29
เอกสิทธิ์กับนภัสรินทร์คุยกับคนจากบริษัทออแกไนซ์เซอร์รับจัดงานแต่ง เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ฝ่ายชายเสนอราคาโปรโมชั่นและการดำเนินงาน ส่วนฝ่ายหญิงทำหน้าที่จดความต้องการของว่าที่คู่บ่าวสาว
“ไม่ต้องห่วงครับ เรามีประสบการณ์การจัดงานในเวลากระชั้นชิดมาหลายงาน เคยจัดเร็วกว่านี้ด้วย ของคุณเอกนี่ถือว่ามีเวลาเหลือเฟือครับ”
เขาบอกอย่างมั่นใจ กิริยาออกสาวเป็นธรรมดาของคนที่ทำงานแบบนี้ “เอาเป็นว่ามีวีดีโอพรีเซ้นต์ด้วย นอกจากนี้อยากได้อะไรเพิ่มไหมครับ”
เอกสิทธิ์เหลือบมองนภัสรินทร์เล็กน้อย ตลอดเวลาหญิงสาวไม่ออกความเห็นมากนัก แต่ก็ดูสนใจเป็นอย่างดี
“ผมอยากให้มีการจดทะเบียนสมรสในงานด้วยได้ไหม”
นภัสรินทร์กะพริบตา ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ระงับอาการอย่างรวดเร็ว คำถามง่ายแต่ทิ่มแทงใจรุนแรง ทำเอาเธอหายใจขัด มันคือเชือกที่เอกสิทธิ์จะพันธนาการเธอไว้เป็นของเขาโดยสิ้นเชิง
ผู้มาเยือนทั้งสองคนสบตากันแล้วยิ้ม พยักหน้า “ได้ครับ”
“ผมอยากให้มีฉายขึ้นโปรเจคเตอร์ตอนที่เราสองคนจดทะเบียนด้วย โชว์เลยได้ไหมครับ”
นภัสรินทร์แน่ใจแล้ว เขาต้องการจะประกาศความเป็นเจ้าของเธอจริง ๆ ตัวแทนจากบริษัทรับจัดการรับทราบความต้องการของลูกค้าก็จดลงสมุด
“ไม่มีปัญหาครับ”
ทั้งหมดคุยกันในรายละเอียดอีกเล็กน้อย ผู้มาเยือนก็ขอตัวกลับ จังหวะนั้นยงยุทธกับวีรญาก็ขับรถเข้ามาถึงพอดี นภัสรินทร์ยกมือไหว้ ขณะที่วีรญาจ้องมองเธอและเดินเบี่ยงตัวออกไป
“คุยกันเสร็จแล้วเหรอ” คนอายุมากกว่าถาม เอกสิทธิ์พยักหน้า “ขอโทษทีพ่อติดประชุมเลยช้าไปหน่อย หนูรินมาคนเดียวเหรอ”
“ค่ะ คุณพ่อบอกว่าไม่ค่อยสบาย ขอโทษคุณลุงด้วยที่ไม่ได้มาทานข้าวด้วย”
“ไม่เป็นไร งั้นไปกินข้าวกันเลย เอกพาหนูรินไปเลย วี อ้าว ไปไหนแล้ว” ยงยุทธจะหันมาเรียกลูกสาวอีกคนแต่ไม่ทัน เขาโคลงศีรษะทำนองว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายคงจะมาเอง
“ไปกินข้าวเถอะ” เอกสิทธิ์บอกนภัสรินทร์ในที่สุด
ในช่วงเวลาที่เจ็บช้ำจากการปฏิเสธชายซึ่งตนมีใจและเขาไม่ได้มีความผิดให้ต้องตายทั้งเป็นจากน้ำมือเธอ ในช่วงที่โหยหาแสงสว่างในทางที่สลัว บนโต๊ะอาหารบ้านศิริภัณฑ์เปรมมีความรื่นรมย์นิด ๆ ให้นภัสรินทร์เมื่อเห็นวีรญาตาพองและมือสั่นตอนที่เอกสิทธิ์ตักอาหารให้เธอ
