Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บอกตรงๆ ว่าหลงรัก บทที่ 1-2 ติดต่อทีมงาน

Chapter 1: Memory

สาวผู้คลั่งไคล้ในงานออกแบบด้วยอายุย่างยี่สิบสามปีอย่างฉัน ‘มาโซ’ หลังเรียนจบได้ไม่นานก็หางานตามที่ใฝ่ฝัน ฉันทำงานกับบริษัทที่รับออกแบบตกแต่งภายในหรืองานจำพวกสถาปัตยกรรมเป็นงานบริหารสมองประลองปัญญา ท้าทายความคิดด้วยโปรเจคงานที่หลากหลาย บางครั้งต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำเพราะความคิดครีเอทีฟที่หลั่งไหลพรั่งพรูจนฉุดไม่อยู่

ด้วยความที่ชอบอะไรเหมือนกัน นิสัยคล้ายกัน การคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเพื่อนสนิท แก้วกับฉันรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กจะเปรียบเสมือนพี่น้องท้องเดียวกันหรือจะให้นับรวมญาติก็คงไม่ผิด ถึงจะไม่ใช่ทางสายเลือดแต่ก็แน่นแฟ้นกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ดังนั้นทุกเรื่องของฉันแก้วจะรับรู้ถึงไม่ได้บอกเล่าแต่ก็พอจะเดาเหตุการณ์ที่แสดงออกมาได้อย่างแม่นยำ

ฉันเป็นคนชอบทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานเต็มที่จนลืมเวลาหยุดพัก แต่ระยะนี้เหมือนสมองกลับด้าน ‘ความหลัง’ ครั้งวัยเยาว์ปรากฏให้เห็นเด่นชัด พาสมองฟ่อ สติไม่ค่อยอยู่กับตัว บางครั้งยังเคยนึกขำตัวเองอยากสร้างไทม์แมชชีนถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงสมใจและถ้าเป็นจริงดังหวังจะขอหยุดเวลาไว้แค่นั้นไม่ขอเติบโตขึ้นมาเช่นทุกวันนี้

เวลาผ่านรวดเร็ว.. ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท ภายในสำนักงานยังคงหลงเหลือไว้แค่โต๊ะทำงานว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คนรอบบริเวณ สายตาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือบ่งบอกเวลาเกือบสามทุ่ม ‘เสร็จซะที’ ฉันบิดร่างกายไล่ความเมื่อยล้ายืดเส้นยืดสายก่อนลุกยืนพ้นจากเก้าอี้ โดยไม่ลืมหยิบงานที่เพิ่งบรรเลงจนเสร็จสิ้นเดินตรงไปยังห้องประตูไม้โอ๊คสีน้ำตาลเข้ม

ก๊อก ก๊อก.. เสียงเคาะประตูเป็นการส่งสัญญาณให้คนภายในห้องรับรู้ถึงการมาเยือน ‘เชิญครับ’ ประตูถูกเปิดกว้างและปิดตัวลงเมื่อฉันย่างก้าวเข้าไปยังด้านใน “เป็นไงคุณมาโซงานเรียบร้อยนะครับ” เสียงนุ่มนวลดูสุภาพของผู้ชายหน้าตี๋ตาชั้นเดียววัยสามสิบต้นๆ ที่ละสายตาจากกองเอกสารบนโต๊ะมองมายังฉันเพื่อสร้างบทสนทนา

“เรียบร้อยค่ะ โซเอางานให้หัวหน้าตรวจความเรียบร้อยก่อนนำเสนอลูกค้าค่ะ” แฟ้มงานถูกยื่นยังโต๊ะด้านหน้า ชายหน้าตี๋รับช่วงต่อเปิดแฟ้มสำรวจเอกสารด้านในคร่าวๆ “ถ้ามีอะไรแก้ไขบอกนะคะ โซจะจัดการให้เรียบร้อยค่ะ” แฟ้มถูกปิดและวางลงเมื่อผ่านการสำรวจเรียบร้อย

