Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Mission Failed ภาคพิเศษ แอนแอน – ตอนที่ 1/2 ติดต่อทีมงาน

Mission Failed ภาคพิเศษ แอนแอน – ตอนที่ 1/2 (มีสองตอนนะคะ)


เด็กหญิงผมบลอนด์วัยหกขวบ สับเท้าก้าวเดินอย่างเป็นจังหวะบนย่านถนนคนเดินในกรุงโคโลญ ใบหน้าของเธอฉายแววเปล่งปลั่งและรอยยิ้มหวานสดใสตามธรรมชาติของเด็กหญิงตัวเล็กๆไร้เดียงสา เธอเดินสะพายกระเป๋าคิตตี้สีชมพูใบโปรดมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้าน “ไอศครีมซอฟท์ไอซ์” ดวงตาคู่สีฟ้าใสของเธอจับจ้องไปยังร่างของหญิงวัยกลางคนที่จูงมือเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับเธอเดินตรงเข้าไปในร้านไอศครีม เด็กหญิงรีบสำรวจดูเงินในกระเป๋าเสื้อกันหนาวของเธอ ใบหน้าของเธอแสดงอาการบูดบึ้งเล็กน้อยเมื่อพบว่าเงินค่าขนมของเธอมีเหลืออยู่ไม่มากนัก

เด็กหญิงเบือนหน้าหนีจากร้านไอศครีม เธอเดินต่อไปตามถนนหินที่ลาดยาวอย่างเป็นระเบียบจนกระทั่งมาถึงเป้าหมายที่เธอมองหา “ตู้กดเงินใกล้ร้านขายรองเท้าหนัง” สาเหตุที่เธอเลือกตู้กดเงินตู้นี้ เพราะว่า มันไม่มีกล้องวงจรปิด และที่สำคัญ มันตั้งอยู่บริเวณที่ผู้คนไม่ค่อยเดินพลุ่งพล่าน และจากจุดที่เธอยืนอยู่ เยื้องของฝั่งตรงข้ามตู้กดเงิน เป็นจุดที่กล้องซูมคุณภาพสูงที่ถูกติดตั้งเข้ากับเครื่องนินเทนโด้ของเธอสามารถถอดรหัสของบัตรเครดิตของผู้ใช้บริการตู้กดเงินตู้นี้ได้เป็นอย่างดี ผู้ใช้บริการที่ขาดความระมัดระวัง

เด็กหญิงโน้มตัวพิงกำแพง เธอหยิบถุงมือพลาสติกใสขึ้นมาสวมเข้าที่มือทั้งสองข้าง จากนั้นเธอยกเครื่องนินเทนโด้สีชมพูออกมาทำทีว่าเล่นเกมส์อย่างเพลิดเพลินสนุกสนาน แต่ทว่าสายตาของเธอกลับจ้องไปที่ภาพของชายนักธุรกิจในชุดสูทสีดำราคาแพงที่แสดงบนจอเครื่องนินเทนโด้ของเธอ เด็กหญิงรีบปรับซูมภาพไปที่แป้นกดหมายเลขของเครื่องกดเงินทันทีที่ชายนักธุรกิจผู้นั้นเดินตรงไปยังตู้กดเงิน เธอบันทึกรหัสของบัตรเครดิตเข้าสู่ระบบความจำของเครื่องนินเทนโด้แล้วรีบเก็บมันเข้ากระเป๋าก่อนที่จะแอบสะกดรอยตามชายนักธุรกิจไปอย่างเงียบๆ

เด็กหญิงเดินตามชายนักธุรกิจอยู่ห่างๆ สายตาของเธอจับจ้องไปที่แผ่นหลังของชายในชุดสูทสีดำอย่างไม่ละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว เขาคือเหยื่อของเธอ เงินของเขาคือสิ่งที่เธอต้องการ เธออยากกลับบ้าน และเธอได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ ก็ต่อเมื่อเธอมีเงินติดตัวกลับไปด้วยเท่านั้น

