Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เล่ห์รักสาวพิสูจน์อักษร ตอนที่ 1 ติดต่อทีมงาน

เรื่อง เล่ห์รักสาวพิสูจน์อักษร

ตอนที่ 1

ใบหน้าคมคล้ายจะมีเชื้ออาหรับรับกับคิ้วดำดกหนา นัยน์ตาสีชาเข้มคมกริบ เหมาะกับจมูกโด่งราวกับมีเชื้อฝรั่ง ริมฝีปากหยักสีชมพูเข้มเกือบแดงผสมผสานกันจนกลายมาเป็นใบหน้าของภาคินัย นักเขียนนิยายโรมานซ์หนุ่ม เจ้าของนามปากกาเมาคลี  ผู้มีเชื้ออาหรับผสมฝรั่งเศสจากบิดา และผสมเชื้อไทยแท้จากมารดาอยู่อีกครึ่งหนึ่ง แต่ภาคินัยไม่มีโอกาสจะได้เห็นหรือสัมผัสอุ่นไอรักของบิดาและมารดาเพราะท่านเสียชีวิตไปตั้งแต่เขามีอายุได้แค่สามเดือน ภาคินัยจึงถูกเลี้ยงมาด้วยสองมือของยายจวบจนเขาอายุได้ยี่สิบ ญาติคนเดียวอันเป็นที่รักยิ่งเปรียบเสมือนพ่อและแม่ของเขาก็มาจากไปด้วยโรคชรา แต่ความเป็นอยู่ของเขาไม่ได้ลำบากนักเพราะได้รับมรดกจากยายเป็นที่ดินกว่าห้าร้อยไร่ในจังหวัดชลบุรี อีกทั้งเงินสดที่ยายเก็บไว้ในธนาคารอีกเกือบสิบล้านทำให้ภาคินัยอยู่อย่างสบาย แต่เขาก็มีอาชีพที่สร้างรายได้ในแต่ละปีไม่น้อยมันเป็นเหตุบังเอิญที่วันหนึ่งเขาพบผู้หญิงที่ต้องตาและหยิบปากกาขึ้นมาเขียนเรื่องราวของเธอปั้นเสริมเติมแต่งจนออกมาเป็นนิยายโรมานซ์อันแสนโรแมนติกเขาลองส่งไปที่สนพ.ดังแห่งหนึ่งอย่างไม่ได้คาดหวัง

นับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ภาคินัยในนามปากกาของเมาคลีมีนิยายออกสู่สายตาสาธารณะชนไม่น้อยกว่ายี่สิบเล่ม แต่ละเล่มตีพิมพ์ไม่น้อยกว่าสองครั้ง ในห้าปีที่ผ่านมานามปากกาของเขาเป็นที่นิยมของนักอ่านนิยายโรมานซ์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีนักเขียนน้อยรายที่เป็นผู้ชาย และการเขียนบรรยายในบทเลิฟซีนแต่ละฉากแต่ละตอนเขาบรรยายได้อย่างถึงพริกถึงขิง แต่ก็อ่อนหวานละมุนละมัยไม่ได้รุนแรงหยาบโลนจนกลายเป็นนิยายโป้ การใช้สำนวนในการเขียนนิยายของเขามันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้คนอ่านเคลิบเคลิ้มราวกับว่าได้เป็นพระเอกนางเอกในเรื่องเสียเอง