“นี่ก็ดึกแล้วคุณกลับบ้านเถอะ ถ้ามีปัญหาอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ผมเชื่อฝีมือไม่น่ามีอะไรต้องแก้ไข” ชายเบื้องหน้าส่งยิ้มบางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ

“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่หัวหน้ายังไม่กลับเหรอคะ” จากการคาดเดาด้วยสายตาปริมาณเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะคงใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะตรวจเช็คเสร็จสิ้น คำตอบที่ได้เป็นไปตามคิดขอต่อเวลาอีกซักพักคงกลับตามหลังกันไป ฉันไม่เสียเวลากล่าวคำอำลา ขอตัวกลับไปพักผ่อนปล่อยให้ผู้บังคับบัญชาทำงานที่ค้างคาตามหน้าที่ต่อไป

หมดเวลาไปอีกวันกับการทำงานที่ยาวนาน ถึงเวลาให้ร่างกายได้พักผ่อนและสมองต้องหยุดพัก ฉันย่างก้าวพ้นจากลานจอดรถมายืนหน้าตึกสูง ติ๊ด ติ๊ด.. เสียงโทรศัพท์ดังเรียกให้มือบอบบางล้วงกระเป๋าสะพายควานหาเครื่องมือสื่อสารที่ส่งเสียงรอรับสายหน้าจอบ่งบอกชื่อผู้โทรเข้า ‘ที่รัก’

“ว่าไงค่ะแม่” คำอวยพรส่งผ่านตามสายด้วยเสียงหวานใส่ทำให้ฉันหลุดยิ้มด้วยรู้สึกเปี่ยมสุขจนความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง “ขอบคุณนะค่ะ ปีนี้เลยไม่ได้ฉลองกันอีกแล้ว”
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดทุกปีแม่จะโทรมาส่งความคิดถึงพร้อมคำอวยพรและบอกรักเป็นประจำเนื่องจากแม่ย้ายไปอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่ฉันเข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยเหตุผลที่ว่า เบื่อความวุ่นวายของสังคมเมือง อยากใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและสถานสังคมสงเคราะห์ที่จัดตั้งตามความฝันในชุมชนที่อาศัย เราจึงไม่ได้เจอกันบ่อยนักนอกเสียจากจะหาเวลาว่างหรือมีธุระจำเป็นจริงๆ ด้วยความห่วงใยยังคงถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันของกันและกันส่งผ่านตามสายโทรศัพท์สลับกันไปมา ถึงตัวจะห่างไกลกันกี่ร้อยพันไมล์การติดต่อยังคงบ่อยครั้งตามความคิดถึงเพียงแค่ต่อสายก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างใบหู

“สวัสดีค่ะคุณมาโซ กลับดึกจังเลยนะคะ มีจดหมายมาถึงคุณเหมือนเดิมค่ะ” หญิงสาวในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเอ่ยทักเสียงดังชัดถ้อยชัดคำแย้มยิ้มต้อนรับเมื่อเห็นฉันเหยียบย่างเข้ามาภายในคอนโดสูงกว่าสิบชั้น

“งานยุ่งนะคะเลยต้องกลับดึก” คำทักทายส่งกลับพร้อมรอยยิ้มตอบรับอย่างอัธยาศัยดี ฉันหยิบซองกระดาษทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวที่ถูกยื่นให้ ‘เหมือนเดิม’ โดยไม่ลืมกล่าวคำขอบคุณและเอ่ยลาเป็นพิธี

ประตูลิฟต์ปิดสนิท ลิฟต์เคลื่อนตัวขยับตามแผงปุ่มกดที่ปรากฏไฟสว่างไล่ลำดับตัวเลขบอกให้รู้ถึงการเดินทางระหว่างชั้นต่อชั้นมาหยุดกึกยังเลขหก ไฟสีส้มดับลงประตูลิฟต์เปิดกว้างฉันก้าวเท้าออกจากพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบและเดินตรงไปยังห้องส่วนตัวที่เรียกว่าบ้าน เมื่อย่างกายเข้าไปด้านในสัมภาระทั้งหมดถูกวางลงบนโต๊ะอย่างเบามือจะมีก็แต่ซองกระดาษสีขาวที่ยังตกเป็นเป้าความสนใจใคร่รู้กับบางสิ่งที่สัมผัสได้ถึงรอยนูนภายในจดหมายไร้ซึ่งข้อความใดจ่าหน้า  

