เมืองมายา มนตราอลเวง บทที่ 11
|
|
ประตูที่ถูกเปิดออกอย่างแรงกระแทกกับผนังส่งเสียงดังสนั่น สร้างความไม่พอใจแก่เจ้าของห้องจนต้องขมวดคิ้ว หากพ่อมดหนุ่มหน้าตาคมสันนามดีรอสก็ยังคงรักษากิริยาเยือกเย็นเอาไว้ แม้ในใจจะนึกอยากสาปเจ้าชายสามแห่งเฮย์เดนให้กลายเป็นลูกสุนัขน้อยขนฟูดูสักทีก็ตาม
“เจ้าจะทำเป็นเล่นไปถึงเมื่อไหร่” เฟร์นานโดกล่าวเสียงดังพร้อมกับกระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะตรงหน้าดีรอส ผู้ใช้อาคมเพียงเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายพร้อมกับขยับยิ้มบาง
“ท่านหมายถึงอะไร”
“อย่ามาทำเฉไฉ” น้ำเสียงของเจ้าชายแทบจะกลายเป็นคำราม “คิดว่าข้าไม่รู้หรือ ว่าเจ้ากำลังทำการทดลองเวทมนตร์ไร้สาระอะไรอยู่ แทนที่จะทำตามคำสั่งของข้าอย่างจริงจังให้สำเร็จลุล่วงไปโดยเร็ว”
ดวงเนตรเขียวตวัดมองตุ๊กตารูปสัตว์ประหลาดที่วางเรียงรายอยู่ข้างโต๊ะ โดยไม่คาดคิด...เจ้าชายพลัดถิ่นสะบัดมือกวาดมันตกลงพื้นไปเกือบทั้งแถบ เรียกสายตาวาวโรจน์จากจอมเวทได้ราวกับเพลิงปะทุ
“ข้าลงทุนกับเจ้าไปมาก รีบทำงานให้คุ้มค่าจ้างเสียที”
ทันทีที่ตุ๊กตานับสิบตัวตกถึงพื้น หนึ่งในนั้นพลันขยายร่างจนเติบใหญ่ หนวดสีม่วงคล้ำน่าสะอิดสะเอียนมากมายตวัดรัดเจ้าชายแห่งเฮย์เดนแล้วโยกยกเขาจนตัวลอยศีรษะห้อยไม่น่าดู
พ่อมดนอกรีตจ้องมองเจ้าชายสามที่กำลังร้องเสียงหลงในอ้อมกอดสัตว์อสูรของเขาอย่างยิ้มเยาะ
“อย่าเข้าใจผิดคิดอะไรไปเองสิเจ้าชาย คิดว่าทรัพย์สินมากมายที่เจ้าประเคนมาโดยไม่มีใครขอ จะมีความหมายอะไรกับจอมเวทอย่างข้างั้นหรือ”
สัตว์ประหลาดหดร่างลงกลับเป็นตุ๊กตาตามเดิมโดยประคองให้ฝ่าบาทของเฟร์นานโดได้เหยียบลงบนพื้นอีกครั้ง เขายืนจ้องผู้ใช้อาคมด้วยสายตาโกรธเคืองในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่นึกสมเพชอยู่ในใจ
“จริงอยู่ที่ว่าข้าอาจไม่ได้รีบทำตามความประสงค์ของเจ้า เอาแต่ทดลองเวทมนตร์ใหม่ ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ตอนอยู่ใต้เงาของกิลด์เมสทิค แต่จำเอาไว้เฟร์นานโด ข้าไม่สนเงินทองทรัพย์สินของเจ้าเลยแม้สักนิด ถึงมันจะช่วยให้ข้าได้อยู่สุขสบายขึ้นก็เถอะ หากที่ข้ายอมรับงานเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนอันน้อยนิดของเรา ดังนั้นอย่ามาชี้นิ้วสั่งข้าว่าต้องทำอะไร ถ้าอยากให้งานเดินไวนักล่ะก็...ลองลงมือเองเสียเลยสิ แล้วข้าจะยอมสนับสนุน”
เจ้าชายหนุ่มรูปงามยืนจ้องหน้าพ่อมดแน่วนิ่งก่อนเอ่ยด้วยเสียงลอดไรฟัน
“ได้...คราวนี้อย่ากลับคำก็แล้วกัน”
*/*/*/*/*
เจ้าหญิงใหญ่แห่งเรสทอเรียรู้สึกยินดีปรีดาที่เจ้าชายรัชทายาทหายประชวรจนแทบอยากจะจัดงานเฉลิมฉลองพร้อมกับป่าวประกาศออกไปให้ทั่วแดน หากไม่ติดที่ภาคหนึ่งของอาณาจักรกำลังประสบปัญหาอุทกภัยและได้พ่อมดช่วยรั้งสติเอาไว้เสียก่อน
“ยังไม่รู้ว่าใครคือคนร้าย อย่าเพิ่งแพร่งพรายเรื่องของเจ้าชายดีกว่านะครับ”
ถึงจะอึดอัดขัดใจที่ไม่อาจบอกใครอยู่บ้าง แต่สการ์เล็ตก็คิดว่ามีเหตุผลพอให้รับฟัง
“หลังจากองค์รัชทายาทต้องคำสาป ท่านซึ่งเป็นรัชทายาทลำดับที่สองก็ถูกปองร้าย ในเมื่อเรายังไม่อาจเจาะจงแน่ว่าเป็นใคร รวมถึงจุดประสงค์แท้จริงที่คิดทำลายพวกท่าน ดังนั้นหากจำกัดเป้าหมายเอาไว้ที่เจ้าหญิง อาจง่ายกว่าในหลายด้าน ไม่ว่าการเตรียมรับมือหรือป้องกันอันตรายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น”
“พูดง่าย ๆ ก็คือจะใช้สการ์เล็ตเป็นเหยื่อล่อ” อัลเบิร์กเอ่ยพลางละสายตาจากคาอิลไปยังน้องสาว
“อาจไม่ดีต่อเจ้าหญิง แต่คงต้องบอกตามตรงว่าเป็นเช่นนั้น”
คำตอบของพ่อมดเรียกสายตาเจ้าชายให้หันกลับไปมอง เขาซ่อนรอยเคลือบแคลงเอาไว้หลังม่านตาสีทับทิม ยังไม่วางใจในตัวผู้ใช้เวทคนนี้เสียทีเดียว
นอกจากดวงตาสีประหลาดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมหงอกขาวกับผิวซีด ๆ ที่เรียกได้ว่าแทบจะไร้สีเลือดรวมถึงนิสัยใจคอนั้นช่างแตกต่างอย่าสิ้นเชิงกับบุคคลในความทรงจำตามคำบอกเล่าของสการ์เล็ต แต่ไม่ใช่กับเขา
อัลเบิร์กต่างจากน้องสาวตรงที่ไม่ได้ลืมเรื่องราวในวันสุดท้ายที่คนคุ้นเคยยังคงอยู่ และเวลากว่าเก้าปีนั้นก็ยาวนานพอจะทำให้ใครคนหนึ่งเปลี่ยนแปรไป ยิ่งเมื่อเหลือความรู้สึกสุดท้ายที่มีต่อกันได้ไม่ดีนัก
ไม่สิ...เรียกว่าเลวร้ายมากจึงจะถูกกว่า
“ข้าไม่มีความขัดข้องอันใดหรอกค่ะท่านพี่ แต่อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้พวกเราต้องเดินทางไปตรวจการณ์เขตอุทกภัย ท่านพ่อท่านแม่ก็ยังกลับไม่ได้ แล้วท่านจะแกล้งประชวรต่อไปอย่างไร เราจะไว้ใจให้ใครดูแลความปลอดภัยของท่านได้คะ”
