พิธีรดน้ำสังข์ผ่านไปอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางสักขีพยานที่มาร่วมงานเพียงสิบกว่าคน สีหน้าของสตรีวัยกลางคนแลเคร่งขรึม ขณะทอดมองว่าที่ลูกสะใภ้ในชุดไทยสีเหลืองครีม กำลังคลานเข่าเข้ามาพร้อมด้วยบุตรชายของตน
“รู้จักกันมาตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อย เพิ่งคิดจะมาแต่งงาน” หล่อนเชิดหน้าพูดลอย ๆ เหมือนประชด ก่อนจะยกถ้วยน้ำชาจากทั้งคู่ขึ้นจิบ แล้ววางคืนลงบนถาด
กิริยารับไหว้อย่างเสียไม่ได้ของมารดาทำเอาณภัทรทำหน้าไม่ถูก ขณะคนเป็นเจ้าสาวอยู่ในอาการอึดอัดใจไม่แพ้กัน
“อย่ารักกันมากเกินไป ขอให้อยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจดีกว่า” ผู้เป็นบิดาอวยพรไปอีกทาง
คู่บ่าวสาวโน้มตัวก้มลงกราบแทบตัก ก่อนขยับไปรับถาดน้ำชาแล้วหันไปทางญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง ปราณีโน้มตัวไปสวมกอดลูก นัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำ
“แกกำลังจะเป็นแม่คนแล้วนะนังปิ๋ม จะทำอะไรต้องคิดถึงลูก คิดถึงผัวเอาไว้ให้มาก ๆ” หล่อนพร่ำเตือนด้วยเสียงกระซิบ ในที่สุดลูกสาวคนเดียวก็ได้เป็นฝั่งเป็นฝากับผู้ชายที่หล่อนเห็นสมควร จากนี้ไปจะได้นอนตายตาหลับ
พิธียกน้ำชาลำดับมาถึงญาติผู้ใหญ่ของทางฝ่ายหญิงอีกคู่ หัวใจของปรียาเต้นระส่ำ เมื่อเกรียงศักดิ์มอบพระเลี่ยมทององค์หนึ่งให้เธอ
“พระเครื่องปางมารวิชัย ท่านเจ้าอาวาสวัดที่กาญฯ ฝากมาให้เจ้าลูกชายทั้งสองคนของน้า เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้เกิดความสำนึกดี น้าเลยขอท่านเผื่อมาให้คุณปิ๋มอีกองค์ คิดดีทำดีนะลูก”
นัยน์ตาคู่สวยสั่นระริกกับวาจาสอนสั่งโดยนัยของผู้อาวุโส น้าชายของเธอคงต้องใช้เงินที่เก็บออมมานานนับปี เพื่อเลี่ยมพระเครื่ององค์นี้
“ค่ะน้าเกรียงศักดิ์ ต่อไปปิ๋มจะใช้สติกับชีวิตของตัวเองให้มากขึ้น” เธอบอกอย่างซาบซึ้งใจ น้ำตาปิ่มจะร่วงรินกับความรู้สึกผิดที่กักเก็บไว้ในใจมาแสนนาน ชีวิตเสเพลสุขสบายที่ผ่านมา เธอเติบโตขึ้นท่ามกลางกองเงินกองทองซึ่งควรมีส่วนเป็นของครอบครัวนี้
“ปิ๋มกราบขอขมาน้าเกรียงศักดิ์ กับพี่พิม... เอ่อ น้าพิม กับทุกอย่างที่แม่หรือตัวปิ๋มเอง อาจจะกระทำลงไปอย่างไม่ถูกต้องซื่อตรงนัก" ว่าแล้วก็ก้มลงกราบแทบตักทั้งคู่อีกรอบ เธอคงไม่มีวันสุขสบายใจไปได้ หากมิได้เปิดใจพูดคุยกัน
“ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้องดีงามที่สุดแล้วครับคุณปิ๋ม”
เกรียงศักดิ์ยังคงยืนกรานความเห็นเดิม ขณะสตรีผู้อยู่ข้างกายระบายยิ้มบนใบหน้าอย่างอ่อนโยน
“ตอนที่พิมกลับบ้านไป จำได้ว่าคุณปิ๋มยังเป็นเด็กสาวอายุแค่ 11-12 ขวบได้ รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปแค่แป๊บเดียว ดูสิคะ คุณปิ๋มโตเป็นผู้ใหญ่ สวยจนพิมจำไม่ได้แล้ว” หล่อนชวนคุยอย่างชื่นชม โดยไม่มีท่าทีจะใส่ใจวาจาขอขมาจากใจของผู้เยาว์
ปรียาเหลือบตาขึ้นมองผู้มีศักดิ์เป็นน้าชายและน้าสะใภ้อีกครั้ง มีเพียงแต่ความรักและเอ็นดูซ่อนอยู่ภายในนัยน์ตาของทั้งคู่ แววตาที่ผ่านความทุกข์ยากแสนสาหัส จนปลดปล่อยทุกเรื่องราวของวารแห่งชีวิตให้ล่วงเลยและผ่านหายไป ทรัพย์สมบัติเงินทองใด ๆ ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาอีกแล้ว หญิงสาวเพิ่งตระหนักในวินาทีนั้น
“ตกลงว่าพวกเพื่อน ๆ แกเค้าจะไปส่งแกถึงโน้นเลยใช่ไหมนังปิ๋ม” ปราณีแทรกเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อสังเกตเห็นสายตาใคร่รู้ของหญิงที่เพิ่งจะเกี่ยวดองเป็นญาติ
“ค่ะ” ปรียารับคำพลางยกมือขึ้นแตะขอบตาอันชื้นเปียก “พวกเค้าอยากไปสังสรรค์กันต่อที่บ้านของภัทร ทำไมเหรอแม่”