นิยายโรแมนติกพาฝัน บางคนที่ชอบก็ว่าดีบางคนไม่ชอบก็หาว่าเขียนอะไรฝันเฟื่อง แต่สำหรับเขามันไม่ใช่มันเป็นศิลปะแบบหนึ่งที่ผู้เขียนมีหน้าที่ถ่ายทอดอารมณ์ให้ผู้อ่านคล้อยตามอย่างมีศิลปะไม่แพ้นิยายประเภทอื่นๆ สำหรับเขาใครจะคิดอย่างไรก็ตามแต่เขามีความสุขกับมันแต่ก็ไม่เคยคิดจะไปขวางความคิดหรือมุมมองที่แตกต่างของใคร
ภาคินัยหยุดมือจากการเคาะแป้นพิมพ์บนโน๊ตบุ๊คคู่ใจขนาดกระทัดรัด เมื่อเสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น คอนโดชานเมืองห้องนี้เขาเก็บเอาไว้เป็นที่พักและทำงานโดยเฉพาะ ที่นี่อยู่ติดทะเลเงียบสงบเหมาะแก่การใช้จินตนาการในการเขียนนิยายนอกจากนี้ยังเป็นรังรักสำหรับบรรดาสาวๆที่เต็มใจและยินยอมแลกความสุขกับเขา

ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูและต้องถอยหลังก้าวหนึ่งเมื่อร่างบางโถมเข้าใส่ชนิดที่ภาคินัยตั้งตัวแทบไม่ติด
“ภาคินัยขา คิดถึงคุณจังค่ะคิดว่าคุณต้องอยู่ที่นี่พอดีฉันมีงานถ่ายแบบแถวนี้เลยแวะมาหาคุณก่อนค่ะ” เขาโอบรอบเอวกิ่วของเธอ

“เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิครับ” เขายิ้มอย่างรู้ทันนัยน์ตาระยับรู้ดีว่าเธอมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร

น้ำเสียงนุ่มสุภาพ บวกกับหน้าตาหล่อเหลาขั้นเทพ มัดกล้ามกับรูปร่างขยี้ใจสาวเขมมิกานางแบบสาวที่หนุ่มๆทั้งในและนอกวงการหมายปอง ยอมตกเป็นของเขาโดยที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นเป็นความสัมพันธ์ประเภทฉาบฉวยแลกความสุขซึ่งกันและกันแต่ไม่ผูกมัด ข้อตกลงนี้เขมมิกาเป็นฝ่ายเสนอเขาเองแต่เมื่อนานๆไปนางแบบสาวกลับอยากจะเปลี่ยนความสัมพันธ์ชั่วคราวให้กลายมาเป็นความสัมพันธ์ชนิดถาวรก็ผู้ชายที่พร้อมทุกด้านแบบนี้หาได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่
“ถึงคุณไม่เชิญ ฉันก็ต้องเข้าไปอยู่แล้วค่ะ ว่าแต่วันนี้หวังว่าคุณคงไม่ทำให้รถไฟชนกันอีกนะคะ” หญิงสาวสบตาอย่างมีเลศนัย
ภาคินัยยิ้มน้อยๆก่อนจะรวบเอวบางเข้ามาจุมพิตหนักหน่วงลงไปที่ริมฝีปากอิ่มซึ่งเคลือบด้วยลิปติกชั้นดีราคามากกว่าเงินเดือนทั้งสัปดาห์ของหลายๆคน
จะชักช้าไปทำไมในเมื่อเขารู้อยู่เต็มอกว่าหญิงสาวมาหาเขาด้วยเรื่องอะไรสู้ทำให้เธอสมปรารถนาเขาจะได้กลับไปเขียนนิยายต่อ สายตาคู่คมจ้องมองไปที่สายตายั่วยวนคู่นั้นมันเปิดเผยความต้องการออกมาจนชัดเจน

คุณมีเวลาไม่มากใช่ไหมถ้าอย่างนั้นเราก็มาแลกความสุขกันเลยละกัน”
“แล้วแต่คุณภาคินัยสิคะ สำหรับเขมยังไงก็ได้” ใบหน้าสวยทันสมัยเขินอายเล็กน้อยเขมมิกานางแบบร้อนแรงคนนี้สามารถจะหาใครก็ได้มาบำเรออารมณ์รักให้กับเธอ แต่ไม่มีใครที่ทำให้ถูกใจได้เท่าเขา นางแบบสาวติดนิสัยแบบฝรั่งเ ธอเคยคบกับมหาเศรษฐีชาวสวีเดนแต่ก็เลิกลากันไปหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยคบใครจริงจังเพราะไม่ต้องการผูกมัดกับใครอีก เธอต้องการแค่แลกความสุขทางกายเท่านั้นแต่ทุกวันนี้เขมมิการู้ดีเธอต้องการครอบครองทุกอย่างที่เป็นตัวตนของภาคินัยโดยเฉพาะหัวใจของเขา