เจ้าชายรัชทายาทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางดำริว่าใครเป็นพี่กันแน่ แต่นิสัยช่างเป็นห่วงเช่นนี้ก็มีมานานแล้วนี่นะ...ตั้งแต่ตอนนั้น
“ข้าจะทิ้งตัวแทนเอาไว้ให้เองครับ”
พ่อมดกล่าวพลางสะบัดตุ๊กตาออกไปกลางอากาศ จากกระดาษพลันกลายเป็นบุรุษรูปร่างกำยำล่ำสันในชุดทหารสี่นาย
“ถึงพวกเขาจะเป็นเพียงตุ๊กตาที่สร้างจากเวทมนตร์ แต่ไม่ถูกทำลายได้ง่ายดายนักหรอกครับ วางใจได้”
พ่อมดขยับยิ้มกว้าง อัลเบิร์กพยักหน้าพลางกวาดมองนายทหารทั้งสี่ ความที่แฝงนัยประโยคนั้นอยากบอกว่าพวกเขาเหล่านี้จะมาเป็นผู้คุ้มครองหรือผู้คุมกันแน่เล่า
ดวงเนตรคมละจากตุ๊กตาเสกพลางดำรินึกตรึกตรองในใจ ไม่ว่าเขาจะเคยพลาดท่ามาแล้วครั้งหนึ่งหรืออย่างไรก็ตาม แต่รัชทายาทแห่งเรสทอเรียผู้นี้ก็ไม่สิ้นไร้หนทางเสียทีเดียวหรอกน่า
ฝ่ามือใหญ่หนาจึงประทับลงบนบ่าบอบบาง ดวงตาสองคู่ที่คล้ายคลึงกันอย่างมากสบประสานกันแน่วนิ่ง
“ไปเถอะ ไม่ต้องห่วง ข้าอยู่ทางนี้จะหาวิธีช่วยอีกทางหนึ่ง และหวังว่าเมื่อเจ้ามีผู้ติดตามที่ดีก็ย่อมจะปลอดภัยไร้อันตรายมาแผ้วพานเช่นกัน”
ท้ายประโยคดวงเนตรคมปลายไปยังบุคคลที่ยืนเยื้องอยู่เบื้องหลังเจ้าหญิง เขาส่งยิ้มมุมปากให้นิดหนึ่งก่อนเบนสายตากลับมายังน้องสาว
“ท่านเฟร์นานโดอาสาจะไปกับเราด้วยค่ะ”
พึ่งไม่ได้...นั่นเป็นความคิดแรกที่แว่บเข้ามาในใจเจ้าชายแห่งเรสทอเรีย
อัลเบิร์กจัดแจงเขียนสาส์นขึ้นมาฉบับหนึ่งหลังจากน้องสาวกับผู้ติดตามกลับไปแล้ว เขาหยิบใบไม้แห้งที่สอดแทรกอยู่ในสมุดส่วนตัวซึ่งฝากสการ์เล็ตให้นำมาจากห้องของตน พิจารณาลวดลายอักขระบนใบไม้อยู่ครู่หนึ่งพลางคิดว่ามันยังใช้ได้อยู่ใช่ไหม หากที่สุดแล้วก็ตัดสินใจเขวี้ยงใบไม้แห้งนั้นออกไป เพียงปลิวพลิกใบพลันกลับกลายเป็นนกน้อยสีเทาตัวหนึ่ง
เจ้านกอาคมบินกลับมาเกาะบนท่อนแขนแล้วจ้องมองเขาพลางกะพริบตาปริบ ๆ ราวกับจะบอกว่ามีธุระอันใดก็รีบจัดการให้ไว เจ้าชายจึงไม่รอช้าม้วนสาส์นแล้วสอดใส่กระบอกที่ผูกกับขาของมัน เขากล่าวกระซิบคำสั้น ๆ สั่งเจ้านกให้กลับไปหานายที่แท้จริง
แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 55 03:30:33
จากคุณ |
:
AMA-chun
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ก.ย. 55 03:26:41
|
|
|
|