บทที่ 5
แม้ว่าอุณหภูมิในห้องทำงานจะเย็นเฉียบถึงยี่สิบสององศาเซลเซียสด้วยการทำงานของเครื่องปรับอากาศ หากแต่ไม่สามารถดับความร้อนใจของผู้บริหารระดับสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมในห้องได้เลยแม้แต่น้อย เป็นเวลานับกว่าสิบนาทีแล้วที่เขาไม่สามารถตั้งสมาธิกับการทำงานได้เนื่องจากเรื่องเดิมๆที่ย้อนวนไปมาในหัว
เพราะเธอคนเดียว!
ใบหน้าน่ารักมากกว่าสวยนั้นย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง ใบหน้าที่นึกทีไรก็เห็นแต่ความจองหองและความโกรธเคืองอยู่ในนั้น เนตรนภิสไม่เคยยิ้มให้กับเขาแม้แต่ครั้งเดียว เรื่องนี้มันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนักเพราะเธอคงโมโหที่เขาเล่นเอาไว้เยอะ
แต่ตอนนี้เธอผู้ไม่เคยยิ้มให้กันกลับตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเขา ด้วยเหตุผลที่เธอเองก็ไม่สามารถบอกเขาได้
เพื่ออะไร!
เจนภพถอนหายใจเพื่อระบายความหงุดหงิด นี่เขาเก็บเอาเรื่องนี้มาคิดได้สามวันแล้ว จะคุยกับผู้เป็นบิดาก็คุยไม่ได้สักทีเพราะไปติดต่องานที่จีน ตามกำหนดบอกว่าจะกลับมาถึงไทยวันนี้ช่วงเที่ยงๆ ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาฝาผนังทันที
บ่ายสามโมง
เจนภพคว้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาในมือทันที เขาต้องคุยกับเจษฎาให้รู้เรื่องให้ได้ภายในวันนี้ หมายให้เนตรนภิสหน้าแหกที่ไม่ได้แต่งงานกับเขาตามที่เลือกไว้
ว่าไงเจน
พ่อเหนื่อยอยู่หรือเปล่าครับ เจนภพชั่งใจชั่วครู่ก่อนเอ่ยคำถามแสดงความห่วงใยตามมารยาท รู้ดีว่าการที่เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลแล้วต้องไปทำงานต่อในช่วงอายุที่มากแล้วไม่ใช่เรื่องสบายๆเลย
ก็นิดหน่อย แต่ก็ยังดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ
พอได้ยินเสียงอ่อนโยนจริงใจของบิดา เจนภพก็สะท้อนใจแว่บขึ้นมาเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะรีบถามสิ่งที่หมายรู้ให้ได้ทันที
น้อยหน่าอะไรนั่นรับปากกับพ่อแล้วเหรอครับว่าเขาจะแต่งงานกับผม
ทำไม ไปเจอเขามาเหรอ
เสียงคนถามปนความฉงนอย่างชัดเจน
ใช่ และก็บอกว่าจะแต่งกับผม เขาไม่ได้พูดจริงใช่ไหมครับพ่อ เขายังไม่ได้คุยกับพ่อใช่ไหม
ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เจษฎาจะตอบคำถามนับเป็นช่วงที่เจนภพลุ้นมากที่สุด
ถ้าเขาพูดแบบนี้กับลูกก็เหมือนพูดกับพ่อแล้วเช่นกัน
เจนภพเผลอผลุดลุกขึ้นยืนด้วยความลืมตัว ถ้าพ่อพูดแบบนี้ก็หมายความได้อย่างเดียวเท่านั้น
เขาตกลง พ่อตกลง แล้วคิดว่าผมจะตกลงเหรอ ทำไมพ่อถึงให้สิทธิ์ในการเลือกกับเขาว่าจะแต่งงานกับผมไหม ทำไมไม่ถามผมล่ะครับว่าอยากจะได้เขาเป็นเจ้าสาวหรือเปล่า
ชายหนุ่มพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างเต็มที่อย่างรู้ดีว่าการขึ้นเสียงกับบุพการีแม้จะโมโหเท่าใดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำเลยแม้แต่นิดเดียว
ถ้าอย่างนั้นพ่อก็ให้ลูกเลือกก็ได้
คราวนี้เจนภพยืนเท้งในท่าเดิม อึ้งกับคำพูดของบิดาที่กลับไปมารวดเร็วราวกับพายุหมุน
ถ้าพ่อพูดแบบนี้ก็หมายความว่าเขาเลือกที่จะไม่แต่งงานได้...