เด็กหญิงเดินตามเขามาจนถึงถนนย่านการค้าที่ผู้คนเดินพลุ่งพล่าน เธอแอบสอดแทรกร่างเล็กๆของตัวเองเข้าไปปะปนกับฝูงชนที่เดินไปมาอย่างคับคั่ง แล้วหาจังหวะเข้าประชั้นชิดตัวชายนักธุรกิจ แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเธอมากนักเมื่อเขาเอามือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่เก็บกระเป๋าเงินเอาไว้อยู่ตลอดเวลา แต่เด็กหญิงยังคงไม่ละความพยายาม เธอยังคงเดินตามเขามาอย่างเงียบๆและติดๆ รอคอยจังหวะโอกาสที่เขาเอามือออกจากกระเป๋ากางเกง และทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของชายนักธุรกิจดังขึ้น เขาเอามือที่เคยสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาถือโทรศัพท์แนบหู ในขณะที่ชายนักธุรกิจเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่บทสนทนาทางโทรศัพท์ เด็กหญิงเอามือเล็กๆของเธอแอบล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขาแล้วหยิบกระเป๋าเงินหนังราคาแพงที่บรรจุทั้งเงินและบัตรเงินสดมากมายออกมาอย่างแนบเนียน เธอยิ้มให้กับความสำเร็จของตัวเอง เแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังตู้กดเงินทันทีก่อนที่เหยื่อของเธอจะรู้ตัว

และเมื่อเขารู้ตัวอีกทีภายหลัง เขาก็จะค้นพบแต่กระเป๋าเงินและบัตรเงินสดของเขาที่ว่างเปล่า ที่ถูกทิ้งไว้ในถังขยะใกล้ๆตู้กดเงินข้างร้านขายรองเท้าหนัง ไร้แม้แต่ร่องรอยนิ้วมือของผู้ปฏิบัติการโจรกรรม ไร้แม้แต่วี่แววของผู้ต้องสงสัย ไร้แม้แต่เงื่อนงำว่านี่คือฝีมือของเด็กหญิงอายุหกขวบตัวเล็กๆ

เด็กหญิงรวบเงินสดทั้งหมดที่เธอได้มายัดใส่เข้าในกระเป๋าคิตตี้สีชมพูของเธอจนเต็มแน่น เธอโยนกระเป๋าเงินและบัตรเงินสดทั้งหมดของชายนักธุรกิจทิ้งลงที่ถังขยะใกล้ๆกัน แล้วถอดถุงมือพลาสติกใสที่สวมเพื่อปกปิดรอยนิ้วมือเข้าเก็บในกระเป๋าเสื้อกันหนาวของเธอ

ระหว่างทางเดินกลับบ้าน เธอแวะซื้อไอศครีมช็อคโกแลตที่ร้านไอศครีมซอฟท์ไอซ์



*******************************************



“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงใสๆของเด็กหญิงร้องดังขึ้นเมื่อเธอเปิดประตูเข้ามาในห้องอพาร์ทเม้นท์หลังเล็กๆที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เธอถอดรองเท้าและเสื้อกันหนาวออกเก็บเข้าที่ แล้วรีบวิ่งตรงไปยังห้องทานอาหารทันทีเมื่อกลิ่นของอาหารที่เพิ่งเสร็จใหม่ๆโชยมาแตะที่จมูกเล็กๆของเธอ

“พี่อลิเซีย วันนี้เรามีอาหารเย็นมื้อพิเศษเหรอคะ?” เด็กหญิงกล่าวขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้นดีใจ เธอส่งสายตามองไปยังหญิงสาวอายุย่างเข้าสามสิบที่ชื่อว่าอลิเซีย จากนั้น เธอกวาดสายตามองไปยังร่างของบุคคลอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องทานอาหาร

