Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Love Like Blood - รักรสเลือด - เลือดหยดที่ห้า : คำขอร้องของตั๊กแตน ติดต่อทีมงาน

เรื่องสั้นชุด Love Like Blood - รักรสเลือด

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12451148/W12451148.html

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12462582/W12462582.html

เลือดหยดที่สอง กลิ่นคาวของความตาย
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12527580/W12527580.html

เลือดหยดที่สาม ทรายในหลุมดำ ฉบับไฟเขียว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12670872/W12670872.html

เลือดหยดที่สี่ ขย้ำ

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12683725/W12683725.html


----------------------------------


                                    Love Like Blood – รักรสเลือด

                                                    เรื่องที่ 5

                                           คำขอร้องของตั๊กแตน


                                                   โทรศัพท์

“พี่อุ๋ย พี่อุ๋ยช่วยหนูด้วยนะ หนูเพิ่งฆ่าคนตาย ฮือๆ...”

คำพูดที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือซึ่งงัวเงียกดรับ ปลุกให้ชายหนุ่มตาสว่างเต็มที่ในทันที

“ตั๊กว่าอะไรนะ ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ พูด” เขาตอบกลับ ตลบผ้าห่มออกจากตัว เหวี่ยงขาลงจากเตียงและยันกายลุกขึ้นนั่ง

“หนูเพิ่งฆ่าคนตาย” หญิงสาวนามตั๊กแตนพูดพลางสะอื้น

“อย่าอำพี่นะ มันเกิดอะไรขึ้น?” อุ๋ยชำเลืองมองนาฬิกาบนหัวเตียง ตีหนึ่งสี่สิบนาที นี่เขาอยู่ที่ไหนกัน?

อุ๋ยชำเลืองมองรอบกายขณะฟังตั๊กแตนกล่าวสั้นๆ

“หนูฆ่าพี่ไกด์ค่ะพี่อุ๋ย...นะ....หนูไม่ได้ตั้งใจ...เขาบอกให้หนูทำอย่างนั้น...หนูไม่รู้ว่าเขาจะตาย...หนูไม่อยากโดนตำรวจจับ...พี่อุ๋ยช่วยหนูด้วยนะคะ...หนูไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครดี...ฮือๆ...หนู...หนู...”

“เอาล่ะ ใจเย็นๆ” อุ๋ยพูด สองตาจ้องมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนตะแคงอยู่บนเตียงเคียงข้างเขา ความทรงจำอันรางเลือนของเขาค่อยเด่นชัดขึ้นทีละนิดว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร รู้สึกว่าเขาจะเจอหญิงสาวหน้าตาใช้ได้คนหนึ่งที่ผับแถวทองหล่อและชวนกันมาดริ๊งก์ต่อที่ห้องของหล่อน อุ๋ยสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงที่ฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ทิ้งเอาไว้ก่อนจะได้ยินเสียงตั๊กแตนกล่าวอีกครั้ง

“...ฮือๆ...พี่อุ๋ยต้องช่วยหนูนะคะ ขอร้องล่ะ หนูมืดแปดด้านไปหมดแล้ว...”

“ตอนนี้ตั๊กอยู่ที่ไหน?” อุ๋ยพูดพลางมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง

“หนูอยู่ที่ห้องค่ะ”

“โอเค เดี๋ยวพี่จะไปหา”

“พี่อุ๋ยจะมาหาเดี๋ยวนี้เลยใช่มั้ยคะ?”