ชายหนุ่มเห็นแสงปลายอุโมงค์ก่อนรีบกล่าว
ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่แต่งงานกับเขานะครับ
เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ลูกจะไม่ได้รับมรดกจากพ่อแม้แต่อย่างเดียว
เงื่อนไขในทางเลือกที่พ่อเสนอมาอย่างง่ายดายนั้นทำให้เจนภพหงุดหงิดหนัก ก่อนจะพยายามควบคุมโทนเสียงให้เรียบแล้วถาม
พ่อ... พ่อกำลังคิดอะไรอยู่
เจนอาจจะไม่เคยรู้ว่าพ่อแม่เขากับพ่อเคยเป็นเพื่อนกัน และพ่อของน้องน้อยหน่าเองก็เคยช่วยพ่อเอาไว้เยอะมาก มันเป็นเรื่องของบุญคุณที่พ่ออยากตอบแทนกับน้อยหน่าเขา
ถ้าอย่างนั้นก็ไปตอบแทนน้อยหน่าสิครับ อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยว
เจนภพเผลอกำโทรศัพท์แน่น เพิ่งรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงที่ดูฐานะแค่ปานกลางนั่นกลับกลายเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อเขา หากแต่ก็น่าสงสัยว่าทำไมเพื่อนพ่อที่กำลังพูดถึงอยู่คนนี้เขาถึงไม่เคยเห็นหรือได้ยินพ่อพูดถึงเรื่องลูกสาวของเขามาก่อน
แล้วเพื่อนพ่อคนนี้นี่คนไหน เขาเป็นใคร
ลูกเคยเจอเขาตอนเด็กๆ เขาเป็นลูกของเพื่อนสนิทที่สุดของพ่อ
แล้วไหนล่ะ เพื่อนพ่อคนไหน ปกติผมก็รู้จักลูกของเพื่อนพ่อทุกคน
ปลายสายถอนใจยาวจนได้ยินอย่างชัดเจน คำตอบนั้นแฝงด้วยน้ำเสียงอาวรณ์และชวนใจหาย
เขาเสียนานแล้ว
เจนภพเผลอไพล่คิดไปถึงหญิงสาวท่าทางอวดดีพร้อมอดนึกสงสารเพียงชั่วครู่เมื่อได้ยินเรื่องบิดาของเธอ แต่แล้วก็รีบกลับมาร่ายเหตุผลต่อโดยเร็ว
แล้วทำไมบุญคุณที่ว่าต้องเป็นการแต่งงานล่ะครับ มันดูไม่มีเหตุผลถ้าให้ผมพูดตรงๆ
คราวนี้บิดาผู้ถูกถามเงียบไปนานนับสิบวินาทีทีเดียว ขณะที่คนรอฟังก็นั่งลงแล้วปล่อยให้เวลาในโทรศัพท์ไหลไป ถ้าไม่นับเรื่องเที่ยวกลางคืนและเลี้ยงเด็กพริตตี้อะไรนั่นแล้ว เขารู้ดีทีเดียวว่าพ่อเป็นคนมีเหตุผลมากมายเพียงใดเมื่อดูจากการทำงานแต่ละอย่างของท่าน
ขอโทษนะเจน แต่เรื่องนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกเจน
แล้วเมื่อไรล่ะครับ
ความเงียบปกคลุมโทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนที่คนเป็นพ่อจะตัดสินใจใช้ไม้อ่อนขั้นสุดท้าย รู้ดีว่าถ้าหากเขาตอบเหตุผลที่แท้จริงกับลูกชายไป ความสัมพันธ์พ่อลูกที่ดีขึ้นมากจากเมื่อสิบปีที่แล้วย่อมพังสลายภายในช่วงคำพูดเดียวแน่นอน
