Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สัญญารัก...ลวงใจ [ ตอนที่ 10 ] ติดต่อทีมงาน

สัญญารัก...ลวงใจ [ ตอนที่ 10 ]
เจ็บ....


                   แสงอาทิตย์ทอประกายสีแดงแสดกำลังจะลาลับขอบฟ้า เวลาแห่งการเลี้ยงฉลองปิดกล้องโฆษณาใกล้เข้ามา มินตราและอธิปจับจูงมือกันเดินกลับมาที่บ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนเป็นสีชมพูไปหมดในยามที่รักกัน

                  การมีอธิปอยู่เคียงข้างในฐานะคนรัก เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ในชีวิตของมินตรา ความรู้สึกสดชื่นมีความหวังเริ่มเข้ามาในชีวิต อธิปคือหัวใจของหล่อนอย่างจริงแท้ตลอดไป  มินตราไม่เคยเผื่อใจคิดเลยว่าอนาคตพวกเขาทั้งสองคนจะต้องเปลี่ยนไปในอีกไม่นานนับจากนี้…..

                  ห้องพักของมินตราอยู่บริเวณปีกซ้ายของตัวบ้าน ตรงข้ามกันกับห้องของอธิป บริเวณนั้นเป็นส่วนที่เงียบสงบที่สุดเพราะอยู่ใกล้บริเวณสวนสวย ชายหนุ่มต้องการให้คนรักหมาดๆของเขาได้พักผ่อนอย่างสะดวกสบายที่สุดยามอยู่ที่นี่

                  “ ขอเข้าไปด้วยคนได้มั๊ย อีกตั้งสามชั่วโมงกว่างานจะเริ่ม พวกนั้นไปเที่ยวในตัวเมืองแล้วก็ซื้อของมาทำบาร์บีคิวยังไม่กลับมากันเลย “ อธิปใช้มือผลักบานประตูไว้หลังจากส่งมินตราที่หน้าห้อง น้ำเสียงออดอ้อนของชายหนุ่มทำให้มินตราถึงกับหรี่ตามองอย่างระแวง

                “ ไม่ได้...โอมก็กลับไปเตรียมตัวได้แล้ว....เดี๋ยวไม่ทันนะ “ มินตราไม่มีทางยอมให้อธิปเข้ามาที่ห้อง เพราะสถานะที่เปลี่ยนไปทำให้หล่อนรู้สึกกระดากอายที่จะใกล้ชิดเขามากขึ้นกว่าเดิม

                 “ หึ...มินใจร้าย ...” อธิปยู่ปากพูดประชดแบบไม่จริงจัง...น้ำเสียงกระเง้ากระงอดฟังดูมินตราก็รู้ว่าเขาคิดจะเอาเปรียบกันอีกแล้ว

                 “ เจอกันข้างล่างก็แล้วกันนะ....ที่รัก ” มินตราหยอดคำหวานใส่ จนอธิปถึงกับนิ่งไปไม่เป็นเลยทีเดียว

                 “ ที่รักงั้นเหรอ หึหึ “ อธิปลูบต้นคอตนเองอย่างขัดเขินในถ้อยคำแสดงออกของคนรัก แล้วหัวเราะออกมาเบาๆเดินกลับเข้าห้องของตนเองที่อยู่ตรงข้ามกัน

                 อธิปจากไปแล้วก็เป็นเวลาที่มินตราจะได้จัดการธุระของตัวเอง  ยังเหลือเวลาอีกมากหญิงสาวจึงไม่ต้องรีบร้อนนัก  หล่อนใช้เวลานั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งจัดการธุระส่วนตัวอยู่สักพักจึงไปอาบน้ำ  เสียงฮัมเพลงเบาๆจากในห้องน้ำบ่งบอกให้รู้ว่าหล่อนมีความสุขแค่ไหนในเวลานี้

                  ทางด้านอธิปเมื่อกลับเข้ามาที่ห้องแล้ว...เขาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงใหญ่....หลับตาฝันหวานพร้อมทั้งฮัมเพลงเบาๆ  เขามีความสุข การมีความรักทำให้หัวใจมีความสุขได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน....ความรู้สึกอยากใกล้ชิดมินตราให้มากกว่าเดิมค่อยๆทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนแทบจะอดใจไม่ไหว แต่เขาจะอดทนรออย่างใจเย็น  ในวันที่หล่อนยินยอมพร้อมใจ...

