Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 15 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12664148/W12664148.html

บทที่ 15

เที่ยงคืนเก้านาที แหม ช่างเป็นฤกษ์ดีอะไรเช่นนี้ ปัญปัทม์ยิ้มกับเงามืดข้างหน้าขณะย่องฝีเท้าเบากริบไปอย่างอาจหาญ

ก็ต้องเรียกอย่างนั้นล่ะ คงมีสาวสวยวัยประมาณเธอไม่มากนักที่จะอุตริทำในสิ่งพิเรนทร์เช่นว่าบุกเข้าสำนักงานชาวบ้านยามวิกาลเพื่อขโมยข้อมูลบางอย่าง บทเรียนจากคราวก่อนมันสอนให้เธอระมัดระวังและรอบคอบยิ่งกว่าเดิม

ดังนั้น ทุกฝีก้าวก่อนจะย่างออกไปสู่แสงที่มากกว่าสลัว จึงต้องมั่นใจว่าปลอดภัยเต็มร้อย พี่ยามทั้งหลายจะไม่มีวันระแคะระคายร่องรอยของสาวโจรอย่างไอ้ปัทม์ตลอดระยะเวลาปฏิบัติภารกิจบ้าบิ่นเป็นเด็ดขาด

โน่นแน่ะ ถึงแล้วเป้าหมายของเธอ สาวทนายคนสวยเลียปากตื่นเต้น ย่องไปก็เหลียวหน้าเหลียวหลังไป ผีโผล่มาคิดว่าไม่กลัวเท่ากับการโผล่พรวดพราดของตรงฉัตร เธอตาโตตื่นเต้นเมื่อพบว่าประตูห้องเปิดแง้มเล็กน้อย แม้ข้างในจะมืดตื๋อก็เถอะ

"ขอบคุณฟ้าที่เข้าข้างไอ้ปัทม์"

เธองึมงำในซอกเสา พลางกลอกตาถี่รัว ต้องให้แน่ใจว่าไม่มีเงาประหลาดแทรกแซง เธอจึงค่อยเยี่ยมหน้าออกไป ตามด้วยโผล่หุ่นเล็กในชุดดำทะมัดทะแมง มือเย็นจัดและเหงื่อชุ่มทีเดียวขณะกุมสายกล้องถ่ายรูปตัวหรู

"คอยดูเถอะ ข้อมูลคุณไหลมาอยู่ในมือฉันเมื่อไหร่ คุณจะได้เห็นฤทธิ์ไอ้ปัทม์"

คนสวยก็ฝันเพ้อเจ้อไปเรื่อย หุ่นกะทัดรัดวาบผ่านแสงที่สว่างกว่าสลัวนิดหน่อยเข้าสู่ด้านใน ย่อตัวซ่อนในซอกข้างโต๊ะตัวแรก สูดหายใจลึกยาว ตบอกตื่นเต้นมาก ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะหนนี้แหละที่เสี่ยงตายกับล่อเป้าเข้าตะราง

"เจ้าพระคุณเอ๊ย ขอให้คุณตรงฉัตรหลับปุ๋ย หลับปุ๋ย แล้วหลับปุ๋ย นะเจ้าคะ"

เธออธิษฐานขอแรงสนับสนุนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันก็คงดีอยู่หรอกถ้าตรงฉัตรจะไม่เอือมเสียงพะเน้าพะนอของพลิ้วแพรที่บ้านโน้น จนตัดสินใจหลบหน้ามานอนในห้องทำงาน ซ้ำยังกวาดแฟ้มพนักงานไปเกลี้ยง

เพราะตอนกลางวัน ได้หารือกับเจ้านายสาวใหญ่ไว้แล้วว่าจะปรับปรุงข้อมูลเพื่อพิจารณาการปรับการโยกตำแหน่งหน้าที่ให้เหมาะสม ซึ่งก็มีผลต่อไปยังการพิจารณาเงินเดือนกับโบนัสตอนปลายปีด้วย

