Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จอมใจอเวจี (Psycho Hell).....บทที่ 30 (ลางร้าย) ติดต่อทีมงาน

=================
PSYCHO HELL...จอมใจอเวจี
บทที่ 30........ลางร้าย
:GTW / Psycho Man
=================


บทที่แล้ว

บทที่ 29
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12465594/W12465594.html

*********


เรื่องย่อ
ไนท๋ พาเฟรี่ มาถึงยอดเขาสื่อสารจนได้ แม้จะเจ็บปวดกับการกระทำของตัวเอง ที่ไม่มีสิทธิ์หึงหวง หรือแสดงความเป็นเจ้าของ

แต่เขาก็มีความสุขในการนำพาเฟรี่ไปยังชีวิตซึ่งควรจะเป็นไป ความรักที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องเป็นจำของ แค่เฝ้ามองคนรักมีความสุขก็พอใจแล้ว ไม่ว่าเฟรี่จะอยู่กับใครก็ตาม....

และในคืนนั้นเอง.....


--------


ทันใดนั้นเอง มือนิ่มๆและอบอุ่นของเฟรี่ก็เอื้อมข้ามหมอนข้างมา จับมือหยาบกร้านของนักรบปีศาจและบีบเบาๆเหมือนจะเป็นการให้กำลังใจในการเล่านิทาน คนถูกจับมือตัวเย็นเฉียบ นอนตัวแข็ง รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาอื่น นอกจากความบริสุทธิ์ใจ แต่ก็อดใจสั่นหวั่นไหวไม่ได้

นี่นางฟ้าจับมือเรา มันยิ่งกว่าความฝัน... สัมผัสแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้


แรงใจปะทุขึ้นทันที แบบนี้ให้เล่านิทานจนตายก็ยอม ขอเพียงมีมือนุ่มนวลอบอุ่นประทับอยู่ในกายและใจแบบนี้

แล้วนิทานของไนท์ก็เริ่มต้นขึ้น


หากครั้งนี้ไม่ใช่นิทาน มันเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นแล้วในขอบอเวจีแห่งนี้ ความรักความหลังอันแสนเศร้าของคนรุ่นก่อน ตำนานอันล้ำลึกพิสดารยิ่งกว่านิยาย

เสียดายว่าเฟรี่ฟังจนหลับไปก่อนไนท์จะเล่าจบเสียด้วยซ้ำ..หลับไปโดยที่มือของทั้งสองไม่ปล่อยวางห่างกันเลย


****


ไนท์ยังคงนอนไม่หลับ ในใจคิดไปต่างๆนานา

จะอีกกี่วันกี่คืนกันนะ จะมีโอกาสดูแลอยู่ใกล้ๆนางฟ้าตกสวรรค์คนนี้ อีกไม่นานก็จะโบยบินสู่เบื้องบนแล้ว จากกันไปตลอดกาล เส้นแบ่งขอบฟ้าระหว่างเบื้องบนและเบื้องล่างจะเป็นพรมแดนกางกั้นให้แยกทางห่างเหินชนิดไม่มีวันพบกันอีก

คนมาจากเบื้องบนก็ต้องเหมาะสมกับคนเบื้องบน คนเบื้องล่างก็คงอยู่ต่อตามประสาคนเบื้องล่าง เป็นครั้งแรกที่ปีศาจนักรบผู้นี้รู้สึกใจหายวูบวาบอย่างประหลาด ความรู้สึกใจหายอันเยือกเย็นราวสัมผัสลมหายใจความหดหู่อ้างว้างชนิดไม่เคยพานพบประสบเจอมาก่อนในชีวิตของนักฆ่าล่าปีศาจ

ชีวิตซึ่งวันๆอยู่กับการเดินทางไล่ล่าปีศาจนอกกรอบ อยู่ในนรกอันไร้ชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความน่ากลัว ไม่เคยคิดสักนิดว่าจะมารู้สึกอะไรกับใครบางคนแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยพานพบพูดคุยกับสตรีเพราะชีวิตการเดินทางย่อมมีโอกาสเจอผู้คนมากมายหลายรูปแบบอยู่แล้ว