                  เสียงเคาะประตูดังขึ้น  ปลุกอธิปให้ตื่นจากความคิดฟุ้งซ่านถึงคนรักที่เพิ่งจากมาเมื่อครู่....ศรัณย์หน้าตื่นมาบอกว่ารถของทีมงานที่ออกไปเที่ยวในตัวเมืองพังงาประสบอุบัติเหตุ  มีคนได้รับบาดเจ็บแต่ไม่มีใครเสียชีวิต เนื่องจากหนทางจากตัวเมืองถึงบ้านอธิปค่อนข้างคดโค้งและสูงชัน  ถ้าไม่รู้เส้นทางแล้วค่อนข้างจะอันตรายมากทีเดียว  อธิปที่รู้เรื่องจากศรัณย์แล้วจึงรีบรุดออกไป  โดยมีศรัณย์ติดตามไปด้วยอีกคน    โดยไม่ได้สั่งความใดใดไว้กับมินตราที่ยังอยู่ที่บ้านพักตากอากาศเพียงลำพัง

                  หลังจากชำระร่างกายเสร็จ มินตราในชุดลำลองกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเพียงเล็กน้อย กำลังยืนหวีผมอย่างสบายๆอยู่ริมหน้าต่างหล่อนได้ยินเสียงรถกำลังสตาร์ทจึงได้แต่มองดูด้วยความอยากรู้                    

                 “ เอ๊ะ...รถโอม...ไปไหนกันค่ำป่านนี้ “ มินตรามองลงมาจากระเบียงชั้นสองเห็นท้ายรถไวไว...เกิดอะไรขึ้นกันทำไมอธิปถึงไม่บอกหล่อน
 
                  ไม่รอช้ามินตรารีบวิ่งลงไปดูที่ชั้นล่าง   ปรากฎว่าไม่พบใครสักคน....ไม่มีร่องรอยใดๆของงานปาร์ตี้ที่จะจัดขึ้นในคืนนี้ ทุกคนไปไหนกันหมดมินตราได้แต่คิดไปอย่างขวัญเสีย ปกติหล่อนเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้ว

                  “ ทำไงดี...ติดต่อก็ไม่ได้...ฉันกลัวนะโอม “ มินตรากระวนกระวาย  พยายามต่อสายหาอธิป  แต่ปลายสายไม่รับโทรศัพท์ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หล่อนจึงได้แต่ผุดลุกผุดนั่งอยู่อย่างนั้น จนเวลาผ่านไปนานพอสมควร

                 จู่ๆมินตราก็รู้สึกเหมือนมีใครมากอดรัดที่เอวของหล่อนไว้จากด้านหลัง  มินตราตกใจสุดขีด พยายามดิ้นรนหาทางหนีให้พ้นจากอ้อมกอดที่โอบรัดอย่างรุนแรงจากใครบางคน

                 “ อย่า!! อย่านะ!!! “ มินตราตะโกนสุดเสียงอย่างหวาดกลัวเมื่อใครคนนั้นพยายามล่วงเกินหล่อนโดยการลูบไล้ไปมา

                “ ชู่ว…น้องมิน...อย่าดิ้นสิครับ....” เสียงจากใครคนนั้นที่กำลังกอดรัดมินตรากระซิบเบาๆอยู่ข้างหูของหล่อนไม่พอยังขบเม้มติ่งหูของหล่อน  เสียงคุ้น...คุ้นมาก  จนหล่อนถึงกับชะงักไป

                “ พะ...พี่...พี่กฤช….ทำไม “ มินตราพยายามดิ้นรนหมายจะให้หลุดจากการกอดรัดของคมกฤช แต่ไม่เป็นผลนัก เมื่อคมกฤชดึงดันกอดรัดหล่อนแน่นมากขึ้นกว่าเดิม

                “ พี่ชอบน้องมินมากนะ...ไม่สิ....พี่รักน้องมิน “ คมกฤชเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อยืดตัวสีขาวบางของมินตรา  พลางลูบไล้จาบจ้วงอย่างหื่นกระหาย มินตราตกใจสุดขีดตาเบิกโพลง  ไม่ยอม...หล่อนไม่ยอม...ไม่มีวันยอม  

