28
นีรนารถอยากจะตะโกนบอกใครสักคนถึงข่าวดีอันนี้ แต่เพราะถูกกำชับไม่ให้แพร่งพรายทำให้คันใจอยู่นาน กระทั่งตอนเที่ยงของวันอังคาร ซึ่งเป็นวันที่สองของการทำงาน ขณะที่เธอกินข้าวกลางวันอิ่มแล้วก็มานั่งเล่นอินเตอร์เน็ต เจอข่าวซุบซิบของนภัสรินทร์กับเอกสิทธิ์ก็ตาโต
ถ้าลงข่าวขนาดนี้ก็ไม่น่าจะเป็นความลับแล้วมั้ง เอกสิทธิ์เป็นฝ่ายพูดก็แสดงว่าทุกอย่างค่อนข้างแน่นอน หญิงสาวใจเต้นโครมคราม แปลกใจว่าทำไมป่านนี้ยังไม่มีเสียงตอบรับของวีรญา หรือว่าอีกฝ่ายยังไม่รู้
เมื่อรวมกับการอัดอั้นที่มาถึงขีดสุด นีรนารถกดโทรศัพท์จนได้ พอทักทายและพูดเข้าเรื่องสิ่งที่ได้กลับมากลายเป็นเสียงกรีดร้อง
“ว่าอะไรนะ!!”
“อ้าว พี่วีไม่รู้เหรอคะ” นีรนารถสงสัยจริง ๆ แต่ก็เจือไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น นานทีจะได้รู้อะไรที่อีกฝ่ายไม่รู้บ้าง บ่อยครั้งที่เธอถูกมองอย่างเหยียด ๆ
“อย่าพูดเพ้อเจ้อนะ รินจะไปแต่งงานกับพี่เอกได้ยังไง ไม่ใช่แล้ว เธอมั่วแล้วนารถ”
“เปล่านะคะ” นีรนารถรีบปฏิเสธ “ถ้าไม่เชื่อพี่วีก็ดูข่าวสิคะ” เธอบอกรายละเอียดที่มาของข่าว ชัดเจนแล้วว่าวีรญาเป็นคนไม่สนใจข่าวซุบซิบพวกนี้ พออีกฝ่ายทำตามที่เธอบอกบทสนทนาก็แทนที่ด้วยความเงียบ
“พี่วีคะ”
“บ้า บ้า เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!”
“พี่วี...”
แล้ววีรญาก็วางสายไปโดยไม่ร่ำลา นีรนารถอ้าปากค้าง อะไรกัน คาดหวังว่าวีรญาจะร่วมยินดีกับเธอ ทำไมกลายเป็นความไม่พอใจ วีรญาโกรธอะไร หรือโมโหที่รู้เรื่องช้า หรือว่าเอกสิทธิ์ยังไม่ได้บอกเธอทั้งที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน คงจะอย่างนั้น
นีรนารถคิดเองตอบเอง แล้วมองภาพข่าวนั้นอย่างมีความสุข ครั้นแล้วก็ฉุกใจนึกได้ ปัญวิชช์จะรู้สึกยังไงนะ
ระหว่างขับรถ วีรญาคิดทบทวนชีวิตประจำวันของตัวเองในสองสามวันที่ผ่านมา มีอะไรที่รอดหูรอดตาไป เธอกำลังกระหยิ่มในชัยชนะที่มีเหนือนภัสรินทร์ ว่าคนที่เธอรักจะต้องทบทวนการกระทำของตนเองเรื่องความรักเสียใหม่ หลังจากที่เกือบจะเอาชีวิตผู้ชายคนนั้น ช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่นภัสรินทร์อ่อนแอ
แต่ทำไมถึงได้มีข่าวประกาศแต่งงาน แน่นอนเธอจะต้องคัดค้าน แต่เจ้าบ่าวกลายเป็นคนที่เธอไม่คาดฝัน เอกสิทธิ์พี่ชายของเธอเอง ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้
เธอรู้ว่าเอกสิทธิ์เคยขายขนมจีบนภัสรินทร์พร้อม ๆ กับปรเมศ แต่เพราะความเพลย์บอย พอรู้ว่านภัสรินทร์มีเจ้าของและไม่เล่นด้วยเขาก็หลุดวงโคจร ลอยไปบินตอมดอกไม้งามที่อื่น ถึงแม้จะไปมาหาสู่กับนภัสรินทร์แต่เธอก็วางใจคิดว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมงานระหว่างธุรกิจและครอบครัวเท่านั้น
ต้องเป็นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแน่ ค่ำแล้วแต่เธอเห็นพ่อ แม่ และพี่ชายคุยอะไรกันที่ห้องรับแขก ท่าทางจริงจัง เธอถูกเรียกให้ร่วมวงสนทนาและเป็นเพราะกำลังเหนื่อยจากการไปพบลูกค้าจึงไม่อยากเสวนาด้วย ถ้ารู้มาก่อนเรื่องนี้มันจะไม่เกิดขึ้นแน่
นี่เธอพลาดเองหรือนี่
ไหนจะขั้นตอนการทาบทามอีก เมื่อได้ยินข่าวนี้ทีแรก อารมณ์แล่นปรี๊ดจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ พอสติกลับมาก็อยากได้ข้อมูลอีกสักหน่อย จึงปั้นเสียงโทร.กลับไปหานีรนารถ กลั้นใจกล่าวคำขอโทษ
‘สงสัยเป็นวันที่พี่เอกกับลุงยุทธมากินข้าวที่บ้านน่ะค่ะ แต่นารถไม่แน่ใจนะคะ ไม่ได้อยู่ฟังเพราะขอตัวขึ้นห้องก่อน แต่น่าจะได้คุยกันเรื่องนี้บ้าง นารถยังแปลกใจอยู่เลยค่ะว่าทำไมพี่วีไม่มาด้วย’
น้ำเสียงสาวรุ่นน้องดีใจจนน่าหมั่นไส้ ยิ่งฟังวีรญายิ่งหัวเสีย เธอจำได้แล้วว่าพ่อชวนไปกินข้าวที่บ้านกุลโยธา รู้สึกจะช่วงก่อนที่นภัสรินทร์จะไปธุระทางเหนือ แต่เหตุผลเดิมคือไม่อยากไป นั่นเพราะเธอไม่รู้มาก่อนว่าเพื่อนรักจะไปที่นั่นด้วย ถ้ารู้...ถ้ารู้...