แต่ไม่มีใครทำให้รู้สึกแบบนี้

ช่างเถอะ..ปีศาจหนุ่มพยายามสลัดความคิดหมกหมุ่นในใจออกไป วันนี้ก็คงได้อยู่ดูแลกัน  พรุ่งนี้อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ในสายธารของกาลเวลายากจะบอกได้ว่ามีอะไรรออยู่หัวมุมโค้งของกาลเวลาเบื้องหน้า เพียงลิ้นชักแห่งความทรงจำมีสิ่งดีๆ ให้จดจำยามอยู่คนเดียวกับช่วงเวลาอ้างว้างเดียวดายก็พอแล้ว

ทางด้านเฟรี่ฃ่วงแรกรู้สึกง่วงนอนจนหลับไปแบบไม่รู้ตัว หากรู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก แม้จะรู้สึกอ่อนเพลียอ่อนล้าปานใดก็ตาม ยังข่มตาหลับไม่ลง นอนทบทวนความรู้สึกของตนเองอย่างสับสนวุ่นวายใจ และหม่นมัว ทำไมนะ...กำลังจะได้กลับบ้านแท้ๆ หากทำไมไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างควรจะเป็น ทั้งที่เบื้องบนมีคนรักรออยู่ มีผู้คนมากมายรออยู่ สังคมและชีวิตเดิมๆ อันแสนสุขสบายรออยู่..นี่มันความรู้สึกบ้าๆอะไรกัน

โลกเบื้องบนแสนสะดวกสบายกับเทคโนโลยีก้าวหน้าเหนือโลกอื่นๆ  แต่ก็มีหลายครั้งที่รู้สึกว่าขาดหายไปอย่างบอกไม่ถูกว่าคืออะไร หลายครั้งอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายความรู้สึกชนิดนี้ก็ยังรบกวนอยู่เบื้องหลังความรู้สึก แม้ในวันซึ่งกำลังทานอาหารมื้อเย็นกับคู่หมั้นหนุ่มผู้สง่างามและแสนเอาใจในร้านอาหารหรูคนนั้น...ความรู้สึกขาดหายก็ยังไม่เต็มร้อยเลยสักครั้ง

ไม่เป็นไร...กลับขึ้นไปคราวนี้ทุกอย่างคงดีขึ้น หญิงสาวแดนสรวงพยายามบอกตัวเองแบบนี้..มันต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน...กลับบ้านแล้วลืมทุกสิ่งทุกอย่างของนรกแห่งนี้

และลืมปีศาจใจร้ายคนนั้นด้วย


ใจร้ายหรือ...ใจร้ายแบบไหนกันแน่ คนใจร้ายมีแบบนี้ด้วยหรือ ถึงจะเย็นชาวางอำนาจชอบทำร้ายตัวเองแต่กลับคอยช่วยเหลือดูแลอยู่เสมอ หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่เคยเห็น อาจน่ากลัวพิการประมาณว่าโดนไฟเผาผลาญเสียโฉมก็เป็นไปได้ ถึงใส่หน้ากากโลหะบ้าๆ นั่นเสมอ เห็นแล้วไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด คนแบบนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดประสาทบ้าบอลุกขึ้นมากลางดึก ตรงเข้ามาบีบคอตอนไหนก็ไม่รู้

พอคิดแบบนี้แทนที่จะรู้สึกหวาดกลัว ริมฝีปากสวยกลับปรากฏรอยยิ้ม..รอยยิ้มซึ่งแฝงไว้ด้วยความอบอุ่นชนิดหนึ่งปรากฏอยู่ เป็นรอยยิ้มอันบอกถึงความเชื่อใจและไว้ใจ..

นอนคิดอะไรไปพักหนึ่ง เพิ่งคิดได้ว่าคู่กรณีนอนอยู่ข้างๆนี้อง พอคิดขึ้นมาก็ค่อยๆพลิกตัวหันมองข้ามหมอนข้างไป แต่ฝถัดจากหมอนข้างไปกลับไร้ร่องรอยของปีศาจหนุ่ม

หายไปไหนกัน ไหนบอกว่าจะคอยดูแลกัน

คิดในใจอย่างหงุดหงิดขุ่นเคืองเพราะการอยู่คนเดียวในสถานที่แบบนี้ถึงมองเผินๆก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร เนื่องจากอยู่ในห้องมีความเป็นส่วนตัวสูง แต่อย่างไรก็ตาม สถานที่แห่งนี้ก็อยู่ในเขตนรก..ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นนรกแบบไหนกัน รู้แต่ว่าไม่เหมือนกับภาพของนรกซึ่งเคยศึกษาอ่านมาจากตำราเลยสักนิด

ลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองไปรอบๆ ประตูห้องน้ำเปิดอยู่ เป็นไปไม่ได้ว่าไนท์จะอยู่ในนั้น แล้วหายไปไหน..