เขมมิกาจูบไซร้ไปตามลำคอของชายหนุ่มก่อนจะค่อยๆช่วยดึงเสื้อของเขาออกไปให้พ้นตัว


“ใจเย็นๆก็ได้ครับไม่ต้องรีบร้อน” เขาบอกก่อนจะช่วยดึงกระโปรงตัวสั้นให้พ้นไปจากร่างนางแบบสาว


นัยน์ตาแวววาวระยับมองอกแกร่งเปลือยที่สมบูรณ์แบบอย่างคนชอบออกกำลังกายของชายหนุ่มอย่างหลงไหล


“ก็ตอนนี้ฉันกำลังหิวมากนี่คะ อยากจะกินคุณจะแย่อยู่แล้ว”


เขายิ้มร้ายสายตาเจ้าสเน่ห์สบตากับหญิงสาว“อย่าบอกผมนะว่าช่วงนี้ไม่มีผู้ชายตกถึงท้องคุณเลย” เขาหยอกเธอ เขารับรู้ว่าเธอไม่ได้มีเขาเพียงคนเดียวเช่นเดียวกับตัวเขาซึ่งไม่ได้มีเธอคนเดียว ระหว่างเขากับเขมมิกามันคือการแลกความสุขทางกายไม่มีความสุขทางใจเข้ามาเกี่ยวข้อง


อาหารจานด่วนรสชาติเผ็ดร้อนแรงที่ผ่านการปรุงแต่งด้วยฝีมือเชฟมือหนึ่งอย่างภาคินัยถูกเสริฟร้อนๆให้นางแบบสาวกินจนเธออิ่มหนำสำราญ


“คุณนี่ร้อนแรงได้ตลอดเวลาจริงๆนะเขมมิกา”ภาคินัยยิ้มพราย มองร่างบางในอ้อมแขน

สาวที่นอนตาปรือเขารู้ว่าเธอกำลังมีความสุขมากแค่ไหน เธอหน้าสวย หุ่นดี นิสัยไม่งี่เง่า และไม่เคยเอาแต่ใจกับเขา เพราะฉะนั้นเขาจะบำเรอรักให้เธอมีความสุขที่สุด ดูเหมือนอาหารจานร้อนรสเลิศนี้จะถูกใจหญิงสาวเป็นพิเศษตลอดเวลาที่เธอได้ลิ้มลองอาหารรสชาติแปลกใหม่ที่ภาคินัยจัดมาเสริฟให้บนเตียงเสียงของหญิงสาวก็ร้องแสดงความพอใจออกมาอย่างต่อเนื่อง

“มีความสุขที่สุดเลยค่ะภาคินัย” หญิงสาวพร่ำบอกและจุมพิตให้รางวัลเขาหนึ่งครั้งก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำเพราะมีนัดถ่ายแบบที่ชายหาดดังซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดนี้มากนัก


“จะให้ผมไปส่งคุณไหม”

“ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวฉันกลับเองก็ได้ค่ะ พอดีวันนี้เอารถมา” หญิงสาวหันมายิ้มหวานก่อนจะพาร่างเปล่าเปลือยไปที่ห้องอาบน้ำชำระร่างกาย ที่จริงเธออยากให้เขาไปส่งเสียแต่ว่าคืนนี้มีเศรษฐีใหญ่มาเฝ้ารอเธออยู่ที่กองถ่าย เขมมิกาไม่ได้ชอบอาเสี่ยพุงพุ้ยคนนั้นสักนิด แต่ว่าที่ยอมรับนัดไปทานมื้อค่ำในคืนนี้ด้วยก็คงเป็นเพราะตัวเลขหกหลักที่อยู่บนเช็คที่เขาฝากคนเอามาให้เธอพร้อมดอกลิลลี่ช่อโต ที่จริงเธอก็มีเสี่ยใหญ่เงินหนา รวมทั้งนักการเมืองใจปล้ำหลายคนแต่เธอก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับใคร ได้แต่หว่านเสน่ห์ไปเรื่อยๆ จะมีก็แค่ท่านของเธอนักการเมืองคนดังจอมเจ้าเล่ห์ที่เคยชุบเลี้ยงเธออยู่พักหนึ่งก่อนที่เธอจะพบภาคินัย
++++++++++++++++++
บรรณาธิการสาวสวยขยับกรอบแว่นตาอันเก๋ไก๋ และมองลอดแว่นไปที่ประตูห้องทำงาน เสื้อผ้า หน้า ผม นี่มันนางแบบแคทวอกล์ไหนวะทำไมหลงมาเดินแถวนี้ได้ เมื่อขยับแว่นอีกที อินทิราก็ต้องสั่นศีรษะแรงๆ

“ไม่ใช่ใครที่ไหนนี่ที่แท้ก็น้องสาวเราเอง”   น้องสาวของเธอซึ่งเข้ามาช่วยทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษร พีระดาจบคณะอักษรศาสตร์เอกภาษาไทย จากมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง แม้จะมีหน้าตาที่ทันสมัย บุคลิกที่โดดเด่น และชอบแต่งตัวราวกับนางแบบมาทำงานทุกวัน แต่มีความรับผิดชอบในหน้าที่สูง ใครก็รู้ว่าเธอทำงานได้ดีมากขนาดไหนจนคนเป็นพี่สาวไม่สามารถเอาข้ออ้างเรื่องการแต่งกายมาหักล้างเรื่องการทุ่มเทกับงานของเธอได้


“ยัยพีระดา แหม...นี่เธอแต่งตัวยังกับจะไปเดินแบบที่ไหน” บรรณาธิการสาวสวยแห่งสำนักพิมพ์ดังมองหญิงสาววัยกำลังสวยเต็มที่อายุยี่สิบเศษและยิ้มออกมาบางๆ

“ไม่เคยได้ยินเหรอคะพี่อิน ที่เขาบอกว่าผู้หญิงอย่าหยุดสวย บางทีคนเราก็ต้องออกนอกกรอบบ้างถ้ากรอบมันคับแคบและอึดอัดจนเกินไป ไม่เข้าใจทำไมคนทั่วไปต้องคิดว่าพวกที่ทำงานพิสูจน์อักษรจะต้องทำตัวเหมือนคุณป้าสวมแว่นตาหนาเตอะ ผมยุ่งเหยิง หน้ามันทั้งวัน” หญิงสาวไหวไหล่


“ฉันยังไม่ทันจะว่าอะไรเธอเลยนะเธอก็แก้ตัวมาเป็นชุดๆเสียแล้ว”

“แหม...ปากไม่ว่าแต่เจ๊ด่าด้วยสายตาตั้งแต่น้องก้าวขาผ่านประตูเข้าบริษัทมาแล้วนะคะ”


บรรณาธิการสาวสวยมองกระโปรงสีพีชขลับผิวให้ผ่องตัวสั้นจู๋ โชว์ช่วงขาขาวเนียนของน้องสาว กับแบบเสื้อทันสมัยรัดรูป


“ตัวนี้สั้นที่สุดหรือยังยัยพีระดา” คนเป็นพี่สาวถาม

“ยังได้อีกค่ะ เดี๋ยวอีกสองสามวันจะนุ่งให้สั้นกว่านี้ ” พีระดายิ้มหวานหยอกล้อพี่สาวเล่นถึงจะชอบแต่งตัวล้ำสมัยแต่เธอก็ไม่คิดจะแต่งตัวแหกกฏไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“ว่าแต่ต้นฉบับของคุณเมาคลีที่จะออกต้นเดือนสิงหาคม แผนกพิสูจน์อักษรของเธอเรียบร้อยดีแล้วเหรอ”

