ออกจะรำคาญด้วยซ้ำ จนหนักเข้าพวกเธอๆทั้งหลายก็ตั้งตัวเป็นแฟนคลับตามกรี๊ดเขาไปทุกที่
‘พี่ธนา สู้ๆนะคะ กรี๊ด! หล่อมากมาย น่าร๊าก...กกก อ้ะ’ จนจิดายังแซวไม่หยุดปากมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะเรียนจบมา 2 ปีแล้วด้วยซ้ำ
ณ.ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง…
จิดารีบจอดรถแล้ววิ่งหน้าตั้งเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว พอเข้าไปถึงก็เห็นธนานั่งรออยู่แล้วจริงๆ เธอยิ้มเจื่อนๆให้เพื่อนแล้วเดินเข้าไปหา
“เฮ้ยไอ้จี๊ดทำไมแกมาช้าจัง ฉันมานั่งรอแกต้องนาน เนี่ยฉันเช็ดกล้องจนเลขจะขึ้นอยู่แล้ว” เขายกกล้องที่เช็ดจนเงาวับให้เธอดู
“เออน่า มาช้ายังดีกว่าไม่มา เคยได้ยินไหม” คนมาช้าเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลง
“เคย แต่วันนี้แกมาช้ามาก...กกก” เขาลากเสียงยาว
“ฉันขอโทษๆ ก็พี่นินาสิโทร.มาตอนฉันขับรถ บอกว่าจะเลื่อนส่งต้นฉบับเร็วขึ้น และก็มีพล็อตเรื่องใหม่จะให้ฉัน...แต่ก็ช่างมันเถอะมีงานก็ดีกว่าไม่มีเดี๋ยวคืนนี้กลับไปปั่นกิ๊กเดียวก็เสร็จและ”
“เออ คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว”
“แหมๆๆๆ คุณธนา แกเนี่ยชักจะเป็น ณเดช 2 ขึ้นไปทุกวันแล้วนะ เรียนจบมา2ปีและก็ยัง ฮ็อตเหมือนเดิม”
“อะไรของแกวะ?” เธอไม่ตอบแต่บุ้ยหน้าให้เพื่อนมองไปยังกลุ่มสาวๆโต๊ะข้างๆ ที่มองมาที่ธนาแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันไม่หยุด ธนาจึงหันไปส่งยิ้มหวานให้ คราวนี้เลยยิ่งเขินหนักกันเข้าไปอีก “มันก็ต้องมีบ้างอะไรบ้าง” ธนาวางกล้องแล้วหันมามองเธอ “แกไม่ต้องมาหัวเราะฉันเลยไอ้จี๊ดว่าแต่ฉัน แกก็เหมือนกันนั่นแหล่ะสาวๆเยอะพอกับฉันเลยเผลอๆมากกว่าฉันซะอีก”
ธนานึกถึงเรื่องของเขาและเธอตอนที่เรียนอยู่ และมีบรรดาสาวแท้สาวเทียมมาขายขนมจีบกันมากมายก็อดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้เช่นกัน
“เออ...จริงของแกว่ะ คิดแล้วก็ขนลุกอึ๊ย...ยยย ! นี่แล้วงานแกเป็นไงตอนนี้ลงตัวแล้วใช่ไหม ‘คุณธนา พัฒนะ’ บิ๊กบอสใหญ่ของสำนักพิมพ์นิวส์เลมอน ” จิดาแซวเพื่อน ธนานั้นตอนนี้เขาได้รวมหุ้นกับเพื่อน เปิดสำนักข่าวหนังสือพิมพ์เล็กๆขึ้นมา และตอนนี้ดูเหมือนว่างานกำลังจะไปได้สวย
“ก็โอเค ไม่มีอะไรไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แค่สำนักข่าวหนังสือพิมพ์ ก็ทำข่าวทั่วไปนั่นแหล่ะ แล้วแกล่ะจี๊ด แม่นักเขียนสาว...ดังใหญ่แล้วนะ” ธนาพูดมือก็เช็ดกล้องตัวโปรดไปเรื่อยๆ