ดังนั้น ต้องขอแสดงความเสียใจกับปัญปัทม์กันอย่างสุดซึ้งแล้วล่ะ เธอล้มเหลวจากห้องเป้าหมายโดยสิ้นเชิง ถ้าตรงฉัตรออกจากห้องทำงาน อ้อ ออกมาแล้วต่างหาก แค่ว่าไม่ได้ผ่านมาทางนี้ เขาตรงไปห้องครัวสุดทางเดิน ตั้งใจชงกาแฟดื่มแก้ง่วง

นี่ถ้าเขาแวะมา ก็จะเห็นอย่างขำๆ ละว่าปัญปัทม์ทรุดนั่งแผ่หลาพิงตู้เอกสารด้วยอิริยาบถท้อแท้แทบอยากจะเชือดคอตาย หน้าเธอม่อยได้น่ารักน่าเอ็นดู ปากกัดเจ็บใจแกมดื้อรั้น ตาสวยที่วาววับด้วยหยดน้ำหล่อเลี้ยงก็เปล่งแสงมุ่งมั่นแกมเอาชนะ

อืม แสงแบบนี้ล่ะ ที่ดูดดึงความชอบผุดปริ่มขึ้นในหัวใจว่างๆ กับเฉยเมยมาแต่ไหนแต่ไรของตรงฉัตรตั้งแต่จ้องประสานด้วยในแวบแรกกันเลยทีเดียว อ้อ แต่ท่านั่งของเธอไม่ค่อยสวยเลยนะ แข้งขาฉีกถ่างกางแขนแผ่ออกไป ซ้ำยังกระดิกปลายเท้าแก้เซ็งอีกนิดหน่อย

เอาล่ะ คราวนี้ก็อาจจะเป็นนาทีวัดใจกันแล้วล่ะ ดูซิว่าระหว่างที่ตรงฉัตรชงกาแฟในครัว ปัญปัทม์คนเก่งจะคิดพลิกแพลงวิกฤติให้เป็นโอกาสอะไรได้บ้างในสถานการณ์ผิดหวังจัง

โอ้ เธอคิดบางอย่างออกจริงๆ แล้วร่างที่นั่งแผ่หลาก็ดีดลุกกระฉับกระเฉง ตาหรี่อย่างมุ่งมั่นฮึกเหิม เธอจะไม่ยอมกลับออกไปจากที่นี่ในคืนนี้ด้วยสองมือที่ว่างเปล่าแน่นอน

ถ้าในนี้ไม่มี เธอขอเดาว่าอยู่ในห้องตรงฉัตรเถอะ เพราะจำที่พี่ยามเล่าให้ฟังได้ว่าเขาได้รับความไว้วางใจจากณพนาอย่างเหลือล้น พนักงานจะเข้าจะออก เขาจะเป็นด่านหน้าในการตัดสินใจก่อน แล้วค่อยเสนอเจ้านายสาวใหญ่เพื่ออนุมัติ ซึ่งที่ผ่านมาก็ 'อนุมัติฉลุย'

"ฉันหวังว่าห้องทำงานของคุณจะไม่ล็อกให้ฉันต้องเสียเวลาจิ้มๆ ทิ่มๆ ด้วยอวิชาอาจารย์จิ๋กโก๋ในซอยที่ฉันคุมหรอกนะ เวลาของฉันมันมีไม่มากเหมือนคนอื่น เจ้าพระคุณเอ๊ย สิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าข้างไอ้ปัทม์อีกทีเถอะ"

พอสิ้นวาจาอ้อนคุณพระคุณเจ้า หุ่นเล็กก็หันหลังให้เป้าหมายในแสงสลัว ตาเรียวเพ่งลึกเข้าไปในความมืดตลอดทางเดินแคบที่ทอดไปยังห้องทำงานของตรงฉัตร

