เสียงฟ้าร้องคำรามลั่นท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำ พัดน้ำทะเลหมุนวนเป็นเกลียวคลื่นสาดซัดกระทบฝั่งอย่างบ้าคลั่ง แม้ความมืดมิดยามค่ำคืนก็มิอาจปกปิดน้ำตาแห่งความโศกเศร้าที่พรั่งพรูออกมาจากใบหน้าสาวน้อยวัยแรกแย้ม แสงสว่างวาบจากฟ้าเบื้องบนมิได้จุดประกายความหวังของเธอขึ้นมาเลย เธอสูญสิ้นทุกสิ่งอย่างเกินกว่าจะไขว่คว้ากลับคืนมาได้ บทเรียนในอดีตตอกย้ำหัวใจให้เจ็บปวดทุรนทุรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำพูดของผู้เป็นน้าแว่วไปมาอยู่ในหูจนไม่หลงเหลือความกล้าที่จะกลับไปเผชิญหน้า
"เห็นทะเลข้างหน้าไหม แม่แกโดนไอ้เศรษฐีกรุงเทพฯมันหลอก ชอกช้ำถึงกับต้องฆ่าตัวตายในทะเล ถ้าแกอยากเป็นเหมือนแม่แก ไปเลย!! ไปอยู่กับมัน ถ้าโดนมันทิ้งมาก็อย่ามีหน้าโผล่มาให้น้าเห็น"
น้ำตานองหน้ารุ้งตะวันอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำพูดของมัทนาที่พูดย้ำเตือนเธอหลายครั้ง แต่เธอไม่เคยสนใจฟัง เธอเชื่อมั่นในฝันของเธอเสมอว่าสักวันหนึ่งจะมีเจ้าชายที่สมบูรณ์แบบ มามอบหัวใจให้กับเธอและอยู่เคียงข้างเธอตลอดกาลเหมือนในละครทีวีที่เธอดู แต่...ไม่ใช่เลย!! ทุกอย่างเป็นแค่ความฝันที่เธอจินตนาการขึ้นเองทั้งนั้น คำหลอกลวงต่างหากคือความจริงของโลกที่โหดร้ายใบนี้
"ตะวันผิดไปแล้วค่ะน้านา ยกโทษให้ตะวันด้วยที่ไม่ฟังคำเตือนของน้านา ตะวันจะกลับไปสู้หน้าน้านาได้ยังไง ตะวันโง่เอง คนโง่ๆอย่างตะวันอยู่บนโลกนี้ต่อไปไม่ได้หรอก"
รุ้งตะวันปาดน้ำตามองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าอย่างตัดสินใจ เธอค่อยๆก้าวเท้าเดินลงไปในทะเลช้าๆ ฟ้าเบื้องบนส่งเสียงคำรามลั่นไม่ยอมหยุด ราวกับเป็นสักขีพยานในการรับโทษทัณฑ์ความผิดที่เธอตัดสินมันด้วยตัวเอง ร่างของเธอค่อยๆจมหายไปกับคลื่นทะเลที่ยังคงหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง เหมือนจะไม่ยอมรับในการลงทัณฑ์ความผิดของเธอครั้งนี้!!
........................................................................