ทุกปีจะมี ‘จดหมายปริศนา’ ที่ไม่ระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ส่ง ส่งโดยบุคคลที่ถูกจ้างวานมาอีกทอดหนึ่งตามคำบอกเล่าของฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่เป็นตัวกลางในการส่งต่อ ฉันบรรจงเปิดซองจดหมายอย่างตั้งใจกระดาษสาสีขาวบางที่มีข้อความเขียนด้วยลายมือหนัก ‘HBD’ ถูกดึงออกมาพร้อม ‘นกกระดาษ’ พับอย่างประณีตตัวกำลังพอดีด้วยกระดาษสีสันสดใส สิบปีแล้วที่ฉันไม่เคยรู้ว่า ‘ใคร’ เป็นเจ้าของสิ่งนี้

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Chapter 2: Dream

‘ลาก่อนมาโซ ซักวันฉันจะกลับมาหาเธอ’ เสียงแผ่วเบาค่อยๆ จางหายในความมืดสลัวที่ไร้ซึ่งสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่าเลือนราง

‘อย่าไปนะ กลับมาก่อน อย่าทิ้งโซไป!!’ กริ๊งงงง... ฉันสะดุ้งสุดตัวเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า เสียงนาฬิกาปลุกดังทำลายภาพฝันอันรางเลือน ‘ทำไมยังจำ’ ก็แค่สัญญาแบบเด็กๆ ซึ่งฉันเองที่ยังผูกมัดจิตใจให้สิ่งเหล่านั้นตามหลอกหลอนก่อกวน ลมหายใจถูกพ่นออกมาอย่างหนักหน่วงปัดความปั่นปวนให้สงบลง

@ บริษัท Zone Design

“มอนิ่งจ๊ะ” แว่วเสียงทักทายดังมาพร้อมรอยยิ้มสดใส ริมฝีบากอิ่มบนใบหน้านวลเนียนไร้การแต่งแต้มสีสันใดนอกจากแป้งฝุ่นเพียงเบาบาง แก้วเดินถือถ้วยกาแฟที่มีควันลอยอ่อนๆ ส่งกลิ่นหอมยกมือทักทายฉันและเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ทยอยเดินตามหลังกันมาก่อนก้าวเท้ายาวอย่างกระฉับกระเฉงไปยังโต๊ะทำงาน ฉันพยักหน้ารับน้อยๆ เป็นการทักทายกลับ แว่นตาใสขอบสีฟ้าถูกหยิบขึ้นมาสวมใส่เมื่อวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะอย่างกระตือรือร้นและเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ฉบับพกพาเตรียมพร้อมทำงาน

“มาเช้าจังยัยแก้ว”

“ก็แก้วไม่ได้กลับดึกดื่นค่อนคืนเหมือนโซนิ เออนี่ เมื่อกี้หัวหน้าถามหาแน่ะ” ฉันเลิกคิ้วงุนงงปัดไรผมที่ตกลงมาทัดข้างหูอย่างลวกๆ สูดลมหายใจไล่ความเหนื่อยเร่งฝีเท้าพรวดเดียวถึงโต๊ะทำงาน กระเป๋าสัมภาระถูกจับวางเกลื่อนบนเก้าอี้แล้วหันหลังกลับเดินตรงไปยังห้องประตูไม้โอ๊คที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ คงไม่พ้นงานมีปัญหาต้องแก้ไข

ก๊อก ก๊อก.. ‘เชิญครับ’ เสียงตอบรับอนุญาต ฉันไม่รีรอเปิดประตูสีเข้มเดินเข้าด้านในตามคำเชิญ “หัวหน้าถามหาโซมีอะไรแก้ไขหรือเปล่าค่ะ” ผู้ชายหน้าตี๋ยิ้มตอบอารมณ์ดีวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะอย่างเบาแรง

