"พระเทวีอย่าทำอย่างนี้เลยเพคะ ไม่งาม...หากภูวิษะเจ้าทอดพระเนตรเห็นเข้าคงไม่ดีแน่"
กุสุมาลย์พยายามวิงวอนอีกครั้งแต่คล้ายดั่งราดน้ำมันเข้ากองไฟ ยิ่งทำให้มหิตาเทวีทวีความพิโรธมากขึ้น สายพระเนตรที่มองมายังพระพี่เลี้ยงคนสนิทนั้นแดงก่ำ และเต็มไปด้วยเพลิงโทสะยิ่งนัก
"อย่าเอาเสด็จพี่มาขู่ข้า เจ้ามีสิทธิ์อันใด? "
"หม่อมฉันมิได้...."
"ไม่ยอมไปดีๆ ใช่หรือไม่?" ตรัสจบก็ฉวยเอาพานทองบนตั่งข้างวรกายมาปาใส่นางกำนัลคนงามทันที
"โอ้ยยยย..ย!!"
กุสุมาลย์ไม่ทันตั้งตัวอีกทั้งยังตกใจกับกิริยาเกรี้ยวกราด ที่มิเคยปรากฏมาก่อนของมหิตาเทวี จึงไม่อาจหลบพานที่ทรงเขวี้ยงมาโดยแรงได้ พานทองปะทะเข้าที่หน้านาง คมขอบพานรูปเหลี่ยมเจาะเข้าใต้หว่างคิ้วเรียว โลหิตสีแดงฉานทะลักอาบหน้า หญิงงามใช้มือกุมหน้าร้องโอยออกมาอย่างน่าเวทนา
"พี่กุสุมาลย์!"
ศรีดาราเห็นเข้าก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วรีบละจากพระนางถลาเข้าไปดูกุสุมาลย์ที่นอนกุมหน้าอยู่บนพื้นห้อง ส่วนมหิตาเทวีแต่ประทับนิ่งอึ้งวรองค์แข็งค้างด้วยความตกพระทัยไม่แพ้กัน
"ว้ายยยยยยย!!"
เคียงฟ้าคนแปลกปลอมคนเดียวในที่นั้น ก็อดมิได้ที่จะร้องอุทานออกมาอีกคน ก่อนจะรีบเบี่ยงตัวหลบนางกำนัลคนอื่นๆ ที่กำลังกรูกันเข้าไปดูอาการคนเจ็บจนเกือบจะชนหล่อนเข้า หญิงสาวไม่แน่ใจว่าหล่อนอุปทานไปเองหรือเปล่า ว่าบางคนก็ฉิวเฉียดร่างหล่อนไปเหมือนทะลุผ่าน
"เป็นอย่างไรบ้างพี่กุสุมาลย์ ?!!" เมื่อมาถึงตัวศรีดาราพยายามดึงมือที่ปิดหน้าออกเพื่อดูบาดแผล
"แย่แล้วใครก็ได้ตามหมอมาที"
นางตะโกนเสียงดังลั่น ส่วนพระเทวีผู้เป็นต้นเหตุนั้นทรงมีสีพระพักตร์ซีดขาวคล้ายจะเป็นลม ก่อนทรุดวรกายประทับลงบนตั่งทองอย่างหมดเรี่ยวแรง
"เราไม่ได้ตั้งใจ!!"
มหิตาเทวีตรัสซ้ำไปมาด้วยความตกพระทัย และทำท่าจะเป็นลมล้มพับไปอีกผู้หนึ่ง นางกำนัลสองคนวิ่งเข้าดูอาการของกุสุมาลย์ ส่วนอีกคนนั้นวิ่งประคองพระนางที่กำลังตกพระทัยอย่างรุนแรง
"ปทุมมาเราไม่ได้ตั้งใจนะ...เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ "
"เพคะๆๆ ทราบแล้วเพคะ เดี๋ยวให้หมอมาดูอาการกุสุมาลย์เสียหน่อยคงไม่เป็นอะไรมาก" ปทุมมากล่าวปลอบใจพระเทวี แต่เมื่อเหลียวมามองกุสุมาลย์ที่มีโลหิตไหลอาบหน้า แล้วก็ต้องหน้าซีดเผือดไปอีกผู้หนึ่ง
"ไปตามหมอมาเร็วๆ สิ อย่ามัวแต่มุงกัน" ศรีดารารีบออกคำสั่งเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ชักจะโกลาหล
"ประคองพี่กุสุมาลย์กลับไปที่ห้องก่อน แล้วให้หมอไปดูที่นั่น อ้อ! ตามหมอหลวงมาดูมหิตาเทวีอีกองค์ด้วย" ความวุ่นวายดำเนินไปอีกพักใหญ่ กุสุมาลย์ถูกพาออกจากห้องไป ในขณะที่พระเทวีต้องมานอนพักในห้องบรรทม
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ?"