“กลับมาแล้วเหรอ แอนแอน ได้เวลาทานอาหารเย็นพอดีเลย” เสียงหวานไพเราะของอลิเซียกล่าวขึ้น เธอจ้องมองไปที่เด็กหญิงด้วยสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึก จากนั้นเธอเอามือตบเก้าอี้เบาๆสองครั้งเป็นสัญลักษณ์ให้เด็กหญิงมานั่งที่เก้าอี้ที่เธอจัดเตรียมไว้ให้

“วันนี้เรามีแขกมาร่วมทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันกับเรา พี่ไบรอัน หนูจำพี่ไบรอันได้ใช่ไหม?” อลิเซียกล่าวขึ้น เด็กหญิงจ้องมองไปที่ร่างของชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ ที่จ้องมองมาที่เธอและยิ้มให้กับเธออย่างเป็นมิตร

“จำได้สิคะ” เด็กหญิงสบสายตาของชายหนุ่ม เธอส่งรอยยิ้มสดใสร่าเริงไร้เดียงสาให้กับเขา

เธอจำได้ว่า เธอเคยเห็นเขามาก่อน เมื่อสามปีที่แล้ว ไบรอัน อลิเซีย และ ชายผู้สวมหน้ากากสีขาว ได้ตกลงร่วมมือกันที่จะโค่นล้มองค์กรอัลฟ่า โดยไบรอัน รับทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับพวกเขา และเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ ไบรอันยินดีแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตของพี่ชายต่างสายเลือดของเขา ฟาเบียน ฮาร์เดนเบิร์ก ผู้ที่ตอนนี้หลับไหลไร้สติ นอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ในห้องแล็ปชั้นในขององกรค์อัลฟ่า

“ทานหล่ะนะคะ” เด็กหญิงกล่าวขึ้นด้วยเสียงใสๆของเธออีกครั้ง เมื่ออลิเซียไม่ได้กล่าวห้ามอะไร เธอรีบลงมือจัดการสปาเก็ตตี้อุ่นๆที่วางอยู่ตรงหน้าทันที

สักครู่เล็กๆต่อมา ในขณะที่ทุกคนกำลังลงมือรับประมาณอาหารของตัวเองอย่างอยู่เงียบๆ หญิงสาวใบหน้าไร้ความรู้สึกกล่าวขึ้น

“แผนการดำเนินไปถึงขั้นไหนแล้ว ไบรอัน?”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารของเขามาสบตากับคู่สนทนา หลังจากที่เขาจัดการกลืนอาหารที่เคี้ยวอย่างละเอียดลงคอเรียบร้อยแล้ว เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงนิ่งเรียบ แต่ทว่าเต็มไปด้วยความหนักแน่นจริงจัง

“ตอนนี้อิริคได้ประดิษฐ์เครื่องถ่ายทอดคำสั่งทางสมองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่ ต้องหาใครสักคนที่จะสามารถควบคุมเครื่องมือดังกล่าวนี้ได้ หลังจากนั้น... ผมเชื่อว่า เราก็คงพร้อมที่จะโจมตีและยึดอำนาจองค์กรอัลฟ่า”  

อลิเซียพยักหน้าเบาๆหนึ่งครั้งเป็นการตอบรับ เธอรู้ดีว่า การที่ชายหน้ากากสีขาวยืดเยื้อเวลาการโจมตีอัลฟ่าออกไป เพราะเขาต้องการให้ดอกเตอร์อิริคพิสูจน์ให้เห็นเสียก่อนว่าเครื่องถ่ายทอดคำสั่งทางสมองนี้สามารถใช้งานได้จริง... และเมื่อมันได้รับการพิสูจน์แล้ว เขาพร้อมเปิดไฟเขียวออกคำสั่งให้ลูกทีมบุกยึดอำนาจจากอัลฟ่าทันที

อำนาจ... ที่เขาปรารถนาที่จะยึดมาไว้ในมือของตัวเอง
อำนาจ... ที่จะนำมาซึ่งจำนวนเงินมหาศาล
อำนาจ... ที่จะทำให้คนอัจฉริยะอย่างเขาปั้นโลกใบใหม่ขึ้นมาได้ โลกที่ปราศจากผู้ร้าย... นอกจากตัวเขาเองเท่านั้น


กริ๊งงงงงงงงง...

เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะในห้องนั่งเล่นดังขึ้น อลิเซียหยิบผ้าเช็ดปากทำความสะอาดรอบๆบริเวณริมฝีปากของเธอ แล้วลุกขึ้นขอตัวไปรับโทรศัพท์ในอีกห้องหนึ่ง

เมื่อหญิงสาวเดินพ้นออกจากห้องทานอาหารไปเรียบร้อยแล้ว ไบรอันมองดูเด็กหญิงผมบลอนด์วัยหกขวบที่ทานสปาก็ตตี้อย่างเอร็ดอร่อยอยู่ตรงเยื้องด้านหน้าของเขา บริเวณรอบๆริมฝีปากของเธอเลอะเต็มไปด้วยซอสโบโลเนสสีแดง เขายิ้มขำออกมาเล็กน้อยเมื่อมองเห็นความไร้เดียงสาของเด็กหญิง

“นี่ แอนแอน ถามหน่อยเถอะ เธอแน่ใจเหรอ ว่าเธอสามารถเป็นมือสังหารของอัลฟ่าได้?” ไบรอันกล่าวถามขึ้นด้วยเสียงวัยหนุ่มแรกรุ่นของเขา

ดวงตาสีฟ้าใสของเด็กหญิงสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของไบรอัน เธอหยิบผ้าเช็ดปากทำความสะอาดบริเวณรอบริมฝีปากที่เปรอะเปื้อนซอสสีแดง แล้วส่งรอยยิ้มทางสายตาให้กับไบรอันพร้อมพยักหน้าเป็นการให้คำตอบ

ไบรอันมองดูเด็กหญิงอย่างสนอกสนใจ อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าเด็กหญิงจะรู้ด้วยซ้ำว่าการเป็นมือสังหาร มันหมายถึงอะไร

“ฟังนะ แอนแอน” ไบรอันกล่าวขึ้น เขาทิ้งจังหวะเล็กน้อย สบตาคู่สีฟ้าใสของเด็กหญิง
“การเป็นมือสังหาร... มันมากกว่าแค่การขโมย การรู้จักสู้ป้องกันตัว หรือการหนีเอาตัวรอด... การเป็นมือสังหาร มันยังรวมถึง การที่ต้องฆ่าคนอีกด้วย... เธอไม่รู้หรอกว่าการฆ่าคนมันเป็นยังไง...” ไบรอันกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นเพื่อแสดงให้เด็กหญิงเห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาเน้นย้ำที่สองประโยคสุดท้าย...

เด็กหญิงจ้องมองดูเขาด้วยดวงตาคู่สีฟ้าใสของเธอ เธอฝืนยิ้มเบาๆที่มุมปากให้กับเขา แล้วก้มหน้าเอาส้อมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ในจานของเธอให้รวมเข้าด้วยกันเป็นก้อนกลมๆ จากนั้นเด็กหญิงนั่งนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นสักพักเล็กๆ จนกระทั่ง สักครู่ต่อมา เธอเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มอีกครั้ง ครั้งนี้เธอยิ้มหวานให้กับเขา แล้วกล่าวขึ้นด้วยเสียงเล็กๆใสๆของเธอ

“พี่ไบรอันคะ ฆ่าคน... หนูก็เคยทำมาแล้ว...”

ในตอนแรก ไบรอันจ้องมองดูเด็กหญิงด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เขาหัวเราะเบาๆในลำคอและบอกกับตัวเองว่านี่เป็นเรื่องตลก แต่เมื่อเด็กหญิงส่งรอยยิ้มหวานให้กับเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะลงมือจัดการทานสปาเก็ตตี้สุดอร่อยที่เหลืออยู่ในจานของเธอ เขาเริ่มเชื่อขึ้นมาทันทีว่าเด็กหญิงได้พูดความจริง


