษฏาคือต้นเหตุ แล้วพ่อของเธอตายด้วยวิธีไหน?
ถ้าการแต่งงานนี้มันจะทำให้เธอรับรู้ถึงเบื้องหลังในการจากไปของพ่อเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
เนตรนภิสตัดสินใจได้แล้วนับในวินาทีนี้...
คุณคงมีคำตอบในใจอยู่แล้วใช่ไหม เจนภพถามซ้ำเมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งไปในห้วงภวังค์ ก่อนที่จะตอบรับ
ค่ะ
ว่าอย่างไรล่ะ
ฉันจะแต่งงานกับคุณค่ะ คุณเจนภพ
นี่สรุปว่าแกก็เอวังตกถังข้าวสารกับเขาไปแล้ว?
บุญยนุชถึงกับกุมขมับเมื่อได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเพื่อนสนิทอย่างคาดไม่ถึงว่าคนมีเหตุผลอย่างเนตรนภิสจะตกปากรับคำแต่งงานกับผู้ชายที่ชังขี้หน้าด้วยเหตุผลต้องการสืบความจริงเรื่องแม่
ยังกะละคร...
เอวังบ้าอะไรของแก ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ฉันอยากรู้ว่าทำไมพ่อฉันถึงเสีย แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวนี้
แล้วเขาว่าไง
ก็โวยวายใหญ่ หาว่าฉันบ้าไปแล้ว
เนตรนภิสหน่ายใจเมื่อนึกถึงเมื่อวานที่พอเธอพูดจน เจนภพก็ตบโต๊ะดังปึงแล้วสารพัดจะยกเหตุผลมาพูดเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับคำ ไม่ว่าจะแจกเงินเพิ่ม จะขอร้องดีๆ หรือไม้ตายสุดท้ายคือการหาเรื่องเธอเพื่อให้เธอไม่ชอบหน้าเขาขึ้นไปอีก
เอาจริงเราจะแต่งงานกันทำไมผมถามหน่อย คุณไม่มีเหตุผลที่ดีพอ ส่วนผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่อยากจะแต่งงาน แล้วคุณจะเลือกแบบนี้ทำไม สีหน้าจริงจังนั้นตั้งคำถามกับเธอ ก่อนจะกระแทกประโยคท้าย
ฉันมีเหตุผลค่ะ
ถ้าเหตุผลนั้นคืออยากได้เงิน ตอนนี้คุณจะเอาเท่าไรผมก็จะให้
ขอโทษนะคะที่เหตุผลนั้นไม่ใช่เงิน
ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมเท่าไรก็ตาม หญิงสาวก็มีท่าว่าจะไม่ยอมเขาเลย จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เจนภพตัดสินใจตัดบทและกลับไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุแทน
เดี๋ยวเรื่องนี้ ผมจะไปคุยกับพ่อเอง
ฉันเพิ่งโทรไปยืนยันกับพ่อคุณก่อนที่จะออกมาที่นี่ค่ะ ท่านทำเสียงยินดีมาก เนตรนภิสแกล้งพูดโกหกไปเพราะรู้ว่าฝั่งว่าที่พ่อสามีคงยินดีอย่างยิ่งที่เธอตัดสินใจเช่นนี้ และก็ได้ผลเมื่อฝั่งเจนภพถึงกับงิ้วแตกขึ้นเสียง
คิดว่าชีวิตเราจะลงเอยอย่างมีความสุขหลังแต่งงานกันหรือไง!
ความสุข...
เธอไม่ได้ปรารถนาคำคำนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าหากเธอเลือกปลายทางความสุข การแต่งงานกับเขาก็ไม่เคยอยู่ในความคิดเลยแม้แต่น้อย
เธอแค่ต้องการรู้ถึงความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าแม่จะห้ามเช่นไร หรือเจษฎาจะมีแผนร้ายอะไรอยู่รอรับเธอ ก็ตามที
ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ต้องยิ่งรู้ให้ได้
เนตรนภิสกล่าวสรุปก่อนจะหยุดกึกเพราะคำถามต่อมาของเพื่อน
แล้วต้นรู้หรือยัง?
สีหน้าคนถูกถามคิดหนัก เพราะอารมณ์โมโหกับความอยากรู้มันพาไป เธอเลยแทบไม่ได้คิดถึงผลลัพท์ที่ตามมารวมถึงใครอีกคนที่อาจจะลุกขึ้นมาห้ามเธอทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ยัง ไม่รู้จะเริ่มไงว่ะ ช่วงนี้ต้นยุ่งๆ
ไม่รู้จะเริ่มไงหรือไม่กล้าบอก เพื่อนสนิทมองท่าทางของคนหนักใจอย่างรู้ทันก่อนจะว่าไป
ฉันก็ดีใจนะที่เห็นแกจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆกับใครคนใหม่สักทีแม้ว่าเหตุผลนั้นมันจะปลวกๆแบบนี้ก็ตามที ไอ้แต่งทั้งที่ไม่รักเนี่ย แต่โดยส่วนตัวนะ บอกตามตรงว่าเชียร์ต้นว่ะ
เชียร์ต้นแล้วต้นมันรู้ไหมล่ะ เอาเถอะ เลิกสนใจตั้งแต่ต้นมีแฟนไปแล้ว
เนตรนภิสพยายามยิ้มให้เพื่อนเห็น
สำหรับคนที่เคียงข้างเสมอและเป็นรักแรกก็ยังลืมได้ยากเย็นเสมอแม้จะผ่านมาเนิ่นนานเพียงใด ยิ่งธนาธรอยู่ใกล้เธอมากเท่าไร ก็ต้องยิ่งหักใจมากเท่านั้นเพราะรู้ดีว่าตัวเองคงไม่สามารถก้าวข้ามผ่านคำว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดได้ทั้งที่รู้ใจเขาดีกว่าใครก็ตาม จนวันนี้ที่เธอรู้สึกเฉยๆขึ้นมากแล้ว แต่เมื่อต้องมาเจอกับเรื่องลำบากใจเช่นนี้ เนตรนภิสก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรที่เธอเลือกทำเช่นนี้
โคตรนิยาย แล้วอย่ามาร้องไห้วันแต่งนะโว้ย
เออ
บุณยนุชตบบ่าเมื่อได้ยินคำตอบรับของเพื่อน ก่อนที่จะนั่งฟังเพื่อนพูดต่อ
ตอนแรกนึกว่าแกจะห้ามนะเนี่ย
แล้วแกจะฟังเหรอ คบกันมากี่ปีทำไมจะไม่รู้นิสัย คนพูดว่าแล้วก็ฉายยิ้มบางให้เพื่อน แม้ว่าเรื่องนี้มันจะดูไร้เหตุผล แต่ในเมื่อเพื่อนตัดสินใจแล้ว นั่นหมายความว่าเพื่อนคิดดีแล้วเช่นกัน
พวกฉันเชื่อมั่นในตัวแก แกเป็นคนที่ไม่เคยตัดสินใจอะไรผิดพลาด และทุกสิ่งที่แกทำไปมันมาจากเหตุผลที่แกคิดแล้วคิดอีก... น้อยหน่า ฉันเชื่อว่าคราวนี้แกต้องรู้ถึงสาเหตุการเสียของคุณพ่อ แกจะได้รับรู้ทุกอย่างที่แกติดค้างมานาน มันก็เป็นโอกาสดีไม่ใช่เหรอที่จะได้หาคำตอบให้กับคำถามในใจเสียที
อื้อหือ ฟังแล้วน้ำตาจะไหล เนตรนภิสแสร้งพูดเล่นทั้งที่ใจนั้นแอบซึ้งกับคำพูดของเพื่อนจริงๆ พลางนึกดีใจที่เลือกเล่าเรื่องนี้ได้ถูกคนโดยที่ไม่โดนห้ามกลับมา
แต่ชีวิตแต่งงานมันไม่ง่ายนะหน่า เรื่องจุกจิกมันเยอะ แล้วแกเถอะ คิดจะอยู่กับเขาไปเรื่อยๆเหรอ
รู้ความจริงเสร็จเมื่อไรก็คงหย่าเมื่อนั้น
คนตอบตอบเสียงเรียบราวกับว่าไร้ความรู้สึก เธอคิดไว้แล้วว่าคงใช้ชีวิตกับเจนภพไปไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยพื้นฐานความสัมพันธ์ที่เริ่มจากความชัง ก็เหมือนกับเริ่มสร้างบ้านโดยวางหลังคาใหญ่ไว้บนเสาเล็กๆเพียงต้นเดียว สุดท้ายแล้วก็ต้องพังลงมาอย่างไม่มีทางเลือก
พูดง่ายดี แต่ระวังไว้ละกัน ว่าพอถึงวันนั้นจริง แกจะเผลอเอาใจไปผูกพันกับเข้าให้
ไม่มีวันหรอก ฝั่งนู้นเขาดูถูกฉันจะตาย เกลียดกันขนาดนั้น มีแต่จะเผากันมากกว่าผูกพัน
เนตรนภิสกล่าวอย่างอดหนักใจไม่ได้ เธอไม่สามารถมองออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนับจากวันนี้ รู้เพียงแค่ว่าต้องรีบตามหาความจริงทั้งหมดให้เจอ หลังจากนั้นก็เขียนบทสรุปปิดท้ายของละครเรื่องนี้ด้วยคำว่าหย่าก็เท่านั้น...
To be continued
แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 55 12:47:23
จากคุณ |
:
Chanuikarn
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ก.ย. 55 13:31:11
|
|
|
|