                 “ อย่านะ!!  อย่าทำแบบนี้ มินไม่ได้รักพี่ มินรักโอม!!” มินตราพยายามดิ้นรนสุดกำลังแต่ก็ยังไม่พ้นจากอ้อมแขนแกร่งนั้น

                 “ พี่รู้....พี่เห็นน้องมินอยู่กับมันเมื่อตอนเย็น....รู้ไหมว่าพี่ปวดใจแค่ไหน  มันเจ็บนะ....พี่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เป็นของพี่เถอะนะน้องมิน “
 
                 มินตราตกตะลึงตาค้างไปเลย  ทันทีที่พูดจบคมกฤชก็ผลักหล่อนลงมากองอยู่บนโซฟา มินตราจุกจนแทบจะลุกไม่ขึ้นเมื่อถูกผลักอย่างแรง พยายามดิ้นรนฮึดสู้คมกฤชที่กำลังใช้กำลังปลุกปล้ำ....มินตราพยายามปัดป้องตนเองอย่างสุดกำลัง  น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่...ทั้งทุบทั้งข่วนแต่ก็ไม่เป็นผลจนคมกฤชทนไม่ไหว

                 ‘ เพียะ ‘  ได้ผลชะงัด  คมกฤชตบเข้าที่แก้มขวาของมินตราอย่างแรงจนเลือดกลบปาก  มินตรานิ่งไปอย่างคิดไม่ถึงตาเบิกกว้างมองคมกฤชอย่างไม่เชื่อสายตา  

                “ ฮืออออ .....ฮืออออ … ทำไมทำแบบนี้...พี่กฤชที่เคยใจดีหายไปไหนแล้ว อย่าทำมินเลยนะ มินขอร้อง “ มินตรายกมือไหว้ร้องขอความเห็นใจ

                “ เป็นของพี่ดีๆตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง....เจ็บไหม...หืม “
คมกฤชใช้ปากเลียเช็ดคราบเลือดที่ไหลเยิ้มที่มุมปากของมินตรา หล่อนขยะแขยงผู้ชายคนนี้อย่างสุดประมาณ แต่เขากลับประกบจูบรุนแรงโดยที่หล่อนไม่ทันตั้งตัว  มือซ้ายตรึงข้อมือของหล่อนไว้แน่น  ส่วนมือขวาก็รุกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ ...มันน่ากลัวจนมินตรารู้สึกเหมือนจะตายเสียให้ได้ หล่อนพยายามฮึดเฮือกสุดท้าย สองมือปะป่ายไปทั่วหมายจะพบอะไรที่จะสามารถใช้ได้ จนควานไปจนเจอแจกันโบราณใบเขื่อง ไม่รอช้าหล่อนใช้มันฟาดลงใส่ศรีษะคมกฤชเต็มแรง  จนเลือดไหลอาบใบหน้าหมดสติล้มลงไปกองกับพื้นทันที....

                  มินตราพยายามประคับประคองตนเองให้ลุกขึ้น พร้อมทั้งเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น ค่อยๆเดินกึ่งวิ่งออกไปจากตัวบ้านอย่างทุลักทุเล  จนออกมาได้ถึงหน้าถนนใหญ่....ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งสาดแสงไฟเข้ามาจนมินตราต้องยกมือขึ้นมาปิดตา....ก่อนสติจะดับวูบล้มลงไปกองอยู่กับพื้น.....

                 อธิปวิ่งพรวดพราดลงจากรถทันทีที่เห็นว่าคนที่วิ่งมาขวางหน้ารถของเขาคือมินตรา  เขาขับรถกลับมาคนเดียวเพราะศรัณย์อาสาตามไปกับรถพยาบาล เพื่อไปดูแลสต๊าฟทั้งหมดที่ประสบอุบัติเหตุ ตัวเขาเองอยู่ๆก็นึกเป็นห่วงมินตราที่อยู่ที่บ้านพักของเขาเพียงลำพัง ที่นั่นสงบจนค่อนข้างวังเวง คนรักของเขายิ่งเป็นคนขี้กลัวอยู่ด้วย

                 และอย่างหนึ่งซึ่งอธิปลืมไปก็คือ คมกฤช....เขาไม่ได้อยู่ในคณะเดินทางที่ประสบอุบัติเหตุด้วย เดิมทีอธิปยังนึกสงสัยอยู่ว่าคมกฤชหายไปไหน...แต่เพราะความวุ่นวายจึงไม่ได้ถามเอาความจากใคร.....

                 พอขับมาใกล้ถึงปากทางเลี้ยวเข้าบ้านพัก  ก็เจอเข้ากับมินตราที่เหมือนกับวิ่งหนีอะไรบางอย่างกระเซอะกระเซิงออกมาพอดี  มันกระชั้นชิดมากจนเขาเกือบจะเบรกรถไว้ไม่ทัน  กว่าจะทันได้รู้ตัวมินตราก็ล้มลงไปก่อนจะถึงหน้ารถของเขาแค่เพียงเสี้ยวสัมผัสเท่านั้น

                “ มิน!! มิน!! “ อธิปประคองร่างที่เป็นลมไม่ได้สติของคนรัก ก่อนจะเอามือเสยเส้นผมที่ปกคลุมใบหน้าของมินตรา ภาพที่ได้เห็นทำให้เขาถึงกับตกตะลึง....ใบหน้าของหล่อนมีรอยช้ำห้อเลือดที่มุมปากมีเลือดไหลซึม....

               ใคร...ใครมันบังอาจมาทำร้ายเธอ...มินตรา...

..................................................................................................................................................................

                     ช่างเป็นวันที่แสนยาวนานสำหรับอธิปเหลือเกิน...หลังจากที่เขาตัดสินใจพามินตราที่ยังไม่ได้สติออกมาจากอาณาเขตบริเวณบ้านแล้ว รอเวลาจนดึกจึงได้โทรติดต่อกลับไปหาศรัณย์ถามความคืบหน้าจนรู้ว่าคนที่ทำร้ายมินตราคือคมกฤช  ที่ตอนนี้ดูจะฟื้นคืนสติแล้ว  อธิปไม่อยากจะเชื่อเลยในสิ่งที่คมกฤชทำกับมินตรา  นี่เขาปล่อยคนรักให้อยู่กับคนเลวเพียงลำพังโดยไม่ทันได้ฉุกใจคิดได้อย่างไร อธิปสะบัดศรีษะขับไล่ความมึนงง  เขาไม่มีเวลาจะสนใจคมกฤชมากนัก   เพราะถึงอย่างไรมินตราก็สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด  รอจนกว่าจะกลับกรุงเทพก่อนเถอะค่อยว่ากัน...

                 ใจหนึ่งก็เป็นห่วงมินตราแต่อีกด้านก็อยากจะชำระความกับคนเลวที่ทำร้ายคนรัก อธิปเหลือบมองมินตราที่กำลังหลับอยู่ที่เบาะด้านข้างเขาแล้วก็ได้แต่ถอนใจ....  นี่ถ้าเขามาไม่ทัน  หล่อนจะเตลิดไปถึงไหนก็ไม่รู้ หรืออาจจะเกิดเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้ก็เป็นได้ บางทีอาจจะเป็นเขาเองก็ได้ที่ขับรถชนหล่อน ...

                อธิปหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ข้างๆกันคือมินตราที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ เขาขับมาไกลถึงที่นี่ได้อย่างไรยังไม่รู้ตัวเลย ความรู้สึกหวงแหนกลัวสูญเสียสิ่งสำคัญมันเป็นอย่างนี้นี่เอง…อธิปรู้ซึ้งถึงมันดีแล้ว…

..................................................................................................................................................................

                  ท้องฟ้าเริ่มทอแสงประกายต้อนรับอรุณรุ่งบรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ  มินตราที่หลับอยู่ที่นั่งข้างคนขับ  ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะพบว่าภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นทะเลที่ไหนสักแห่งที่แสนคุ้นตา เมื่อมองหาไม่เห็นอธิปจึงลงจากรถไปดู หล่อนพบว่าเขานั่งอยู่ที่ริมชายหาด ไม่รู้อธิปคิดอะไรอยู่แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้มินตราถึงกับน้ำตาคลอ อธิปดูเศร้าเสียใจอย่างไรพิกล หล่อนเห็นเขาถอนหายใจอยู่หลายครั้ง  จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังของเขา  อย่างเงียบเชียบแล้วเอ่ยคำพูดบางอย่าง...