พีระดายิ้มหวาน“เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวจะให้น้องขิงส่งเมลล์มาให้ หลังจากส่งงานไปให้คุณเมาคลีตรวจต้นฉบับอีกครั้งจะได้ส่งเข้าโรงพิมพ์”

“ครั้งนี้จะตีพิมพ์กี่เล่มคะพี่อย่างคุณเมาคลีคงต้องสั่งโรงพิมพ์ให้พิมพ์ไว้ไม่ต่ำกว่าหมื่นเล่ม”


“มันก็แน่นอนอยู่แล้วย่ะ พี่ว่าเล่มใหม่ที่จะวางนี้นะคงต้องพิมพ์อย่างน้อยสามครั้ง คุณเมาคลีนี่แฟนคลับเขาเยอะจริงๆ งานสัปาดาห์หนังสือที่ผ่านมานะ หนังสือหมดเกลี้ยงไปตั้งแต่วันแรกคิวขอลายเซ็นยาวไปถึงสถานีรถไฟฟ้า”

“เวอร์ไปไหมคะพี่ แต่คนอะไรก็ไม่รู้นะคะ หน้าตาก็หล่อเป็นเลิศ ฝีมือการเขียนก็เข้าขั้นเทพ” พีระดายิ้มฝันหวาน แก้มแดงจัดเธอเคยพบเขาครั้งหนึ่งตอนที่เขามาที่สำนักพิมพ์ โดยปกตินักเขียนก็จะไม่ได้เข้ามาที่สำนักพิมพ์บ่อยนักไม่เหมือนสมัยก่อนซึ่งบางครั้งจะมาเสนอต้นฉบับด้วยตัวเองแต่ปัจจุบันนี้แค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้นทุกอย่างก็ง่ายดายแค่ปลายนิ้วสัมผัส

“แกแอบปลื้มเขาอย่างนั้นล่ะสิยัยพีระดา”
พีระดายิ้มน้อยๆ “แล้วถ้าน้องชอบเขาจริงๆ พี่จะว่ายังไง พี่อินคิดว่าเขาจะสนใจน้องสาวของพี่บ้างไหม”

ที่จริงพีระดาหน้าเหมือนดารา หุ่นเหมือนนางแบบใครเห็นก็ต้องมองจนเหลียวหลัง แต่สำหรับนักเขียนหนุ่มหล่อไฟแรง มือทองคนนี้อินทิราก็ไม่กล้าตอบเหมือนกัน ที่จริงเมาคลี ค่อนข้างเก็บตัวไม่บ่อยนักที่เขาจะออกงานสักครั้ง
“เผื่อใจไว้บ้างก็ดี อย่าคิดว่าเรามันสวยเลือกได้อยู่ฝ่ายเดียวรายนี้เขาก็หล่อรวยเลือกได้เหมือนกัน ดูเหมือนจะมีให้เลือกเยอะเสียด้วย”
“คำตอบของพี่บั่นทอนจิตใจน้องสาวหมด เอาล่ะค่ะไม่อยากคุยกับพี่แล้วขอตัวไปทำงานก่อนละกัน”


จากนั้นพีระดาก็เดินเชิดหน้าพาร่างระหงเดินเข้าไปที่แผนกพิสูจน์อักษรของเธอ

+++++++++++++++++++
หญิงสาวไล่มองตัวอักษรทุกตัวและอ่านมันอย่างตั้งใจใบหน้าหวานเผลอแดงซ่านยามอ่านไปถึงบทนั้นเธออยากรู้นักว่านักเขียนเก่งกว่าที่จะร้อยเรียงเรื่องราวออกมาเป็นต้นฉบับแบบนี้ได้เขาเอาพล็อตเรื่องมาจากไหนกันแล้วบทเลิฟซีนที่ชวนวาบหวามเหล่านี้ล่ะแอบเอามาจากชีวิตจริงกันด้วยหรือเปล่า พีระดาเผลอคิดไปยิ้มไปจนแก้มแดงจัดเป็นลูกพีชสุก