จริงอยู่ว่ามันทดแทนกันไม่ได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ปัญวิชช์ก็ปลอดภัย ถึงจะผิดหวังทรมานแต่เขาก็รอดพ้นเงื้อมือวีรญา เธอทำให้เขาอยู่ในจุดที่วีรญาไปไม่ถึงแล้ว เป็นการตอบแทนความรักความมั่นคงที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แม้รู้ว่าเขาไม่ต้องการ แต่นภัสรินทร์ก็อุ่นใจ เธอจะยังมองเห็นเขาตลอดเวลา
ความคั่งแค้นกดดันถ่ายเทไปสู่วีรญา ต่อจากนี้ไปวีรญาจะได้รับผลการกระทำที่ได้ทำต่อเธอตอบแทนกลับไปบ้าง
วีรญาวางช้อน เลื่อนจานแล้วลุกออกจากโต๊ะ
“อ้าววี อิ่มแล้วเหรอ”
คงเป็นเพราะคำถามนั้นมาจากผู้เป็นพ่อ หญิงสาวจึงหันมาตอบ แต่ก็เพียงสั้น ๆ “ค่ะ ไม่ค่อยหิว” แล้วก็เดินออกไป
นภัสรินทร์เห็นว่าวีรญากำมือแน่นตลอดเวลา
เอกสิทธิ์ชวนนภัสรินทร์มาเดินเล่นในสวน แสงจากดวงไฟวอมแวมชวนโรแมนติก ปกติแล้วชายหนุ่มเองก็ไม่ค่อยได้มาทอดน่องแบบนี้สักเท่าไหร่ เมื่อเวลานี้วนเวียนมาถึงเขาควรจะได้ใช้เพื่อถมความใกล้ชิดสำหรับเปิดเผยความในใจให้หญิงสาวที่กำลังจะเป็นภรรยาบ้าง
เห็นคนที่เดินเคียงข้างเงียบงันเหมือนจมอยู่ในความคิดจึงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาเอง
“รินครับ”
“คะ”
เอกสิทธิ์หยุดฝีเท้า จับจ้องดวงหน้าสวย “แบบงานแต่งที่คุยกันรินชอบไหม ถ้ามีอะไรที่ไม่ชอบหรืออยากได้อะไรได้เพิ่มก็บอกได้เลยนะ เมื่อกี้พี่รู้สึกว่าตัวเองจัดการเองมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เอกชอบแบบไหนก็จัดได้เลย รินยังไงก็ได้”
“พี่ก็อยากได้รินชอบด้วย งานแต่งทั้งที”
เขาคงคิดว่าเธอเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่อยากได้งานแต่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต สำหรับนภัสรินทร์ ความหมายมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้วนับตั้งแต่เธอเสียปรเมศ
พอเห็นหญิงสาวเงียบ ชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปกุมมือเธอ
“รินมีอะไรอยากคุยกับพี่ไหม”
เธอเอียงคอเล็กน้อยเชิงไม่เข้าใจคำถาม สายตาของเขาอ่อนโยน “รินอาจจะมองว่าการที่พี่ขอแต่งงานเพราะไม่อยากให้รินเป็นข่าว จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ รินคงรู้ว่าพี่รักรินมานาน”
นภัสรินทร์ยิ้มบาง “รินไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกค่ะ”
เอกสิทธิ์กระชับมือ สบตาเธอล้ำลึกและยื่นหน้าเข้ามาหา ประทับริมฝีปากเบา ๆ ที่แก้มนวล ไม่มีกิริยาต่อต้านก็ลากจมูกคลอเคลียและเคลื่อนขยับมาที่ริมฝีปาก นภัสรินทร์หลับตา
“อ้ะ!”
