ดาบสีเงินของผู้กล้าลาเวนเดอร์ชี้ตรงมาที่อิกริดอย่างห้าวหาญแม้ผู้ถือดาบจะเป็นสตรี หากสตรีนางนั้นได้อ้างตนว่าเป็นผู้กล้าเฉกเช่นเดียวกับบุรุษ ชายหนุ่มกำลังสับสนว่าควรทำอย่างไรดี ใจหนึ่งก็อยากได้ดาบเล่มนั้น แต่ใจหนึ่งก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับผู้กล้า
ตามตำนานผู้กล้ากับผู้ถูกเลือกจะต้องร่วมมือกันกำจัดหายนะ เช่นเดียวกับที่เคยเป็นในยุคของผู้กล้าพัวรีนกับเทพีเฟเรซิส ซึ่งหัวหน้าตระกูลผู้ใช้เวทกับคนอื่นๆลงความเห็นว่าเขาจะเป็นผู้ถูกเลือกเป็นหนึ่งในแปดเทพในตำนาน
ตามตำนานผู้ถูกเลือกกับผู้กล้าเป็นคนละคนกันไม่ใช่หรือ อิกริดเอ่ยถาม เขายังจับจ้องไปที่ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบคู่นั้น ไม่แยแสต่อดาบในมือของคู่สนทนา
อย่างไรชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรให้อาลัยอีกแล้วนี่ อิกริดคิด
จะเป็นคนที่ถูกเลือกหรือไม่ ไม่สำคัญ นางตอบ ที่สำคัญคือ ข้าต้องการดาบวิเศษเล่มนั้น! ทางที่ดีเจ้าถอยไปจะดีกว่า ข้าไม่ใช่ผู้กล้าที่ใจกว้างนักหรอก
ถ้าไม่ถอยล่ะ อิกริดตอบด้วยความพยศ
ถ้าเจ้าหยิบมันด้วยมือขวา ข้าจะตัดมือขวา หากเจ้าหยิบมันด้วยมือซ้ายข้าจักตัดมือซ้ายของเจ้าทิ้งเสีย!
ลองดูไหมล่ะ อิกริดพูดอย่างถือดี เห็นอย่างนี้ฝีมือดาบของเขาก็ไม่ใช่เล่นๆเหมือนกัน ด้วยความรั้นและไม่ใช่คนดีแต่พูด อิกริดดึงดาบวิเศษเล่มนั้นขึ้นจากพื้นแล้วชี้มันไปทางผู้กล้าหญิงบ้าง อย่างคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วข้าจะไม่กล้าสู้กับเจ้านะ
เจ้าคิดว่าตัวเองคือใครกัน ข้าคือผู้กล้าคนที่สองของดินแดนนี้นะ!
มันไม่เกี่ยวกันหรอก อิกริดตอบ สิ่งที่เกี่ยวคือข้าเป็นคนพบสิ่งนี้ก่อน
แอนนากระซิบจากด้านหลังว่า ให้นางไปจะดีกว่า
จะให้ใช้กำลังหรือ ข้ามีสายเลือดเดียวกับนักดาบในตำนาน ผู้อยู่เคียงข้างผู้กล้าพัวร์รีนกับเทพีเฟเรซิสนะ! ว่าแล้วนางก็ตั้งต้นขู่เขาต่อ อิกริดรู้สึกได้ถึงบางอย่างจากหญิงสาวคนนี้
ข้าก็มีสายเลือดของผู้กล้าพัวร์รีนอยู่เช่นกัน ไม่เห็นต้องป่าวประกาศเลยนี่ อิกริดตอบ พลางคิดว่าหากนางก้าวเข้ามาหา เข้าจะทำอย่างไรดี
มีเพียงบุรุษหน้าไม่อายเท่านั้นที่แย่งชิงของจากสตรี ผู้กล้าหญิงตอบ
ผู้กล้าไม่มีแบ่งแยกชายหญิงหรอก อิกริดนิ่วหน้า ไหนว่าจะตัดมือข้าอย่างไรละ เข้ามาสิ แล้วจะรู้ว่าเจ้าทำได้จริงๆหรือไม่
ราวกับเขาเพิ่งโยนน้ำมันลงกองไฟ ผู้กล้าสาวค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาโดยไม่ลดดาบ อิกริดร้องอ้าวทันควันคาดไม่ถึงว่านางจะกล้าเข้าปะทะจริงๆ ด้วยฝีมือในเชิงดาบอิกริดไม่เกรงกลัวผู้ใด เพียงแค่ผู้ที่เผชิญหน้ากับเขาเป็นสตรี ซึ่งมีเพียงบุรุษ:-)เท่านั้นที่จะต่อสู้กับผู้หญิงโดยเหตุผลกระจ้อยร่อยแบบนี้
ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ผู้กล้าลาเวนเดอร์หยุดตรงหน้าเขาและแอนนา ดาบในมือของทั้งสองอยู่ใกล้กันจนสามารถเข้าปะทะได้ทันที
เมื่อดาบทั้งคู่ปะทะกันพลันเกิดแสงสว่างจ้า ทั้งอิกริดและลาเวนเดอร์ถูกแรงอะไรสักอย่างพลักลงไปนอนกองกับพื้น ดาบของทั้งคู่ร่วงหล่นราวใบไม้ร่วง แอนนาเข้ามาช่วยพยุงอิกริดให้ลุกขึ้นทั้งที่สับสนอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หยุดก่อน! เสียงทุ้มต่ำก้องกังวานทั่วบริเวณ
กลุ่มก้อนแสงสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นระหว่างพวกเขาสามคน ไม่ถึงอึดใจก้อนแสงก็แปรรูปเป็นชายคนหนึ่ง เส้นผมสีเหลืองทองกับดวงตาสีฟ้าใส เครื่องหน้าแหลมคม เป็นรูปร่างของพัวร์รีน แฟรงค์ ผู้กล้าคนแรกในตำนาน และเป็นตาทวดของอิกริดอีกด้วย
ข้ายอมไม่ได้ที่พวกเจ้าสองคนต่อสู้กัน อดีตผู้กล้าพูดผ่านร่างโปร่งแสงสีนวลตา คนหนึ่งเป็นผู้สืบสายเลือดของข้าเอง อีกคนคือสายเลือดพรรคพวกของข้า หากพวกเจ้าร่วมมือกันแล้วจอมมารก็เป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้น
แล้วภาพของผู้กล้าในตำนานก็หายไปพร้อมกับความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดผู้กล้าพัวร์รีนจึงปรากฏตัวขึ้นแบบนี้ อิกริดคิดว่าเป็นเพราะดาบวิเศษเล่มนั้น บางทีอาจเพราะพวกเขามีชะตาที่จะต้องร่วมมือกันกำจัดจอมมารก็เป็นได้ ภาพจากตำนานจึงปรากฏขึ้นเพื่อกันไม่ให้พวกเขาฆ่ากันตายเสียก่อน
จริงสินะ ที่ว่าเจ้าสืบสายเลือดมาจากผู้กล้าพัวร์รีน ผู้กล้าหญิงลุกขึ้นอย่างอาจหาญ นางครุ่นคิดระหว่างมองอิกริดลุกขึ้น คราวนี้ถือว่าโชคช่วย ข้าจะฝากดาบเอาไว้ที่เจ้าก่อน สักวันหนึ่งข้าจะทวงคือด้วยพลังของข้าเอง ในฐานะของผู้กล้าคนใหม่ของดินแดนนี้
ในฐานะผู้กล้าคนใหม่...หรือ อิกริดก้มลงหยิบดาบวิเศษ คลางแคลงใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด นางไม่ใช่ผู้กล้าที่ได้รับการนับหน้าถือตาหรอกหรือ
ว่าที่ต่างหาก ข้าจะแสดงให้ผู้ชายอย่างเจ้ารู้เอง ว่าผู้หญิงก็มีสิทธิ์เป็นผู้กล้าได้เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ สิ่งที่อิกริดสัมผัสจากนางได้คือความต้องการพิสูจน์ตนเองนั่นเอง นางเหมือนกับเขาตรงที่ไม่มีพลังใดๆ คงอยากแข็งแกร่งขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงไม่ใช่เพศอ่อนแอ
สิ่งนี้เองที่เขายังขาดไป เขาควรขวนขวายหาสิ่งต่างๆให้ตนมากกว่านอนหมอบอย่างหมดหวัง หญิงคนนี้อาจเป็นเพื่อนกับเขาได้ อิกริดคิด
คงไม่ใช่การลาขาดแน่ สักวันข้าจะเป็นผู้กล้าเต็มตัวแล้วขอดาบเล่มนั้นคืน! หญิงสาวพูดแล้วเป่าปาก ม้าตัวหนึ่งควบห้อออกมาจากแนวป่า นางกระโจนขึ้นหลังม้าแล้วควบหนีไปราวสายลม
