Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คนเฝ้าหนังสือ ตอนที่ 5 ติดต่อทีมงาน

การไม่ยอมรับผู้โดยสารด้วยเหตุผลต่างๆ แม้จะมีความผิดจนอาจทำให้ต้องถูกเปรียบเทียบปรับ เป็นเรื่องปกติ การจราจรในเมืองที่ติดขัดแม้จะไม่อยู่ในช่วงเวลาเร่งด่วน เป็นเรื่องปกติ การที่พ่อเอาแต่นั่งเงียบบนเบาะหลังของรถโดยสารโดยไม่พูดอะไรตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง ก็ยังเป็นเรื่องปกติ

แต่การที่พ่อมารับเขาก่อนโรงเรียนเลิก เพื่อเดินทางไป 'โรงพยาบาล' ตามที่เขาได้ยินพ่อบอกกับคนขับ ไม่ใช่เรื่องปกติ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นกับแม่ และคุณยาย เขาจึงตัดสินใจเอ่ยถาม

“...เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับพ่อ”

พ่อยังคงนั่งทอดสายตามองออกไปนอกตัวรถ แม้ร่างกายจะยังอยู่ตรงนั้น แต่ลึกลงไปภายใน จิตใจของพ่อกำลังท่องไปในอดีต หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้อง คือย้อนกลับไปในความทรงจำ กลับไปในอดีตที่เกี่ยวพัน กับมุมมอง กับความเข้าใจของพ่อเอง ซึ่งแตกต่างไปจากของคนอื่น

ถึงแม้จะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน แต่มันจะแตกต่างกันไปในความทรงจำของแต่ละคน พวกมันไม่เคยซ้ำ

การจากไปของพ่อ แม่ หรือปู่ ย่าของพอ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่พ่อไม่ทันตั้งตัว พ่อไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นแบบนั้น ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ทุกคนต่างรู้อยู่แล้วว่า ความตาย เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลบหนี แต่พวกเรามักเคยชินกับการหลีกเลี่ยง กับการแกล้งลืม แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่ามันจะต้องมาถึง

แต่ความตายไม่เคยสนใจว่าใครจะพร้อมเผชิญหน้ากับมันแล้วหรือไม่

รถจักรยานยนตร์คันหนึ่งแซงปาดหน้าไปในระยะกระชั้นชิด เสียงแตรที่แผดลั่นทำให้สองพ่อลูกตกใจ คนขับรถโวยวายอย่างหัวเสีย แต่ทั้งหมดก็ผ่านไปโดยไม่มีเหตุร้ายใดๆ เกิดขึ้น ความตายที่รอคอยอยู่ในทุกๆ สถานที่ เลือนหายไปอย่างเสียดายโดยไม่มีใครทันได้พบเห็น

“คุณยาย ไม่ค่อยสบาย เราจะไปเยี่ยมท่าน” พ่อหันมา ยกมือจับหัวเขา

“คุณยายป่วยเป็นอะไรหรือครับพ่อ”

“คุณยาย...ต้องผ่าตัด พ่ออยากให้เราไปเยี่ยม ไปเป็นกำลังใจให้ท่านก่อนที่การผ่าตัดจะเริ่ม” ทั้งคู่ต่างเงียบไป

'นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองคนหายตัวไปสินะ' เขายังจำภาพสุดท้ายของเช้าวันนั้นได้ดี อดีตที่อยู่ในความทรงจำของเขา อดีตที่เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

แม่ในชุดเสื้อคลุมสีแดง กับซองเอกสาร คุณยายที่ดูปกติ ใช่ ท่านดูเป็นปกติอย่างประหลาด ไม่มีความกังวล ไม่มีความหวาดกลัว นอกจากความอ่อนเพลียที่เขาเคยเข้าใจว่ามีสาเหตุมาจากการเดินทาง 'เดี๋ยวสิ' ภายในรถยังมีเงาของใคร หรืออะไรบางอย่าง ไม่ใช่พ่อ แต่เป็นเงาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด กับดวงตาสีแดงที่เขาคุ้นเคยจากในความฝัน

'มันก็อยู่ที่นั่นด้วย' ไม่ 'มันไม่ได้อยู่ที่นั่น' ใช่ 'มันเป็นเพียงจินตนาการที่ฉันเพิ่มเข้าไปเองในภายหลัง' เขาพยายามย้ำเพื่อให้ตัวเองเชื่อตามนั้น

พ่อหันกลับไปมองดูโลกข้างนอกผ่านทางกระจกหน้าต่าง พ่อมองเห็นเต่าสี่ล้อจำนวนมากค่อยๆ คืบคลานตามกันไปอย่างอดทนท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด พร้อมกับมีกระต่ายสองล้อวิ่งลัดเลาะผ่านไปอย่างรวดเร็วน่าหวาดเสียวในบางครั้ง พ่อไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองจึงนึกถึงนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าขึ้นมาในเวลาเช่นนี้

พ่อเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะพ่อของพ่อ ปู่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ ที่บ้านเก่าซึ่งถูกขายไปนานแล้วมีหนังสืออยู่มากมายหลายประเภท ส่วนใหญ่ได้ตกทอดมาสู่มือพ่อ แต่ก็มีบางส่วนที่จำเป็นต้องตัดใจบริจาคไปอย่างน่าเสียดาย

'ในหนังสือแต่ละเล่ม มีจินตนาการ มีโลก มีความคิด ความทรงจำ ความเข้าใจของผู้เขียนบรรจุเอาไว้ ในทุกหน้า ทุกย่อหน้า ทุกตัวอักษร แม้แต่ในช่องว่างระหว่างบรรทัด หรือในการเคาะวรรค ก็ยังมีสิ่งที่ไม่ได้เขียนเอาไว้สอดแทรกอยู่' พ่อจำไม่ได้แล้วว่าไปได้ยินคำเหล่านี้มาจากที่ใด แต่พ่อรู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

ทุกวันนี้ หนังสือ ได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ หนังสือไม่จำเป็นต้องมีรูปเล่มที่จับต้องได้เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เทคโนโลยีทำให้เราสามารถอ่านหนังสือผ่านหน้าจอได้ในสารพัดรูปแบบ โดยไม่ต้องเดินเข้าไปเลือกในร้านหนังสือ แม้แต่กระดาษเองก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับหนังสืออีกแล้ว

การเขียนเพื่อให้ถูกอ่านกลายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย ใครอยากจะเขียนอะไรก็ได้ภายในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นได้ทั้งเรื่องดี และร้าย เพราะมีสิ่งดีๆ มากมายได้ถูกเขียนขึ้น แต่ก็มีอีกหลายสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องเขียน หลายครั้งที่พวกมันซ้ำซ้อน บิดเบี้ยว เกิดเป็นข้อมูลจำนวนมากที่ไม่เป็นประโยชน์

ภาพของหนังสือเล่มที่นอนนิ่งเป็นเต่าอยู่บนชั้นวาง ในลัง หรือในห้องเก็บของ กับหนังสืออีกแบบที่แตกต่าง หนังสือที่กระโดดไปมาอย่างรวดเร็วบนอุปกรณ์ชนิดใหม่ๆ หนังสือแห่งกระต่าย โผล่ขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

'นี่ฉันกำลังคิดเรื่องบ้าอะไรอยู่' พ่อปัดพวกมันทิ้งไปก่อนปล่อยให้ความทรงจำของปู่ย่าผุดขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องดีไปเสียทั้งหมด มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นไปได้ พ่อเคยไม่เข้าใจ แต่ก็ค่อยๆ เข้าใจ พวกท่านเองก็คงพยายามที่จะทำทุกอย่างให้ดี แต่มันไม่มีทางเป็นเช่นนั้น

ถึงตอนนี้ พ่อเริ่มเข้าใจแล้วว่าในทุกคำถามของชีวิต มันไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

แต่ในตอนที่ทุกอย่างเกิดขึ้น พ่อกำลังสนใจในสิ่งอื่น การงาน เพื่อน คนรัก กับลูกชายเล็กๆ ของตน มันยังคงมีเวลาเหลืออยู่เสมอในความคิด ทุกสิ่งควรเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ซึ่งบางครั้งก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น แต่พอรู้สึกตัว ความเป็นจริงก็วิ่งก้าวกระโดดหายไปอย่างรวดเร็ว และนั่นเป็นอีกครั้งที่ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น

ปู่ย่าจากพ่อ และทุกคนไปอย่างกระทันหัน เวลาที่เคยคิดว่ามีหมดสิ้นลง

สิ่งแรกที่แม่พูดกับพ่อหลังจากรู้เรื่องอาการเจ็บป่วยจากคุณยาย ก็แทบจะไม่ต่างจากที่พ่อเคยเฝ้าถามตัวเองในตอนนั้น และยังคงถามตัวเองอยู่จนถึงทุกวันนี้ เมื่อต้องพบเจอกับค่ำคืนที่เงียบงัน เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่แสนสับสน หรือแม้กระทั่งในขณะที่กำลังมีความสุขก็ตาม

'ทำไมฉันถึงไม่เอาใจใส่ท่านให้มากกว่านี้' มันเป็นคำถามที่ไม่เคยมีคำตอบที่ดี ไม่เคยเลยสักครั้ง

รถเลี้ยวออกจากถนนใหญ่ก่อนจอดนิ่งหน้าตึกใหญ่สีขาว เต่าสี่ล้อคลานฝ่าการจราจรมาถึงเส้นชัยของมันในที่สุด

#####

“มากันแล้วหรือ...” แม่ยิ้มทักทาย พ่อเองก็พยายามยิ้ม ส่วนเขามองไปที่คุณยายซึ่งกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ผ้าม่านถูกดึงออกมากั้นส่วนจากเตียงข้างๆ เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวเล็กๆ ภายในห้องพักรวมแห่งนี้

'คุณยายนอนไม่สบายอยู่บนเตียงเพียงลำพังในกระท่อม รอคอยให้หนูน้อยหมวกแดงนำของมาเยี่ยม แต่คนแรกที่มาถึงกลับไม่ใช่หนูน้อยที่เฝ้ารอ' เขาคิด

“...อีกเดี๋ยวก็จะได้เวลาผ่าตัดแล้ว” แม่ที่ตอนนี้ไม่ได้สวมเสื้อสีแดงตัวเดิมนั้นพูดต่อ เหมือนกับไม่อยากให้เกิดช่องว่างของความเงียบ ไม่อยากให้ความคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้นมา

“มาหายายหน่อย” ยายยิ้มให้กับเขา “มาให้ยายกอดสักที”

เขาเดินเข้าไปข้างเตียง ก่อนต้องปีนขึ้นไปเพราะความสูงของมัน เขานั่งลงข้างๆ แล้วกอดคุณยาย เสื้อของโรงพยาบาลที่คุณยายสวมมีกลิ่นแปลกๆ หรือบางที มันอาจเป็นกลิ่นจางๆ ของความวิตกกังวลก็เป็นได้

พ่อกับแม่พูดคุยกันเบาๆ แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องการผ่าตัดที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาเงยหน้ามองคุณยาย

“พอยังจำนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าได้ไหม” คุณยายถามขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป และมันทำให้ทั้งสามคนสะดุ้ง น่าแปลกที่ดูเหมือนว่าในช่วงนี้นิทานเรื่องดังกล่าวจะวนเวียนอยู่ในใจของทั้งหมด และอาจรวมถึงตัวคุณยายเองด้วย

“ดูเหมือนว่าเส้นชัยของยายจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว”

“แม่คะ” แม่รีบพูดห้าม แต่คุณยายกลับยิ้ม

“ไม่ว่าจะช้าเป็นเต่า หรือรวดเร็วแบบกระต่าย สุดท้ายแล้วทุกคนต่างก็ต้องไปถึงเส้นชัยของตนอยู่ดี มันคือความเป็นจริง”

เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าคุณยายกำลังพูดถึงสิ่งใด หากชีวิตคือการแข่งขัน ที่รออยู่ในท้ายที่สุดก็คือเส้นชัยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง จุดจบของการแข่งขันที่ทุกคนต้องไปถึง

“...แม่คะ” รอยยิ้มที่ปั้นไว้ของแม่จางหาย

“พอคิดว่าอย่างไรดี วิ่งช้าๆ หรือว่าวิ่งเร็ว” ทุกคนเงียบไม่มีใครตอบ

“ยายวิ่งช้า หรือว่าวิ่งเร็วกันแน่นะ” ยายพูดขึ้นลอยๆ ไม่ได้เจาะจงถึงใคร หรือบางทียายอาจกำลังพูดกับใคร ในความทรงจำของตัวเองก็เป็นได้

“แต่อย่างน้อย ยายก็มีความสุข” คุณยายยกมือลูบหัวเขา “ไม่ใช่ว่ายายไม่เคยพบเจอกับความเศร้า ความผิดหวัง เพราะมันคือสิ่งที่ชีวิตนี้มีให้กับเราทุกคน แต่ยายก็ยังมีความสุขอยู่ดี” แม่พยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้

“ทุกอย่างต้องเรียบร้อย” พ่อพูดเบาๆ แล้วเราทั้งหมดก็เงียบไป

“ขอโทษนะครับ” ชายร่างกำยำในชุดขาวกล่าวแทรกเข้ามา ทุกสายตาหันไปหา และเขาพบความผิดปกติได้ในทันใด แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาจึงได้แต่พูดบทสนทนาที่เตรียมเอาไว้ต่อไปให้จบอย่างรวดเร็ว

“...ผมเป็นหมอผ่าตัดของคุณยาย พอดีเมื่อเช้าผมติดประชุมจึงไม่ได้แวะมาหา แต่ผมอยากเจอคุณยายก่อนเข้าห้องผ่าตัด”

เขาอยากเจอคนไข้ทุกคนก่อน เพราะเมื่อพบกันในห้องผ่าตัด คนไข้ก็จะหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว

“ไม่ต้องเกรงใจนะคุณหมอ” คุณหมอทำหน้างงไม่แน่ใจว่าคุณยายพูดถึงเรื่องอะไร

“ยายหมายถึงตอนผ่าตัด หมอไม่ต้องเกรงใจ ทำได้เต็มที่เลย”

“...ครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด” คุณหมอตอบ

“ฝากด้วยนะคะคุณหมอ” แม่ย้ำ คุณหมอพยักหน้า แสดงความมั่นใจให้ทุกคนได้รับรู้ เพราะเขารู้ว่าทุกคนในที่นี้กำลังต้องการ ไม่ว่าเขาจะมีมันอยู่ในตัวหรือไม่ก็ตาม นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่เขาได้เรียนรู้มาจากการทำงานมาหลายปี

พอ มองดูรูปร่างของหมอแล้วพยายามนึกว่าเขาควรจะเป็นใครในนิทาน ชายรูปร่างกำยำสูงใหญ่ เขานึกภาพตอนที่ชายคนนี้กำลังถือมีดผ่าตัดไม่ออก เขาเห็นแต่ภาพอีกแบบ ชายคนนี้ในชุดที่แตกต่าง สิ่งที่อยู่ในมือของเขายังคงไม่พ้นของมีคม มันอาจไม่คมเท่ามีดผ่าตัด แต่ใหญ่กว่า ใหญ่กว่ามาก

'คุณยายนอนอยู่เพียงลำพังในกระท่อม ก่อนที่หนูน้อยหมวกแดงจะไปหา'

เขาย้อนนึกถึงตอนนั้นอีกครั้ง ไม่ใช่ตอนที่จากกันในเช้าวันนั้น แต่เป็นตอนค่ำของวันที่คุณยายพึ่งเดินทางมาถึง 'นั่นเป็นเวลาที่คุณยายได้พบเจอกับหนูน้อยหมวกแดงเป็นครั้งแรก'

ก่อนที่ทั้งสองจะได้พบกัน ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น 'มัน' ต้องไปถึงตัวคุณยายก่อน

ภายในรถคืนนั้น ในเงามืดของเบาะหลังที่คุณยายนั่งอยู่ เขาได้พบเห็นมันแล้ว 'ดวงตาสีแดงที่หลบซ่อนอยู่ในความมืด' มันเดินทางมาพร้อมกับคุณยาย มันหลอกทุกคน รอคอยเวลาที่จะได้จัดการกับหนูน้อยหมวกแดง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของมัน

ครั้งนี้มันอาจไม่ได้คิดจะกินหนูน้อยหมวกแดง แต่มันจะทำให้เธอต้องจมอยู่ในความเศร้า ทำให้เธอต้องเจ็บปวดไปตลอด 'ไม่' เขาตะโกนใส่ตัวเอง 'มันเป็นเรื่องบ้าๆ ที่ฉันคิดขึ้นมาเองทั้งนั้น'

'นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่นิทาน' ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงแหบห้าวกระซิบตอบกลับมาในความคิด 'ใครจะไปรู้' เขาตัวสั่นรีบขยับลงจากเตียง

เขาพยายามคิดอย่างรวดเร็ว 'มันอาจจะเป็นเรื่องบ้าๆ แต่ว่า'

“...คุณหมอครับ” เขาส่งเสียงเรียกออกไปเสียแล้ว คุณหมอหันมาเห็นเด็กชายตัวผอมใส่แว่น เด็กชายที่ดูมีท่าทางลังเล

“ผม ผมขอยืมกระดาษกับปากกาได้ไหมครับ” เขาเห็นว่าบนตัวคุณหมอมีของทั้งสองอย่างที่เขาต้องการ หมอมีสมุดเล่มเล็กๆ อยู่ในมือ มีปากกาเสียบอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร

“...ได้สิ”

หมอฉีกกระดาษหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึกออกมา พร้อมกับปากกาส่งให้เขา ซึ่งรับไปขีดเขียนอะไรบางอย่างอย่างรวดเร็ว ก่อนพับมันหลายทบจนเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ

เขายื่นทุกอย่างคืนให้กับคุณหมอ พยายามบังคับตัวเองให้พูดสิ่งที่คิดออกไป

“ผมอยากให้คุณหมอเก็บกระดาษชิ้นนี้เอาไว้ และ...และเอามันติดตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วย ห้ามเปิดดูเด็ดขาด พอผ่าตัดคุณยายเสร็จแล้ว คุณหมอก็ทิ้งมันไปได้เลย”

คุณหมอรับกระดาษมา เขาเคยเจอกับอะไรมาแล้วหลายอย่าง แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่มีใครต้องการให้เขาทำอะไรแบบนี้ แต่เขาก็ยังพยักหน้า

“ได้ หมอจะทำตามนั้น” ก่อนเก็บมันใส่กระเป๋า แล้วเดินจากไป

“ลูกทำอะไร” แม่ถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรครับ” เขาไม่อยากบอกใครทั้งนั้น ยายจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาแปลกๆ แต่ไม่ว่าอะไร

ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่เข็นเตียงมาพาคุณยายไปห้องผ่าตัด พวกเขาทั้งหมดก็ติดตามไปจนถึงบริเวณทางเข้า ซึ่งให้เพียงคนไข้ผ่านเข้าไปเท่านั้น

“โชคดีนะคะแม่”

“โชคดีนะครับ”

“...แล้วพบกันนะครับ คุณยาย”

คุณยายยิ้มให้กับทุกคน และไม่มีใครต้องการให้มันเป็นรอยยิ้มครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็น แต่ความต้องการใดๆ ของใคร ก็ไม่อาจมีอำนาจเหนือเส้นชัยแห่งชีวิตได้

#####

คุณหมอเริ่มฟอกมือและแขนเพื่อทำความสะอาด อันเป็นขั้นตอนตามปกติก่อนที่จะเริ่มการผ่าตัด แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาลังเล แต่สุดท้ายก็หยุดการฟอก ล้างน้ำ เช็ดมือ แล้วเดินไปยังเสื้อสีขาวของเขาที่แขวนเอาไว้ เขาล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบเศษกระดาษที่ถูกพับเป็นชิ้นเล็กๆ นั้นออกมา

เขาหันซ้าย หันขวา ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ หรือสนใจมองมา เขาคลี่มันออกเพื่อดูสิ่งที่เด็กชายเขียนเอาไว้ภายใน

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเด็กชายเขียนอะไรเอาไว้ แต่มันยิ่งทำให้เขารู้สึกสงสัยมากกว่าเดิม เขาพับมัน เดินตรงไปที่ถังขยะ ยื่นมือออกไป เพียงแค่เขากางนิ้วออก มันก็จะลงไปนอนสงบนิ่งอยู่ในนั้นโดยไม่มีใครรู้

'เด็กนั่นคิดอะไรอยู่ เขาทำแบบนี้ทำไม' เขากางนิ้ว แล้วมันก็ร่วงลงไป ร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันมีน้ำหนัก มีมากกว่าที่ควรจะเป็น เขาแทบจะได้ยินเสียงมันตกกระแทกด้วยซ้ำ

คุณหมอกำลังจะเดินกลับไปเพื่อเริ่มการฟอกมือใหม่อีกครั้ง นั่นเป็นเวลาที่ความคิดบ้าๆ บางอย่างเกิดขึ้นในหัวของเขา 'คุณยายคนนั้นหูยาวเกินไปหรือเปล่า จมูกของคุณยายยื่นยาวมากไปหรือเปล่า ฟันของคุณยายน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า' เขานึกถึงเสื้อสีแดงที่ลูกสาวของคุณยายวางพาดไว้ มันเป็นหนึ่งในสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในที่นั้น แต่เขาก็เห็นมัน เห็นมันอย่างชัดเจน

'นี่มันอะไรกัน' เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้ก่อนการผ่าตัดมาก่อน

เขากำลังจะผ่าบางสิ่งบางอย่างออกมาจากตัวคุณยาย โรคร้ายที่มาเยี่ยมเยือนถึงกระท่อมในยามที่คุณยายนอนอยู่เพียงลำพัง มันซ่อนตัวอยู่ภายใน รอคอยเวลาที่หนูน้อยหมวกแดงจะมาพบ เพื่อจะได้จัดการกับเธอ

เขานึกถึงสิ่งที่เขียนอยู่ในกระดาษ สิ่งที่เด็กชายตัวผอมสวมแว่นคนนั้นฝากให้กับเขาอีกครั้ง 'มันยังคงดูบ้า แต่ก็เหมือนจะมีเหตุผลขึ้นมา' เขายังลังเล เขายังคงลังเล

#####

เวลาผ่านไป และผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นกระต่ายหรือเต่า ไม่ว่าจะเดินช้าหรือวิ่งเร็ว แต่สุดท้ายไม่ว่าอย่างไร จุดหมายก็จะมาถึงเสมอ การผ่าตัดเสร็จสิ้นลงแล้ว

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 13:04:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com