ทั้งคู่สะดุ้ง เอกสิทธิ์หันมาทางต้นเสียง เห็นวีรญายืนอยู่ สีหน้าตื่นตะลึงราวกับเห็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจ
“อ้าว ยายวี มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
น้ำเสียงและสายตาของเอกสิทธิ์ออกตำหนิเล็กน้อยที่น้องสาวเสียมารยาทเข้ามาในจังหวะนี้ วีรญาไม่ได้มองพี่ชายแต่ส่งสายตามาที่นภัสรินทร์ ในดวงหน้าแดงจัด วูบเดียวที่มองมาแต่สัมผัสถึงความเสียใจและคำตัดพ้อมหาศาล ก่อนที่วีรญาจะหมุนกายเดินลงส้นออกไปอย่างกระแทกกระทั้น เอกสิทธิ์ขมวดคิ้ว
“อะไรของเขา พิลึกจัง”
วีรญาเดินกลับเข้าห้องนอน ตัวร้อนรุ่มดั่งมีไฟเผาร่าง ร้อนไปหมด ร้อนแต่ทำอะไรไม่ได้ คนที่เธอรักทำกับเธอแบบนี้ วีรญาร้องกรี๊ด ๆ ทุบหมอนจะเขวี้ยงไปทั่วห้อง
นภัสรินทร์กันเธอออกจากไอ้สส.เด็กนั่นได้สำเร็จ ด้วยการประกาศแยกทาง แต่ไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะเลือกวิ่งสวนคมดาบเข้ามาแบบนี้ ซ้ำร้ายกว่านั้นยังตีตลบหลังเธอเสียยับเยินด้วยการรับหมั้นกับเอกสิทธิ์ กักเธอให้อยู่ในคอกแคบ ๆ ที่ไม่อาจเดินออกไปได้ ต้องทนเห็นคนที่รักอยู่ตรงหน้าและถูกครอบครองโดยพี่ชายของตัวเอง
แรงโกรธส่งออกมาจนทำให้วีรญาสั่นไปหมดทั้งตัว ทุรนทุรายเหมือนใจจะขาด
เธอไม่รู้ว่าเบื้องหลังจูบมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า แต่คนถือตัวอย่างนภัสรินทร์ยอมให้ผู้ชายกอดจูบแบบนั้น มันย่อมเกิดจากความตั้งใจ จงใจจะทำร้ายเธอให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
“ทำไมเธอทำแบบนี้ ริน เธอทำแบบนี้ไม่ได้ ฉันไม่ยอม!”
วีรญาลุกพรวดพราด คว้าโทรศัพท์ ปลายทางรับสายด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ
“ฮัลโหล”
“ปฏิเสธพี่เอกซะ หรืออยากให้ไอ้ปัญวิชช์อยู่ในอันตราย” วีรญาไม่อารัมภบทใด ๆ ทั้งสิ้น นภัสรินทร์หัวเราะแผ่ว “เธอนี่ขยันขู่จริง ๆ นะ ฉันปฏิเสธก็ได้ แต่จะบอกว่าเธอบังคับให้ฉันเลิกกับพี่เอกเพราะเธอเกลียดฉัน ไม่อยากให้ฉันร่วมบ้าน คิดว่าพี่ชายเธอดูไม่ออกเหรอว่าเธอไม่พอใจเรื่องฉันอยู่แล้วน่ะ”
วีรญานิ่ง อีกฝ่ายตอบทันที ทั้งที่เธออุตส่าห์คิดวิธีการที่จะบีบให้กลัวแล้ว นั่นแปลว่านภัสรินทร์อ่านใจเธอออกและหาทางแก้ลำไว้แล้ว ปัญวิชช์อยู่ห่างไกลจนเธอลากเขามาในเกมส์ไม่ได้อีกแล้ว
“หรือจะบอกพี่เอกไปเลยดีน้าว่าเธอชอบฉัน”
“ริน!”
“เท่านี้นะ ฉันขับรถอยู่”
นภัสรินทร์วางสายไป วีรญาจุกจนแทบทรงกายไม่อยู่ เธอเขวี้ยงโทรศัพท์ไปกระทบผนัง อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์แตกกระจาย
ด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน วีรญาเรียกชื่อนภัสรินทร์ซ้ำ ๆ และถามตัวเองย้ำ ๆ ว่าเธอจะทำยังไงดี ถ้าลำพังผู้ชายคนนั้นเป็นคนอื่นเธอคงไม่ต้องปวดใจเพียงนี้ แต่นี่คือพี่ชาย พี่ชายแท้ ๆ
‘อยากรู้นักว่าเธอจะกล้าทำอะไรพี่ชายตัวเองไหม’
เสียงนภัสรินทร์เย้ยเยาะดังก้องในหัว เมื่อรวมกับภาพที่เพิ่งเห็นตำตายิ่งกระหน่ำใจ เธออยากกระชากเอกสิทธิ์ออกแล้วตะโกนว่าอย่าแตะต้องนภัสรินทร์ แต่มันทำไม่ได้ พอคิดได้เช่นนี้ก็เสียใจ ตาร้อนผ่าว
ความลับนั้นกระชากใจ ครอบครัวไม่เคยรู้และเธอไม่ต้องการให้รู้ นภัสรินทร์เจอจุดเปราะบางของเธอ นภัสรินทร์ใจร้ายกับเธอ บ้าที่สุด!