อิกริดกับแอนนามองตากันด้วยความรู้สึกหลากหลาย ดีใจที่ได้พบผู้กล้า แม้จะเป็นผู้กล้าผึกหัดแต่อย่างน้อยก็ได้เห็นคนที่ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อมวลมนุษย์ด้วยตัวเอง หรืออย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวผู้นั้นจะทำเพื่อยกตัวเองเป็นผู้กล้าหญิงคนแรก
ข้ารู้แล้วแอนนา ว่าข้าจะทำอะไรต่อจากนี้ อิกริดวาดดาบชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า สายตาจับจ้องไปที่ปลายดาบ
จากนี้ไปข้าจะแสวงหาโอกาสและพลังอำนาจ ข้าจะไม่มีวันหยุดพักจนกว่าจะได้รับทั้งพลังอำนาจและชื่อเสียง อิกริดคำรามด้วยความเด็ดเดี่ยว แบบนี้ดีใช่หรือไม่ แอนนา
อย่างนึ้สิจึงจะเข้าท่า
เสียงตอบรับกลับเป็นเสียงทุ้มต่ำเหมือนเสียงผู้ชาย หัวใจของอิกริดแทบหยุดเต้น เพราะผู้พูดเป็นชายร่างใหญ่ หากร่างนั้นเลือนรางเหมือนกระจกแก้ว ใบหน้าของเขาแค่มองผ่านๆอิกริดก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ร่างๆนั้นเป็นของทวดของเขา เวเบอร์ผู้มีดวงตาสีพระจันทร์แดง ผมสีทองยาวสยายพร้อมใบหน้าที่คุ้นเคย
ข้าคือวิญญาณอารักษ์ประจำตัวเจ้า ร่างเลือนรางตอบอย่างแช่มช้า ข้าตื่นขึ้นเพราะดาบของข้าเล่มนั้น อิกริดไม่อยากเชื่อว่าเวเบอร์คือวิญญาณอารักษ์ของตน มากพอๆกับที่ไม่เชื่อว่าเขาปรากฏตัวได้เพราะดาบวิเศษเล่มนี้
อิกริดมองเงาร่างกับดาบสลับกันอย่างช่างใจ ว่าควรเชื่อดีหรือไม่
นั่นวิญญาณของจริงอิง! แอนนาพูดหลังจากนิ่งเงียบมาหลายนาที
ลองถ้าแอนนาพูดแบบนี้แสดงว่าเป็นวิญญาณของเวเบอร์จริงๆ อิกริดคิด
แล้วท่านออกมาด้วยจุดประสงค์ใดหรือ อิกริดใช้ความคิดหาเหตุผลที่บรรพบุรุษปรากฏตัวขึ้นมาดื้อๆ
ช่วยแนะนำ และหาทางให้เจ้ามีพลังมากขึ้นน่ะสิ เวเบอร์ตอบ
พลัง...มากขึ้น
ในอิเดนมีสิ่งของมากมายที่ช่วยให้เจ้ามีพลัง ข้าจะช่วยนำทางไปสู่สิ่งของเหล่านั้น แล้วมาดูกันว่าเจ้าจะเก่งขึ้นได้หรือไม่
ด้วยเหตุใดไม่รู้ได้ น้ำเสียงการพูดทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกหลอกอยู่ ทว่าแอนนาบอกเองว่าเป็นของจริงก็ไม่น่าจะโกหกได้ อิกริดคิด
ดาบเล่มนั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มพูนพลังในตัวได้ แม่สาวคนเมื่อกี้คิดถูกแล้วที่ต้องการดาบวิเศษเล่มนี้ วิญญาณบรรพบุรุษร้องหึในลำคอเบาๆ ข้าจะช่วยให้เจ้าใช้พลังกับสิ่งของต่างๆได้เอง ลองดูก็ได้ ตวัดดาบไปทางภูเขาหินลูกโน้น โดยจินตนาการว่ามีสายลมพุ่งออกมาจากคมดาบ
อิกริดทำตามอย่างว่าง่าย การจินตนาการเป็นเรื่องถนัดของเขาอยู่แล้ว เพียงพริบตาเดียวที่ดาบถูกวาดจากบนลงล่าง ภูเขาหินเบื้องหน้าก็ส่งเสียงครืนครานดังสายอสนีบาต เสี้ยงหนึ่งของผู้เขาหินเตี้ยๆค่อยเคลื่อนตัว และถล่มลงสู่พื้นดินราวถูกมีดตัด ทั้งอิกริดและแอนนาต่างจ้องมองจนตาค้าง ดาบเล่มนี้มีพลังมากขนาดนี้เชียวหรือ