“ไม่นะ เมาคลีของฉัน พีระดาคนนี้แอบจองคุณเอาไว้แล้วค่ะห้ามไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนนะ”เธอยิ้มหวานกับหน้าจอคอมพิวเตอร์
“พี่คะ พี่พีระดา” น้องเอินเจ้าหน้าที่พิสูจน์อักษรหน้าใสเรียก

“พี่คะ พี่ๆ”สงสัยจะอินหนัก น้องเอินเจ้าหน้าที่พิสูจน์อักษรจึงเรียกเสียงดัง “พี่พีระดาคะ จะอินอะไรกันนักหนา”

พีระดาตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงแหลมเล็กของน้องเอิน “มีอะไร น้องเอินเรียกเสียงดังเชียว”


“เอินเห็นพี่อ่านไปยิ้มไป พูดเองเออเองเลยจะถามว่าเป็นอะไร หรืออินจัด คงจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกเองเสียแล้วสิ และนั่นอ่านไปถึงไหนแล้วคะเรื่องใหม่ของคุณเมาคลี อย่าบอกนะว่ากำลังถึงบทเลิฟซีน”

พีระดายิ้มอาย ออกจะเขินที่ถูกแซว

“พี่พีระดากำลังตรวจบทเลิฟซีนอยู่ใช่ไหมคะ” เด็กสาวยยื่นหน้าไปที่จอ

คอมพิวเตอร์ “จริงๆด้วยถึงว่าแก้มแดงเชียว”

“มันก็แน่ล่ะก็นางเอกที่คุณเมาคลีเขียน มันน่าอิจฉาน้อยเสียเมื่อไหร่ อ่านแล้วมันก็เคลิบเคลิ้มชวนฝันเป็นธรรมดา”

“พี่คะแล้วเรื่อง สยบรักซาตานตัวร้าย ของคุณเมาคลีเขาวาดปกเสร็จหรือยัง”
 “ไม่แน่ใจนะ แล้วปกนี้ใครวาดล่ะ” พีระดาถามกลับ
“คุณอัคนี ที่เป็นเพื่อนกับเจ้าของนามปากกายังไงล่ะคะ”

 “เออ...พี่ตั้งใจจะถามอยู่เชียว ว่าจริงหรือเปล่าที่เขาบอกว่าคุณอัคนีนักวาดภาพปกเป็นเพื่อนกับคุณเมาคลี”
 
“คงจริงนะคะพี่ ทำไมเหรอ” สาวน้อยมีสีหน้าสงสัย


 “ไม่มีอะไรหรอก แต่ว่าเอินมีเบอร์มือถือพี่อัคนีไหมจ้ะ”


“มีค่ะ แต่โทรไปที่โต๊ะก็ได้นี่คะวันนี้พี่เขาก็มาทำงาน พี่มีอะไรกับเขาหรือเปล่า”

“บางอย่างก็ต้องคุยนอกเวลางานจ้ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัว” พีระดาอมยิ้มเขินอาย เธออยากให้เขาเป็นพ่อสื่อให้ ไม่รู้ว่าเขาจะมองเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนแต่เธอชอบเพื่อนของเขาจริงๆ อยากรู้จัก อย่างใกล้ชิด อยากรู้ว่าหนุ่มในฝันคนนั้นที่เธอพิสูจน์อักษรให้บ่อยๆ เขาจะเป็นผู้ชายโรแมนติกหรือเปล่า


“แหม....ทำเป็นมีความลับ ”



“ความลง ความลับอะไรไม่มี ไม่มี ” พีระดาปฏิเสธหน้าแดงจัด




“ไม่แซวก็ได้ค่ะ ว่าแต่คืนนี้มีเดินแบบที่ไหนเหรอคะ ได้ข่าวว่าพี่พีระดากำลังจะดังเป็นนางแบบดาวรุ่งจริงหรือเปล่าคะ แล้วถ้าเป็นนางแบบยังมาช่วยงานที่บริษัทได้อีกเหรอคะ ทำไมไม่เอาเวลาไปทุ่มให้กับงานเดินแบบเต็มที่ไปเลย เป็นน้องเอินนะไม่มานั่งพิสูจน์อักษรให้ปวดตาหรอก”


“น้องเอินจ้ะ งานพิสูจน์อักษรเป็นงานที่พี่รักและนี่ก็เป็นบริษัทที่คุณพ่อพี่ก่อตั้งมันตั้งแต่มันยังเป็นสำนักพิมพ์เล็กๆ จนทุกวันนี้มีสำนักพิมพ์ในเครือมากมายยังไงพี่ก็ไม่ทิ้งที่นี่หรอก แต่อาจจะไม่มีเวลาให้มากเท่าเดิมก็เท่านั้น”


“นับถือจริงๆค่ะพี่พีระดา หญิงเหล็กจริงๆ กลางวันก็ทำงาน กลางคืนก็เดินแบบ” พีระดาเป็นน้องสาวเจ้าของสำนักพิมพ์ดังที่ควบตำแหน่งบรรณาธิการด้วย แต่เธอกลับปฏิบัติตัวเหมือนพนักงานธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นจึงเป็นที่รักของทุกคนในสำนักพิมพ์

“พูดแล้วก็ง่วงไปหากาแฟกินดีกว่าจะได้ตาสว่าง” พีระดาพูดจบก็ยกมือขึ้นปิดปากหาวน้อยๆก่อนจะพาร่างนางแบบเดินไปทางห้องครัว พีระดาหยุดมองเมื่อเห็นพนักงานสาวหน้านิ่วคิ้วขมวดกับการรับโทรศัพท์

พนักงานสาวแผนกข้างๆ รับสายจ้าระหวั่นหลายสายที่ดังพร้อมๆกัน

“เป็นอะไรไปคะน้องเพลิน ทำไมหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้น งานยุ่งเหรอ”พีระดาหยุดถามขณะเธอกำลังเดินไปชงกาแฟ


“ก็มีแต่แฟนคลับของคุณเมาคลี วันๆก็โทรมาถามเกี่ยวกับชีวิตของเขา ว่ามีแฟนหรือยัง บ้านอยู่ที่ไหนอายุเท่าไหร่ จะไปพบได้ที่ไหน ทั้งวันเลยค่ะ แฟนคลับพี่แกเยอะจริงๆ ตั้งแต่คราวที่แล้วที่ไปแจกลายเซ็นงานสัปดาห์หนังสือเหมือนว่าแฟนคลับจะมีมากขึ้นอีกเท่าตัว วันๆหนูแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากตอบคำถามพวกนี้

“ถ้าวันหลังเขาถามว่าคุณเมาคลีมีแฟนหรือยัง ก็ตอบไปเลยสิจ้ะว่ามีแล้วชื่อพีระดา สวยมากเสียด้วย” หญิงสาวพูดเล่นๆแต่นึกอยากให้เป็นจริงจากนั้นหัวเราะเบาๆ

“อารมณ์ขันนะคะคุณพีระดา อันแน่....หรือแอบปลื้มคุณเมาคลีเขาด้วยอีกคน”

“บ้าน่า พูดอะไรก็ไม่รู้” จากนั้นหญิงสาวก็ยิ้มแบบเขินๆ หน้าแดงขึ้นทันที  และขอตัวไปชงกาแฟมาดื่มแก้ง่วง ++++++++++++++++++++++++++++++++++

แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 55 22:15:19

จากคุณ : อัปสราน่ารัก
เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:12:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com