พ่อยังเล่ามันไม่ได้จริงๆ เจน... พ่อไม่เคยขอร้องอะไรเจนมาก่อนในชีวิต และพ่อก็สัญญาว่านี่จะเป็นคำขอครั้งสุดท้ายของพ่อเช่นกัน แต่งงานกับเขา... เพื่อให้พ่อได้รู้สึกว่าพ่อทำตามคำสัญญาที่เคยทำไว้กับพ่อของหนูน้อยหน่า ได้ตอบแทนบุญคุณ แล้วก็แทนคำขอโทษที่พ่ออยากจะให้กับครอบครัวนั้น พ่อจะไม่ขออะไรจากเจนอีกเลย ได้ไหม ทำเพื่อพ่อสักครั้ง
น้ำเสียงอ่อนแรงของพ่อที่กำลังขอร้องเขามันชวนใจหายยิ่งนัก เขาเกือบจะตอบตกลงไปเพื่อให้พ่อได้สบายใจขึ้นชั่วขณะหากแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ขึ้นมาอีกครั้งว่าบุญคุณนั้นมันยิ่งใหญ่และหนักหนาเพียงใดกันจนเขาต้องยอมแลกชีวิตโสดกับการแต่งงานที่ไม่ได้มาจากความรักนี้
ว่าไงลูก
คราวนี้เจนภพกลับสงบนิ่ง เงื่อนไขที่ว่าหากเขาไม่ยอมแต่งงานกับเนตรนภิสแล้วจะไม่ได้มรดกแม้แต่แดงเดียวกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นแล้วสมบัติที่พ่อสร้างมากับมือจะไปอยู่ที่ไหนกัน ในมือของเธอคนนั้นหรอกหรือ?
ไม่มีทาง เนตรนภิสผู้หยิ่งและจองหองนักหนาไม่มีทางที่จะได้สมบัติที่เขาควรได้เป็นอันขาด
ในเมื่อพ่อไม่เคยกำหนดว่าถ้าหย่าแล้วจะเป็นอย่างไร ถ้าอย่างนั้นแต่งแล้วค่อยหย่าก็ได้!
ทางออกของปัญหานี้ก็เพียงแต่เล่นตามเกมไปแล้วค่อยหักเลี้ยวเอาตอนท้าย... มันจะยากอะไรนักหนา
พ่อว่าไงก็ตามนั้น
จริงเหรอเจน ขอบคุณนะลูก ขอบคุณจริงๆ ว่าแต่จะนัดวันไปพบหลวงอาขอฤกษ์เลยไหม เดี๋ยวพ่อโทรไปหาให้
หลวงอาที่ว่าคือน้องชายแท้ๆของพ่อที่ละเรื่องทางโลกตัดสินใจเข้าร่มกาสาวพัสตร์ตลอดชีวิตหลังจากที่ทำงานกับทางอภิทักษ์ได้นับยี่สิบปีจนรู้สึกอิ่มตัว เจนภพนึกแล้วก็หน่ายขึ้นมา หลวงอาที่เขาชอบไปนั่งสนทนาธรรมด้วยบัดนี้กลายเป็นผู้กำหนดฤกษ์งามยามดีของอัปมงคลสมรสนี่ไปเสียแล้ว
ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนัดวันเอง
แล้วก็วางคอนเซ็ปต์งานแต่งอะไรกันไปเลยนะ พ่อให้สิทธิเต็มที่
ครับ
ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเจนกลับมาถึงบ้านเราค่อยคุยกันละกันนะลูก พ่อขอบคุณมากจริงๆ
ครับ ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนจะถอนหายใจแล้วขยับเก้าอี้บุหนังหมุนไปทางบานกระจกใสข้างหลัง ดวงตาเรียวกวาดมองตึกสูงวิวพาโนรามาช่วงบ่ายคล้อย แสงแดดส่องทะลุมู่ลี่ดีไซน์สวยมากระทบใบหน้าจนต้องหลับตาชั่วครู่ ในความคิดไม่เห็นอะไรอย่างอื่นนอกจากภาพจินตนาการถึงใบหน้าของเนตรนภิสที่เคยอวดดีกลับซีดเผือดลงเพียงเพราะการแต่งงานในฝันกลับต้องมาสลายเพราะเขาขอหย่าในเวลาเพียงแค่สามวัน!
