บรรยากาศในโรงพยาบาลเป็นอะไรที่เธอไม่ค่อยอยากจะมาสัมผัสสักเท่าไหร่ มีโรงพยาบาลก็ต้องมีคนป่วย มีคนป่วยก็ต้องมีคนตาย มีคนตายก็ต้องมี...ผี เธอจึงพยายามจะเลี่ยงโดยการอยู่ให้ห่างจากโรงพยาบาลเป็นดีที่สุด แต่ครั้งนี้เธอเห็นทีเธอจะเลี่ยงไม่ได้ซะแล้ว
“แกจะรออยู่นี่ หรือว่าจะเข้าไปด้วยกัน” ธนาหันไปถามความสมัครใจของเพื่อนสาวที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่ข้างๆ
“เฮ้ย!...ฉันไปด้วยไม่อยากอยู่คนเดียว มันรู้สึก...แปลกๆยังไงก็ไม่รู้” จิดามองซ้ายมองขวา แล้วรีบก้าวขายาวๆของเธอลงจากรถทันที
“อีกแล้ว มาโรงพยาบาลทีไรแกเป็นแบบนี้ทุกที” ธนามองเพื่อนยิ้มๆ
“ไอ้นา...รอฉันด้วยสิ” จิดาร้องเรียกให้ธนาคอยเพราะไม่กล้าเดินคนเดียวยิ่งมืดๆแบบนี้ด้วย เธอไม่ได้กลัวผู้ร้ายแต่กลัวจะเห็นอย่างอื่นมากกว่า ธนาจึงชะลอฝีเท้าลงเพื่อรอเธอ
“เออนี่จี๊ด” ไม่มีสัญญาณตอบรับ “ไอ้จี๊ด...ดดด” ธนาตะโกนใส่หูจิดาสะดุ้งโหยง
“โอ๊ย... แกจะตะโกทำไมเนี่ย…มีอะไร” จิดายกมือปิดหู เกือบจะหูอื้อไปกับเสียงตะโกนของเพื่อน
“แล้วแกเป็นอะไรของแก...ทำท่าเหมือนเจอผีอย่างนั้นแหล่ะ”
“หยุดเลยไอ้นา...แกจะพูดทำไมเดี๋ยวเขาก็มาจริงๆหรอก ถ้าฉันเป็นลมนะแกต้องแบกฉันกลับบ้านด้วย...แล้วแกเรียกฉันทำไม ?”
“ฉันจะแค่บอกแกว่าคุณเวทิน เขาอยู่ที่นี่”
“เวทิน... เดี๋ยวนะ เวทินไหน?”
“ก็คนทีฉันเล่าให้แกฟังตอนขับรถมาไง ว่าเขาเป็นเจ้าชายนิทราน่ะ” ธนาเตือนความจำเพื่อนอีกครั้ง
“อ๋อ...จำได้แล้ว…ฉันไม่รู้จักคุณหรอกนะ แต่ก็ขอให้หายเร็วๆนะคะ... เออแก เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ”
“นี่อย่าบอกนะว่าแกกลัวผีจนฉี่จะราด” เขาหัวเราะเพื่อน “ถ้าอย่างนั้นฉันรออยู่ตรงเคาน์เตอร์นะ...เดี๋ยวไอ้จี๊ด” เขาจับแขนเพื่อนเอาไว้ “ระวังน้า…กุ๊ก กุ๊ก กู๋” ธนาทำเสียงลากยาวเหมือนในหนังผี
“ไอ้บ้า...เดี๋ยวเถอะ ฉันจะแช่งให้แกเจอกุ๊ก กู๋บ้าง จะได้รู้ว่าเวลาฉันเจอมันรู้สึกยังไง” จิดาชี้หน้าเพื่อนว่ากลับมาแกโดนแน่โทษฐานปากเสีย
ทางที่เธอเดินไปห้องน้ำนั้นต้องผ่านห้องฉุกเฉินจึงไม่ค่อยมีคน นอกจากญาติคนไข้เจ็บหนัก ที่มาคอยเฝ้าอาการเท่านั้น แถมไฟก็ยังดูสลัวๆชวนขนลุกซะจริงเชียว เหมือนในนิยายผีที่เธอเขียนไม่มีผิด
“ทำไมมันเงียบแบบนี้นะ...ห้องน้ำโรงพยาบาลนี้ทำไมอยู่ลึกจัง” เธอบ่นไปกลัวไป พยายามตั้งสติให้ขาเดินไปเรื่อยๆ ถ้าเกิดธนามันปากพระร่วงขึ้นมาจะทำยังไง บ้าจริงอยู่ดีๆมาแช่งให้เจอ ผะ ผะ ผี “อย่านะไม่ต้องมานะคะ ฉันแค่มาเป็นเพื่อนๆไม่อยากมีเพื่อนเพิ่มแล้ว...อึ๊ย ! ขนจ๋าจะลุกทำไมตอนนี้” เธอลูบขนที่แขนให้นอนลงแต่ก็ไม่สำเร็จ แล้วเธอก็ชะงัก เมื่อเห็นป้ายชื่อหน้าห้องคนไข้ฉุกเฉิน
“เวทิน ทยางค์กุล ใช่คนที่ธนาเล่าหรือเปล่านะ” เธอพูดลอยๆขึ้นมา ไม่ได้หวังจะได้รับคำตอบ
“ใช่ครับ...” เสียงผู้ชายคนหนึ่งตอบคำถามเธอ
จิดาหยุดเดินนึกในใจว่า ‘ใครตอบเราวะ เราอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือ? เมื่อกี้เดินมาก็ไม่มีใครนี่หว่า หรือว่าจะเป็น...ไม่นะมันต้องไม่ใช่ๆ...จะหันไปดูดีไหมเนี่ย...เฮ้ยไม่เอาๆ แล้วถ้าใช่ล่จะทำอย่างไร...แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว เอาวะเจอเป็นเจอ!’ เธอตัดสินใจค่อยๆหันกลับไปอย่างช้าๆค่อยหรี่ตามองคนที่พูดกับเธอ “คน...ค่อยยังชั่ว” เธอถอนหายใจโลงอก “คุณมายืนทำไมตรงนี้คนเดียว...ไม่กลัวหรือไงคะขนาดฉันยังขนลุกเลย” เขาคนนั้นหันซ้ายหันขวามองเธองงๆ
“คุณ...พูดกับผมหรือ?” เขาถาม
“ค่ะ ก็ตรงนี้มีแค่ฉันกับคุณ แล้วคุณจะให้ฉันพูดกับใคร” เธอมองหน้าเขางงๆ ‘ตานี่ ก็ถามแปลกคนยิ่งกลัวๆอยู่ด้วย’