ตอน1
จังหวัดระยอง 25ปีที่แล้ว
ท้องทะเลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา นนท์ยืนมองออกไปยังทะเลเบื้องหน้า แววตาเศร้าหม่นคิดถึงแต่เรื่องราวในอดีต โดยไม่รู้เลยว่ามีผู้หญิงสองคนยืนมองและพูดถึงเขาอยู่จากระเบียงบ้านพักตากอากาศ
"ไม่รู้เมื่อไหร่ตานนท์จะลืมเมียเขาได้สักที นี่ก็ผ่านมาจะร่วมปีแล้วที่เมียเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หนูรตีต้องช่วยแม่นะ ที่แม่พาตานนท์ลงมาพักผ่อนที่ระยอง ก็หวังจะให้หนูรตีช่วยรักษาแผลใจให้พี่เขา หนูจะช่วยแม่ได้ไหม"
คุณหญิงอาภาสิริพูดกับรตี ลูกสาวของเพื่อนรักที่ตัวเองรับมาอุปการะเลี้ยงดู หลังจากพ่อแม่ของรตีเสียชีวิตไปอย่างกะทันหันเมื่อสองเดือนก่อน คุณหญิงหวังจะให้รตีมาแทนที่ภรรยาเก่าของลูกชายที่เสียชีวิตไป
"พี่นนท์เขาไม่เคยสนใจรตีเลย ไม่ว่ารตีจะทำดีกับเขายังไง รตีไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือย เป็นแค่แม่ม่ายลูกติดที่สามีตาย พี่นนท์เขาไม่มีวันสนใจรตีหรอกค่ะคุณแม่"
รตีพูดขึ้นอย่างน้อยอกน้อยใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเองก็หลงรักและปรารถนาจะครอบครองหัวใจของนนท์อยู่เหมือนกัน
"ถ้าหนูรตีช่วยแม่ แม่สัญญาว่าจะทำให้ตานนท์หันมาชอบหนูให้ได้ ถ้าจะมีใครสักคนเข้ามาเป็นสะใภ้คนใหม่ของตระกูลรัตนอภิบาลบดี คนๆนั้นจะต้องเป็นหนูรตีคนเดียวเท่านั้น"
รตีแอบยิ้มอย่างพอใจกับคำพูดของคุณหญิง หลังจากนั้นเธอจึงคอยเอาใจนนท์สารพัด แต่นนท์กลับไม่มีทีท่าสนใจเธอแม่แต่น้อย หนำซ้ำยังรำคาญเธอจนต้องหนีออกมาขับเจ็ตสกีเล่นคนเดียวในทะเลจนเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำตกทะเลไป
แสงตะวันยามบ่ายคล้อยลอดผ่านม่านหน้าต่างพลิ้วไหวกระทบใบหน้า ปลุกชายหนุ่มที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงให้รู้สึกตัว นนท์ค่อยๆลืมตาเอามือขึ้นบังแสงแดดอ่อนๆ ก่อนจะพยุงตัวเองลุกจากที่นอน ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะเลยเอามือขึ้นแตะผ้าพันแผลที่ถูกพันรอบศีรษะไว้ เขามองไปรอบห้องอย่างแปลกใจ ไม่รู้ทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของบ้านไม้หลังเก่าซอมซ่อ เสียงคลื่นกระทบฝั่งจากด้านนอกทำให้เขาพอจะนึกถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ออก เขาเดินออกมาจากห้องมองไปยังหญิงสาวที่ยืนหันหลังอยู่ริมระเบียงบ้านที่ทอดยาวออกไปในทะเล
"คุณครับ" นนท์เรียก เธอหันมามอง ความสวยของเธอหยุดลมหายใจเขาไปชั่วขณะหนึ่ง
มุทิตายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดขึ้น "คุณเป็นยังไงบ้างคะ"
"ผมสบายดีครับ เอ่อ คุณ....ช่วยชีวิตผมไว้"
"ค่ะ" มุทิตาพยักหน้า แววตาสดใสของเธอทำให้หัวใจของนนท์เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ
"ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ได้คุณ ผมคงนอนตายอยู่ที่ใต้ทะเลนั่น" เขานึกตลกตัวเองที่ประมาทจนทำให้ผู้หญิงบอบบางอย่างเธอต้องลงไปช่วยเขาขึ้นมา
"คุณตัวหนักเสียจนฉันคิดว่าจะพาคุณขึ้นฝั่งไม่ไหว" มุทิตาหลุบตาลงต่ำ ยิ้มนิดๆไม่ให้ดูเสียมารยาท
"ผมนี่ทำตัวน่าอายจังเลยนะครับ เป็นผู้ชายซะเปล่า แต่ต้องเป็นภาระให้ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณไปช่วยขึ้นมา"
"ไม่หรอกค่ะ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุนี่คะ คุณปลอดภัยก็ดีแล้ว"
เงียบไปพักนึง นนท์จึงพยายามหาเรื่องคุยกับเธอไม่ให้บรรยากาศดูอึดอัดจนเกินไป
"ผมนนท์ครับ มาจากกรุงเทพฯ ตั้งใจจะมาพักผ่อนที่ระยองสักสัปดาห์นึงน่ะครับ"
"ฉันมุทิตาค่ะ เรียกว่าตาก็ได้ ตาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด โตมากับทะเล"
"คุณตาอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอครับ"
"เปล่าค่ะ ตาอยู่กับน้องสาว พอดีเขาไปขายของที่ตลาด"
หลังจากวันนั้นมา นนท์จึงแอบหลบคุณหญิงกับรตีแวะมาหามุทิตาบ่อยๆ เขาพาเธอออกไปรับประทานอาหารเพื่อเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยชีวิตเขา แล้วยังให้เธอเป็นไกด์พาเขาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในจังหวัดระยอง ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองคนต่างมีใจให้กันและกัน นนท์มาส่งมุทิตาที่บ้านของเธอก่อนจะขอตัวกลับไปโดยไม่รู้ว่ามีสายตาของมัทนา น้องสาวมุทิตาเฝ้ามองดูอยู่อย่างเป็นกังวล เธอจึงพูดกับพี่สาวถึงเรื่องนี้
"พี่ตารักเขาใช่ไหม" มัทนาถามขึ้นในทันทีที่พี่สาวเดินเข้ามาในบ้าน
"ใคร??" มุทิตาทำเป็นเดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วยกขึ้นดื่ม ไม่สนใจในสิ่งที่มัทนาพูดนัก
"ก็ผู้ชายคนนั้นไง ดูท่าทางเขาไม่ใช่คนฐานะอย่างเราๆ หน้าตาผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้านอย่างกับลูกเศรษฐี พี่คิดว่าคนอย่างนั้นเขาจะมาจริงจังกับคนจนๆอย่างเราเหรอ"
"ไม่ต้องมาห่วงพี่หรอก พี่โตแล้ว รู้ว่าอะไรเป็นอะไร"
"นาก็แค่อยากให้พี่ตาเผื่อใจเอาไว้บ้าง ความรักมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เราคิดหรอกนะ"
"เธอจะรู้อะไรนา เคยมีความรักเหรอ พี่จะคิดจะทำอะไรมันก็เรื่องของพี่"
"นารู้ว่านาไม่มีสิทธิ์ไปห้ามความคิดพี่ แต่เรามีกันอยู่แค่นี้นะ พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว ชีวิตนาก็มีพี่ตาอยู่คนเดียว ถ้าพี่จะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน นาก็อยากให้พี่เลือกคนที่ดี พี่จะได้ไม่ต้องเสียใจเหมือนในอดีตที่ผ่านมา"
"อดีตอะไรนา ชีวิตพี่ไม่มีอดีตอะไรทั้งนั้นแหละ ชีวิตพี่มีแต่วันนี้พรุ่งนี้เท่านั้น" มุทิตาเดินเข้าห้อง ปิดประตูเสียงดัง คำพูดของน้องสาวแทงใจดำเธอเต็มๆ