“เอ่อ...” สีหน้าของสตรีอาวุโสบอกถึงอาการอึดอัดใจ เมื่อจำต้องเผยความนัยบางส่วนของครอบครัวในวงสนทนา ““ถ้าแกมีคนไปด้วยเยอะแล้ว แม่อยากจะขอตัวไปส่งน้าเกรียงศักดิ์บวชพระวัดที่กาญฯ แทน”
“ไม่ต้องหรอกครับพี่ปราณี” คนที่ถูกกล่าวถึงรีบร้องปราม “ก้องกับกันต์ไปส่งผมอยู่แล้ว”
สายตาของคนเป็นพี่สาวเบนมองกลับมายังเจ้าของเสียงพูด ด้วยแววตารำลึก
“ถ้าการบวชของเธอคราวนี้ เพื่อเป็นการขออโหสิกรรมจากคุณแม่ ฉันก็อยากจะมีส่วนร่วมด้วย” คนพูดเน้นถ้อยคำอย่างตั้งใจ “ฉันอยากจะไปส่งเธอ และถือโอกาสถือศีลบวชผ้าขาวที่วัดนั้นซักอาทิตย์ หลานสองคนไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ เพราะต้องช่วยกันจัดการงานทางนี้”
นัยน์ตาคู่เริ่มจะโรยราของเจ้าของเสียงพูดไล่เรียงจากคู่สนทนาไปยังหลานชายทั้งสอง ซึ่งนั่งพับเพียบอยู่ไม่ห่างออกไป ก่อนจะวกกลับมาหยุดอยู่ที่สตรีผู้ควรมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้
“บ้านหลังนั้น” วาจาของหล่อนหยุดลงเล็กน้อย พยายามสื่อความรู้สึกจากใจด้วยสายตาและกระแสเสียง “เหมือนอาถรรพ์มานาน ฉันเลยถือโอกาสนี้เชิญพระมาสวดทำบุญบ้านให้หล่อนกับลูก ๆ ในวันพรุ่งนี้ จะได้อยู่กันร่มเย็น ข้าวปลาอาหารฉันให้คนจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว หล่อนกับลูกไปเป็น มอ แอ เอก - งาน ดูแลทุกอย่างให้ถูกต้องเป็นพอ”
พิมสดับฟังคำนั้นอย่างซาบซึ้ง ราวกับตกอยู่ในห้วงฝัน เรือนหอร้างรักของเกรียงศักดิ์ซึ่งเคยได้แต่เพียงเฝ้ามอง บัดนี้กำลังจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุตรชายทั้งสองคนของเธอ
“ให้ผมไปส่งพ่อด้วยดีกว่าครับป้าปราณี จะได้รู้จักสถานที่ที่จะติดต่อกันตอนพ่อบวช ” เกียรติก้องเสนอความเห็น “ให้นายกันต์อยู่ช่วยแม่ทางนี้คนเดียวก็พอ”
สตรีสูงวัยหันไปพยักหน้าเห็นด้วยกับหลานชาย แล้วหันกลับมายังคู่สนทนาที่ยังนั่งน้ำตาซึม
“หล่อนไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่กับลูก ๆ นะ ดูแลกันและกันให้ดี” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปกุมมือที่กำลังจะพนมขึ้นไหว้ “ที่ผ่านมา ถึงฉันจะไม่ค่อยสนิทสนมกับหล่อนนัก แต่ใจฉันก็รู้สึกชอบหล่อนนะ เหมือนอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ของฉันที่รักและเอ็นดูหล่อนมาก แต่ปัญหามันดันไปติดอยู่ตรงที่...”
แววตาของคนพูดเหมือนอยากบอกอะไรมากกว่านั้น แต่ก็ทำได้เพียงปรายมองไปยังน้องชายคนเดียว ซึ่งกำลังพยายามหลบสายตาด้วยการเสมองความเขียวขจีของต้นกวงอิมในแจกันใบใหญ่แทน
“หมายถึงบ้านหลังที่ยัยหนูปิ๋มเคยอยู่เหรอคะ” สตรีอาวุโสอีกคนเพิ่งได้โอกาสแทรกถาม เสียงแหลม ๆ ของหล่อนช่วยทำลายบรรยากาศซึ้ง ๆ ของวงสนทนา "เอ้“ อาถรรพ์ยังไงเหรอคะคุณปราณี”
คนถูกถามทำหน้าไม่ถูก เหมือนเพิ่งนึกได้ว่ามีหล่อนอยู่ในสถานการณ์นั้น
“งั้น หนูไปเลยดีกว่านะแม่ รถตู้ที่เช่าไว้มาแล้ว เผื่อจะได้ไม่ต้องแวะค้างคืนครึ่งทาง” คนเป็นเจ้าสาวช่วยตัดบท แล้วโน้มตัวไปดึงแขนผู้เป็นมารดาให้ลุกขึ้นตาม “ไปแม่ ไปช่วยหนูแต่งตัว เดี๋ยวพวกเพื่อน ๆ จะมีพิธีส่งขึ้นรถกัน”
................................................
47...พันธนาการรัก
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12764432/W12764432.html
แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 55 12:23:08
แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 55 10:14:30
แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 55 13:18:56
แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 55 13:17:33
แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 55 13:16:34