“โธ่เว้ย!!”
วีรญาทุบพวงมาลัย โวยวายซ้ำ ๆ กราดเกรี้ยวหงุดหงิดอยู่ในห้องโดยสารรถยนต์ นภัสรินทร์อาจจะแยกกับปัญวิชช์ด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง แต่มันต้องไปวกกลับมาที่เอกสิทธิ์ คน ๆ นั้นต้องไม่ใช่พี่ชายของเธอ ข่าวออกแบบนี้แสดงว่าแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ นภัสรินทร์...เธอ...บ้าที่สุด!
วีรญากัดฟันกรอด ทิ่มรถเข้าที่จอดจนเกือบจะชนกับคันข้าง ๆ แต่เธอไม่สนใจ จ้ำพรวด ๆ เข้าในบริษัทกุลโยธา เดินลิ่ว ๆ ตรงไปยังห้องทำงานของนภัสรินทร์ กวางรีบลุกแต่ไม่ทัน วีรญาเปิดประตูเข้าไปก่อนแล้ว
นภัสรินทร์เงยหน้า เห็นวีรญาหน้าเครียด กับเลขาที่ทำหน้าเจื่อน ๆ ก็เข้าใจ สบตาผู้ช่วยทำนองว่าไม่เป็นอะไร กวางรีบถอยออกไปทันทีและปิดประตูห้องทำงานให้
“มีอะ...”
“นี่เธอทำอะไรลงไป บ้าหรือเปล่า!” วีรญาแทบจะไม่รอให้เจ้าของห้องพูดได้จบประโยค มารยาทและขั้นตอนใด ๆ เธอก็ไม่สนใจแล้ว อารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด
นภัสรินทร์ยกคิ้ว “ฉันทำอะไร”
“อย่ามาทำไก๋นะริน เรื่องพี่เอกไง เธอทำอะไร เธอแกล้งฉันใช่ไหม เอาคืนฉันใช่ไหม!”
นภัสรินทร์คิดว่าบางทีตัวเองอาจจะมีความจิตในตัวเองบ้างเหมือนกัน เพราะสะใจที่เห็นวีรญาเต้นแร้งเต้นกาแผดเสียงปาว ๆ ใส่หน้าแบบนี้ เธอลอยหน้า
“เอาคืนหรือเปล่าฉันไม่แน่ใจ แต่ความจริงคือ ฉันจะแต่งงานกับพี่เอก ไม่ดีหรือไง ฉันก็แยกกับปัญวิชช์สมใจเธอแล้วนี่” หญิงสาวเหลือบมองวีรญาที่หายใจจนไหล่โยกแล้วยิ้มเยาะ “ฉันอยากรู้เหมือนกัน กับคนอื่นเธอยังเก่งนักหนา กับพี่ชายตัวเองเธอยังจะกล้าทำร้ายไหม”
วีรญาปราดเข้ามา “หยุดนะริน! หยุด! เธอต้องไปปฏิเสธพี่เอกเดี๋ยวนี้!”
นภัสรินทร์หรี่ตา ตอบอย่างเย็นชา “ไม่”
แล้วเธอก็เดินออกไป ไม่สนใจว่าวีรญาจะกรีดร้องตีอกชกตัวอย่างไรอีก วีรญาจะไม่มีวันรู้หรอกว่าถ้าตัวเองเจ็บ แล้วการที่เธอปฏิเสธปัญวิชช์ไปนั้นมันร้าวรานแค่ไหน เธอเหยียบย่ำหัวใจเขาเหมือนบดมะเขือเทศสุก แต่หัวใจเธอมันย่อยยับไปก่อนนั้นแล้ว
ไม่มีการเข้าร่วมสงครามครั้งไหนที่จะไม่สูญเสียเลือดเนื้อ นภัสรินทร์คิดดีแล้ว นี่เป็นทางเดียวที่จะปกป้องชีวิตปัญวิชช์ และแก้เกมส์วีรญาได้เด็ดขาดที่สุด ไม่เช่นนั้นอดีตเพื่อนรักก็ตามราวีไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งที่เธอคิดมันอาจจะผิด แต่เธอก็เลือกแล้ว เลือกที่จะไม่ใช้ปัญวิชช์ถือความลับของวีรญาไปฟ้องปู่ ปรเมศไม่เกี่ยวข้องแล้ว
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่ปัญวิชช์จะปลอดภัย ถึงแลกมาด้วยการที่ท้ายสุดเธอไม่เป็นอิสระจากร่มเงาของสองครอบครัวนี้ แต่ที่แน่ ๆ เธอจะพ้นจากการจองล้างจองผลาญของวีรญา เมื่อเธอเดินหมากแบบนี้จึงรู้สึกสะใจที่เห็นวีรญาเจ็บปวดจากการที่ไม่สามารถทำอะไร ‘ผู้ชายของนภัสรินทร์’ ได้ เนื่องจากเป็นพี่ชายตนเอง วีรญาจะรู้สึกทรมานทุรนทุรายจากการเสียของรักโดยที่ไม่อาจทำอะไรได้เหมือนครั้งหนึ่งที่เธอเป็น
อย่างไรเสีย เอกสิทธิ์ก็ไม่ใช่ผู้ชายเลวร้ายอะไร อย่างน้อยเขาก็มีใจให้เธอ ให้เกียรติเธอมากพอสมควร
ปัญวิชช์ยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงแต่เจ็บ รู้แต่ร้าวรานไปทั้งกาย เขารักและรอนภัสรินทร์มานาน นานจนเกินกว่าใครจะเชื่อว่าปักใจกับผู้หญิงคนเดียว วันหนึ่งเธอเปิดใจ ให้เขาเดินเข้าไปยังที่ส่วนตัว ยอมให้เกาะกุมหัวใจ ภาพชีวิตในวันที่มีเธอร่วมบ้านวาดไว้ชัดแล้ว
แต่จู่ ๆ ทุกอย่างก็พัง เหมือนโดนระเบิด ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีลางบอกเหตุ มันรวดเร็ว ปัจจุบันทันด่วนจนรับไม่ไหว เขาไม่รู้ว่ากลับถึงบ้านได้ยังไงในสภาพบอบช้ำแบบนั้น ตอนเดินก็ไม่สบตาใคร ก่อนจะมาหมกตัวอยู่ในห้องที่เรือนริมสระบัว เฝ้าถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าทุกอย่างมันจบไปแล้วอย่างนั้นจริง ๆ หรือ
กำลังนอนฝันอยู่บนปุยเมฆขาว แต่ถูกกระชากลงเหวกระทันหัน นภัสรินทร์จะแต่งงาน แต่เจ้าบ่าวไม่ใช่เขา พอคิดถึงตอนที่เห็นข่าวก็ร้าวในอก เจ็บจนหายใจไม่ออก ตาพร่าเลือนเพราะหยาดน้ำแห่งความเจ็บ
ปัญวิชช์เงยหน้า ภาพหญิงสาวยิ้มอยู่ในกรอบรูปรอบกาย ทุกครั้งที่เห็นมันคือน้ำหวานหล่อเลี้ยงลมหายใจ แต่ตอนนี้มันคือคมดาบที่พร้อมปลิดชีวิต
เขารู้ว่านภัสรินทร์เป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้ง เธอให้เขาอยู่ด้านนอกตลอดมา วันหนึ่งได้เดินเข้าในห้องใจเขาก็ลิงโลดว่าตนเองชนะใจเธอได้ แท้จริงแล้วเธอก็ยังมีห้องลับ มีกล่องความคิดซ่อนอยู่อีก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับปรเมศ ตอนนั้นบอกเธอไปว่าเข้าใจสิ่งที่เธอทำ แต่พอเกิดกับตัวเองเขามองไม่เห็นแสง มีแต่ความมืดดำปกคลุมทุกที่
วูบหนึ่งที่ความคิดแล่นวาบ ถ้าทุกอย่างเหมือนตอนปรเมศ เธอต้องมีเหตุผลจำเป็นอะไรสักอย่างที่เลือกทำแบบนี้ เขาอยากรู้ เขาจะต้องหาให้เจอ จะยอมรับ จะเข้าใจและจะหาทางทุกอย่างเพื่อกลับไปเคียงข้างเธออีกให้ได้
เมื่อวันเวลาที่เฝ้ารอเธอนานขนาดนั้นยังทนได้ เขาก็ไม่ควรยอมแพ้แค่นี้
....
จากคุณ |
:
อุธิยา (BabyRed)
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ต.ค. 55 10:46:22
|
|
|
|