ลมทะเลพัดโชยเอาอากาศเย็นเยือกยามค่ำคืนเข้ามาในห้อง หนาวจนมุทิตาต้องลุกขึ้นมาปิดหน้าต่าง ก่อนจะล้มตัวลงนอนตามเดิม เธอพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย คำพูดของของน้องสาวเหมือนเทปที่ถูกกรอกลับไปมาแล้วเปิดกรอกหูให้ฟังตลอดเวลา ไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว แต่เธอยังจำได้เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน สมัยที่เธอยังเป็นสาวแรกรุ่น ลมหายใจเข้าออกมีแต่ความรักหวานชื่นกับชายหนุ่มที่เป็นถึงลูกชายคนใหญ่คนโตของจังหวัด พ่อแม่ของฝ่ายชายนั้นไม่ปลื้มที่ลูกชายมาคบกับผู้หญิงจนๆอย่างเธอ จึงพยายามกีดกันทุกวิถีทาง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอขึ้นเรือไปเที่ยวเกาะกับเขา พ่อแม่ฝ่ายชายตามมาเล่นงานพ่อแม่ของเธอถึงบ้าน ว่าถ้าไม่เอาลูกชายของพวกเขากลับมาเดี๋ยวนี้ จะเอามุทิตาออกจากโรงเรียนและประจานให้ทั่วทั้งจังหวัด พ่อแม่ของมุทิตาออกเรือไปตามลูกสาวกลับบ้านทั้งที่พายุกำลังเข้า รุ่งเช้ามุทิตากลับเข้าฝั่งถูกพ่อแม่ฝ่ายชายชี้หน้าด่าประจานต่อหน้าคนทั้งตำบลและสั่งไม่ให้เธอมายุ่งกับลูกชายพวกเขาอีก มุทิตาร้องไห้เสียใจเจียนเจ็บตายมานั่งเฝ้ารอคอยพ่อแม่ของเธอที่ออกไปตามหาเธอกลับมา แต่สิ่งที่เธอรอมีเพียงร่างไร้วิญญาณที่ลอยคออยู่กลางทะเล ไม่มีวันจะหวนกลับมาหาเธอได้อีกแล้ว เมื่อคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาของมุทิตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง เธอกระชับผ้าห่มมาห่อตัวเธอให้แน่นขึ้น ก่อนจะฟุบหน้าลงกับหมอนซับน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างเจ็บปวด
คลื่นสาดซัดขึ้นมาที่ชายหาด มุทิตาถอดรองเท้าเหยียบย่ำลงไปบนผืนทรายที่เปียกน้ำ นนท์ทำตาม ทั้งสองหยอกล้อเล่นกันอย่างมีความสุข ก่อนที่มุทิตาจะมาหยุดยืนเหม่อมองออกไปยังท้องทะเล
"เป็นอะไรไปตา ทำไมถึงทำหน้าเศร้าอย่างนั้น" นนท์อดแปลกใจไม่ได้ที่อยู่ๆมุทิตาเปลี่ยนโหมดอารมณ์ขึ้นมากะทันหัน
"ตาแค่นึกอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ คุณนนท์รู้ไหมคะว่าหาดที่นี่มีอาถรรพ์" เธอเว้นจังหวะให้เขาถามกลับ
"อาถรรพ์เหรอ อาถรรพ์อะไรผมไม่เคยได้ยิน ว่าแต่ที่นี่ชื่อหาดอะไรนะ ผมลืมไปแล้ว"
"หาดแม่รำพึงค่ะ" เธอสบตาเขานิดนึง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังทะเล
"ชื่อฟังดูเศร้าจัง มีอาถรรพ์อะไรเกี่ยวกับหาดนี้เหรอครับ" เขาถามอย่างอยากรู้
"เป็นตำนานที่เล่าต่อกันมาหลายรุ่นว่าชาวบ้านที่ผิดหวังในความรัก มักจะมากระโดดน้ำฆ่าตัวตายที่หาดแห่งนี้"
"เพราะงี้ถึงได้ชื่อหาดแม่รำพึงสินะ"
"ตาก็ไม่แน่ใจหรอกค่ะ ตำนานของหาดนี้มีมากมาย บางครั้งตาก็คิดว่าชีวิตตาอาจจะไม่พ้นที่นี่" เธอหลุบตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา
"คุณตาพูดอะไรเป็นลางอย่างนั้นครับ"
"ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอนหรอกค่ะ ใครจะรู้คะว่าอนาคตจะเป็นยังไง ชีวิตของตาเจ็บปวดมาเยอะ เยอะจนตาไม่อยากจะหลอกตัวเองว่าสักวันตาจะมีชีวิตที่มีความสุขเหมือนกับคนอื่นๆเขา"