เคียงฟ้าถามขึ้นมาแต่ไม่มีผู้ใดให้คำตอบ เพราะไม่มีใครมองเห็นหล่อน แต่เมื่อเห็นว่าทางมหิตาเทวีไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วงแล้ว จึงได้เดินออกไปดูคนเจ็บบ้าง หญิงสาวเหลียวซ้ายแลขวามองสำรวจไปรอบตำหนัก หล่อนรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่อย่างน่าประหลาด จึงลองเสี่ยงทายดูว่าห้องของกุสุมาลย์อยู่ที่ใด ไม่ช้านานก็หาพบดังคาดหมาย ที่นั่นนางกำนัลหลายคนยืนออกันอยู่หน้าห้อง รอฟังว่าแพทย์ผู้รักษาจะว่าอย่างไร เมื่อประตูเปิดออกคนทั้งหลายก็พากันส่งเสียงถามกันเซ็งแซ่
"นี่จะไปไหนก็ไปมามุงอะไรกันอยู่ได้" หญิงร่างท้วมวัยกลางคนเป็นผู้ออกมาไล่
"พี่กุสุมาลย์เป็นอย่างไรบ้าง? หมอว่ากระไรบ้างจ๊ะคุณท้าว"
"ไม่เป็นไรมากเลือดหยุดไหลแล้วแผลไม่ลึก นอนพักสักสองสามวันก็คงดีขึ้น...ดีนะไม่โดนลูกตาไม่งั้นคงแย่...เฮ้อ" คำตอบนั้นยังความโล่งอก จนต้องส่งเสียงถอนหายใจกันทั่วหน้า
"เอ้า!! ในเมื่อสบายใจกันแล้วก็ไปเสีย คนเจ็บจะได้นอนพัก" ผู้คนที่รายล้อมอยู่จึงค่อยขยับขยายวง และแยกย้ายกันไปในที่สุด
เมื่อคุณท้าวจันทร์หอมผู้ดูแลตำหนัก จะกลับเข้าไปในห้องเคียงฟ้าก็ถือโอกาสติดตามไปด้วย หล่อนนั่งพับเพียงลงข้างๆ ศรีดารา มองดูใบหน้าอันซีดขาวปราศจากสีเลือด ที่มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบศีรษะของกุสุมาลย์แล้วก็เห็นใจยิ่งนัก
"เฮ้อ...เวรกรรมอะไรกันนี่ต้องมานอนเจ็บแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นอยู่ๆ พระเทวีถึงได้ทรงอาละวาดเสียใหญ่โตขนาดนั้นรึศรีดารา?" นางเฒ่าถามนางกำนัลรุ่นหลาน
"ก็...." แต่ศรีดาราทำหน้าเบ้คล้ายไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
"ว่าไง?"
"ก็...ทรงได้ยินมาว่าเมืองที่พ่ายศึกครั้งก่อนนั้น จะส่งบรรณาการเป็นหญิงงามมาถวาย..."
"ก็ดีแล้วนี่ แล้วทำไม?"
"ก็....พระบาทเจ้าทรงตรัสว่าจะยกให้ราชบุตรเขยน่ะสิป้า"
"ราชบุตรเขย? สามีของมหิตาน่ะเหรอ?" เคียงฟ้าถามขึ้นมาแต่ไม่มีทีท่าว่าศรีดาราจะได้ยินเลย
"ราชบุตรเขย? องค์ไหนล่ะ? หรือว่า...." นางเฒ่าพูดแล้วก็เหลือบไปยังตำหนัก
"ก็นั่นแหละ....จะยกให้ท่านภูวิษะ พระบาทเจ้าท่านเห็นว่าทำคุณงามความชอบมาหลายครั้ง และเป็นผู้นำชัยชนะมาก็สมควรจะได้รับบำเหน็จนี้ แต่ว่า...."