อุ๋ยตอบอย่างไม่ลังเล “จ้ะ พี่จะไปเดี๋ยวนี้เลย”

เมื่อวางสายจากตั๊กแตน อุ๋ยก็พบเสื้อและกางเกงทั้งตัวนอกและตัวในกองอยู่ข้างเตียง เขาลุกขึ้นจัดการสวมใส่เสื้อผ้า กลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตเสร็จพอดี เสียงพึมพำของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงก็ดังขึ้น

“จะกลับแล้วหรือคะ ไหนบอกจะอยู่ด้วยกันจนถึงเช้าเลยไง”

อุ๋ยชำเลืองมองหล่อนด้วยหางตา จำไม่ได้สักนิดว่าหล่อนชื่ออะไร สิ่งเดียวที่เขาจำได้เกี่ยวกับหล่อนคือเสียงครางปานโลกจะถล่ม เขาไม่รู้ว่าหล่อนเสียวสุขจริงๆ หรือครวญครางเพื่อเอาใจเขากันแน่ เขาผ่านผู้หญิงมามากและหล่อนก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงแบบ One Night Stand ที่เขาใช้ฆ่าเวลาเล่นๆ  ทั้งเขาและหล่อนไม่มีใครคิดจริงจังจริงใจต่อกันหรอก

“ผมมีธุระด่วน” อุ๋ยตอบ เอื้อมมือคว้ากุญแจรถบนโต๊ะข้างเตียงและเดินออกมาโดยไม่พูดอะไรอีก

                                                     ศพ

ตีสองสิบนาที ประตูห้องพักหมายเลข 2012 ของตั๊กแตนแง้มเปิดออกแทบจะทันทีที่อุ๋ยเคาะประตู ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เข้าห้องพักของเธอเป็นครั้งแรก ถึงแม้จะรู้ดีว่ามีความยุ่งยากรออยู่ข้างในก็ตาม

ตั๊กแตนเดินนำเขาเข้ามาในห้อง เธอเป็นคนสวยและหุ่นดี แม้ไม่สูงมาก แต่เธอก็สามารถเป็นนางแบบได้สบาย

ตั๊กแตนสวมชุดคลุมอาบน้ำ ยิ่งทำอุ๋ยหวั่นไหวหนักเมื่อครุ่นคิดว่าเธอจะใส่อะไรอยู่ใต้นั้นบ้างหรือไม่

อุ๋ยอายุมากกว่าตั๊กแตนสามปี ทั้งสองรู้จักกันในผับย่านอาร์ซีเอเมื่อสองสามเดือนก่อน ตั๊กแตนเป็นผู้หญิงที่อุ๋ยไม่เคยพบเจอ ครั้งแรกที่เขาเข้าไปจีบเธอ ตั๊กแตนไม่สนใจเขาเลย ถึงแม้อุ๋ยจะแสดงฐานะแห่งความร่ำรวยด้วยเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทนำเข้าอะไหล่รถยนต์จากต่างประเทศ สวมเสื้อผ้าราคาหลักหมื่น ใช้โทรศัพท์มือถือหลักแสน คาดนาฬิกาหลักล้านและขับรถสปอร์ตเปิดประทุนมูลค่ามากกว่านาฬิกาอีกสิบเท่า แต่สิ่งที่ตั๊กแตนมอบให้เขากลับมีเพียงแค่เบอร์โทรศัพท์ ไม่ใช่ร่างกายของเธออย่างที่อุ๋ยต้องการ

ตั๊กแตนบอกว่าเธอเป็นนักสัตววิทยา เพิ่งเรียนจบจากคณะวิทยาศาสตร์สาขากีฏวิทยาเมื่อตอนรู้จักกับเขา แต่ตั๊กแตนมีแฟนอยู่แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่สนใจอุ๋ย แฟนของตั๊กแตนเป็นตากล้องหนุ่มดาวรุ่งในวงการแฟชั่น ขณะนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของเธอ ถึงแม้จะมีผ้าห่มปิดคลุมถึงคาง แต่อุ๋ยก็รู้ในแวบแรกที่เห็นว่าหมอนั่นเปลือยกาย