*******************************************



“ลิซาเบล เร็วๆเข้า!” เสียงหวานสดใสของเด็กหญิงผมบลอนด์วัยหกขวบดังขึ้น ในขณะที่เธอกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในป่าที่เป็นที่ต้องห้ามสำหรับเด็ก ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักจากสวนสาธารณะในชานเมืองโคโลญ

“พี่แอนแอน รอหนูด้วยสิ!” เด็กหญิงผมสีน้ำตาลหยักศกวัยห้าขวบ วิ่งหิ้วกระเป๋าสะพายลายสป๊องจ์บ๊อบสีน้ำตาลไล่ตามเด็กหญิงผมบลอนด์รุ่นพี่ที่วิ่งลิ่วนำอยู่ด้านหน้าด้วยอาการเหนื่อยหอบ เมื่อเธอรู้สึกว่าตัวเองวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอหยุดทิ้งตัวลงนั่งอยู่กับพื้นแล้วส่งเสียงเรียกเด็กหญิงผมบลอนด์ให้กลับมาหาเธอ

“พี่แอนแอน พี่แอนแอน... หนูวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว โอย... เหนื่อย... พักก่อนเถอะนะคะ...” เด็กหญิงผมสีน้ำตาลกล่าวขึ้นสลับกับจังหวะสูดลมหายใจเข้าออกถี่ๆด้วยความเหนื่อยหอบ สายตาของเธอจับจ้องไปที่ใบไม้หลากหลายสีสันของฤดูใบไม้ผลิที่ร่วงโรยกองทับถมอยู่บนพื้น สักครู่เล็กๆต่อมา เมื่อเธอปรับลมหายใจให้กลับเข้าสู่จังหวะปกติได้แล้ว เธอเพิ่งจะเริ่มสังเกตเห็นว่า มีบางอย่างผิดปกติไป...

พี่แอนแอนไม่ได้กลับมาหาเธอ และเธอถูกทิ้งให้อยู่ในป่าลึกแห่งนี้คนเดียว!

“พี่แอนแอน!” เด็กหญิงผมสีน้ำตาลตะโกนร้องขึ้นเสียงหลงด้วยความกลัว แต่ทว่า เธอกลับไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ หรือ วี่แววใดๆของเด็กหญิงผมบลอนด์รุ่นพี่ น้ำตาของเธอเริ่มไหลซึมลงมาอาบแก้มสีชมพูเรื่อทั้งสองข้าง เธอกวาดสายตามองดูบริเวณรอบๆ ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ที่สำหรับเด็กหญิงวัยห้าขวบอย่างเธอแล้ว มันช่างมีลักษณะหน้าตาเหมือนกันไปหมด

ตุบ!

เสียงของสัตว์ป่าตัวเล็กๆบางอย่างกระโดดลงจากต้นไปสูงลงมายังพื้นบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลนักจากที่ที่เด็กหญิงผมสีน้ำตาลนั่งร้องไห้อยู่ เธอสะดุ้งตกใจด้วยความกลัว สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆตัวนั้นวิ่งหนีหลบเข้าพุ่มไม้ไป

เด็กหญิงวัยห้าขวบนั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่กับที่... เธอไม่รู้ว่าเธอควรทำอย่างไร... เธออยากวิ่งหนีกลับบ้าน... แต่อีกใจหนึ่ง เธอก็ไม่อยากทิ้งให้แอนแอนต้องติดอยู่ใบป่าที่น่ากลัวแห่งนี้คนเดียว...

“ลิซาเบล!” เสียงเรียกใสๆปนเสียงหัวเราะของเด็กหญิงผมบลอนด์รุ่นพี่ดังขึ้นมาจากที่ด้านหลังของเด็กหญิงวัยห้าขวบ เด็กหญิงผมสีน้ำตาลรีบหันหลังไปมองเจ้าของเสียงเรียกที่ส่งรอยยิ้มหวานให้กับเธอ เธอพุ่งตัวเข้ากอดพี่แอนแอนด้วยความโล่งใจทันที

“พี่แอนแอน ไม่เอานะ อย่าแกล้งหนูแบบนี้” เสียงของเด็กหญิงวัยห้าขวบเต็มไปด้วยความอ้อนวอนขอร้อง เด็กหญิงผมบลอนด์แอบขำเบาๆก่อนที่จะเอามือลูบหลังเด็กหญิงรุ่นน้องเพื่อเป็นการปลอบโยน

“เราใกล้จะถึงที่หมายกันแล้ว ลิซาเบล เหลืออีกแค่นิดเดียว...” เด็กหญิงแอนแอนเว้นจังหวะสักพัก เธอผละตัวออกจากเด็กหญิงลิซาเบล แล้วจูงมือเด็กหญิงรุ่นน้องให้เดินต่อไปพร้อมๆกับเธอ

ลิซาเบลปาดคราบน้ำตาที่แก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมเอากระดาษทิชชู่ผืนเล็กเช็ดน้ำมูกที่ไหลย้อยติ่งลงมาจนเกือบแตะริมฝีปาก เธอส่งยิ้มหวานกลับคืนให้กับแอนแอน แล้วเดินไปพร้อมกับเด็กหญิงผมบลอนด์รุ่นพี่อย่างว่าง่าย เธอรู้ว่า หากมีพี่แอนแอนอยู่ใกล้ๆ เธอไม่จำเป็นต้องกลัวอันตรายใดๆทั้งสิ้น เพราะพี่แอนแอนจะคอยปกป้องเธอ

เด็กหญิงทั้งสองเดินทางมาจนถึงลำธารน้ำเล็กๆที่ตัดผ่านผืนป่าต้องห้ามแห่งนี้ ดอกไม้ป่าหลากหลายสีสันขึ้นเรียงรายอยู่เต็มข้างริมธารน้ำ โดยมีช่องเล็กๆเปิดเป็นทางให้กับสัตว์ป่าบางชนิดได้ลงไปดื่มน้ำใสในลำธาร ที่บริเวณไม่ไกลจากกันมากนัก ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีผืนเล็กๆแผ่อ้าแขนรอคอยต้อนรับบุคคลผู้ที่ค้นมันพบ

ลิซาเบลและแอนแอน วิ่งจับมือกัน ทั้งกระโดดและหัวเราะด้วยความดีใจตรงไปยังผืนทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่มีแต่เพียงเธอสองคนเท่านั้นที่รู้จัก เด็กหญิงทั้งสองวิ่งเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน พร้อมส่งเสียงหัวเราะคิกคักอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่จะทิ้งตัวล้มลงนอนบนพื้นหญ้าแสนนุ่ม เมื่อเด็กหญิงตัวเล็กเอามือชี้ไปที่ฝูงนกที่บินเป็นฝูงตามกันบนท้องฟ้า เด็กหญิงผมบลอนด์รุ่นพี่ก็หัวเราะชอบใจกับภาพที่เห็น เมื่อเด็กทั้งสองได้ยินเสียงปลาทั้งเล็กและใหญ่กระโดดว่ายในลำธารน้ำ ต่างก็ร้องกรี๊ดกร๊าดด้วยความตื่นเต้นดีใจ ลิซาเบลได้เล่าเรื่องต่างๆมากมายให้กับแอนแอนฟัง เรื่องเล่าที่เด็กหญิงได้ฟังมาจากโรงเรียนอนุบาลของเธอ รวมถึงเรื่องตลกของเด็กชายขี้แยและเด็กชายขี้อวดในชั้นเรียน แอนแอนรับฟังเรื่องเล่าของลิซาเบลด้วยความสนอกสนใจ เพราะตัวเธอเองไม่เคยได้มีโอกาสไปโรงเรียนอนุบาลเหมือนเด็กคนอื่นๆ เนื่องจากผู้ปกครองของเธอ พี่อลิเซีย เลือกที่จะให้เธอเข้าระบบโรงเรียนที่บ้าน หรือ โฮมสคูล  มากกว่าที่จะยอมให้เธอเข้าโรงเรียนและสังสรรค์กับเด็กปกติธรรมดาทั่วไป