"คุณตาไว้ใจผมไหมล่ะครับ" เขายกมือเธอขึ้นมากุมไว้แนบอก "นับจากนี้ผมสัญญาว่าผมจะทำให้คุณตามีความสุขในทุกๆวัน ตราบเท่าที่ผมยังมีลมหายใจอยู่ ผมจะไม่ทำให้คุณตาเสียใจเป็นอันขาด"
มุทิตาน้ำตาไหลออกมาอย่างตื้นตันใจ นนท์จึงค่อยๆประคองร่างเธอเข้ามาสวมกอดอย่างทะนุถนอม เธอซบลงที่ไหล่เขาอย่างอบอุ่นรักใคร่ ไม่ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น เธอแน่ใจว่าเธอจะไม่มีวันปล่อยมือจากเขาเป็นอันขาด
หลังจากกลับกรุงเทพฯ คุณหญิงอาภาสิริได้บังคับให้นนท์แต่งงานกับรตี แต่นนท์ไม่ยอมเพราะเขามีผู้หญิงที่เขารักอยู่แล้ว คุณหญิงได้ฟังก็แทบคลั่งถามว่าคนๆนั้นเป็นใคร แต่นนท์ไม่ยอมบอกได้แต่บอกว่าเขาจะพาเธอมาพบคุณแม่เร็วๆนี้ นนท์ขับรถไปหามุทิตาที่ระยอง คุณหญิงกับรตีจึงให้คนขับรถขับตามนนท์ไปจนถึงบ้านมุทิตา
"คุณนนท์ ตานึกว่าคุณจะไม่กลับมาหาตาเสียแล้ว" มุทิตาถึงกับยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเมื่อเห็นนนท์มา เธอโผเข้ากอดเขาด้วยความดีใจ
"โธ่ตา ก็ผมสัญญากับตาแล้วไงว่าผมจะรักตาคนเดียว แล้วจะให้ผมทิ้งคนที่ผมรักไปได้ยังไง" เขาลูบหัวเธออย่างรักใคร่เอ็นดู
"นี่น่ะเหรอ แม่ผู้หญิงที่แกพูดว่ารักนักรักหนา!!" เสียงคุณหญิงดังขึ้นเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในบ้านพร้อมกับรตี เธอมองมุทิตาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะสบถเสียงออกมาอย่างดูถูก "ต่ำ กระจอก!!"
"คุณแม่!!" นนท์ตกใจ นึกไม่ถึงว่าแม่กับรตีจะแอบตามเขามาถึงที่นี่
มุทิตารีบยกมือขึ้นไหว้คุณหญิง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาลงอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
คุณหญิงเบ้ปาก จ้องหน้ามุทิตาเขม็ง "ฉันถามจริงๆเถอะ หล่อนทำเสน่ห์ใส่ลูกชายฉันหรือไง เขาถึงเห็นน้ำครำชั้นต่ำอย่างหล่อนเป็นเพชรไปได้"
"คุณแม่!! นี่คุณแม่พูดอะไรออกมาครับ" นนท์ชักไม่พอใจกับคำพูดถากถางของผู้เป็นแม่
"ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ กว่าฉันจะเลี้ยงแกให้โตมาขนาดนี้ รู้ไหมฉันเสียเงินเสียทองกับแกไปตั้งเท่าไหร่ ฉันทำเพื่ออะไร เพื่อให้แกลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกับอีพวกชั้นต่ำพวกนี้เหรอ ถ้าฉันรู้ว่าแกใฝ่ต่ำขนาดนี้ ฉันเอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่แกเกิดแล้ว"
"คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ฐานะชาติตระกูลนะครับ คนจะสูงจะต่ำขึ้นอยู่กับการกระทำของตนต่างหาก ทำไมคุณแม่จะต้องเอาเรื่องชนชั้นวรรณะมาวัดคุณค่าความเป็นคนอยู่เรื่อย" นนท์เสียงสั่นเครือด้วยความโกรธ มุทิตาเอื้อมมือไปกุมมือเขาแน่น น้ำตาปริ่มเต็มตา