และกึ่งกลางของร่างกายก็แข็งเกร็งเห็นเป็นลำท่อนชัดเจน

“เขาตายแล้ว?” อุ๋ยถามและบดกรามกรอด ไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อเห็นศพคนตาย แทนที่เขาจะเศร้าใจ หวาดหวั่นหรือหวาดกลัว แต่เขากลับรู้สึกขุ่นเคืองใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

“ค่ะ” เสียงของตั๊กแตนตอบกลับแผ่วเบา

อุ๋ยสาวเท้าไปหยุดยืนข้างเตียง เอื้อมมือดึงผ้าห่มลงจากคางของร่างไร้ชีวิต แสงไฟภายในห้องนอนสว่างด้วยโคมจากโต๊ะข้างเตียง ดวงตาของศพยังเบิกโพลงค้างเติ่งมองเพดาน ลิ้นที่มีลักษณะเหมือนปลิงสีเข้มแลบออกมาจุกริมฝีปาก บริเวณลำคอเห็นรอยถูกรัดชัดเจน

อุ๋ยตลบผ้าห่มปิดคลุมใบหน้านั้นและหันกลับมาถามเจ้าของห้องผู้ยืนอยู่ด้านหลัง “ตั๊กเป็นคนฆ่าเขา?”

หญิงสาวผมยาวยกมือป้ายน้ำตาและผงกศีรษะ

“ถ้าอย่างนั้น ตั๊กก็ต้องเล่าให้พี่ฟังแล้วล่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น” อุ๋ยพูด

ตั๊กแตนน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ เริ่มต้นเล่าด้วยเสียงแผ่วเบาและสั่นเครือ “หนูไม่รู้ว่ามันจะเป็นอันตรายขนาดนี้ หนูไม่ได้ตั้งใจ  พี่ไกด์เขาให้หนูเอาเชือกรัดคอเขาตอนที่เรากำลัง...”

คำพูดชะงักขาดหาย อุ๋ยเห็นตั๊กแตนก้มหน้ามองพื้นด้วยความอับอาย ดูจากรูปการแล้ว เขาก็พอจะเดาออกว่าไอ้ตากล้องนั่นคงให้เธอเอาเชือกรัดคอมันตอนกำลังมีเซ็กส์แน่ๆ อุ๋ยถอนหายใจยาวและกล่าว “ว่าต่อสิ พี่กำลังฟังอยู่”

“พี่ไกด์ให้หนูอยู่ข้างบนและผูกเชือกรอบคอเขา ตอนแรกหนูกลัวเลยไม่กล้าผูกแน่น แต่พี่ไกด์ไม่พอใจ เขาบอกว่าถ้าหนูไม่ทำตามที่สั่ง เขาจะให้หนูลงมาเป็นฝ่ายถูกรัดเสียเอง หนูถึงได้กลั้นใจผูกเชือกรัดให้แน่น...และ...และทำ...ทำ ‘เรื่องนั้น’ ต่อไป”

ใบหน้าของอุ๋ยร้อนผ่าว “แล้วตั๊กรู้ตอนไหนว่ามะ...เอ้อ...เขาตาย?”

ชายหนุ่มเกือบเรียกศพนั้นว่า ‘มัน’ ออกไปแล้ว เขาดีใจที่ตั๊กแตนไม่ได้สังเกตขณะเธอตอบว่า “หลังจากนั้นประมาณห้านาทีค่ะ พี่ไกด์เขาเงียบไป หนูก็เลยลืมตา”

“ลืมตา?”