“ดังอะไรล่ะ ฉันเพิ่งเริ่มเขียนได้ไม่กี่ปีเอง” ถึงแม้เธอจะเริ่มเขียนหนังสือได้ไม่นานนัก แต่ก็มีคนติดตามผลงานอยู่มากเลยทีเดียวโดยเฉพาะที่เธอกำลังเขียนออนไลน์ลงในอินเทอร์เน็ตแฟนคลับก็ยังมาตามอ่านกันมากมาย
“นี่จี๊ด...ตอนนี้แกยังเห็นอะไรแปลกอยู่หรือเปล่า?” ธนาถามเพื่อน เพราะสนิทกันมากเขาจึงรู้ว่าจิดานั้นสามารถมองเห็นสิ่งลี้ลับที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้จริงๆ เซ้นส์ที่จิดามีนั้น มันทำให้จิดาเห็นผีหรือวิญญาณได้ก้จริงแต่ก็ไม่ได้เห็นทุกที่ทุกวัน เซ้นส์ของเธอจะแรงในช่วงวันที่ใกล้จะถึงวันพระเท่านั้น
“ไม่...พักนี้ไม่ค่อยเห็นหรอก ดีแล้วแหล่ะ ฉันเจอแต่ละครั้งนะแทบช๊อก แกดูสินี่แค่แกถามนิดเดียวนะขนลุกซู่เลย” จิดายกแขนที่น้องขนพากันยืนขึ้นโดยไม่ได้นัดหมายให้ธนาดู ธนาก็อดหัวเราะออกมากับท่าทีของเพื่อนไม่ได้จริง ๆเจอมาเห็นมาก็หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่อยากจะชินสักที ทั้งสองคุยกันอยู่นาน จนกระทั่งท้องฟ้ามืดลง ธนาเห็นว่าทางที่จะเข้าไปบ้านจิดาทั้งมืดทั้งเปลี่ยวเลยตัดสินใจจอดรถตัวเองไว้ที่ร้านกาแฟแล้วขับรถจิดาไปส่งเธอที่บ้าน
“ถามจริง นี่แกยังไม่ชินอีกเหรอคุณจิดา เห็นผีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรยังทำใจให้ชินไม่ได้อีกเหรอ?” ธนาถามแบบขำๆ คุณจิดา ของธนาส่ายหน้าจนลูกตาแทบหลุด
“ไม่...ไม่มีทางต่อให้ฉันเจออีกกี่ครั้งฉันก็ไม่ชิน ผีนะแก ไม่ใช่พนักงานต้อนรับตามห้างสรรพสินค้า ที่เจอบ่อยๆแล้วฉันต้องชิน” ธนาละสายตาจากการขับรถ หันมามองเธอนิดนึงแล้วส่ายหน้าให้กับแม่เพื่อนสาวขี้กลัว แล้วก็ไม่เคยจะชินกับสิ่งที่เห็น ทั้งที่เห็นมาไม่รู้กี่ครั้ง “ไม่เอาแล้ว พอๆ เลิกพูดเรื่องเซนส์ของฉันสักทีเหอะ ยิ่งนี่ก็ใกล้จะถึงวันพระแล้วด้วย ฉันยิ่งภาวนาไม่ให้เจออยู่” จิดายกมือสาธุกับคุณพระคุณเจ้า “อย่าให้ลูกช้างเจอผีเลยนะเจ้าคะ เพี้ยง!…มาพูดเรื่องแกดีกว่า ตอนนี้มีข่าวอะไรน่าสนใจบ้างหรือเปล่า?” จิดา เปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากขนลุก
“เออ...มีๆแกอยู่ในแวดวงนักเขียนเคยได้ยินข่าว อุบัติเหตุของทายาทจ้าของสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่บ้างหรือเปล่า” ธนานึกถึงข่าวนี้ขึ้นมา
“ทำไมเขาเป็นอะไร หรือว่า...เขาแอ๊บแมนไม่ไหวแล้วนะตัวเอง” เธอทำเสียงแบบ ‘นินา’ หรือ ‘นนท์ชา’ บอกอ.สาวใหญ่บอสของเธอ
“เฮ้ย! ไม่ใช่”
“อ้าว...แล้วตกลงเขาเป็นอะไรล่ะ” เธอหยุดขำแล้วหันไปถาม