“ไนท์....เจ้าอยู่ไหน”

ตัดสินใจร้องเสียงขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัดเจน แต่คำตอบคือความเงียบ ทำเอาใจคอชักไม่ดี

เป็นไปไม่ได้ว่าปีศาจหนุ่มคนนั้นจะแอบหนีกลางดึก หญิงสาวไม่เชื่อว่าเด็ดขาดว่าเขาจะทำเช่นนั้น ปัญหาคือตอนนี้ไปทำอะไรอยู่ตรงไหน..

ลุกขึ้นจากเตียง เดินแผ่วเบาไปยังประตูห้อง ประตูบานนี้ใช้ระบบปิดแบบลั่นดานโบราณ ไม้สำหรับขัดบานประตูจากภายในวางพิงผนังห้องอยู่ข้างๆ แสดงว่าไนท์ออกไปข้างนอก

ทำไมไม่บอกเราสักคำ..หญิงสาวขบริมฝีปาก หายไปดึกๆแบบนี้กำลังคิดทำบ้าอะไรกันอยู่แน่

ลองผลักประตูออก อย่างระมัดระวัง ประตูไม่ได้ล็อคจากด้านนอก แบบนี้แสดงว่าปีศาจหนุ่มไม่ได้ไปไหนไกล ชะโงกหน้ามอง..ทางเดินด้านนอก มีแสงไฟสลัวเลือนรางหม่นมัวให้ความรู้สึกน่าขนลุกทั้งที่ยังไม่มีภูติผีปีศาจสักตัวปรากฏให้เห็น

แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาสัมผัสบริเวณข้อเท้า.. ก้มลงไปมอง
แมว....แมวตัวหนึ่งกำลังคลอเคลีย.เป็นแมวซึ่งรู้สึกเหมือนเคยเห็นมาก่อน แต่ตอนนี้นึกไม่ออก...รู้เพียงว่าคุ้นๆ เหลือเกิน

เอื้อมมือไปจะลูบหัวแมว หรือคิดว่าจะอุ้มเล่น สัมผัสตัวนุ่มๆขนฟูๆน่ากอดน่าอุ้ม

แต่แล้วเก็ใจหายวาบ

แมวละลายหายไปต่อหน้าต่อตา วมายาภาพ ..,

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน....หญิงสาวรู้สึกใจหาย พยายามคิดทบทวนความทรงจำ ว่าเคยเจอแมวตัวนี้ที่ไหนมาก่อน หากความทรงจำหม่นมัวหมุนวนไปมาราวทะเลคลั่ง

หรือน้องแมวกำลังพยายามบอกอะไรกันเธอ...

หลังจากจ้องมองซ้ายขวาไปมาครู่หนึ่ง พลันเห็นว่าบริเวณทางเดินเลี้ยวลงชั้นล่าง มีคนกำลังเดินมุ่งหน้าไปอย่างรีบร้อน หรือว่านั้นเป็นนักรบปีศาจ เพราะรู้สึกคุ้นๆ แต่อึดใจต่อมาก็แน่ใจ

“ไนท์..”

ร้องเสียงเสียงดัง พลางถลาวิ่งตามไปโดยไม่ทันคิดอะไร แต่พอวิ่งออกไปได้ครึ่งทางหญิงสาวแดนสรวงก็หยุดกึก สะดุ้งสุดตัว ใจหายวาบ เลือดในกายแทบจับตัวกันเป็นก้อน เสียงร้องติดอยู่ในลำคอไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ เมื่อร่างนั้นหยุดเดินและหันหน้ามามอง

นั่นไม่ใช่ไนท์ หากเป็นใบหน้าของใครบางคนซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต ใบหน้าอันแสนน่าเกลียดน่ากลัวยับย่นราวปีศาจร้าย ดวงตาแดงลุกโชนเป็นประกายไฟ น่าสยดสยองยิ่งกว่าฝันร้ายใดๆมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งที่แสงสว่างตามทางเดินสลัวเลือน

ในที่สุดเสียงร้องก็หลุดปากออกมาจนได้ ร้องสุดเสียงด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อร่างร้ายนั่นขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งถาโถมหาหาอย่างเร็วรวด สัมผัสได้ถึงความมุ่งร้ายหมายขวัญอย่างชัดเจนที่สุด เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว

สิ่งปรากฏเห็นในสายตาในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นตายก่อนความรู้สึกจะวูบดับคือร่างของนักรบปีศาจซึ่งไม่รู้ว่าถาโถมมาจากไหน ดาบมารในมือฟาดตัดผ่านร่างปีศาจขาดออกเป็นสองท่อนรวดเร็วปานสายฟ้า ร่างปีศาจร้ายกระเด็นแยกออกไปสองทิศสองด้านแล้วพื้นห้องพลันหมุนคว้างเป็นกังหัน ก่อนดิ่งวูบลงสู่เหวนรกพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนกึกก้องไปทั่วบริเวณ

“เฟรี่..”

เสียงของไนท์ร้องดังเหมือนตะโกนอยู่ข้างหู เฟรี่ผวาขึ้นสุดตัว ใจเต้นแรงจนรู้สึกได้ ความรู้สึกสับสนอลหม่านหมุนวนไปมาในความคิด ครู่ใหญ่จึงเริ่มได้สติ  นี่กลับมาในห้องอีกครั้งได้อย่างไรกัน ไม่ใช่....เริ่มรู้ตัวว่าความจริงไม่ได้ออกไปไหนเลย มันเป็นเพียงความฝัน เพราะไนท์ซึ่งลุกนั่งบนเตียงกำลังจับแขนเขย่าเรียกชื่อไปมา

อากาศเย็นเฉียบ แต่ตัวสั่นและเหงื่อซึมทั่วแผ่นหลัง เป็นฝันร้ายอันน่ากลัวและชัดเจนเหลือเกิน เงยหน้ามองนักรบปีศาจพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

ข้า...ฝันไป”

ในที่สุดก็ฝืนยิ้มและบอกสั้นๆ พยายามระงับสติอารมณ์

“ก็ไม่เชิงหรอก”

ไนท์บอกด้วยเสียงราบเรียบ ปล่อยมือออกจากแขนหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเฟรี่เริ่มสงบลงแล้ว

“ไม่เชิง....”คนฝันร้ายทวนคำ ทำหน้าสงสัยแล้วถามต่อว่า

“หมายความว่าอย่างไร”

“มีปีศาจตนหนึ่ง เฝ้าติดตามเจ้ามาตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว มันพยายามเข้ามาทางความฝันของเจ้าเพื่อหลอกล่อให้จิตของเจ้าออกไปข้างนอก”

“แล้วทำไมไม่บอกข้าแต่แรก” ต่อว่าด้วยเสียงสั่นๆระคนหวาดกลัว มองซ้ายมองขวาเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีแขกไม่ได้รับเชิญมานั่งฟังอยู่ด้วย

“ข้าปล่อยให้มันตายใจ แล้วถือโอกาสกำจัดมันในตอนหลัง..ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ยากจะกำจัดมันคามือ..และไม่อยากให้เจ้ากังวลใจ”

“แล้วทำให้ข้าตกใจแทบตายนี่นะ”

“แต่ข้าก็ช่วยเจ้าทันไม่ใช่หรือ”

“ช่วยข้า.....” เฟรี่ทวนคำอีกครั้ง และเริ่มลำดับภาพความฝันให้เป็นลำดับขั้นตอน ใช่แล้ว...ไนท์โผล่มาจากไหนไม่รู้ ฟันฉับเดียวปีศาจน่ากลัวตัวนั้นก็ขาดเป็นสองท่อน มันเป็นกึ่งจริงกึ่งฝันหรืออย่างไรกัน

“อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นคนเบื้องบน” ไนท์อธิบายต่อไปขณะล้มตัวลงนอนตามเดิม “วิญญาณและเนื้อหนังของเจ้ายังเป็นที่ต้องการของพวกปีศาจนอกรีต พวกมันส่วนใหญ่ไม่กล้าจะลงมือหรอก แต่ก็อาจมีบางพวกไม่คิดหน้าคิดหลัง อะไรบางอย่างทำให้มันจ้องจับเจ้าเอาไปกินอย่างเดียว.บางทีอาจจะมีเหตุผลอย่างอื่นก็เป็นได้ เหตุผลที่ข้าเองก็ยังไม่รู้...”