“ค่ะ...คะ...คือว่าหลังจากผูกเชือกเสร็จหนูก็ทำเรื่องนั้นโดยหลับตาตลอด...พอ...พอหนูลืมตา พี่ไกด์ก็เป็นแบบนี้แล้ว”

อุ๋ยหันกลับไปมองที่เตียง ร่างของตากล้องซาดิสต์อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาสีชมพู ชายหนุ่มยกมือนวดขมับตัวเอง ปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้ใช้สมองออกแรงขบคิดอะไรเสียด้วย ปริญญาเกียรตินิยมที่ประดับห้องทำงานก็ได้มาจากเงินของพ่อทั้งนั้นและงานบริหารที่เขาทำก็มีเพียงนั่งคั่วเลขาฯ กับเซ็นอนุมัติก๊อกแก๊กไปวันๆ เรียกได้ว่า หากผ่าสมองของอุ๋ยออกมาดู สมองก้อนนั้นก็คงสดใหม่มากเพราะมันไม่เคยถูกใช้งานอย่างหนักหน่วงเลยสักครั้ง

จะเอายังไงดีล่ะเนี่ย?

อุ๋ยถามตัวเอง ทั้งที่ทราบดีว่าตัวเองไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้

ทันใดนั้น ตั๊กแตนก็ผวาเข้ามากอดแผ่นหลังของเขาอย่างต้องการหาที่พึ่ง

หน้าอกเปลือยเปล่าใต้เสื้อคลุมอาบน้ำของเธอบดเบียดกับด้านหลังเสื้อเชิ้ตของเขา

“พี่อุ๋ยอย่าส่งตัวหนูให้ตำรวจนะ ฮือๆ หนูกลัว หนูไม่อยากทำให้พ่อแม่เสียชื่อ หนูไม่ได้ตั้งใจ พี่อุ๋ยช่วยหนูด้วยนะ”

“พี่ช่วยแน่ ไม่ต้องกลัวหรอก” อุ๋ยตอบ แกะมือเธอที่โอบหน้าอกเขาออกและหมุนตัวกลับไป คิดจะดึงตัวเธอเข้ามาโอบกอดแนบอกเพื่อปลอบโยน แต่ก็ไม่ต้องทำเพราะตั๊กแตนเป็นฝ่ายโผเข้ามาซบเขาเอง อุ๋ยลืมทุกอย่างไปชั่วคราวและลูบศีรษะปลอบเธออย่างกระหยิ่มใจ

“หนูไม่รู้จะไปพึ่งใคร นึกถึงพี่เป็นคนแรกก็โทรไปเลย พี่อุ๋ยอย่าโกรธหนูนะคะ” ตั๊กแตนพูดอู้อี้จากหน้าอกของเขา

อุ๋ยไล้มือจากเส้นผมของเธอลงไปตามแผ่นหลัง เกือบจะเลื่อนมือลงไปต่ำกว่านั้นตามนิสัย แต่ก็หยุดตัวเองได้ทัน เขาเลื่อนมือขึ้นมาจับสองไหล่เธอ ดันตัวเธอออกเล็กน้อยเพื่อสบตาในระยะใกล้และกล่าว “พี่พร้อมจะช่วยตั๊กทุกเรื่อง ตั๊กอยากให้พี่ช่วยอะไรล่ะ?”

“ช่วยหนูหาที่ซ่อนศพได้มั้ยคะ?” ตั๊กแตนมองตาเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

อุ๋ยคิดว่าเขาเข้าใจเธอดี ตั๊กแตนผู้เป็นบุตรสาวของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังย่อมไม่ต้องการให้ความตายแบบพิสดารของแฟนหนุ่มกระจายไปถึงหูคนทั่วเมืองอยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น อนาคตของนักสัตววิทยาสาวคนสวยจะต้องหายวับไปพร้อมกับชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของเธอแน่นอน

คิดสิ เจ้าโง่ จะช่วยเธอได้ยังไง?

คิดไม่ออกว้อย!

เสียงสองเสียงเถียงกันในหัวของอุ๋ย เขาดึงหญิงสาวเข้ามาและกระซิบข้างหูเธอ “เรื่องแค่นี้สบายมากจ้ะ”

รับปากทั้งที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเอาศพมนุษย์ที่สูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรไปยัดที่ไหนดี อย่าว่าแต่ซ่อนเลย แค่เคลื่อนย้ายออกจากคอนโดฯ ยังมองไม่เห็นทาง คอนโดฯ หรูแบบนี้มีทั้งยามและกล้องวงจรปิด เข้าออกใช้ระบบคีย์การ์ด ตอนที่เขาเข้ามายังต้องจ่ายใต้โต๊ะยามถึงห้าร้อยกว่าไอ้ยามนั่นจะยอมเปิดประตูให้

“แต่ตั๊กต้องช่วยพี่คิดด้วยนะว่าเราจะย้ายศพออกไปยังไงดีโดยที่ไม่มีใครเห็นหรือสงสัย?” อุ๋ยพูด รู้สึกชื่นชมความฉลาดอันน้อยนิดของตัวเองเหลือเกิน ระหว่างที่ตั๊กแตนนั่งคิดหาวิธีย้ายศพ เขาก็จะนั่งคิดหาสถานที่ซ่อนศพเหมือนกัน

แต่แล้วอุ๋ยก็ต้องประหลาดใจเพราะหลังจากที่ตั๊กแตนกับเขาเดินมานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่นและครุ่นคิดหาวิธีประมาณสองสามนาที เธอก็หันมาบอกเขา

“หนูรู้แล้วค่ะว่าเราจะย้ายศพพี่ไกด์โดยที่ไม่ให้ใครเห็นได้ยังไง!”

“หรอ? งั้นก็ดีสิ” อุ๋ยเบิกตาโตและสบถในใจเงียบๆ

                                                    สับ

ครู่หนึ่งต่อมา พวกเขาเดินกลับเข้ามาที่ห้องนอนอีกครั้ง ตั๊กแตนเลิกผ้าห่มออก เธอหยุดร้องไห้และมีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าตอนที่อุ๋ยมาถึงใหม่ๆ หลายเท่า ตั๊กแตนหันมาพยักหน้าส่งสัญญาณ อุ๋ยเดินไปที่เตียง ลากศพลงจากเตียงก่อนสอดสองมือเข้าไปใต้รักแร้ที่เย็นเยียบ ตั๊กแตนรับหน้าที่จับสองขาของศพ แล้วเขากับเธอก็ช่วยกันหามร่างไร้ชีวิตเข้ามาในห้องน้ำ

นี่ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่อุ๋ยได้สัมผัสร่างกายของคนตายอย่างใกล้ชิดชนิดถึงเนื้อถึงตัว ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นศพมนุษย์เพียงครั้งเดียวคือเมื่อสิบหกปีก่อน ศพนั้นคือแม่ของเขาที่ป่วยตายด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเองเหมือนนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ตอนนั้นอุ๋ยได้แต่ยืนมองศพแม่อยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปใกล้ ถึงเขาจะไม่ใช่เด็กขี้กลัว แต่ขึ้นชื่อว่าศพ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่น่าเข้าใกล้อยู่แล้ว

แต่ขณะนี้อุ๋ยไม่ได้มีอาการขนลุก ไม่รู้สึกขยะแขยงหรือหวาดกลัวที่จะต้องแตะต้องตัวศพเลย อาจเป็นเพราะว่าเขากับตั๊กแตนช่วยกันหามร่างไร้ชีวิตในลักษณะที่โค้งตัวหันหน้าเข้าหากัน สายตาของเขาจับจ้องไปที่ร่องเสื้อคลุมอาบน้ำที่แหวกออกและเห็นอกอิ่มของเธอไหวกระเพื่อมวับๆ แวบๆ ทุกจังหวะที่ก้าวเท้า จิตใจของอุ๋ยเตลิดเปิดเปิงไปไกล ไกลเสียจนแทบลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