“รินว่ายังไงบ้าง”
ยงยุทธถามเอกสิทธิ์หลังจากที่นภัสรินทร์กลับไปแล้ว สองพ่อลูกนั่งคุยกันสบาย ๆ ผู้เป็นแม่ไปพักผ่อนแล้ว
“ก็ไม่มีอะไรครับ ให้ผมจัดการได้เลย” ลูกชายตอบพลางก็คิดถึงท่าทีนิ่ง ๆ ของหญิงสาว “รินต้องเจอกับอะไรหลายอย่าง น้องสาวก็ไม่ชอบหน้ากัน ยิ่งมีข่าวมันยิ่งทำให้รินไม่เป็นสุข ผมดีใจที่รินตอบรับคำแต่งงาน”
คนฟังพยักหน้า แววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจกับทั้งเรื่องมงคลและความสามารถในตัวลูกชาย เอกสิทธิ์นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขามีบางอย่างแคลงใจกับอาการของน้องสาวในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
“วีไม่เห็นด้วยกับเรื่องของผมกับรินหรือเปล่าครับพ่อ”
คนฟังยกคิ้ว “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”
ลูกชายประสานมือเข้าด้วยกัน น้ำเสียงไม่หนักแน่นนัก “ตั้งแต่เราคุยกันว่าจะมีงานแต่ง วีไม่เคยแสดงความยินดีกับผมเลย แถมยังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หรือเขาทะเลาะอะไรกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่เห็นสนิทกันเหมือนเดิมด้วย”
“เอกกลัวเรื่องวีว่าจะไม่ยอมรับรินเหรอ”
“เปล่าหรอกครับ ผมห่วงความรู้สึกน้อง ถ้ามีอะไรก็อยากให้มาคุยกัน
“พ่อว่าคงไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวพ่อจะลองถามดูแล้วกัน” ยงยุทธตัดบท พอทำให้เอกสิทธิ์หายกังวลได้บ้าง
พูดคุยกันอีกสองสามคำชายหนุ่มก็ขอตัว แต่ประมุขของบ้านยังคงนั่งอยู่ แทนที่จะหยุดความคิดเพราะทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี กลายเป็นว่าคำถามของลูกชายจุดประเด็นบางอย่าง
ยงยุทธเคยสะกิดใจกับการกระทำของวีรญาอยู่เหมือนกัน เขาพิจารณาพฤติกรรมลูกสาวที่ก้ำกึ่งจะชอบเพื่อนสนิทมากผิดปกติ ทำไมถึงได้โกรธเกลียดปรเมศรวมทั้งผู้ชายหลายคนที่มาพัวพันกับนภัสรินทร์ รวมถึงขนาดเอาชีวิต จะบอกว่าเป็นเพราะปรเมศข่มเหงก่อนตามที่วีรญาเล่าให้ฟังหลังจากไปต่างประเทศแล้ว แต่มันก็ต้องมีมูลเหตุจูงใจที่ทำให้สส.หนุ่มลงมือขนาดนั้นอยู่ดี
ทำไมวีรญาต้องเอาตัวเองไปแทรกตรงกลางระหว่างคู่รัก ณ ขณะนั้นใจของคนเป็นพ่อเต้นระส่ำ ถ้าวีรญาคิดกับนภัสรินทร์เกินกว่าเพื่อน ความใกล้ชิดกันหลายปี ความไว้ใจ วัยที่ใกล้กัน รวมทั้งท่าทางเหงาเศร้าในดวงหน้าสวยของนภัสรินทร์จะทำให้วีรญาสงสารและแปรเป็นความรัก มันก็อาจเป็นไปได้
แต่คำถามนี้ตกไปโดยสิ้นเชิงเมื่อวีรญากลับมาจากต่างประเทศ ภาพผู้หญิงเต็มตัวทำให้เขาคิดว่าเรื่องในอดีตถูกกลบฝังไปแล้ว วีรญาคงจะเป็นคนใหม่ ลืมความอาฆาตแค้นนั้นแล้ว
เขาเพิ่งรู้ ณ ตอนนี้ว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปคือบุคลิกภายนอกเท่านั้น และมันทำให้คนเป็นพ่ออย่างเขากังวลอยู่ลึก ๆ ทั้งที่จะมีข่าวดีก็ตาม
....
จากคุณ |
:
อุธิยา (BabyRed)
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ต.ค. 55 19:16:12
|
|
|
|