เฟรี่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเนื้อหอมหวานขนาดนี้
“ไม่เป็นไรแล้ว ข้ารับรอง ทีนี้เจ้าหลับสบายถึงเช้าแน่”

เสียงของไนท์บอกขึ้นอีกเหมือนจะปลอบใจให้คลายกังวล

แต่นางฟ้าตกสวรรค์ดูเหมือนจะไม่ยอมล้มตัวลงนอนง่ายๆ ท่าทางเหมือนค้างคาใจอะไรบางอย่าง นั่งกอดอกชำเลืองมองอยู่เช่นนั้น

“มีอะไรอีกล่ะ” นักรบปีศาจหันหน้ามาถามหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

“เจ้าเอาข้าเป็นเหยื่อล่อปีศาจใช่ไหม...เมื่อครู่น่ะ”

“ใช่..”

“บ้าที่สุดเลย..”

เฟรี่ร้องอย่างขัดใจเมื่อนึกถึงภาพปีศาจร้ายในฝัน จนบัดนี้ยังทำให้ขนลุกไม่หาย

“มีทางเดียวในการล่อให้มันออกมาจากที่ซ่อน คือให้มันเปิดเผยตัวออกมาเอง
ไม่อย่างนั้นมันจะคอยโอกาสจ้องเล่นงานเจ้าตอนเผลอตลอดคืนนี้ และยังไงมันต้องลงมือแน่นอน ให้มันหลวมตัวออกมาเองดีกว่า สำคัญคือข้าปกป้องเจ้าได้”

“ถ้าพลาดล่ะ”

“เจ้าก็ตาย”

“เชื่อเขาเลย”

เฟรี่ฟังแล้วกัดฟันพูดด้วยความไม่อยากเชื่อว่าไนท์จะตอบแบบนั้น แถมตอบแบบเหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไรเลยสักนิด

“ใจเย็นน่า..ข้ารู้ว่าช่วยเจ้าได้ ยังไงก็ไม่ปล่อยให้มันทำอันตรายเจ้าหรอก”

“ก็ดี..ชีวิตข้าในสายตาของเจ้าก็เป็นแค่เหยื่อล่อเท่านั้น..ต่อไปไม่ต้องมาสนใจอะไรข้าอีกก็ได้”

ว่าพลางล้มตัวลงดึงผ้าห่มมาคลุมตัวอย่างขัดอารมณ์ พยายามข่มตาให้หลับ แต่จากฝันร้ายเมื่อครู่ทำให้ประสาทแข็งชาค้างไปเสียแล้ว ได้แต่นอนพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา

แอบมองข้ามหมอนข้าง ดูปีศาจหนุ่มผู้อยู่ในชุดนอนลายดอกไม้ แล้วอดแอบยิ้มไม่ได้ ไม่ว่าดูอย่างไรก็ขัดบุคลิก แต่ก็น่าแปลกว่ายอมแต่โดยดี เห็นร่างนั้นนอนหันหลังให้ คงหลับไปแล้วตามประสาคนหลับง่ายตื่นไวอันเป็นสมบัติของมือสังหาร

“ท่าทางเจ้าจะนอนไม่หลับ”

คนซึ่งคิดว่าหลับไปแล้ว จู่ๆ ก็โพล่งถามขึ้นเฉยๆ เฟรี่พลิกตัวกอดหมอนข้างหันมามองพลางฝืนยิ้มตอบว่า

“ก็.. เพิ่งจะฝันร้ายหยกๆแบบนี้นอนไม่หลับหรอก”

ไนท์พยักหน้าอย่างเข้าใจหันไปมองนอกหน้าต่างซึ่งตอนนี้มีสีดำสนิท ก่อนหันมาบอกว่า

“อีกนานกว่าจะรุ่งเช้า พอถึงรุ่งเช้าเราจะรีบออกเดินทางทันที ทางที่ดีพยายามข่มตาให้หลับจะดีกว่า”

เฟรี่เงียบไปสักพักใหญ่ ทำท่าเหมือนจะหลับไปแล้ว แต่ในที่สุดก็ส่งเสียงเรียกมาอีก

“ไนท์”

“อะไรอีกล่ะ”

“ข้านอนไม่หลับ”

“แล้วไง..”

“เล่านิทานให้ข้าฟังอีกรอบได้ไหม แล้วข้าสัญญาว่าจะหลับโดยดี ไม่กวนใจเจ้าอีกแล้ว”

เอาอีกแล้ว….

นักรบปีศาจยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก ทั้งที่อากาศตอนนี้เย็นเฉียบ ไม่ใช่ครั้งแรกในการถูกขอร้องแบบนี้ แต่ทุกครั้งก็ต้องยอมทุกครั้งเช่นกัน ยอมทำในสิ่งซึ่งไม่ถนัดไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย และไม่เคยทำมาก่อน...มันเพราะอะไรกัน

นางฟ้าคนนี้เป็นคนอย่างไรกันแน่นะ... บางครั้งเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวจนเหลือเชื่อ..บางทีก็ไม่ต่างจากเด็กขาดความอบอุ่น ราวเป็นเด็กเจ้าปัญหา แต่ทุกอย่างกลับผสมผสานลงตัวสร้างสายใยไร้สภาพเกาะกุมจิตใจแนบแน่นโดยไม่รู้ตัว

“ก็เพิ่งเล่าให้ฟังก่อนนอนไปทีแล้ว ยังจะมาฟังอะไรอีก”

ไนท์พยายามต่อรองบ่ายเบี่ยงสุดชีวิต

“ไม่เอา...จะฟังอีก ไม่งั้นข้านอนไม่หลับ”

“ข้านึกไม่ออก”

“ข้าจะฟัง..”

นั่น....มีการดื้ออีก ไม่สนใจเหตุผลของคนนอนข้างๆ เลยสักนิด  

“บอกแล้วว่าข้านึกนิทานไม่ออก”

ข้าจะฟัง..ไม่เล่าข้าก็นอนไม่หลับ”

ว่าแล้วก็ลุกขึ้นนั่งกอดเข่าหน้าตาเฉย ใช้สายตาคมวาวชำเลืองมองมาอย่างคนหาเรื่อง

เห็นแล้วนักรบปีศาจได้แต่ส่ายหน้าให้กับตัวเอง แบบนี้รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น...นักรบปีศาจใส่ชุดนอนลายดอกไม้ มานอนเล่านิทานให้นางฟ้าฟัง เป็นเรื่องยากสุดคาดคิดคำนวน แต่นักล่าปีศาจคงไม่รู้หรอกว่า เมื่อล้มตัวลงบนเตียง ตัวเองได้พาความอบอุ่นพิเศษพิสดารชนิดหนึ่งมาด้วย ความอบอุ่นพิเศษซึ่งทำให้เฟรี่สงบลงอย่างรวดเร็วโดยปราศจากข้อแม้ใดๆ ความอบอุ่นพิเศษซึ่งรับรู้ด้วยใจเท่านั้น ความอบอุ่นซึ่งอยู่ใกล้ๆช้างๆแค่นี้เอง หากมีความหมายมากมาย

ความอบอุ่นซึ่งไม่จำเป็นต้องผ่านทางกาย เพียงพัดผ่านแผ่วทางใจทางความรู้สึกก็เพียงพอแล้ว

“มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่..ก็ได้ก็ได้.”

ไนท์จำยอมแต่โดยดีเพื่อยุติสงครามเย็น เฟรียิ้มออกมาได้ ล้มตัวลงนอนโดยดี

หันหน้ามาหาหรี่ตามองรอฟังนิทาน

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว”

ปีศาจหนุ่มเริ่มเล่านิทานฉุกเฉินสุดชีวิต เพราะรู้ว่าไม่เล่าไม่ได้ อีกฝ่ายไม่มีทางยอมง่ายๆ ทำไมนิทานต้องเริ่มต้นด้วยคำว่า “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว” เป็นเรื่องซึ่งปิศาจนักรบไม่เข้าใจ ว่าทำไมนิทานต้องเริ่มต้นด้วยคำว่า ”กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...จะเป็นว่า “กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี่เอง” ไม่ได้หรืออย่างไร แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเล่านิทานที่คิดขึ้นมาสดๆร้อนๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนเป็นแน่แท้

ไม่นานมานี้ เคยเล่านิทานผ่านผนังห้องกั้นกลางในสภาพปางตาย แต่วันนี้มีเพียงหมอนข้างกางกั้น...แต่ฝั่งฟากของหัวใจล่ะ.อยู่แห่งหนตำบลใดไหนกัน..หมอนข้างกางกั้นให้ห่างกันแค่นี้ แต่เหมือนกลายเป็นเส้นแบ่งนรกกับสวรรค์อันห่างกันแสนไกล