ตรงนั้นน่ะ เธอเกลียดจะตาย เพราะเคยไปนั่งแช่จนก้นเมื่อยเพื่อรอเข้าพบคุณเลขาจอมหยิ่ง แต่คืนนี้ไม่จำเป็น ไอ้ปัทม์จะลุยเข้าไปเลย อยากเห็นเหมือนกันว่าห้องทำงานของพ่อคุณจะหรูสุดโต่งสมตำแหน่งเนื้อทองสักแค่ไหน




'เอ๊ะ มีเปิดไฟด้วยหรือ อภิสิทธิ์เยอะไม่เบาเหมือนกันนะนี่' ทนายนางโจรย่นจมูกค่อนขอดในใจขณะบิดเอวบิดบั้นท้ายเดินสำรวจทั่วห้องทำงานที่สมกับชื่อนัก

เพราะมันก็ไม่ได้หรูหราโอ่โถงตามที่จินตนาการดูแคลนไว้แต่ตอนต้น ตรงกันข้ามนะ มันเรียบง่ายมากเลย แค่ว่าเดินไปเดินมาไม่กี่ก้าวก็รู้สึกอบอุ่นและสัมผัสกลิ่นอายของงานและคนทำงานได้อย่างเข้มข้นเชียว

"อ้อ นี่หรือเปล่า"

เธอร้องอย่างลิงโลดแผ่วขึ้น รีบปราดฝีเท้าไปเกาะโต๊ะตัวใหญ่ มีงานผีทะเลอะไรก็ไม่รู้อัดยัดกันเต็มไปหมด จัดวางเป็นระเบียบแค่ไหน แต่ปริมาณที่มีมากจังก็พานทำให้เบ้ปากเบ้หน้าเบื่อเอาได้ง่ายๆ

ปัญปัทม์ไม่สนใจงานปริมาณล้นเหลือพวกนั้นหรอก มือเล็กรีบรื้อค้นแฟ้มที่ปะหน้าว่าประวัติพนักงานอย่างเร่งด่วนเชียวล่ะ เธออยากได้ข้อมูลคนสามคน

หนึ่งคือลุงเฉิดชัยคนขับรถ อีกหนึ่งก็ตรงฉัตรพ่อเลขาเนื้อทอง สุดท้ายก็ณพนาเจ้านายสาวใหญ่ เธอไม่รู้หรอกว่าจะใช้ข้อมูลเหล่านั้นไปกลั่นกรองแผนการอะไรต่อไป ตอนนี้รู้แค่ว่าต้องได้มาก่อน

นี่ยังไงเล่า แฟ้มของลุงเฉิดชัย มือเล็กสั่นนิดๆ ตอนแหมะลงตะครุบหมับ รีบเปิดเลย เวลาไม่รอท่าให้โอ้เอ้ ต้องถ่ายรูปถ่ายวิดีโอด้วย ให้ละเอียดทุกแชะเลยนะ ห้ามพลาดแม้แต่แชะเดียว

มีบางข้อความในบันทึกแนบท้ายสะดุดตาอยู่บ้าง แต่ปัญปัทม์ก็จะขอข้ามมันไปก่อน ไว้ค่อยไปแจกแจงแยกแยะกันที่บ้านโน่น

"คนต่อไป"

เธอว่าเสียงทะเล้น ใจชื้นขึ้นมาเป็นกองหลังจากที่โจรกรรมข้อมูลเหยื่อเสร็จไปหนึ่งราย คราวนี้ก็ของคุณเลขาเนื้อทองก็แล้วกัน อยู่ไหนนะ อยู่ไหน อ้อ อยู่นี่

"อ้าว โผล่มาทำไมดึกดื่นครับ นี่มันตีหนึ่งกว่าแล้วนี่"

"ตายชัก"

ปัญปัทม์อุทานแตกตื่นพร้อมกับอ้าปากหวอตาโต แต่มือก็ตะครุบแฟ้มตรงฉัตรขึ้นแนบอก พลางรีบหาทำเลซ่อนตัวอย่างรีบด่วนอีกแล้ว เขาพูดกับใครอยู่ข้างนอก ทำไมต้องโผล่มาในเวลานี้ ใจคอจะไม่หลับไม่นอนหรือยังไง