พวกเขาวางร่างไร้ชีวิตลงบนพื้นห้องน้ำที่สว่างด้วยแสงไฟ ตั๊กแตนเดินกลับออกไปเพื่อหยิบอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างรีบเร่ง อุ๋ยถูกทิ้งอยู่ในห้องน้ำกับศพนั้นตามลำพัง เขารู้สึกขัดตากับเครื่องเพศของศพที่ชี้โด่ชี้เด่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อความตาย อุ๋ยกวาดสายตามายังดวงตาที่เบิกค้างไร้ประกาย มันกำลังเหม่อมองเพดานห้องน้ำ ลิ้นที่จุกปากทำให้ใบหน้านั้นแลน่าหวาดกลัวและชวนให้คลื่นเหียนขึ้นมาชอบกล

“มาแล้วค่ะ พี่อุ๋ย ถอดเสื้อผ้าสิคะ” เสียงของตั๊กแตนดังขึ้นที่ประตู อุ๋ยหันไปมองก็เห็นเธอหอบข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองแขน ตั๊กแตนวางข้าวของจำนวนหนึ่งลงบนพื้นข้างศพก่อนจะยื่นเสื้อกันฝนพลาสติกกับกางเกงขาสั้นของผู้ชายคนหนึ่งมาให้

อุ๋ยรับมาและถาม “พี่ต้องถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วใส่ชุดพวกนี้แทนงั้นหรอ?”

“ค่ะ หนูก็ต้องใส่เหมือนกัน เวลาเลือดกระเด็นจะได้ล้างออกง่ายๆ ทนร้อนและอึดอัดหน่อยนะคะ” ตั๊กแตนตอบ ดวงตาของเธอมองเข้ามาในดวงตาของเขาอย่างขอร้อง อุ๋ยยิ้มแหยๆ ให้ แล้วจึงเดินออกจากห้องน้ำมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนของเธอ ไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องลำบากลำบนมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องบ้าๆ พวกนี้เพื่ออะไร

เพื่อจะได้ครองหัวใจเธองั้นหรือ?

รักตั๊กแตนเข้าให้แล้วสิท่า

ใช่ เขารักเธอตั้งแต่วันแรกที่เธอปฏิเสธเงินทองของเขา ผู้หญิงแบบนี้หายากจะตายในสมัยที่เงินตราคือสิ่งที่ครองโลก

อุ๋ยระงับความคิดของตัวเองเมื่อสวมกางเกงขาสั้นตัวนั้น มันพอดีกับขนาดตัวของเขาอย่างประหลาด อุ๋ยไม่อยากคิดว่าเจ้าของกางเกงตัวนี้คือคนที่นอนแผ่หลารอการชำแหละอยู่ในห้องน้ำ  เขาจึงนึกถึงความรู้สึกที่สองเต้าเต่งของตั๊กแตนบดเบียดแผ่นหลังของเขาแทน

มันช่วยได้มากทีเดียว หลังจากสวมเสื้อกันฝนที่เป็นชนิดโปร่งใสสีแดงเรียบร้อย อุ๋ยก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องน้ำด้วยความกระปรี้กระเปร่าเพราะทราบดีว่าหากเขาช่วยเหลือตั๊กแตนไปได้ตลอดรอดฝั่ง เธอก็จะรู้สึกขอบคุณและเป็นหนี้บุญคุณเขา ตั๊กแตนจะหลงรักเขา แล้วเขาก็จะได้ครอบครองเธอดั่งใจปรารถนา

“อย่าลืมใส่ถุงมือด้วยนะคะ” เสียงของเธอดังขึ้นข้างประตูเมื่อเขาเดินเข้าไป

“จะ...จ้ะ” อุ๋ยรับคำอย่างตะกุกตะกักด้วยว่าขณะนั้นเขากำลังจับจ้องทรวดทรงอรชนที่พันอย่างหมิ่นเหม่ด้วยผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวของเธอ ตั๊กแตนคงถอดเสื้อคลุมอาบน้ำและเปลี่ยนมาพันผ้าขนหนูขณะเขาออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะนี้เธอเพิ่งสวมเสื้อกันฝนแบบโปร่งใสสีชมพูเสร็จ เพิ่มความเซ็กซี่เข้าไปใหญ่ในสายตาของอุ๋ย

หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อรับถุงมือยางสีขาวซีดมาถือ เสื้อกันฝนที่ตั๊กแตนใส่ไม่ได้ช่วยปกปิดเนินเขาย่อมๆ ทั้งสองลูกนั้นได้เลย อุ๋ยหายใจแรงอย่างไม่รู้ตัว แต่พอรู้ตัวเขาก็รีบหันไปทางอื่นทันที

ทว่าอุ๋ยก็พบปัญหาใหม่ เขาใส่ถุงมือนั้นไม่ได้ มันเล็กและรัดแน่นเกินไปสำหรับเขาที่จะสอดมือเข้าไปอย่างไม่รู้วิธี ตั๊กแตนเห็นเขายืนใส่ๆ ถอดๆ หน้าเครียดจึงเดินอ้อมเข้ามาและกล่าวว่าเธอจะช่วยใส่ให้เอง ในเวลาระหว่างนั้น อุ๋ยพยายามจ้องมองไปที่เรือนผมซึ่งถูกรวบเป็นมวยของเธอแทนที่จะจับจ้องสิ่งที่อยู่ใต้เสื้อกันฝน พวกเขาสองคนอยู่ใกล้กันชนิดได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน

สัมผัสมือของเธอที่บีบจับมือของเขาระหว่างใส่ถุงมือปลุกให้อารมณ์ของอุ๋ยปั่นป่วน เขานึกโล่งอกที่เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที ถุงมือยางก็ถูกสวมลงบนมือทั้งสองข้างเรียบร้อยและตั๊กแตนก็เดินกลับไปประจำตำแหน่งของเธอ

อุ๋ยหมุนตัวกลับไปยืนข้างศพ ตั๊กแตนสวมหน้ากากอนามัยเสร็จพอดี เธอยื่นหน้ากากอนามัยมาให้เขาหนึ่งผืน อุ๋ยรับมาคาดอย่างรวดเร็ว ตั๊กแตนย่อกายลงนั่งคุกเข่าด้านซ้ายของศพ อุ๋ยทำตามที่ด้านขวา ห้องน้ำห้องนี้เป็นห้องน้ำที่ถูกออกแบบให้แลดูหรูหราตามแบบฉบับคอนโดมิเนียมห้าดาว แต่จากเสื้อกันฝนและหน้ากากอนามัยที่สวมใส่ มันก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเหมือนอยู่ในห้องเล็กแคบแสนสกปรกอย่างช่วยไม่ได้

ตั๊กแตนมองซ้ายมองขวาสำรวจดูว่าอุปกรณ์ครบตามที่ต้องการแล้วหรือไม่ เมื่อพบว่าครบ เธอก็หยิบมีดทำครัวเล่มหนึ่งส่งให้อุ๋ยและพูดผ่านหน้ากากอนามัย “เดี๋ยวพี่อุ๋ยตัดแขนฝั่งนั้นนะคะ ส่วนหนูจะจัดการฝั่งนี้”

อุ๋ยผงกศีรษะ รับมีดมาถือ เหงื่อกาฬเริ่มผุดพราวแถวหน้าผาก เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขายังเริงรักอยู่กับคนแปลกหน้า แต่ขณะนี้กลับต้องมาหั่นศพคนแปลกหน้าอีกคนหนึ่ง ท้องไส้ของอุ๋ยป่วนปั่น เขาทาบมีดลงไปบนตำแหน่งที่ตั๊กแตนบอกว่าถ้าหั่นแล้วแขนน่าจะหลุดง่ายมากที่สุด

สำหรับแขนหนึ่งข้าง อุ๋ยต้องหั่นเป็นสองท่อน คือท่อนจากข้อศอกลงมาถึงมือ กับท่อนหัวไหล่ลงมาจรดข้อศอก อุ๋ยรู้สึกว่าดวงตาของศพที่จ้องมองเพดานเมื่อครู่ ขณะนี้กำลังเหล่มองเขาอย่างโกรธแค้น เมื่อเขากดคมมีดลงไปบนผิวหนังที่ซีดเผือดนั้น เลือดสีเข้มไหลซึมออกมา อุ๋ยขยับมีดไปข้างหน้าและข้างหลังในรูปแบบการเลื่อย และถึงจะมีหน้ากากอนามัยปิดจมูก แต่มันก็ไม่ได้ช่วยปิดกั้นไม่ให้กลิ่นเลือดอันรุนแรงฟุ้งมาแตะจมูกเขาได้เลย

อุ๋ยพะอืดพะอมจนต้องหยุดมือขณะที่คมมีดจมลงไปในเนื้อแขนของศพและพบกับกระดูก เขาเงยหน้ามองตั๊กแตน เธอตัดแขนทั้งสองท่อนเสร็จแล้วด้วยความรวดเร็วที่น่าเหลือเชื่อ อุ๋ยไม่รู้ว่าใบหน้าใต้หน้ากากอนามัยกำลังแสดงอารมณ์ใด แต่แววตาที่เขาเห็น อารมณ์ของเธอเย็นยะเยือกและแน่วนิ่งมาก

รู้สึกเหมือนอ้วกจะพุ่งออกมาเสียให้ได้ อุ๋ยละสายตาจากหญิงสาว พยายามบอกตัวเองให้ตั้งสมาธิแน่วนิ่งอย่างเธอบ้าง อุ๋ยก้มหน้าก้มตาเลื่อย หั่นและเฉือนต่อไปจนกระทั่งแขนท่อนแรกบริเวณใต้ข้อศอกหลุดออกมาได้สำเร็จ

อุ๋ยยกแขนเสื้อกันฝนซับเหงื่อบนหน้าผาก ตอนนี้เลือดไหลนองเต็มพื้นแล้ว ตั๊กแตนเงยหน้าสบตาเขาก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบฝักบัวมาฉีดน้ำไล่เลือดลงท่อไม่ให้แห้งติดพื้นซึ่งจะยากต่อการทำความสะอาด ตั๊กแตนวางฝักบัวไว้บนพื้น เปิดน้ำเลี้ยงไล่เลือดไว้ตลอดเวลา เธอเปลี่ยนมีดและกำลังจะเริ่มต้นหั่นขาซ้ายของศพ แต่ก็พบว่าอุ๋ยยังนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม เธอถามเบาๆ

“พี่อุ๋ยเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

ช่องว่างใต้ผ้าขนหนูระหว่างเรียวขาเวลาเธอลุกขึ้นหรือนั่งลงไม่สามารถปลอบประโลมจิตใจของอุ๋ยได้อีกแล้ว

“พี่รู้สึกแปลกๆ เหมือนมันกำลังมองพี่อยู่” เขาตอบ พยักหน้าไปทางศพ ไม่รู้ตัวว่าเรียกคนรักของตั๊กแตนด้วยคำไม่สุภาพไปเสียแล้ว

ตั๊กแตนตวัดสายตามองใบหน้าของศพ

อุ๋ยเลื่อนสายตามามองเธอ “ตั๊กจะว่าอะไรมั้ยถ้าพี่จะขอ...เปลี่ยนจากตัดแขน ไปตัดอย่างอื่นก่อน?”

ตั๊กแตนหันกลับมามองเขา ผ่านไปอึดใจหนึ่ง เธอพูด “งั้นเดี๋ยวหนูช่วยค่ะ”

แล้วอุ๋ยกับตั๊กแตน ก็ช่วยกันตัดศีรษะของศพออกมาท่ามกลางเสียงสายน้ำจากฝักบัว

แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 15:58:38

จากคุณ : ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 15:52:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com