ถ้าเวลานั้นมาถึงเมื่อไร... เขาจะแสยะยิ้มให้เธอจากใจจริง
นิ้วเรียวที่กำลังเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือหารายชื่อผู้ติดต่ออยู่หยุดกึกทันทีเมื่อมาถึงโหมดตัวที เนตรนภิสมองชื่อเพื่อนสนิทที่สุดอย่างชั่งใจหนัก เธอคิดมาตั้งแต่สองคืนที่แล้วว่าอยากจะโทรนัดธนาธรออกมาแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังในวันอาทิตย์ แต่เมื่อเช้าวันนี้มาถึงจริงๆ เธอกลับได้แต่จ้องชื่อกับเบอร์โทรของเขาแล้วก็เลื่อนผ่านไป แล้วก็กดออกไปหน้าจอเมนู แล้วก็กดกลับเข้ามาโปรแกรมสมุดโทรศัพท์ใหม่ เป็นอย่างนี้เกือบสิบรอบจนเธอเริ่มนึกกระดากตัวเองที่ไม่กล้าพอ
เพียงเพราะดวงหน้าหล่อดูดีนั้นแสดงความเหยียดเธอเต็มที่ เพียงเพราะรู้ว่าพ่อเขาเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเธอ เพียงเท่านี้เธอก็ตัดสินใจแต่งงานกับเขาแล้ว
เนตรนภิสรู้สึกลมจะใส่ขึ้นมากระทันหัน ความคิดที่ว่าแต่งงานแล้วต้องทนเห็นหน้ากันทุกวัน ต้องย้ายไปอยู่บ้านเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน บนเตียงเดียวกัน และ... อะไรอะไรกัน
แค่คิดก็ขนลุก!
ทำไมตอนนั้นเธอถึงไม่คิดกันนะ... ไม่สิ คิดแล้ว แต่เพราะว่าความโมโหมันบังตา ความบ้าที่อยากค้นความจริงมันบังระบบการคิดทุกอย่าง มันไม่มีเหตุผลจริงๆอย่างที่เจนภพว่าเอาไว้
หรือว่าเธอควรจะกลับคำดี
ใช่... ถ้าแค่อยากรู้ความจริง เธอไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องเข้าไปอยู่บ้านเดียวกันแล้วยอมลงทุนขนาดนั้นเสียหน่อย แค่จ้างนักสืบดีๆสักคนแล้วก็นั่งรอรับผลสบายๆ
น้อยหน่า... เธอมันโง่!
พอนึกได้ดังนั้นหญิงสาวก็เอนตัวล้มลงไปซบหมอนอิงบนโซฟานุ่ม กวาดตามองตั้งแต่เพดานจนรอบห้องรับแขกโทนสีขาวไข่ไก่สะอาดนี้ก็เห็นแต่ข้าวของของแม่... เธอจะทิ้งที่นี่ไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อที่ที่มีแต่ความทรงจำของแม่แห่งนี้คือที่ที่เธอตัดสินใจจะอยู่ไปตลอดชั่วชีวิต
ความคิดหุนหันพลันแล่นกลับเข้ามาอีกครั้ง เธอเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์หมายจะค้นประวัติการโทร หากแต่เสียงเรียกเข้าก็ดันดังขึ้นมาเสียก่อน เธอมองดูหน้าจอก็พบกับเบอร์แปลกที่บัดนี้เริ่มคุ้นกับเลขเพราะความสวยของมัน
สวัสดีค่ะ
ผมเอง เจน ปลายสายตอบเสียงห้วนเสียจนเนตรนภิสนึกหมั่นไส้ แม้จะเป็นการพูดชื่อเล่นของตัวเองก็ตามแต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกน่ารักไปด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว
ค่ะ ฉันตั้งใจจะโทรหาคุณอยู่พอดี
จะโทรมาทวงคำตอบหรือไง
เปล่าค่ะ เนตรนภิสปฏิเสธไปซื่อๆ พลางนึกถึงหน้าของเขาที่กำลังจะลิงโลดภายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเพียงเพราะว่าเธอเลือกที่จะปฏิเสธการตัดสินใจโง่ๆของตนเอง
เอาเถอะ นั่นมันเรื่องของคุณ แต่ผมมีธุระด่วนที่ต้องพูด รีบเตรียมตัวให้พร้อม อีกชั่วโมงนึงผมจะไปรับที่บ้านคุณในซอยอาบอบนวดเถื่อนนั่น
เนตรนภิสเผลออ้าปากหวอออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่เขาจะบุกมาที่นี่...
แล้วดูเธอตอนนี้
เสื้อกีฬาสีสมัยมัธยมสีแสดสะท้อนแสงปลายแขนขาดเป็นรู กางเกงขาสั้นที่สีตกกระดำกระด่าง ชุดกุ๊ยอยู่บ้านที่เธอมักจะใส่เสมอในวันอาทิตย์เนื่องจากไม่มีสอนพิเศษและอยู่บ้านนั่งทำงานแปลส่งสำนักพิมพ์เท่านั้น
หญิงสาววิ่งขึ้นห้องนอนทันทีพร้อมๆกับถามไปด้วย
มาทำไมคะ
ก็บอกว่าไปรับไง
รับ? รับไปไหน ฉันไม่อยากออกไปไหนวันอาทิตย์ค่ะ
คุณต้องไป เพราะวันนี้เป็นวันเดียวที่ผมว่าง คุณไม่มีสิทธิ์เลือกวันอื่น ปลายสายใส่มาเป็นชุดในระหว่างที่เนตรนภิสกวาดสายตาหาชุดที่พอเป็นผู้เป็นคนในตู้เสื้อผ้า ขณะที่ยังไม่ได้ตอบถึงจุดหมายปลายทางว่าจะพาไปไหน
แล้วจะไปไหน
จะไปไหนเดี๋ยวก็รู้เอง แต่งตัวให้เรียบร้อย เตรียมตัวดีๆแล้วรออยู่ที่นั่น เลี้ยวเข้าซอยเมื่อไรจะโทรเรียกให้ออกมา
เจนภพตัดสายไปโดยที่เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดตอบรับขณะที่มืออีกข้างคว้าเอาเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงยีนส์เข้ารูปขายาวออกมา สายตาจับจ้องไปยังดวงหน้าสวยอ่อนโยนในกระจกที่มองกลับมา ขณะนี้หน้าเธอแสดงให้เห็นอารมณ์ว้าวุ่นปนกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เนตรนภิสแต่งตัวใหม่เสร็จแล้วก็แต่งหน้าเพิ่มแค่เพียงบางเบาเท่านั้นก่อนจะนั่งจ้องโทรศัพท์ตนอย่างครุ่นคิด
เธอต้องเขาให้ได้ว่าจะไม่เล่นเกมวิวาห์บ้านี่แล้ว...
ยังไม่ทันจะถึงชั่วโมงดี เบอร์เดิมก็โทรเข้าอีกครั้งบอกให้ไปยืนรอหน้าบ้าน เนตรนภิสคว้ากระเป๋าสะพายข้างใบเล็กแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกไม่กี่นาทีแล้วที่เธอจะเป็นอิสระจากเขาอย่างแท้จริง
เจนภพทวีความขุ่นเคืองใจหนักเมื่อเห็นป้ายขนาดใหญ่เป็นภาพสาวน้อยในชุดวับๆแวมๆอย่างชวนปลุกเร้าอารมณ์หน้าสถานบันเทิงกาแล็กซี่ รถยุโรปหรูเลี้ยวเข้าซอยเล็กด้านข้างที่เต็มไปด้วยผับช่วงต้นๆแล้วค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นย่านคนอาศัย นึกเล่นๆอย่างไม่รู้ว่าคนแถวนี้ทนได้อย่างไรกับความเถื่อนและเสื่อมโทรมของสถานที่อโคจรตรงทางเข้า จนกระทั่งรถแล่นจนเกือบปลายซอยก็เห็นหญิงสาวแต่งตัวทะมัดทะแมงที่ดูแล้วรู้เลยว่าเป็นใครอยู่ตรงหน้าบ้านหลังขนาดพอเหมาะสำหรับครอบครัวเล็กๆ ก่อนที่จะค่อยๆจอดเทียบช้าๆแล้วหยุดนิ่ง คนขับรถนามลุงประสิทธิ์กดเปิดกระจกด้านคนขับทั้งเบาะหน้าและหลัง หญิงสาวยกมือไหว้เขาอย่างอ่อนน้อมก่อนจะเหลือบตามองผู้เป็นนายตัวจริงของคนที่เธอเพิ่งไหว้ไป เจนภพทอดสายตาไม่พอใจออกมาจากในรถขณะกล่าวเสียงห้วน
รีบๆขึ้นมา
เนตรนภิสเดินอ้อมไปขึ้นรถจากอีกฝั่งแล้วนั่งตัวลีบให้ติดประตูและห่างให้มากที่สุดจากชายหนุ่มเจ้าของรถที่วันนี้แต่งกายดูลำลองนั่งหน้าตึง รถเข้าเกียร์หลังถอยออกช้าๆพร้อมกับเจนภพที่พูดต่อทันทีเมื่อเห็นท่าทางดูรังเกียจเดียดฉันท์กันเหลือเกิน
นั่งติดประตูขนาดนั้นเดี๋ยวก็หลุดออกไปหรอก
คุณจะพาไปไหน คนถูกเตือนไม่สนใจกลับถามต่อ
ดูฤกษ์แต่งงาน
หา! แต่งงานเหรอคะ! เนตรนภิสเผลอร้องลั่นขณะที่คนตอบถึงกับสะดุ้งขึ้นมา
แล้วจะตกใจอะไร คุณเรียกร้องเองไม่ใช่หรือไง แล้วทีนี้มาร้องทำไม
หญิงสาวเบิกตากว้างโดยไม่คาดคิด นี่เขาตกลงยอมรับการแต่งงานแล้วอย่างว่าง่ายในขณะที่เธอกำลังจะกลืนน้ำลายตัวเอง พลางรีบคิดหาทางออกพัลวันถึงปัญหาเบื้องหน้านี้
นี่คุณเอาจริงเหรอ
คำถามของหญิงสาวทำเอาคนถูกถามหันมาสบตาแล้วย้อนเสียงเย็นเรียบ
หมายความว่าไง ที่ผ่านมาคุณจะบอกผมว่าคุณล้อเล่นเหรอ
เอ่อ... เนตรนภิสนึกคำพูดไม่ออก อย่างน้อยตอนนี้ต้องค่อยๆตะล่อมไปก่อน ฉันไม่ได้นึกว่าคุณจะจริงจังขนาดนี้
แล้วไม่ใช่คุณหรือไงที่วันนั้นทำหน้าจริงจัง ฉันจะแต่งงานกับคุณค่ะ หรือ ฉันมีเหตุผลเพียงพอค่ะ เจนภพพูดเย้ยหยันแล้วแสร้งเลียนเสียง แล้ววันนี้นี่คือยังไง คุณต้องการอะไรกันแน่
คือ... เอ่อ... ฉันไม่คิดว่าคุณจะตอบรับจริงๆ
คิดเหรอว่าผมอยากตอบ พ่อผมต่างหาก
แล้วคุณจะรับคำคุณพ่อคุณทำไมล่ะคะ ถ้ามันเป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบใจแบบนี้
เครื่องยนต์รถหยุดลงชั่วคราวยามเจอสัญญาณไฟสีแดง ความเงียบเข้ามาเยือนครู่นึงก่อนที่เจนภพจะพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ
ถ้าไม่แต่งงานกับคุณพ่อผมจะไม่ยกมรดกให้... หวังว่าจะเป็นเหตุผลที่ชัดเจนเพียงพอ ไม่กำกวมอ้อมแอ้มแบบของคุณ
เงิน...
เพราะเงินอีกแล้วที่เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิตของเจนภพ เนตรนภิสพินิจใบหน้าได้รูปที่รับกับคิ้วเข้มพร้อมดวงตาคู่เรียวมีเสน่ห์ที่แม้ยามนิ่งก็ดูจับใจ หากแต่เธอไม่นึกพิศวาสเลยแม้แต่น้อยกับพฤติกรรมภายในของเขาที่ทำให้ภายนอกแทบจะหมดค่าไปทันทีสำหรับเธอ
ก็ดีค่ะ เหตุผลชัดดี เนตรนภิสแกล้งว่าไปก่อนจะนั่งเงียบอย่างไม่นึกโต้ตอบอะไรอะไรอีก บัดนี้เธอต้องการใช้ความคิดหนักในการตัดสินใจที่จะบอกปฏิเสธหรือจะปล่อยเรื่องราวให้เป็นไปตามนั้น จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางอันเป็นวัดชานเมืองที่ดูสงบร่มเย็นชวนให้สบายใจอย่างยิ่ง หัวใจเธอนั้นก็ยังคงหนักอึ้งอยู่กับภาระทางความคิดที่ยังคิดไม่ตกอยู่จนถึงตอนนี้
หลวงอาอยู่ด้านใน
เจนภพว่าแล้วเดินนำลิ่วเข้าไปอย่างไม่นึกรอคนเดินตาม ขณะที่ลุงประสิทธิ์คอยถือเครื่องบริขารวิ่งตามไปแทบไม่ทัน หญิงสาวมองภาพตรงหน้า พยายามสูดลมหายใจเอาออกซิเจนเข้าให้สมองปรอดโปร่งก่อนถอนหายใจยาว คิดไม่ได้จริงๆว่าจะต้องเริ่มพูดอย่างไรในเมื่อเรื่องมันมาไกลขนาดนี้แล้ว
หลังจากที่ถวายปัจจัยและอัฐบริขารกันเรียบร้อย เนตรนภิสนั่งพนมมือแต้จ้องมองใบหน้าหลวงอาของเจนภพด้วยความความรู้สึกผิดเมื่อตระหนักได้ว่าสายเกินไปแล้ว
โยมเจษบอกว่าสีกาเป็นลูกสาวของโยมวัช อาตมาเคยเจอสีกาเหมือนกันเมื่อตอนเด็กๆ
ท่านคลี่รอยยิ้มทักทายเธออย่างอ่อนโยนและเป็นมิตร เนตรนภิสยิ้มกลับน้อยๆแล้วตอบอย่างสำรวม รู้ได้ว่าท่านคงจะรู้จักพ่อแม่ของเธอในระดับหนึ่งเช่นกัน
ตอนไหนหรือคะท่าน
ถ้าสีกาจำไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอก ได้ยินมาว่าสีกาเสียความทรงจำก่อนห้าขวบหมดนี่
ค่ะ แสดงว่าท่านก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหมคะ
หลวงอาพยักหน้ายามสบตากับสีกาเนตรนภิสแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง
แต่อาตมาเล่าให้สีกาน้อยหน่าฟังไม่ได้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น ไว้วันหนึ่งโยมเจษคงจะเล่าให้ฟังเองตลอดเวลาที่ผ่านมานี่ลำบากมากไหมหลังจากที่โยมวัชเสียไป
ไม่เท่าไรหรอกค่ะ ตอนนั้นเด็กมากแล้วก็จำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อปีที่แล้วคุณแม่เองก็เพิ่งเสียค่ะ
จริงหรือ เป็นอะไร
มะเร็งไขกระดูกค่ะ เสียงสั่นเครือของหญิงสาวไม่เพียงแต่ทำให้คู่สนทนารู้สึกสงสารจับใจ หากแต่อีกคนที่นั่งสำรวมอยู่ข้างกันนั้นก็ถึงเหลียวมามองเธอ ความใจหายชั่ววูบเกิดขึ้นมาเมื่อตระหนักได้ว่าคนจองหองอวดดีที่เขาเห็นมาตลอดนั้นแท้ที่จริงนั้นต้องอยู่เพียงตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ พร้อมนึกถึงตัวเองที่ถึงแม้พ่อจะยังอยู่ แต่ก็กลับรู้สึกเปลี่ยวและอ้างว้างไม่ต่างอะไรกัน
เสียใจด้วยจริงๆนะ แต่เกิดแต่เจ็บตายก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ โยมแม่ของเราหมดห่วงแล้วล่ะ สีกาเติบโตมาได้ดีขนาดนี้
ขอบคุณเจ้าค่ะ เนตรนภิสยกมือไหว้ขอบคุณค้วยความเคารพจากใจจริง แม้ว่าท่านผู้นี้จะหนึ่งในพิทักษ์ภักดี หากแต่เธอก็แยกออกว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวต้นเหตุของการตายพ่อเธอ
โยนเจน หลวงอาเปลี่ยนทางมาพูดกับหลานในไส้ ชีวิตของสีกาเขาลำบากมากเพราะทางเรา โยนต้องดูแลน้องดีๆนะ
เนตรนภิสฟังคำฝากฝังนี้แล้วก็เริ่มรู้ว่าชายหนุ่มจะแสดงท่าทางอะไรตามมา แต่ก็แปลกใจไปเมื่อเขารับง่ายๆโดยไม่อิดออด
ครับ
ฤกษ์ดีทั้งฤกษ์บนและฤกษ์ล่างมาตกรวมกันในวันที่สิบสี่มีนาคม เวลาสิบนาฬิกา
อีก...สี่เดือนหรือครับ
เตรียมตัวกันทันไหม
เจนภพไม่ได้ตอบอะไรแต่เหลือบมาสบตาว่าที่เจ้าสาว ดวงหน้าหล่อเหลาตอนนี้ไม่มีความเกรี้ยวกราดแสดงให้เห็นเลย สายตานิ่งจับจ้องอยู่ที่เธอชั่วครู่ก่อนจะหันไปพยักหน้ารับ
แม้จะพอทำใจได้ว่าต้องแต่งงานเพราะความจำเป็น แต่พอมาคิดว่าอีกเพียงแค่สี่เดือนที่ต้องเริ่มใช้ชีวิตคู่กับคนที่ไม่ได้รัก หัวใจเนตรนภิสก็กลับรู้สึกโหวงและหวั่นไหวขึ้นมาประหลาด ยิ่งเมื่อไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรเพราะเรื่องก็มาถึงพระถึงเจ้าแล้ว
หรือว่าเธอควรจะปล่อยให้อะไรอะไรมันเป็นไปเช่นนี้ แล้วถือเสียว่ามันเป็นละครฉากหนึ่งที่จะทำให้เธอรู้ความจริงทุกอย่าง
เวลาครองเรือนน่ะให้ทั้งสองจงผ่อนปรน เอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายให้มากๆ ยึดหลักฆราวาสธรรมและครองตนอยู่ในศีลห้า เพียงเท่านี้ชีวิตคู่ก็จะมีความสุข
หลวงอาเริ่มเทศน์ตั้งแต่ตอนไหนเนตรนภิสไม่สามารถจับใจความได้เลย เธอยกมืออย่างเลื่อนลอยก่อนจะเพิ่งตั้งสมาธิฟังใหม่อีกครั้ง
ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญที่ทั้งสองควรจะมีให้แก่กัน เมื่อฝ่ายใดโกรธเคืองก็อย่าถือสาเอาความ อย่าต่อความยาวสาวความยืด อาตมายอมรับว่าเรื่องของเราทั้งคู่นี้มันค่อนข้างจะกระทันหันและอาตมาไม่เคยคิดว่าเราจะมาลงเอยกันเลย แต่อาจจะเป็นเพราะบุญที่ทำด้วยกันมาทำให้เริ่มบั่นกรรมเก่าออกไป ต่อจากนี้จงทำบุญร่วมกันเยอะๆและอโหสิให้กันและกันด้วย
ระหว่างที่พูดหลวงอาสบตากับเนตรนภิสชัดเจนราวกับกำลังรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
อโหสิ
ดูท่าว่าชายหนุ่มจะงงที่ทำไมต้องอโหสิให้แก่กันและกัน ในขณะที่เธอนั้นเข้าใจมันอย่างดีเลยทีเดียว
เนตรนภิสกับเจนภพกราบลาสงฆ์ผู้เจริญหลังจากนั้นแล้วก็เดินอย่างสำรวมออกมา มีความเงียบที่เข้าคลุมคนทั้งคู่ ระยะห่างที่เดินเคียงข้างกันนั้นไกลจนแทบวัดไม่ได้ในความรู้สึก ก่อนที่ฝั่งชายหนุ่มจะเริ่มเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เธอแปลกใจจนยักคิ้วสูง
จากคุณ |
:
Chanuikarn
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ก.ย. 55 19:47:21
|
|
|
|