สองเท้าเริ่มรวนจนไม่รู้ว่าจะย้ายไปซ้ายหรือขวาดี แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจได้หลังจากที่หูสดับถนัดถนี่เข้ากับเสียงฝีเท้ากับเสียงคุยกันของคนสองคน โดยเฉพาะท่อนที่คุณหนุ่มเลขาเรียกอีกคนว่า 'คุณนา'




ณพนาไม่รู้ว่าจะไปไหนดี จึงตรงดิ่งมาขอทำใจที่บริษัท หล่อนเสียใจไม่หายเมื่อนึกถึงบรรยากาศในห้องอาหาร และยังแค้นเคืองตรงฉัตรไม่หายเหมือนกันที่รีบปลีกตัวหนีเหมือนไม่รักกันจริง

"อะไรไม่รักกันจริง อย่าพาลมั่วน่า"

พอหล่อนแขวะจบ พ่อเลขาก็รีบเถียงเสียงแข็ง วางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ ประกายตาเปลี่ยนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอื่นใดให้ปัญปัทม์ที่ลอดตาผ่านช่องว่างของผ้าม่านออกมาสังเกตการณ์เห็นพิรุธ

"ก็หรือไม่จริงยะ ชิ่งก้นมาก่อนทำไม ดีแต่พูดว่ารักคุณนา ตายแทนคุณนา ตายก่อนคุณนา อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณนา ทุเรศ คลื่นไส้"

"เอ้า กาแฟ กำลังร้อนเลย ล้างคอแก้เลี่ยนหน่อยนะครับ อ้อ ไม่ใช่สิ คลื่นไส้นี่ น่าจะเกิดจากอาการผะอืดผะอม"

"ไอ้ตรงบ้า"

เจ้านายสาวใหญ่แหวลั่น น่าตบพ่อเลขาปากเปราะปากไวให้เลือดกบเสียจริงๆ หล่อนกระแนะกระแหนออกยาว แทนที่จะสำนึกในความผิด กลับมายอกย้อนไม่รู้ไม่ชี้เสียได้

และด้วยความแค้นเคืองนี่ล่ะ หุ่นสวยถึงได้ย้ายฉับๆ มาทุ่มนั่งจนเบาะโซฟายุบลึก แต่ใจของทนายนางโจรที่กำลังปากจู๋ตาหยีหวาดเสียวสุดโต่งหลังผ้าม่านนี่สิ เกือบร่วงตุบเลย

ณพนาไม่รู้ละสิว่าเธอกำลังกลั้นหายใจอยู่ เกรงว่าลมที่พ่นออกไปจะพัดผ้าม่านพลิ้ว ก็พอจะซึมซับได้บ้างแล้วว่าตรงฉัตรละเอียดถี่ยิบมากแค่ไหน เธอจึงต้องเลียนแบบเขาบ้าง

แล้วพอรอดพ้นคืนนี้ไปได้ คอยดูเถอะ เธอจะโม้ให้แหลก น้ำลายไม่แตกฟองเธอจะไม่หยุด ถึงเวลาที่เขาต้องเป็นฝ่ายอับอายบ้าง หน้าแตกด้วยที่เลินเล่อชะล่าใจให้เธอย่องเข้ามาขโมยข้อมูลสำคัญเสียเกลี้ยง

"ยังไม่บอกผมเลยว่ามาที่นี่ทำไม"

ตรงฉัตรตามมานั่งกระแซะ กาแฟร้อนและกรุ่นหอมก็ย้ายมาวางตรงหน้าเจ้าชีวิตด้วย จากนั้น ก็ถามเรื่อยๆ แต่ประกายตาก็เปลี่ยนไปอีกแล้ว

"ไอ้เลวมันจะค้างที่นั่น ฉันก็พูดไม่ออก ยังไม่อยากให้น้องรู้"