"คุณค่าความเป็นคนเหรอ" คุณหญิงหัวเราะในลำคอ "คนต่ำๆอย่างอีนังนี่ยังมีราคาหลงเหลือให้แกวัดคุณค่าอีกเหรอ ก่อนมันจะมาถึงแก มันไม่ให้ไอ้พวกกุลีเข้าแถวเรียงคิววัดคุณค่ากันทั้งตำบลแล้วเหรอ"
"คุณแม่!!" นนท์จ้องแม่อย่างโกรธจัด
"ทำไม หรือมันไม่จริงฮะหล่อน" คุณหญิงยื่นหน้าเข้าไปใกล้มุทิตา เธอหลบตาลงด้วยความกลัว น้ำตาไหลนองหน้า "ไม่จริงก็พูดมาสิ อย่ามาทำ:-)บีบน้ำตา คนอย่างฉันไม่โง่หลงกลลูกไม้ชั้นต่ำของหล่อนเหมือนลูกฉันหรอก" หันมาจ้องหน้าลูกชาย "มีแต่คนโง่ๆอย่างแกเท่านั้นแหละที่ไม่ทันพวกมัน ชอบนักไอ้มุดลงต่ำอยู่ในรูเนี่ย รู้ทั้งรู้ว่ารูมันทั้งอับชื้นขึ้นรา ก็ยังจะมุดไม่ลืมหูลืมตาอยู่ได้"
"พอเถอะครับคุณแม่ คุณแม่จะดูถูกผมยังไงผมไม่ว่า แต่คุณแม่อย่ามาดูถูกตา เพราะไม่ว่ายังไงผู้หญิงที่ผมรักและจะแต่งงานด้วยคือตาคนเดียวเท่านั้น"
"ได้สิ แกจะไปแต่งงานกับใครที่ไหนก็ได้ตามใจแก ถ้าตัวแกไม่ได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของฉันอยู่ แต่ตราบใดที่ตัวแกยังมีเลือดเนื้อของฉันอยู่ครึ่งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนโดยเฉพาะอีพวกชั้นต่ำมันมาสูบเลือดสูบเนื้อของฉันได้" คุณหญิงส่งเสียงเรียกคนงานผู้ชายสองคนที่ขับรถมาด้วยให้เข้ามา "แกสองคนจับตัวตานนท์ขึ้นรถไปเดี๋ยวนี้"
"ไม่นะครับ คุณแม่จะทำกับผมอย่างนี้ไม่ได้ ผมไม่ยอม ผมจะอยู่กับตา" นนท์พยายามจะสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมจากคนงานผู้ชายที่เข้ามาจับตัวเขาไว้ แต่สู้แรงไม่ไหวจึงถูกฉุดตัวออกไปที่รถ
มุทิตานั่งคุกเข่ายกมืออ้อนวอนคุณหญิง "ดิฉันกราบล่ะค่ะคุณหญิง ดิฉันรักคุณนนท์ด้วยใจบริสุทธิ์จริง ไม่เคยคิดหวังจะเรียกร้องอะไร ดิฉันสาบานว่าจะอยู่เงียบๆ ให้ดิฉันกับคุณนนท์ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเถิดค่ะ" เธอก้มลงกราบเท้าคุณหญิง คุณหญิงเอาเท้าเขี่ยมือเธอออกไป มุทิตาร้องไห้คร่ำครวญให้คุณหญิงเห็นใจในความรักของเธอ
"หล่อนรู้เอาไว้นะ ผู้หญิงที่จะต้องแต่งงานมาเป็นสะใภ้ของตระกูลฉัน คือหนูรตีคนเดียวเท่านั้น" คุณหญิงผายมือไปทางรตี เธอเชิดหน้าขึ้นอย่างทะนงเมื่อมุทิตามองเธอ "ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างหล่อนเทียบอะไรไม่ติดกับหนูรตีเขาแม้แต่ปลายเล็บ หัดเจียมเนื้อเจียมตัวเสียบ้าง อย่าใฝ่สูงให้มันเกินตัวนัก" หันไปทางรตี "ไปเถอะหนูรตี แม่เหม็นสาบไอ้บ้านสับปะรังเคนี่เต็มทนแล้ว ดงน้ำเน่าน้ำครำแท้ๆ" ทั้งสองคนเดินเชิดหน้าออกไปจากบ้าน ทิ้งให้มุทิตาร้องไห้คร่ำครวญอยู่ตรงนั้น
รถแล่นออกไปแล้ว มุทิตาวิ่งตามรถเพื่อที่จะได้มองดูหน้านนท์ให้เต็มตาอีกครั้ง เธอสะดุดล้มลงบนพื้นถนนคอนกรีต มัทนากลับมาพอดีรีบเข้าไปประคองเธอที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าไม่อายผู้คนที่ยืนมุงดู นนท์นั่งอยู่บนรถหันมามองมุทิตาทั้งน้ำตาอย่างไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย