Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
๐๐ ... สวนสัตว์สนาน ... ๐๐..( บทที่ 13 - 14 - 15 - 16 ) ติดต่อทีมงาน

.

"สวนสัตว์สนาน" (บทที่13)



บทที่ 13





น่าแปลกที่บัสหัวโล้นกลับมาเดินรวมกลุ่มกับโจและแคร์อีก..ไม่มีผม (ผม..น้ามิว ไม่ใช่ผมของบัส..ไม่ใช่..น้ามิวไม่ใช่ของบัส..ไม่ใช่ผมบนหัวบัส..ชัดละ..555++)..งงไหมครับ เขียนเองงงเอง


ผมไปทำงานแต่มืด กลับก็มืดเหมือนกันจึงไม่รู้ว่าเพราะอะไรบัสจึงกลับมาสัมพันธ์กับหลานผมอีก ก็ดี พี่สาวผมจะได้หยุดให้พร (บ่น) ทุกเช้ามืดก่อนออกไปทำงาน

บางคืนโจยังไม่นอน รอเล่าเรื่องต่างๆ ที่โรงเรียนให้ฟังรวมถึงเรื่องนายบัส ผมเออออไปกับหลานชายแต่ไม่ได้ใส่ใจนักเพราะเหนื่อยจากงานและคงจะเหนื่อยใจเข้าไปอีกหากคิดตามที่โจเล่า



จะว่าตรากตรำก็ไม่เชิง แต่เพราะงานและใช้สายตามาก เช้าวันหนึ่งขณะแปรงฟันผมสังเกตเห็นมีจุดแดงเล็กอยู่บนตาขาว..เพ่งดูว่าคืออะไร ผมตกใจกับภาพที่เห็น..จุดแดงเล็กที่ว่าขยายออกอย่างรวดเร็วเหมือนหยดหมึกแดงใส่..ปื๊ดๆๆ เกือบเต็มตาขาว..ผมผงะถอยห่างจากกระจก..ภาพระยะไกลเหมือนปีศาจตนหนึ่ง ดำสนิททั้งดวงตา

นอกจากสีแดงของเลือดที่เห็นมันมีความปวดหนึบๆ เกิดขึ้นด้วย ยิ่งเวลากลอกตา..เลือดที่คั่งอยู่ใต้ผิวตาขาวดันให้บวม เจ็บเมื่อครูดกับขอบตา

ผมไม่ทันนึกถึงประกันสังคมเพราะไม่เคยเจ็บป่วยจนต้องใช้บริการ อันดับแรกคือไปเคาะห้องแม่

“เป็นอะไรน่ะมิว!” แม่ตกใจเมื่อเห็นหน้าผม

“ไม่รู้สิแม่ จู่ๆ ก็แดงอย่างนี้..ทำไงดีครับ?” ผมเอียงหน้าให้แม่ดูชัดๆ

“ไปหาหมอ..” แม่ทำท่าคิด “เช้าอย่างนี้..โรงพยาบาลที่แม่ไปประจำดีกว่า”

ผมรีบแต่งตัว..กลัวเหมือนกันกับการเลือดออกอย่างรวดเร็วและอาการปวด

“ใส่แว่นดำไปด้วยเดี๋ยวคนเห็นจะตกใจ” แม่เตือน

“ครับ..” แล้วจะเอาแว่นที่ไหนกัน ผมไม่เคยมีแว่นดำกับเขาด้วย

“ของแม่ไปใส่ก่อน..” แม่ยื่นแว่นดำกลมโตให้ผม “รู้ว่ามิวไม่เคยมีแว่นดำ”

“โห!..นี่แว่นผู้หญิง ผมจะใส่ได้หรือ”

“แม่เห็นวัยรุ่นใส่กันเยอะนะมิว..ในทีวี”



ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง..ผู้คนบางตา ก็เพิ่งจะหกโมงเช้า ผมทำบัตรเรียบร้อยจึงรู้ว่าคุณหมอตาจะมาประมาณห้าโมงเย็น..ตายละวาทำไงดี

จะว่าปอดแหกหรือตาขาวก็ได้ผมออกจากโรงพยาบาลทันทีเรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง โรงพยาบาลใหญ่คงมีคุณหมอประจำอยู่ทุกแผนก

“ตาเป็นอะไรครับน้อง..” โชเฟอร์สังเกตเห็นตาของผม “ตาแดงหรือ?”

“เอ่อ..เปล่าครับ” ผมจะพูดอะไรดี ไม่นึกว่าจู่ๆ จะได้รับคำถาม

“เพิ่งทำจมูกมาหรือ..” ช่างกล้าถาม “สวยดีครับ”

“อะ..” อยากจะอุทานว่า ไรวะ มากกว่า

“ผมเคยเห็นคนตาแดงเพราะกระเทือนจากการทำจมูก” อธิบายต่อ

“ไม่ได้ทำครับ” ส่วนมากคนที่เห็นจมูกนายมิวมักนึกว่าไปเสริมมา..โด่งเอ้งงง

“ติตต่อไหมนี่..” เลือนกระจกข้างลง

“คิดว่าเส้นเลือดใต้ตาขาวแตก..” ผมถอดแว่นออกให้ดู “ไม่ใช่โรคตาแดงครับ”

“น่ากลัว..” ทำท่าประกอบ

“เห่อ!..” (ในใจ) อย่างนี้ก็มีด้วย



มีผู้คนพลุกพล่าน ทั้งคนไข้ เจ้าหน้าที่และหมอพยาบาล เดินสวนกันไปมา บ้างนั่งคอยรอเรียกเข้ารับการตรวจรักษา ผมเริ่มสับสน จะไปที่ไหนก่อนดี..ยังไม่เคยเข้าโรงพยาบาลสักครั้ง

เดินหาจนพบแผนกประชาสัมพันธ์..ป๊าด!..ที่แท้เป็นห้องเล็กๆ ข้างประตูใหญ่บนลานบันไดด้านหน้านั่นเอง..ผมก็ตาเซ่อซะ..อันที่จริงถามจากเพื่อนคนไข้ที่กำลังต่อคิวหน้าช่องกระจกทำบัตรคนไข้ใหม่ก็ได้..นะ..มีปากไว้ทำไมนายมิว

ทีนี้รู้จักถาม..เพื่อนไข้บอกตำแหน่งให้ไปหยิบใบเอกสารขึ้นทะเบียนคนไข้ใหม่..กรอกเสร็จไปยืนต่อคิวเพื่อนคนนั้น ยื่นใบสมัครแล้วไปนั่งรอรวมกับคนไข้มากมาย

มีคนไข้ทุกเพศทุกวัยนั่งรอเรียกชื่อ ส่วนมากเป็นคนไข้ที่มารับการตรวจรักษา คนชรา ข้าราชการเกษียน คนทำงาน นักเรียนนักศึกษาก็มี ผมมองสำรวจฆ่าเวลา บางครั้งเห็นเจ้าหน้าที่เข็นเตียงคนบาดเจ็บผ่านไปต่อหน้า เลือดสดๆ ตามร่างกาย จมูกครอบหน้ากากออกซิเจน สายยางให้เลือด คุณหมอ ผู้ช่วยและญาติเดินขนาบอย่างรีบเร่ง..บางครั้งคุณหมอสวยๆ หล่อๆ เดินคุยโทรศัพท์ผ่านไป ถ้าไม่เพราะเสื้อกาวน์ขาวที่สวมอยู่ดูแทบไม่ออกว่าคือคุณหมอ

“เด็กชายทวิชรับบัตรที่ช่องหมายเลขสามค่ะ” เสียงเจ้าหน้าที่เรียกให้รับบัตร

“ฮึ!..” กำลังคิดอะไรเพลินๆ ตกใจชื่อที่คล้ายผม..โทธวิช..นายไม่ใช่เด็กชายแล้วนะ..555..เผลอไปอะครับ

เด็กคนหนึ่งในชุดนักเรียน กางเกงโคร่งสีกากี เสื้อหลวม รองเท้าผ้าใบน้ำตาลพร้อมถุงเท้ามอมแมม ถือกระเป๋านักเรียนแบบโบราณลุกขึ้นตุ้มตุ้ยไปที่ช่องกระจก..จะไม่ตุ้มตุ้ยได้ไงก็น้ำหนักประมาณเก้าสิบได้ละมั้ง

เด็กชายทวิชก้มๆ เงยๆ โต้ตอบกับเจ้าหน้าที่สักพักจึงรับแฟ้มประจำตัวและบัตรจากพนักงาน เขาถอยออกมานิดหนึ่งแล้วหยอดเหรียญที่กำไว้ตั้งแต่แรกลงในกล่องค่าเคลือบบัตร..ที่ผมเฝ้ามองเพราะเขาอยู่ก่อนหน้าผมไม่เท่าไหร่ สังเกตวิธีการ และเผอิญเขาชื่อคล้ายผม

ผมมองจนตุ้มตุ้ยนั้นลับตาไปแผนกที่มารับการรักษา..นึกชมที่เด็กชายอายุไม่เกินสิบสี่คนนี้มีความกล้าหาญ กล้าเผชิญโลกที่แปลกใหม่เช่นเดียวกับผม..เขาเก่งกว่าผมมาก มาคนเดียวเหมือนกัน แต่ผมไม่เอาไหนเลยเมื่อเทียบกับเด็กน้อยคนนี้

“นายโทธวิช..” สักพักถึงคิวของน้ามิว

ผมตรงไปช่องกระจกที่สาม..เจ้าหน้าที่ซักถามข้อมูลบางอย่างในใบสมัคร บอกตำแหน่งที่ผมจะไปทำการตรวจรักษา ยื่นแฟ้มและบัตรประจำตัวให้..ผมทบทวนสถานที่อีกครั้งและเดินออกมา

ขึ้นบันไดไปชั้นสอง เงอะงะหาป้ายชี้แผนกตา..มีคนไข้มากมายนั่งรอตามทางเดิน ขณะยืนรอรับบัตรคิวผมนึกได้ว่าไม่ได้ชำระค่าเคลือบบัตร ก็เจ้าหน้าที่ไม่ได้บอกอะไรและผมก็มัวแต่พะวงถึงขั้นตอนต่อไป

กระเถิบเลื่อนแถวคิวที่ยังอีกยาว..ผมนึกถึงภาพเด็กอ้วนคนนั้นอีก ตั้งแต่อุ้ยอ้ายไปที่ช่องรับบัตร พูดคุยได้เรื่องกับเจ้าหน้าที่ ถอยออกมาหย่อนเหรียญลงกล่อง และเดินอย่างกล้าหาญจากไป..แต่..เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อน..ผมเห็นกล่องนั้นชัดเจน..เพิ่งสังเกตเห็นในความทรงจำทั้งที่เด็กชายทวิชสังเกตเห็นแล้วตั้งแต่รอเรียกชื่อ

บนกล่องพลาสติกใสนั้นเขียนไว้ว่า “เชิญบริจาคเงินค่าเคลือบบัตร” อย่างนี้เองเจ้าหน้าที่จึงไม่ได้บอกอะไรกับผม

โอ้!..ทวิข และ โทธวิช แม้จะคล้ายกันแต่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง..เด็กน้อยเอ๋ย..ผู้ใหญ่โง่คนนี้ยิ่งชื่นชมหนูมากขึ้น ไม่ใช่เพียงความกล้าหาญหากความรับผิดชอบต่อสังคมหนูมีอยู่เต็มเปี่ยมจริงๆ ขอให้หนูทวิชเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า เป็นนักประชาธิปไตย เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ..ลืมเรื่องอ้วนไปได้เลย


นายโทธวิชจะจำเด็กชายทวิชคนนี้ไว้ตลอดไป

.

 
 

จากคุณ : ดาเรน
เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 15:44:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com