"ก็เป็นเสียอย่างนี้" ตรงฉัตรทำเสียงติ เจ้าชีวิตก็เลยตบขาผางเข้าให้ "เอ๊ะ คุณนานี่ยังไง" เขาเอะอะแล้วผลักไหล่เบาๆ "ผมเตือนสติให้สำนึก ให้คิด ยังไม่ขอบคุณอีก นี่ละนะคนเขาถึงว่ารักเขา ยกหัวใจให้เขา ยกชีวิตให้เขา ก็ต้องแล้วแต่เขาว่าอยากจะเอาไปทำอะไร ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ต้องทน เฮ้อ ชีวิตของตรงฉัตร"

"จะแดกดันฉันอีกนานไหมตรงฉัตร นี่ฉันกลุ้มอยู่นะ" ณพนาแยกเขี้ยวถลึงตา

"คุณนา"

พ่อเลขาถอนใจ และเข้าใจว่าทำไมเจ้าชีวิตถึงได้กระฟัดกระเฟียดหน้าหงิกงอ ถ้าเป็นคนอื่นก็จะเห็นแค่นั้นแหละ แต่เขาเห็นเยอะกว่า เห็นว่าในตาวาวล้นละอองหวาดกลัว

เปล่าเลย ณพนาของเขาไม่เคยกลัวตาย ไม่เคยกลัวพันศิลป์ พลิ้วแพรต่างหากคือหมากเด่นในมือฝ่ายโน้น แล้วฝ่ายโน้นก็กำๆ โยนๆ โอ้อวดเพื่อข่มขวัญให้หล่อน 'กลัว'

"ฉันกลัว"

แล้วณพนาก็สารภาพเสียงอ่อนล้า พลางเอนกายพักพิงอกกว้าง ตรงฉัตรก็ไม่เหนียวหนืดสองแขน เขากอดเลย แล้วปัญปัทม์ก็เบิกตาลิงโลดแทบจะพรวดออกมากระโดด

เธอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานเลย แต่ครั้นเห็นว่ามุมมันยังไม่ได้ดั่งใจ เธอก็ยอมเสี่ยงกระเถิบฝีเท้าไปทีละนิด กระทั่งสุดซอกแล้วค่อยบันทึกซ้ำอีกภาพ อีกภาพ และ 'อีกภาพ'

"เราเดินหน้ามาถึงขั้นนี้แล้ว กลัวยังไงก็ไม่หยุดแล้วใช่ไหมครับ"

"แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องดึงน้องมาเกี่ยวด้วย ตรงฉัตร ทั้งชีวิตของฉันถ้าไม่นับนาย ฉันก็มีพลิ้วคนเดียวที่เหลือเป็นญาติสนิท แล้วฉันก็รักมากจนทนเห็น.. "

"ก็เพราะทนเห็นคุณพลิ้วเสียใจไม่ได้ ผิดหวังไม่ได้ เจ็บปวดไม่ได้ อะไรๆ ก็ไม่ได้ ผมถึงได้บอกอยู่นี่ไงว่าเธอจะเป็นตัวปัญหาของคุณนา แล้วคุณพันศิลป์ก็รู้จุดอ่อนข้อนี้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่หว่านพืชไปตั้งนานนมหรอกครับ"

ณพนากลืนน้ำลาย หายใจแรง และลมหายใจก็ร้อนจัด มันเป่ารดแผงอกของตรงฉัตรไม่นานก็ซึมหาย วนเวียนอยู่อย่างนั้น ซึ่งจะนานแค่ไหน ตรงฉัตรก็ไม่เกี่ยง เขากอดแรงกับแน่นอีกนิดเพื่อสร้างความอบอุ่นให้เกิดแก่ใจดวงน้อยที่มีแต่จะ 'หนาวขึ้นทุกที'

"มันเลวจริงๆ ตั้งแต่ฉันรับคำท้าสู้รบปรบมือกับมัน ไม่เคยเลยสักครั้งที่มันจะเดินเกมอย่างขาวสะอาด"

"อืม"

