Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
* * * * * * * * คิมหันต์อนันตรา * * * * * * * * ตอนที่ 4 , ตอนที่ 5 ติดต่อทีมงาน

สวัสดีค่ะ ยังอยู่ในฤดูแห่งงาน ^^' คิดว่าจะลงได้ทุกวันก็เลยไม่เป็นอย่างที่คิด

สำหรับคำผิดที่ยังพบอยู่(มาก) ทำให้ผู้เขียนคิดจะซื้อโปรมแกรมพิสูจน์อักษร แต่ยังไม่ทราบราคาเลยค่ะ ***เรื่องนี้ต้องขออภัยผู้อ่านเป็นอย่างยิ่ง***

สำหรับสำนวนและการเล่าเรื่องที่ทำให้ผู้อ่านงงงวย ^^ ผู้เขียนจะนำกลับไปอ่านใหม่ ถ้าพบอีกถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปช่วยยกตัวอย่างให้ด้วยได้ไหมคะ เพื่อการพัฒนาที่ดีขึ้น แต่...ที่บอกว่าอ่านแล้วเหมือนนิยายจีน ต้องขอบอกว่า ผู้เขียนไม่ค่อยได้อ่านนิยาย และไม่ชอบดูละคร (แม้จะดูบ้าง) ทำให้ไม่ติดสำนวนของใคร หรือวิธีการเล่าของใครมาเลย อาจจะดูแปลกๆ นิดหน่อย(มั้ย?) แต่่ส่วนมากจะเป็นเฉพาะตอนแรกของเรื่อง นอกจากเรื่องนี้แล้วก็ยังมีเรื่องอื่นๆ อีก แต่คำผิดจะมากกว่านี้เยอะมากก็เลยไม่กล้าเอามาลงให้อ่าน (อิอิ) เรื่องนึงเขียนเหมือนนิยายแขกออกทะเลทราย เจ้าหญิงเปอร์เซีย แต่คนเขียนจะเขียนแบบในฝันหละ อีกเรื่องที่กำลังจะเขียน ตอนแรกออกแนวแฟนตาซีกลิ่นอายตะวันตกมาเลย แต่เป็นแฟนตาซี้ไท้ไทย ถ้าให้คิดว่าเป็นเอกลัษณ์เฉพาะ พอรับได้ไหมคะ (ฮ่าๆๆๆ หัวเราะแก้เก้อด้วย)
____________________________________________________

ความเดิม ตอนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12748936/W12748936.html
ความเดิม ตอนที่ 2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12759954/W12759954.html#5

____________________________________________________

คิมหันต์อนันตรา

ตอนที่ ๔ เล่ห์ลวง-บ่วงชีวิน

               ภายใต้ท้องฟ้าสีครามสดใสอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นทีละนิดทีละนิด ตามการเคลื่อนโครจรของดวงพระอาทิตย์ ฝุ่นสีแดงบนถนนดินลูกรังฟุ้งตลบราวกับม่านหมอกที่กำลังพยายามกลืนกินรถสปอร์ตคัน หรู ซึ่งถูกสาวสวยผู้เป็นเจ้าของเหยียบคันเร่งเสียแทบจม เพื่อไปให้ทันเวลาในการคำนวนกับแผนการณ์บางอย่าง

               “พัชรี เธอต้อนพวกนักข่าวเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ปาจารีย์ส่งเสียงหวานเสียงหวานที่กรอกลงโทรศัพท์มือถืออย่างรื่นรมย์นัก เมื่อคนเจ้าแผนการณ์มั่นใจในความสำเร็จที่รออยู่

               “เรียบร้อยไม่ต้องเป็นห่วงฝีมือชั้นนี้แล้ว ว่าแต่เธอเถอะแหม่ม จะทำได้จริงหรอ ชั้นว่าต้องอาศัยโชคห้าสิบห้าสิบเชียวนะ” พัชรีผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวของปาจารีย์ยังอดเป็น ห่วงไม่ได้ แม้เพื่อนของเธอจะแสดงออกมาว่ามั่นใจแค่ไหนก็ตาม

               ริมฝีปากอิ่มเย้ายวนที่ถูกเคลือบด้วยลิฟสติกสีแดงสดเหยียดยิ้มเยือกเย็น และเลือกที่จะกดปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อตัดบทสนทนาลงทันที โดยไม่ใส่ใจว่าปลายสายจะรู้สึกเช่นไร

               “เธอไม่ต้องห่วงไปหรอกยายพัชรี แผนการของชั้นมันไม่มีความบังเอิญอยู่แล้ว” หญิงสาวพูดกับตนเอง แล้วหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างสบายอารมย์ ก่อนจะกดปุ่มรับโทรศัพท์อีกครั้งเมื่อมีสายเรียกเข้า

               “เป้าหมายจะถึงภายใน 10 นาทีครับนายน้อย” เสียงของบุรุษที่เป็นลูกน้องทำให้หญิงสาวเหยียดยิ้มออกมาอย่างยินดีอีกครั้ง และตัดสินใจเหยียบเบรคเพื่อหยุดรถลง เวลากับการคำนวนลงตัวเพอร์เฟก

               “ดีมาก...ขอบใจ ที่เหลือชั้นจะจัดการต่อ” การสนทนาจบลงเพียงสั้นๆ หญิงสาวหันมาส่องกระจกสำรวจความงามของตนเองและยิ้มออกมาอย่างพอใจ



               ภูริชย์ขับรถส่วนตัวไปกองถ่ายละครด้วยตนเองและรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ วันนี้ซินะที่เขาได้พบกับเธออีกครั้ง สิตาอินทร์ จนแล้วจนรอดชายหนุ่มก็ยังไม่รู้สักทีว่าเธอมีหน้าที่อะไรในกองถ่ายทำละคร เรื่องนี้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือ ทุกอย่างกำลังเริ่มต้นอย่างสวยงาม

วันนั้น...เขารู้สึกราวกับว่าตนเองได้กลับไปเป็นหนุ่มน้อยที่เพิ่งเริ่มจีบสาว เป็นครั้งแรกอีกครั้ง รอยยิ้มของเขาคงดูขัดเขินพิกลตอนที่ขอแลกเบอร์โทรศัพท์กับเธอ หลังจากที่รับประทานอาหารด้วยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะเธออมยิ้มขำ ๆ จนเขารู้สึกประหม่าไปเลยทีเดียว แต่แล้วเมื่อหญิงสาวก็ยอมมอบเบอร์โทรศัพท์ให้ ทำให้เขายิ้มจนหน้าบานและรู้สึกโล่งอก

ชายหนุ่มถอนหายใจอมยิ้มกับตนเองและส่ายศีรษะไปมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์ที่จำจนขึ้นใจอย่างคล่องแคลว โดยไม่ต้องค้นหาเบอร์ในโหมดสมุดโทรศัพท์ เพราะมันถูกกดหลายครั้งในรอบหลายๆ วันที่ผ่านมา เมื่อสัญญาณถูกเชื่อมต่อเขาต้องอดใจรออยู่นานก่อนที่จะได้ยินเสียงหวานๆ จากปลายสายอย่างที่ใจหวัง

“สวัสดีครับคุณอิน ถึงหรือยังครับ”

“ถึงเรียบร้อยแล้วค่ะ กำลังทานข้าวต้มอยู่ด้วย อร่อยมากเลยค่ะ”

“โห...อะไร กันครับรอผมด้วยซิ กำลังหิวเหมือนกันนะครับ” เสียงหัวเราะสดใสที่ดังมาทางโทรศัพท์ทำให้ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ หากใครเห็นคงคิดว่าเขาบ้าไปแล้วที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวเพราะอุปกรณ์บลูทู ธที่ใช้อยู่

“ถึงไหนแล้วละคะ”

“เห็นป้ายทางเข้า ไร่รื่นฤดี แล้วครับผม”

“อ๋อ......ต้องขับเข้ามาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงคะ”

“อื่ม..ครับ คุณอินอย่าเพิ่งทานหนีผมหมดล่ะ”

“แหม๋ๆๆ เขาทำสำหรับทุกคนในกองถ่ายฯ ใช่อินทานคนเดียวเสียที่ไหนล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็เก็บไว้เผื่อผมด้วยก็แล้วกัน ถึงแล้วจะไปซดให้เกลี้ยงเลย” ชายหนุ่มอมยิ้มภาคภูมิขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะใสของหญิงสาว รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูกที่ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีได้

“ได้ค่ะ แล้วพบกัน”

“ครับ แล้วพบกัน” สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังคงยิ้มค้างอยู่ หากเขารู้ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นคงยิ้มไม่ออกแน่ เพราะไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าตนเองถูกสะกดรอย

ไร่รื่นฤดีเป็นของผู้สร้างละครที่เขากำลังจะไปถ่ายทำ ความจริงแล้วละครถ่ายทำในโรงถ่ายและสถานที่ซึ่งสร้างไว้สำหรับถ่ายละครโดย เฉพาะเป็นส่วนใหญ่ ที่ต้องออกมาถ่ายทำกันนอกสถานที่เช่นนี้ก็เพราะเป็นฉากที่ต้องต่อสู้บนหลัง ม้า และเป็นฉากสนามรบ จึงต้องใช้บริเวณกว้างสักหน่อย

ชายหนุ่มขับรถเลี้ยวเข้าไปได้ไม่นานนักก็สะดุดตากับรถสปอตหรูสีแดงสดซึ่งพบว่า มีสาวสวยคนหนึ่งกำลังโบกไม้โบกมือให้เขาหยุดรถ ชายหนุ่มผู้มีนิสัยโอบอ้อมอารีและมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้วอย่างภูริชย์ มีหรือที่จะดูดายไม่จอดรถเพื่อเข้าไปถามไถ่เผื่อหญิงสาวกำลังต้องการความ ช่วยเหลือ

“อ้าว...คุณปาจารีย์” ไม่ใช่ใครที่ไหนนางเอกละครที่เล่นคู่กับเขานั่นเอง

“คุณภู” หญิงสาวร้องทักขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี

“รถเป็นอะไรไปหรือครับ”

“น้ำมันหมดน่ะคะ” หญิงสาวดัดเสียงเศร้า แสร้งทำน้ำตาคลอ

“แหม่มไม่เช็คให้ดีเสียก่อน โทรศัพท์ก็ดันแบตหมด ดีนะคะที่บังเอิญพบคุณภูพอดี”

“ถ้าอย่างนั้นขอผมดูหน่อยนะครับ”

ชายหนุ่มเปิดประตูรถแล้วชะโงกหน้าเข้าดู ก็พบว่าเข็มบอกปริมาณน้ำมันตกลงมาถึงตัว E พอดี ซึ่งแสดงว่ารถของหญิงสาวน้ำมันหมดจริงๆ เมื่อรองสตาดรถดูก็พบว่ามันสตาดไม่ติดเสียแล้ว

“เอ่อ..คุณภูคะ ขอแหม่มติดรถคุณภู ไปด้วยได้ไหมคะ”

“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะครับ แล้วรถคุณล่ะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ถึงกองถ่ายแล้วแหม่มจะขอยืมโทรศัพท์ของพัชรี โทรบอกให้คนของคุณพ่อมาจัดการเอง”

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญครับ”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างยินดีก่อนที่จะเจ้ากี้เจ้าการให้เขาขนสัมภาระของเธอขึ้นรถเขาไปด้วย

เมื่อถึงกองถ่ายละครสิ่งแรกที่สายตาคมกริบของชายหนุ่มมองค้นหา ก็คือหญิงสาวที่อยู่ที่ห้วงคำนึงของเขาเสมอ หากแต่ปาจารีย์กำลังมองหานักข่าว..... ทันทีที่เหยี่ยวข่าวสาวหันเหสายตาคมกริบมายังรถของพระเอกหนุ่ม นางเอกสาวอย่างปาจารีย์ก็รีบเปิดประตูลงจากรถทันที จังหวะทุกอย่างลงตัวอย่างที่เธอหวัง แต่ไม่ได้คิดว่าจะได้ผลที่เกินคาดยิ่งกว่า

“นั่นๆ พวกเรา คุณแหม่มมาแล้ว มารถคุณภูริชย์ จริงๆ ด้วย” นักข่าวคอลัมม์กอสซิบดารารีบสะกิดเพื่อนนักข่าวคนอื่นๆ ทันที จากนั้นจึงต่างคนต่างกรูเข้ามายังบริเวณที่ภูริชย์จอดรถอยู่ เสียงรัวชัตเตอร์พร้อมกับแสงแฟตระยิบระยับจนตาพร่ามัว ชายหนุ่มจำต้องรีบก้าวลงจากรถเช่นกัน

“อะไร...อะไร กันคะ พี่ๆ นักข่าว” ปาจารีย์แสร้งตีสีหน้างงงันและหันไปสบตากับภูริชย์ ที่กำลังรวบรวมสติและเตรียมรับสถานะการณ์ที่เกิดขึ้น

“ทำไม สองคนถึงได้มาพร้อมกัน ในรถคันเดียวกันได้ละคะ” คำถามที่ยิงตรงประเด็นทันทีทำให้ภูริชย์ถึงกับอึ้ง แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับเขาหันไปเห็น สิตาอินทร์ ซึ่งถือชามข้าวต้มค้างอยู่และมองมาอย่างสนใจ

“บังเอิญนะคะ เป็นเหตุบังเอิญค่ะ” ปาจารีย์รีบพูดและหันไปมองภูริชย์ด้วยสายตาที่วิงวอนขอความช่วยเหลือ พยายามทำให้ดูน่าสงสารที่สุด

“ครับ จริงครับ รถคุณแหม่มจอดน้ำมันหมดอยู่กลางทาง ถ้าไม่เชื่อพี่ๆ ลองขับรถไปดูกันก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มตอบไปตามความจริง

“แล้วข่าวลือที่ว่า คุณภู กับคุณแหม่ม อยู่ด้วยกันบนคอนโดฯ ก็มีความจริงใช่ไหมคะ” นักข่าวคนหนึ่งยิงคำถามเด็ดอีกระลอก

“ไม่นะคะ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ พี่ๆ เชื่อเถอะค่ะ” หญิงสาวเริ่มปั้นสีหน้าเครียดซีดเผือดน่าสงสาร ชายหนุ่มจึงต้องขยับมายืนใกล้ๆ และนั่นก็เป็นโอกาสที่หญิงสาวรอคอย เธอจึงแกล้งเป็นลมล้มลงไป ภูริชย์ ซึ่งมายืนอยู่ใกล้ๆ จึงต้องคว้าร่างนั้นเอาไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้นักข่าวได้ภาพเด็ด

หลัง จากนั้นเจ้าหน้าที่และผู้จัดละครจึงออกมาห้ามปรามบรรดานักข่าว และช่วยกันเข้ามาจัดระเบียบพร้อมขอร้องให้ยุติการสัมภาษณ์ลงก่อน ภูริชย์ช้อนอุ้มร่างอ่อนระทวยของปาจารีย์เดินตามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของกอง ถ่ายละครเพื่อไปยังที่ปฐมพยาบาล

“น้องอิน...น้องอิน มาช่วยพี่หน่อยเร็ว” เพราะชมพู่เป็นเจ้าหน้าที่ของกองถ่ายที่สนิทกับสิตาอินทร์พอสมควร เห็นสิตาอินทร์ยืนอยู่ใกล้ๆ จึงเรียกให้มาช่วยอีกแรง

หญิงสาวยืนหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่งเพื่อหาที่วางชามข้าวต้ม แต่ไม่มีที่ไหนเหมาะสมจึงต้องถือไปด้วย ไร่รื่นฤดีมีเรือนพักรับรองด้วยจึงถูกจัดให้เป็นห้องปฐมพยาบาลของกองถ่าย นอกจากนี้ยังมีบ้านหลังเล็กๆ แบบรีสอร์ทอีกหลายหลังทำให้กองถ่ายละครมีที่พักโดยที่ไม่ต้องกางเต้นท์นอน ให้ลำบากกัน  

“คุณภู วางคุณแหม่มลงบนที่นอนเลยค่ะ อินจ๊ะ หากล่องยาให้พี่ที”

“ค่ะๆ” หญิงสาวรับคำ วางชามข้ามต้มลงบนโต๊ะรับแขกซึ่งอยู่ใกล้ๆ เธอหาไม่นานก็ได้กล่องยาปฐมพยาบาล ชมพู่นำแอมโมเนียชุบสำลีมาจ่อจมูกของนางเอกสาวอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ตื่มตาพื้นขึ้นมา

“คุณภู แหม่ม ขอโทษนะคะ ที่ทำให้เกิดเรื่อง”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ พวกนักข่าวเข้าใจกันไปเองต่างหาก” ชายหนุ่มเอ่ยตอบอย่างสุภาพ

“พี่ชมพู่ๆ ไปแต่งหน้านักแสดงต่อเร็ว คุณภู กับคุณแหม่ม ด้วยนะคะ ผู้กำกับบอกว่าทำงานต่อกันได้แล้ว เขาไล่นักข่าวกลับไปกันแล้วล่ะคะ บอกว่าจะให้คุณสองคนแถลงข่าวที่กรุงเทพฯ” ชายใจหญิงซึ่งเป็นผู้ช่วยของชมพู่จีบปากจีบคอบอก

“เออๆ ชั้นจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ไปค่ะคุณภู... คุณแหม่มพักสักครู่แล้วรีบตามไปนะคะ อินพี่ฝากดูคุณแหม่มด้วยนะ” ชมพู่คว้าข้อมือของชายหนุ่มได้ก็รีบดึงให้เดินตาม และหันกลับมาสั่งเสียไว้กับสิตาอินทร์ ก่อนจะพากันเดินหายออกไป

“ชั้นไม่ดีเอง ไม่น่าเอาแต่ใจจนเกิดเรื่องเลย คุณภู ห้ามแล้วแท้ๆ ว่ายังไม่ให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน” ปาจารีย์ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จทันที เพราะจำได้ว่าสิตาอินทร์ ก็คือหญิงสาวที่เธอเห็นไปทานข้าวกับภูริชย์นั่นเอง

“อะ..อะไรนะคะ” หญิงสาวแทบเข่าอ่อนเมื่อได้ยิน

“เป็นผู้หญิงด้วยกัน เธอคงเข้าใจใช่ไหม คุณภูนะออกจะเสน่ห์แรงปานนั้น ชั้นก็เลยแกล้งลองใจเขา บอกว่าจะย้ายไปอยู่กับเขา พอเขาห้ามชั้นก็เลยน้อยใจคิดว่าคุณภูก็คงเห็นชั้นเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งของ เขาเท่านั้น ก็เลยโมโห แล้วย้ายเข้าไปอยู่กับเขาจริงๆ เรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้”

จากคุณ : กิ่งพุทธชาติ
เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 12:07:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com