“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว แล้วกาลครั้งนั้นมีอะไรเกิดขึ้น..เล่าต่อไปสิ เงียบทำไม” เสียงของเฟรี่ถามขึ้นมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบหายไปพักหนึ่งจากอาการครุ่นคิดถึงความหลัง

“เอ่อ..ข้าคิดอะไรเพลินไปหน่อย เอาล่ะ เล่าต่อก็ได้ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ได้มีคู่รักคู่หนึ่งแอบหนีลงมาจากโลกเบื้องบน เพื่อลงมาท่องเที่ยวในดินแดนขอบนรกอเวจีแห่งนี้..และก็บังเอิญว่าเวลานั้น ก็มีคู่รักจากโลกเบื้องล่างคู่หนึ่ง แอบหนีออกมาจากนรกเบื้องล่าง  เพื่อจะขึ้นไปเที่ยวยังโลกมนุษย์ ทั้งสองฝ่ายมาเจอะเจอกันโดยบังเอิญ ต่างฝ่ายต่างปิดบังเบื้องหลังของตนเอง และเริ่มสนิทสนมคุ้นเคยกันมากขึ้น ในที่สุดก็กลายเป็นคนกลุ่มเดียวกัน...พากันท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆมากมาย โดยใช้ยานพาหนะของคนจากโลกเบื้องบน เพราะพอออกจากขอบนรก พลังอำนาจของฝ่ายโลกเบื้องล่างจะลดลง”


“เวลาผ่านไป ต่างคนต่างเริ่มรู้จิตใจของตัวเองมากขึ้นทุกที บุรุษหนุ่มจากเบื้องบนเริ่มรู้สึกว่าคนรักของตนความจริงเป็นได้เพียงเพื่อนสนิทเท่านั้น คนที่เขารู้สึกรักขึ้นมาจริงจังกลับเป็นหญิงสาวจากโลกเบื้องล่าง ในขณะเดียวกันบุรุษหนุ่มจากโลกเบื้องล่างกลับถูกชะตากับหญิงสาวจากเบื้องบนมากขึ้น...มากขึ้นทุกทีตามกาลเวลา”

“อะไรกัน..ทำไมเปลี่ยนใจกันแบบนั้น”

เสียงของเฟรี่เอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา แต่น้ำเสียงเริ่มบ่งบอกแววง่วงนอนแล้ว นิทานของไนท์เปรียบเสมือนยานอนหลับชั้นดี เล่าไปไม่เท่าไรก็เริ่มส่งผลอย่างรวดเร็ว

“คนฟังนิทานห้ามแย้ง ต้องฟังแล้วหลับ” ปีศาจหนุ่มทำเสียงดุ แต่คนฟังแอบยิ้มแบบสลืมสะลือ ไม่ต่อปากต่อความอะไรอีก คนเล่านิทานจำเป็นเลยเล่าต่อไป
“ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า ต่างคนต่างรู้ได้ว่า สิ่งที่ตัวเองเคยเข้าใจว่านั้นคือ “ความรัก” แท้จริงแล้วไม่ใช่ความรัก มันอาจจะแตกต่างห่างกันเพียงนิดเดียว..เพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่เพียงนิดเดียวก็เพียงพอแล้วในการจำแนกแยกแยะ เหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง ด้านหนึ่งทาด้วยสีดำ อีกด้านเป็นสีขาว ความจริงแล้วก็ห่างกันเพียงนิดเดียว แต่กลับเป็นสีซึ่งแตกต่างกันคนละขั้ว ดังนั้น เลยกลายเป็นว่า ทั้งสองฝ่ายต่างสอนให้อีกฝ่ายรู้ใจรู้ความรู้สึกรู้ถึงคำว่าความรัก ความค่อยเป็นค่อยไปทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่มีการทะเลาะแว้ง ต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ในที่สุดบุรุษหนุ่มก็คบหาหญิงสาวซึ่งความจริงเป็นถึงธิดาพญายมมาเป็นคนรัก ในขณะที่เจ้าชายแห่งโลกมืด ก็ได้หญิงสาวจากเบื้องบนมาเป็นคนรัก........”


คืนนั้นผ่านพ้น... กับนิทานก่อนนอนซึ่งฟังไม่ได้เรื่องราวนักเพราะคนฟังหลับไปก่อนนิทานจะจบลง... แต่มีความหมายมากพอให้นางฟ้าคนดีหลับได้จนรุ่งสางโดยไม่มีฝันร้ายใดๆมารบกวน

****






....

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 20:12:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com