“รบกวนคุณไปรับงานแทนผมหน่อยครับ” คำสั่งเชิงขอร้องไปรับงานจ๊อบพิเศษ ซึ่งปกติงานที่รัดคิวและเร่งด่วนจะไม่ค่อยมีมาให้เจอบ่อยเท่าไหร่ นี่คงเป็นลูกค้ารายพิเศษถึงยอมรัดคิวงานอื่นที่เร่งทำกันมาตลอดอาทิตย์

การออกแบบตกแต่งภายในตามความต้องการของลูกค้ารายนี้หัวหน้าปล่อยให้ฉันดูแลรับผิดชอบได้เต็มที่ มีก็แต่คำถามคาใจเหตุใดถึงมั่นอกมั่นใจเสนองานชิ้นนี้ให้กับฉันซึ่งประสบการณ์ทำงานยังด้อยกว่ากูรูผู้รู้คนอื่นที่มีฝีมือชำนาญงานมาเป็นเวลาสิบปี คำตอบที่ได้เพียงเพราะทุ่มเทและใส่ใจรายละเอียดเท่านั้นที่เลือก ฉันหยุดความสงสัยขอรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงสถานที่และผู้ติดต่อ การเตรียมงานชิ้นนี้คงจะราบรื่นไม่มีอะไรสะดุดเพราะมีหัวหน้าปูทางไว้เกือบหมดแล้ว สรุปเหลือแค่ฉันตัดสินใจยอมรับงานและเลือกทีมงานเพื่อเดินทางไปทำงานนอกสถานที่ได้ทันที

@ คอนโดใจกลางเมือง  

ใจกลางเมืองย่านธุรกิจไฮโซที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าเรียงรายเห็นเด่นชัดแต่ไกล ฉันขับรถมาตามเส้นทางที่มีการจราจรแออัดแม้จะผ่านช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้ามาหลายชั่วโมง แต่ความคับคั่งบนท้องถนนก็ยังไม่มีวี่แววสิ้นสุด ฉันกับแก้วติดอยู่บนถนนที่มีการจราจรเป็นอัมพาตร่วมสองชั่วโมงเศษก็ฝ่าความวุ่นวายมาถึงสถานที่ที่รอการติดต่ออย่างเป็นทางการเพื่องานที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ภายในอาคารชั้นล่างที่เหมือนเป็นห้องโถงรับแขกเมื่อย่างกายเข้ามายังคงตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของสีและความใหม่ของเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกจัดประดับประดาไว้ภายในคอนโดหรูหราแห่งนี้ที่เพิ่งผ่านการสร้างเสร็จหมาดๆ ชวนปวดหัว

ตรงฟร้อนรับแขกมีพนักงานต้อนรับสาวสวยหุ่นดีด้วยชุดสูทกระโปรงสั้นสีครีมอ่อนยืนยิ้มพร้อมบริการอยู่หลังเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ “ดิฉันมาติดต่อคุณยูมีค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวยังคงฉีกยิ้มหวานกล่าวรอสักครู่อย่างอ่อนน้อมและกดโทรศัพท์เพื่อติดต่อไปยังบุคคลที่ฉันต้องการพบอย่างชำนาญงาน

“นี่ยัยโซคอนโดเริ่ดมากเลยเนอะ อยากได้มั้งอ่ะ” แก้วเหลียวมองไปรอบบริเวณด้วยสายตาพราว ฉายแววตื่นตากับความโอ่อ่าของสถานที่แห่งนี้ ผิดกับฉันที่คิดว่าการมาซื้อที่นี่เป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ กับแค่ความหรูหราของห้องเล็กเท่ารังมดแต่ราคาแสนแพง ถ้าเทียบกับมีบ้านหลังเล็กแต่อยู่แล้วอบอุ่นนับว่าโชคดีกว่าหลายเท่าตัว

“คุณยูมีรออยู่ที่ห้องรบกวนขึ้นลิฟต์ไปชั้นเก้าห้อง 909 เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานต้อนรับกล่าวและเดินนำไปยังลิฟต์ ปุ่มไฟถูกกดให้สว่างที่เลขเก้าบริการอย่างสุภาพพร้อมส่งรอยยิ้มหวานวาดมือเป็นการเชิญนำยังด้านใน

ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ฉันได้แต่ยืนนิ่วหน้ามองเพื่อนสนิท ฟังคำพร่ำพรรณาถึงความอลังการของสถานที่แห่งนี้หน่ำซ้ำยังบรรยายการบริการชั้นหนึ่งเมื่อครู่ที่คล้ายตัวเองเป็นลูกค้าวีไอพีของโรงแรมระดับห้าดาวสมกับราคาของคอนโดแพงเหยียบสิบล้าน ไฟสว่างวิ่งไล่เลขชั้นหยุดตรงเลขเก้าตามที่พนักงานต้อนรับด้านล่างกดนำร่องไว้ให้ เราทั้งคู่ก้าวออกจากลิฟต์กว้างราวห้องแต่งตัวที่มีกระจกล้อมรอบ เมื่อมองตรงไปยังเบื้องหน้าก็เห็นแผ่นป้ายที่ติดไว้ตรงผนังสูงระดับสายตาบอกลำดับห้องให้เลี้ยวซ้ายขวาตามแต่ต้องการ ระหว่างทางเดินสีสันนุ่มนวลของแสงไฟอ่อนมองเห็นผนังกำแพงที่ตกแต่งด้วยวอลล์เปเปอร์พื้นสีไข่ไก่ลายดอกไม้ดอกเล็กสีเหลืองอ่อนแซมดูสบายตา เท้าสองคู่ที่ย่างก้าวไปตามพรมหนาสีน้ำตาลเข้ม ไร้เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นจนไปหยุดอยู่หน้าห้องหมายเลข 909

ก๊อก ก๊อก.. ประตูถูกเปิดออกจากด้านในพร้อมเสียงหวานใสกังวาลของสาวร่างเล็กผิวขาวซีดในชุดเดรสแฟชั่นสีชมพูอ่อนดูน่ารัก เธอทักทายด้วยรอยยิ้มเชิญให้เข้าไปยังภายใน “สวัสดีค่ะคุณยูมี” เสียงประสานกันโดยไม่ได้นัดหมายของฉันและแก้วกล่าวทักทายสาวร่างเล็กเป็นมารยาทในการพบปะของสังคมทั่วไป

หญิงสาวร่างเล็กผมซอยสั้นโครงหน้าออกไปทางอาหมวยคงมีเชื้อจีนในสายเลือด เริ่มเข้าเรื่องงานทันทีด้วยติดธุระด่วนจึงอยู่ควบคุมดูแลไม่ได้นาน เธออธิบายลักษณะเจ้าของห้องอย่างคร่าวว่าเป็นคนเรียบง่ายสบายๆ ไม่ซีเรียส ไม่เรื่องมาก สรุปคือตกแต่งห้องนี้ได้เลยตามเห็นสมควรถ้าอยากเพิ่มเติมนอกเหนือจากแบบแผนที่ตกลงไว้ เธอพาร่างเล็กออกจากห้องนี้โดยไม่ลืมยื่นนามบัตรที่มีเบอร์โทรติดต่อและคีย์การ์ดกุญแจสำคัญที่ต้องพกพาไว้ผ่านเข้าออกห้องเผื่อจำเป็นต้องทิ้งห้องไปโดยไม่มีใครอยู่ดูแล

ห้องทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ที่ภายในยังไม่มีการตกแต่งแต่อย่างใดดูโล่ง
กว้างสมราคาหลายล้าน ด้วยลูกเล่นพื้นต่างระดับที่สร้างไว้เป็นสัดส่วนเหมาะสำหรับจัดวางเฟอร์นิเจอร์สวยหรูราคาแพง อีกด้านของห้องที่อยู่ตรงข้ามประตูทางเข้าเป็นกระจกใสบานใหญ่ยาวไปจนสุดกำแพง มองเห็นวิวทิวทัศน์มุมสูงด้านนอกไกลสุดลูกหูลูกตา

ตามรายละเอียดแผนงานที่เจ้าของห้องต้องการเป็นอะไรที่ดูเรียบๆ อย่างสีสันและรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ คงจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีความภูมิฐานสมฐานะอารมณ์เย็นสังเกตได้จากโทนสีที่เลือกใช้ ตามความคิดที่ฉันจินตนาการ

การทำงานเริ่มต้นโดยศึกษาแบบที่มีการกำหนดไว้คร่าวๆ ความคิดอารมณ์ศิลป์บรรเจิดฉันจับดินสอสีขีดเขียนรูปวาดลงไปในแบบดัดแปลงแต่งเติมตามแต่ใจต้องการ เมื่อเพื่อนสนิทเห็นชอบด้วยกับแบบที่ร่างขึ้นมาใหม่จึงแบ่งงานร่วมแรงแข็งขันอย่างขะมักเขม้นเพื่อเวลาที่มีกำหนดให้แค่สองอาทิตย์ ถึงเวลาร่ายคาถาเสกเนรมิตห้องนี้ให้สมเป็นมืออาชีพอย่างตั้งใจ

ระหว่างที่กำลังคร่ำเคร่งติดต่อประสานงานหลายฝ่ายตามแผนงานที่กำหนดไว้ ฉันต้องชะงักนิ่ง ประสาทสัมผัสหยุดการทำงานไปชั่วขณะพาหัวใจกระตุกวูบเหมือนโดนสะกดจิต เมื่อหันไปเจอชายร่างสูงใบหน้านิ่งเรียบรูปหน้ารับกับผมดำสนิททรงรากไทรไล่ยาวระดับต้นคอ เปิดประตูห้องเข้ามาหยุดยืนกระทบจิตใจอย่างแรง ‘ขอโทษค่ะมาหาคุณยูมีหรือเปล่าคะ’ เสียงแก้วแว่วราวกระซิบยังไม่ช่วยให้ฉันตื่นจากมนต์สะกดที่โดนผู้ชายตัวสูงร่ายเวทเสกใส่ไว้ไม่อาจละสายตาหนีจากบุคคลตรงหน้าแม้แต่เสี้ยวนาที

เสียงปลายสายดังผ่านโทรศัพท์เรียกชื่อฉันอยู่นาน ‘คุณโซ!’ จนฉันดึงวิญญาณกลับมา “ขะ ขอโทษค่ะ เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ” ปลายสายทำเสียงดุใส่ราวกับจะฉีกร่างฉันเป็นชิ้นๆ ฉันหันเหความสนใจกลับไปยังบุคคลที่กำลังเจรจาผ่านโทรศัพท์ด้วยใจเต้นรัว

“ไม่ครับ ผมแค่แวะมาดูห้อง” ผู้ชายตัวสูงเสียงแหบห้าวสนทนาตอบสนองกับแก้วด้วยท่าทางนิ่งเฉยไม่ยินดียินร้ายกับหญิงสาวสองรายที่อยู่ภายในห้องนี้ แต่เขาก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตา ฉันยังคงเหลือบมองเป็นระยะด้วยความรู้สึกวูบไหวต้องตาต้องใจ เสียงตื่นเต้นของแก้วแสดงออกถึงความประหม่าตลอดการสนทนากับคนตัวสูง ส่วนฉันยังคงติดต่อกับบุคคลในโทรศัพท์พยายามละสายตาจากสิ่งงดงามด้วยการเดินย้ายเปลี่ยนจุดยืนไปยังส่วนต่างๆ ของห้องเพื่อเรียกสมาธิให้กลับมาอย่างสมบูรณ์

เมื่อจบการสนทนาทางโทรศัพท์ฉันถอนใจเฮือกใหญ่หันกลับมาเผชิญหน้ากับชายรูปงามที่วัดจากสายตาความสูงเขาคงราวร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร ถ้าเปรียบกับฉันและแก้วคงคล้ายคนแคระกับเจ้าชาย

“ผมต้องการให้ห้องนี้เสร็จภายในวันเสาร์นี้” น้ำเสียงขวานผ่าซากทำฉันกับแก้วนิ่งอึ้งตามกัน

“เอ่อ ตามที่ตกลงกันไว้ให้เวลาในการจัดการสองอาทิตย์นะค่ะ” แก้วยังคงเจรจาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา กำหนดเวลาที่ให้มาก็แทบจะน้อยเต็มที นี่ยังต้องการลดเวลาลงอีก ฉันได้แต่นึกต่อว่าในใจและรอดูสถานการณ์จนเริ่มเห็นความพ่ายแพ้เลยจำเป็นต้องหาคำพูดช่วยเพื่อนต่อรอง

“คือทางเราเพิ่งรับงานมาวันนี้เองนะค่ะ และตอนนี้กำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่ถ้าคุณจะให้เวลาพวกเราแค่สามวันคาดว่าคงไม่ทันตามใจคุณแน่ๆ ค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์หงุดหงิดไว้ภายในมองผู้ชายตรงหน้าที่ยังคงยืนในท่าสบาย ไม่ค่อยใส่ใจกับคำพูดของฉันซักเท่าไหร่

“ผมไม่สน วันเสาร์นี้ผมต้องการห้องที่เรียบร้อยและผมถือว่าพวกคุณรับทราบแล้ว ผมไปล่ะ” ชายตัวสูงน้ำเสียงเย็นปล่อยประโยคที่แสนจะธรรมดาแต่สร้างความกดดันมหาศาล เขาหันหลังกระชากประตูออกจากห้องไปปล่อยให้ฉันกับแก้วยืนมองหน้ากันอย่างงุนงง ‘เอาแต่ใจที่สุด!’ ประโยคเดียวที่ตะโกนอยู่ในใจ หน้าตาก็ดูดีขั้นเทพไม่น่าเรื่องมาก ทำไมนิสัยตัวจริงช่างแตกต่างกับข้อมูลที่ได้รับมาอย่างสิ้นเชิง

“จะทำยังไงดีล่ะโซแล้วเราจะทำทันเหรอ” แก้วถามด้วยน้ำเสียงกังวลร้อนใจ เพราะงานที่ต้องติดต่อบางส่วนยังมีปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้ ไหนจะเรื่องสินค้าขาดตลาด กำหนดส่งของล่าช้าไม่ทันการณ์ เฟอร์นิเจอร์ยังไม่ได้แบบที่ต้องการสารพัดต้องหนักใจ โทรรายงานหัวหน้าคงเป็นคำตอบสุดท้ายที่นึกถึงตอนนี้

โทรศัพท์ถูกต่อสายถึงบุคคลที่คิดถึงทันทีแต่ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ ‘เฮ้อ!’ แก้วพ่นลมหายใจหนัก “ทำไมต้องมาเจอปัญหาแย่ๆ แบบนี้ก็ไม่รู้” ฉันเหลียวมองเพื่อนสนิทที่เดินไปเดินมาจนนั่งไม่ติดพร่ำบ่นจนคิ้วผูกโบว์รอการติดต่อกลับอย่างร้อนใจ

“ระหว่างรอหัวหน้าโซว่าเราเร่งมือกันต่อดีกว่าไม่อยากให้เขาว่าเราไม่เป็นมืออาชีพ เสียชื่อหมด” ฉันเริ่มกดหาเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจัดการงานกับทุกฝ่ายอย่างเร่งด่วนอีกครั้ง ในใจกลับคิดถึงใครคนบางคนที่ลักษณะดูคล้ายผู้ชายตัวสูงบ้าพลังคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องไปเมื่อครู่

โปรดติดตามตอนต่อไป

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จากคุณ : มาโซคิส
เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 16:24:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com