"มัน:-)ใช่ไหมนายตรง เป็นมาเฟียใจผู้หญิงเหมือนที่นายด่าเลย"

"ไหน ผมไม่ได้ด่า" ตรงฉัตรแย้งขำๆ "ผมตั้งฉายาให้เฉยๆ ก็เหมือนที่ผมโดนกระแนะกระแหนว่าเลขาเนื้อทองไง"

ณพนายกตัวขึ้น เริ่มจะหัวเราะเบาๆ ออก ละอองหวาดกลัวก็จางลง หล่อนเชยคางพ่อหนุ่ม ทำทียื่นหน้าเข้าไปจนชิด ปลายจมูกก็ชนกันเสียขนาดนั้นแล้ว หล่อนยังไม่หนำใจไพล่โยกตัวไปนั่งตัก ให้อะไรต่อมิอะไรมันแนบชิดทักทายกันเกลี้ยง

อ้อ แน่นอน หล่อนไม่รู้หรอกว่าที่กำลังทำอยู่นั้น มันกระชากหัวใจแม่สาวหัวขโมยแทบจะหลุดจากขั้วกันเลยทีเดียว แต่มือก็กดปุ่มบันทึกภาพแชะๆ ไม่หยุดเลยนะ

"พวกเขาตั้งฉายาให้นายเพราะอยากประชดว่าเข้าพบนายยากมาก แต่พวกเขาไม่เคยรู้หรอกว่าจริงๆ เนื้อทั้งตัวนายน่ะมันทองหมด แหม พอพูดขึ้นมาแล้ว ฉันก็ตงิดๆ อยากเห็นหน้าแม่สาวผู้โชคดีคนนั้นเสียจริงๆ "

"คนไหน"

"คนไหนก็ช่างสิ แค่ว่าเป็นคนแรกคนเดียวและคนสุดท้ายที่นายจะยอมเปิดเนื้อทองให้ดูให้ชมให้เชย ไม่ใช่แค่เกยตักเฉยๆ แบบฉัน ก็พอแล้ว มีไหมล่ะ แม่คนนั้นน่ะ"

"เพ้อเจ้อ ลงไป"

"อุ๊ย ไอ้เด็กบ้า ไอ้ตรงทุเรศ ฉันอยากให้คนนอกมาเห็นจริงๆ ว่าลับหลังพวกเขา กิริยานายมันเถื่อนแค่ไหน อุ้มโยนลงมาได้ นี่ฉันเป็นใคร ณพนาสุดสวยนะยะ"

ตรงฉัตรเบี่ยงหน้าปัดมือกับเล็บที่ปรี่มาหมายตบหยิกข่วนแบบครบองค์ประชุม เขายังไม่ได้ดื่มกาแฟ มันอุ่นหมดแล้ว แต่ก็ดื่มได้ ขณะดื่มตาก็พราวเป็นประกายแปลกๆ ไปเรื่อย

แล้วพอดื่มหมด เขาก็โผทับเจ้าชีวิตนอนราบไปตามความยาวของโซฟา ไม่ต้องสนใจว่าเนื้อเว้าเนื้อนูนตรงส่วนไหนจะประกบแนบชิดกันบ้าง สิ่งที่เขาจะทำก็คือ 'กระซิบ'




ทนายกึ่งโจรเป่าลมพรูตอนเยี่ยมหน้าออกจากซอกผ้าม่าน กระทั่งแน่ใจว่าหนุ่มสาวเจ้านายเลขาออกจากห้องไปแล้ว พร้อมกับประโยคกำกวมร้อนแรงที่ว่า 'ไปต่อห้องโน้น' เธอจึงค่อยเคลื่อนหุ่นน่ารักออกมาบิดสะโพกปัดฝุ่นทั่วชุดดำ

"ไปต่อห้องโน้นน่ะ มันห้องไหนกัน"

เธอพึมพำพลางสาวเท้าไปประกบประตูที่ปิดสนิท อยากออกไป อยากได้รูปที่มีพลังร้อนแรงเหมือนประโยคนั้นของตรงฉัตร ถ้าได้มาละก็ รับรองได้เลยว่าตรงฉัตรต้องแตกฉานในความหมาย 'หมองูตายเพราะงู' แน่ๆ

"อย่าเพิ่งเลยไอ้ปัทม์ รีบหาข้อมูลคุณณพนาต่อเถอะ"

เธอสั่งตัวเองให้เลือกทำในสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน หุ่นเล็กย้ายปราดกลับมารื้อค้นแฟ้มบนโต๊ะ ผ่านไปสักสองสามนาที คิ้วก็เริ่มขมวดและกระตุกหงุดหงิดบ้างแล้วเมื่อหาไม่พบ

"อุ๊ย" เธออุทานพร้อมกับทำตาโต รีบเหลียวขวับไปจับประตู รู้สึกเหมือนว่าได้ยินเสียงฝีเท้าย้อนกลับมา "ต่ออะไรวะ ทำไมเร็วจัง ถอดผ้าเกลี้ยงแล้วหรือยัง เอ๊ะ หรือว่าเสื้อผ้าไม่เกี่ยววะ"

อ้าว ตายล่ะ เธอยังไม่ได้บันทึกข้อมูลในแฟ้มของตรงฉัตรเลย ทำยังไงดี สถานการณ์มันหวาดเสียวหน้าสิ่วหน้าขวานเป็นบ้า

ปัญปัทม์ไม่คิดรีบเร่งในสมองอย่างเดียวหรอกนะ เธอวิ่งตื๋อมุดเข้าซอกผ้าม่านซ่อนตัวมิดชิด ไม่ว่าฝีเท้าข้างนอกจะหยุดที่ห้องนี้หรือเลยผ่านไป เธอก็ต้องไม่ประมาทไว้ก่อน

"เอาวะ เวลาไม่มี ฉันขอยืมก่อนนะคะ สัญญาว่าจะรีบนำกลับมาคืน สัญญาจริงๆ นะ"

เธอพูดในความมืด สมมติให้มันคือตรงฉัตร แล้วจัดการรื้อข้อมูลออกมาม้วนๆ ยัดใส่กระเป๋ากางเกงข้างขา

จากนั้น ก็เอียงหน้าเงี่ยหู ลอดตาผ่านช่องหลืบอีกนิด นับหนึ่งถึงสิบ จนแน่ใจว่าข้างนอกไม่มีอะไรเลยนอกจากความเงียบ เธอจึงค่อยย่องกลับออกมา แล้วถอนใจพรูแผ่ว

ดูเหมือนว่าเธอก็รอบคอบขึ้นบ้างแล้ว ตรงฉัตรอาจจะพอใจขึ้นอีกนิดก็ได้ ถ้าเข้ามาแล้วพบว่าแฟ้มทั้งหมดถูกจัดเรียงเป็นระเบียบดังเดิม แม้จะไม่เหมือนเดิมตามที่เขาเรียงไว้ก่อนออกไปชงกาแฟก็เถอะ

แต่ถึงอย่างนั้น ความรอบคอบของสาวตาสวยก็สายเกินแก้ไขไปแล้ว ร่องรอยของเธออาจจะยังไม่ถูกค้นพบ แต่ร่องรอยหัวขโมยมันอยู่ในสายตาหนุ่มเลขาเกลี้ยงแล้ว

ดังนั้น จึงต้องบอกว่าการกลับออกไปจากห้องนี้ มันทำง่ายกว่าการกลับออกไปจากบริษัท เพราะตรงฉัตรคงไม่อยู่เฉยเหมือนส่งเสริมให้หัวขโมยเจอขุมทรัพย์

ณพนาถูกสั่งให้รอฟังข่าวในห้องทำงานของหล่อนไปเงียบๆ หล่อนไม่ตื่นเต้นนัก เพราะไว้ใจว่าเลขาเนื้อทองคนเก่งต้องจัดการได้ ก็แค่หัวขโมยกระจอกกระมัง