เพราะข้าเคยเป็นเจ้าของมัน จึงรู้วิธีดึงพลังของมันมาใช้อย่างไรละ เวเบอร์พูด เข้าใจเอาไว้เสีย ว่าข้าเท่านั้นที่จะช่วยดึงพลังของดาบเล่มนี้มาใช้ได้
แล้วเราควรทำอย่างไรต่อไป ท่านบรรพบุรุษ แอนนาร้อง นางร่วมดีใจกับอิกริดด้วยที่เริ่มใช้เวทมนตร์ได้แล้ว
แล้วแต่พวกเจ้า...ขอบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ก่อนนะอิกริด ตราบใดที่เจ้ายังคิดพึ่งพาข้าเพื่อใช้พลัง เจ้าต้องกระทำการสิ่งใด หรือตอบคำถามเพื่อให้ข้าพึงพอใจเสียก่อน เข้าใจไหม
ตกลง
อิกริดตอบอย่างไม่คิด ตอนนี้เขาไม่ต่างกับเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่ อยากลองใช้ด้วยตัวเองจนตัวสั่น
หากต้องการข้าก็เอ่ยชื่อ เวเบอร์เพียงคำเดียว เวเบอร์ยิ้มให้ลูกหลานทั้งสองคนก่อนหายตัวไปราวกับเป็นอากาศธาตุ
อันดับแรก เราไปหางานกันดีกว่า ที่ทำการเหมืองอยู่ที่นั่น ไม่นานคนคงกลับมาสักที แอนนาแสดงความเห็น แล้วค่อยวางแผนอันดับต่อไป...
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์กับการทำงานหนักและรวบรวมข้อมูลข่าวสารต่างๆ เนื่องจากเมืองเคียร่าเป็นศูนย์กลางการค้าในแถบนี้จึงไม่ยากที่จะได้ยินเรื่องราวต่างๆ ทั้งที่เป็นและไม่เป็นประโยชน์ อย่างน้อยพวกเขาก็รู้แล้ว ว่าเหล่าปิศาจในแดนปิศาจบริเวณขั้วดวงดาวกำลังรวมตัวกันอย่างมีแบบแผน ราวกับมีผู้นำซึ่งพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเป็นฝีมือของจอมมารตนใหม่ของอิเดน ขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้ยินวีรกรรมของผู้กล้าสาวคนนั้นด้วย ผู้กล้าลาเวนเดอร์ได้เข้าช่วยเมืองต่างๆในสิ่งที่นางสามารถทำได้ อีกไม่นานคงเป็นผู้กล้าอย่างเต็มตัว
ขณะเดียวกันพวกเขาก็เตรียมตัวเดินทางกันพร้อมแล้ว ทั้งเงินตราที่ได้จากการทำงานเหมืองและปศุสัตว์ ทั้งจิตใจของอิกริดที่อยากเก่งขึ้น เป็นส่วนขับดันให้ทั้งคู่เดินทางต่อ หากพวกเขายังคิดหนักไม่รู้ว่าจะเริ่มไปที่ใดก่อนดี ชายหนุ่มจึงเอ่ยชื่อเวเบอร์ขึ้นในที่พักเพื่อขอคำปรึกษา
อยากเริ่มการเดินทางแต่ไม่รู้จะไปที่ใดดีหรือ เวเบอร์ผู้มีดวงตาสีพระจันทร์แดงเอ่ยขึ้น ร่างจางๆคล้ายเงาผีก้าวเท้าไปรอบห้อง ไปน้ำตกแห่งคำสัตย์สิ หากใครได้ดื่มน้ำจากที่นั่นจะได้รู้ความจริงที่ตนอยากรู้หนึ่งอย่าง
น้ำตกแห่งคำสัตย์ สถานที่ในตำนานที่ผู้กล้วพัวร์รีนกับเทพีเฟเรซิสพบรักกันหรือขอรับ อิกริดเกาหัว ไม่คิดว่าสถานที่ในตำนานจะมีอยู่จริง
หากเป็นที่นั่น เจ้าอาจรู้ก็ได้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะได้พลังมา จากนั้นค่อยทำตามวิธีที่ได้รับ แต่ละคนย่อมมีวิธีที่จะมีพลังแตกต่างกัน วิธีของข้ากับวิธีของเจ้าอาจต่างกันก็เป็นได้ เวเบอร์เสริม
แต่จุดยืนของผู้ใช้เวทมนตร์เป็นแบบเดียวกันหมดไม่ใช่หรือ แอนนาค้าน
เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาเหมือนกับคนทั่วไป ตัวมีพลังแค่ไหนยังไม่รู้ตัวเลย
พลัง...ของข้าหรือ คำว่าพลังก้องอยู่ในหัวของอิกริด ความจริงแล้วเขามีพลังอย่างนั้นหรือ แล้วเหตุใดจึงใช้มันไม่ได้เล่า
อย่าเพิ่งเหลิง ทุกคนมีพลังอยู่ในตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวเบอร์ตบบ่าของอิกริดเบาๆเรียกสติกลับมา จำเอาไว้ ว่าข้าเป็นคนเดียวที่จะไขขุมพลังของเจ้าออกมาได้
เป็นเวลาหลายวินาทีที่อิกริดตกอยู่ในภวังค์ประหลาด สายตาจับจ้องไปที่ฝ่ามือของตน กระทั่งแอนนาทำลายความเงียบขึ้น
เป็นอะไรหรือเปล่าอิง ดูเจ้าแปลกไปนะ
ผู้หญิงจะไปเข้าใจอะไร พลังคือสิ่งสำคัญของผู้ชายเชียวนะ
ไม่ใช่เรื่องนั้น! แอนนากระชากเสียง ดูอย่างกับท่านกำลังใช้ชีวิตผ่านอิงอยู่อย่างนั้นละ เป็นไปได้ใช่ไหมที่ท่านจะครอบงำเขาผ่านคำพูด
รอบคอบแต่ยังไม่รัดกุม ถ้าข้าจะทำอะไรคงทำไปตั้งแต่ปรากฏตัวครั้งแรกแล้ว เวเบอร์เลิกคิ้ว จุดหมายของข้าคือทำให้หมอนี่ใช้พลังอำนาจได้ต่างหาก เพราะเขาเหมือนกับผู้กล้าลาเวนเดอร์ มีเลือดของผู้กล้าไหลเวียนอยู่ และสำคัญอย่างยิ่ง มีเลือดของข้ารวมอยู่ในนั้นด้วย
ที่ท่านพูดก็ถูก อิกริดต้องใช้ความเยือกเย็นที่มีหยุดการต่อล้อต่อเถียงระหว่างวิญญาณอารักษ์ของเขากับเพื่อนสาว ข้ากับผู้กล้าลาเวนเดอร์ เราทั้งคู่ล้วนมีสายเลือดเป็นตัวเชื่อมโยงเอาไว้ด้วยกัน ต้องมีวันได้พบกันอีกแน่
อย่างนั้นก่อนข้าจะกลับไปพัก มีอะไรอีกหรือไม่
ช่วยส่งข้าไปเมืองที่ใกล้น้ำตกแห่งคำสัตย์สักหน่อยได้หรือไม่ จะได้ทุ่นเวลา
อิกริดอยากย่นเวลาให้มากที่สุด เขามีสายเลือดของผู้กล้าอยู่ในตัว เขาจะต้องมีพลังอำนาจเพื่อช่วยผู้คน เหมือนกับที่บรรพบุรุษของเขาเคยทำมาแล้ว
อย่างนั้นก็ตอบคำถามของข้ามา เวเบอร์มองอิกริดด้วยแววตาเฉียบคม อิกริดกลืนน้ำลายคาดว่าคงเป็นคำถามที่ยากหนักหนาสาหัสเป็นแน่
เจ้าเคยมีคนรักหรือไม่
ไม่
ด้วยคำถามที่ธรรมดาเกินคาดทำให้ชายหนุ่มตอบตามความจริงโดยไม่ครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายต้องการคำตอบแบบใด เงาร่างยิ้มกริ่มแทบหัวเราะออกมา แล้วก็พ่นคำพูดออกมาสั้นๆก่อนจะหายตัวไป
เดินไปก็แล้วกัน แล้วร่างของเวเบอร์ก็หายไปกับสายลม อิกริดรู้สึกปวดหัวตุบๆไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี กุญแจที่จะทำพลังของเขาออกมาก็เป็นเสียแบบนี้ ดูท่าเขาคงต้องพึ่งเวทมนตร์ของแอนนาไปอีกสักระยะ...
จากคุณ |
:
Lazy return
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.ย. 55 17:50:23
|
|
|
|