ชั่วโมงความสุขของเด็กหญิงทั้งสองดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แอนแอนต้องรีบชวนลิซาเบลกลับบ้าน ก่อนที่หนทางในป่าจะมืดและอันตรายเกินกว่าที่จะเดินทางผ่านได้ เมื่อเด็กทั้งสองเดินทางมาถึงเส้นทางลับที่พวกเธอใช้เป็นเส้นทางเข้าสู่ป่าต้องห้ามที่เชื่อมต่อกับสวนสาธารณะ เด็กหญิงต่างก็สบตากันและกัน แอนแอนพยักหน้าเบาๆให้กับเด็กหญิงรุ่นน้องที่มองมายังเธอด้วยแววตาที่แอบเก็บซ่อนความเศร้าหมองเอาไว้ เด็กหญิงตัวเล็กรู้ดีว่า เมื่อเธอเดินผ่านออกจากประตูพุ่มไม้แห่งนี้แล้ว เธอจะต้องทำเป็นไม่รู้จักกับพี่แอนแอน เพราะผู้ปกครองของพี่แอนแอน ไม่อนุญาตให้พี่แอนแอนมีเพื่อน และเรื่องที่เธอกับพี่แอนแอนแอบมาเล่นด้วยกัน จะต้องถูกเก็บเป็นความลับเท่านั้น


“รีบกลับบ้านซะ ลิซาเบล เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วง” เด็กหญิงผมบลอนด์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เด็กหญิงผมสีน้ำตาลพยักหน้าเบาๆอย่างเชื่อฟัง แล้วค่อยๆสอดร่างเล็กๆของเธอลอดผ่านประตูพุ่มไม้ที่เชื่อต่อระหว่างป่าต้องห้ามและสวนสาธารณะ

เธอไม่ได้ถามเด็กหญิงผมบลอนด์ว่าเมื่อไหร่ทั้งสองจะได้เล่นด้วยกันอีก เพราะเธอรู้ดีว่า แม้แต่พี่แอนแอนเองก็ไม่สามารถให้คำตอบกับคำถามนี้ได้เช่นกัน

สักพัก หลังจากที่ลิซาเบลลอดผ่านประตูพุ่มไม้กลับเข้าไปในสวนสาธารณะเรียบร้อยแล้ว แอนแอนค่อยๆลอดตัวตามออกมา เด็กหญิงผมบลอนด์วัยหกขวบทอดสายตาคู่สีฟ้าใสของเธอมองตามร่างเล็กๆของเด็กหญิงรุ่นน้องที่เดินมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยไม่แม้แต่หันหลังกลับมามองอย่างที่เธอได้หมายมั่นสัญญาเอาไว้ แอนแอนยิ้มด้วยความพอใจ เธอกระชับกระเป๋าสะพายลายคิตตี้สีชมพูให้แน่น แล้วเดินมุ่งหน้ากลับบ้านโดยใช้เส้นทางอีกเส้นทางหนึ่ง

ความสุขท่วมท้นในใจของเด็กหญิงแอนแอน จนทำให้เด็กหญิงมือสังหารลืมสังเกตไปว่า สายตาอันคมกริบของหญิงสาวใบหน้าไร้ความรู้สึก ได้จับจ้องไปที่เด็กหญิงผมหยักศกสีน้ำตาลอยู่อย่างเงียบๆตั้งแต่ที่เด็กหญิงลอดออกมาจากพุ่มไม้แล้ว และในมือของหญิงสาว ถือมีดคมกริบเล่มเล็กๆที่แอบเก็บซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุมแขนยาวของเธอ




อลิเซียเดินตามเด็กหญิงผมสีน้ำตาลวัยห้าขวบไปห่างๆ ใบหน้าของเธอไร้ความรู้สึก...



แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 55 01:46:38

แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 55 01:33:06

แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 55 01:30:31

จากคุณ : myladyannbook
เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:25:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com