นี่ล่ะ คือสิ่งที่ปัญปัทม์ไม่เคยรู้ เธอก้าวออกจากห้องขุมทรัพย์ ฝีเท้าเบามากตอนซอยเร่งมาถึงบันได แต่ตรงนั้นล่ะ คือจุดอันตรายของเธอ เพราะจู่ๆ แสงหลัวที่พอส่องทางมันก็ดับวูบไปเลย รอบตัวมืดหมด

ถ้าจะมีแสงอยู่บ้าง ก็น่าจะส่องออกมาจากตาสวยที่เบิกกว้างอย่างแตกตื่น แต่ร่างกายน่ะ ตื่นตัวพรักพร้อม ซ้ำในใจยังปลุกเร้าตัวเองด้วยประโยคฮึกเหิมว่า 'เป็นไงเป็นกันเว้ยไอ้ปัทม์ อะไรโผล่มาเฉียดๆ แม่อย่ามัวสงสัย จงถีบไว้ก่อนเลย'

แน่ะ พอฮึกเหิมไม่ทันขาดห้วง ลมอะไรก็ไม่รู้เฉียดสีข้างมาเลย ไม่ร้อนมากหรอก แต่ปัญปัทม์ก็ไม่ไว้ใจ เธอดีดตัวหนีว่องไว ไม่ตอบโต้ใดๆ เพราะมองไม่เห็น สายตายังปรับให้คุ้นเคยกับความมืดได้ไม่ค่อยดี ตอนนี้จึงขอหนีไว้ก่อน

ตรงฉัตรยิ้มเครียดในความมืด เขาได้ยินเสียงฝีเท้าซอยลงบันได แต่ก็อย่าฝันว่าจะรอดพ้นการไล่ล่าแบบถึงเนื้อถึงตัว เขากระโจนพรวดเดียวล่ะ ถึงเลย แล้วปัญปัทม์ก็เผลออุทาน 'ว้าย' แผ่วๆ เพราะตกใจที่โดนตะครุบไหล่

"คุณเป็นใคร แอบเข้ามาในบริษัทคนอื่นยามวิกาล ต้องการอะไร"

ตรงฉัตรถาม เขาทำเสียงดุนิดๆ เพราะมือโดนปัดหยาบ เจ็บสีข้างที่โดนข้อศอกแหลมกระทุ้งใส่ด้วย

เงาที่เคลื่อนไหววูบวาบตรงหน้าบอกให้เขารู้ว่านั่นคือขาที่กำลังเหวี่ยงมาหมายฟาดตรงไหนสักแห่ง ถ้าเขาไม่หลบต้องโดนเต็มเหนี่ยวแน่ แต่ถึงแม้ว่าหลบแล้ว ไหล่ก็ยังร้อนฉ่าขึ้นอยู่ดี

"คุณ หยุดเดี๋ยวนี้"

เขาตวาด แล้วคิดว่าปัดโดนน่องนุ่ม ก่อนจะกระตุกข้อเท้าได้แบบหวุดหวิด คราวนี้เจ้าหัวขโมยร้อง 'ว้าย' เต็มเสียงทีเดียว เพราะสุดปัญญาจะแก้ไขอาการเสียหลักแบบหมดรูป

หุ่นเล็กลอยวืดประกบเงาร้อนในที่มืด เธอรู้สึกว่าเงานั้นก็เสียหลัก และล้มหลังกระแทกกับขั้นบันได น่าจะเจ็บกว่าเธอที่ล้มทับทั้งตัวอีกที

อ้อ แต่ไม่ใช่นะ เธออยากจะชี้แจงให้เข้าใจว่าไอ้ที่ร้องนี่ ไม่ได้ตกใจมากเท่าไหร่เลยกับการเสียหลักเสียท่าหนนี้ เพราะที่แตกตื่นจัดจ้าน มันอยู่ตรงเสียงคำรามที่ดังโพล่งออกมากระแทกแก้มเลยต่างหากว่า 'คุณปัญปัทม์'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:27:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com