                   “ ขอบคุณนะโอม.. “ มินตราเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา  สองแขนโอบกอดรอบคออธิปจากด้านหลังก่อนจะซบอยู่กับแผ่นหลังของเขาเนิ่นนาน....ถ้าเมื่อคืนอธิปไม่มาเจอไม่รู้ป่านนี้หล่อนจะเป็นอย่างไรบ้างจะเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนก็ไม่รู้ ไม่อยากจะคิดเลย....

                  “ ฉันกลัว...มิน...นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เห็นเธอเจ็บ  ฉันยิ่งกลัว...ทั้งเรื่องที่เธอโดนทำร้าย...และที่ฉันเกือบจะขับรถชนเธอเข้าแล้ว “  อธิปใช้สองมือกุมข้อมือทั้งสองของมินตราที่ยังโอบกอดเขาไว้จากด้านหลัง

                 “ ชีวิตนี้ของฉันไม่เคยมีใครที่ทำให้หัวใจฉันอบอุ่นได้เหมือน...เธอ “

                 “ ถ้าเธอเป็นอะไรไป....ฉันจะอยู่ได้ยังไง  “  มินตราที่รับฟังอยู่เงียบๆถึงกับน้ำตาไหลซึมผ่านลงมายังแผ่นหลังของอธิป  

                 “ ฉันจะไม่เป็นไร โอมดูสิตอนนี้ฉันสบายดีแล้ว  “ มินตราฉีกยิ้มเต็มแก้ม  ถึงแม้นัยน์ตาเศร้านั้นจะมีแววหม่นหมอง แต่ก็ดูเหมือนจะว่าปรับให้ดีขึ้นได้เพียงเสี้ยววินาที…

                  “ โอม....บ้านฉันน่ะจากที่นี่ไปใกล้นิดเดียวเอง... ไปกันมั๊ย “ มินตรากวาดตามองไปรอบๆ รีบลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นทรายอย่างกระตือรือร้น    พลางยื่นมือมาดึงอธิปให้ลุกขึ้นเดินไปด้วยกัน

                 “ จะดีเหรอมิน...ฉันยังไม่ได้เตรียมใจมาเจอแม่เธอเลย “ อธิปสีหน้าหวาดๆ ทำให้มินตราถึงกับอมยิ้มขำคนขี้กลัว

                 “ เดี๋ยวนายก็รู้เอง...”  มินตราบีบแก้มอวบของอธิปเบาๆ  อย่างจะหยอกล้อ  ความสดใสกลับคืนมาสู่มินตราอีกครั้ง.....
                                         
                 ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็มาถึงยังสถานที่แห่งหนึ่งในภูเก็ตจังหวัดบ้านเกิดของมินตรา...เมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามชื่อเสียงก้องโลก บ้านของมินตราอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก บ้านสีขาวชั้นเดียวหลังย่อมตั้งอยู่อยู่บนเนินเขา   ตัวบ้านหันหน้าออกทะเล....บริเวณโดยรอบเป็นต้นไม้นานาพรรณ....ให้ความรู้สึกร่มรื่นแสนสบาย...

                   “ โอม...แม่ของฉันไม่ดุหรอก เร็วสิชักช้าอยู่ได้ “ มินตราลงจากรถก่อนจะเดินนำคนขี้กลัวเข้าไปก่อน  อธิปได้แต่รีรออยู่ไม่เดินตามไปสักที

                  “ ฉันไม่ได้กลัวนะ...แค่ยังไม่ได้เตรียมใจมาน่ะ “ อธิปเอามือลูบท้ายทอยอย่างเขินๆแก้เก้อ  

                  “ อืม...ฉันจะเชื่อโอมก็แล้วกัน ...คิคิ “ มินตราเดินตัวปลิวเข้าไปในตัวบ้าน ทิ้งอธิปให้รั้งท้ายอยู่ไม่ไกล

                  “ แม่....แม่จ๋า.... “  มินตราส่งเสียงเรียกมารดามาแต่ไกล

                  อินทิรา...หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีกำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัวถึงกับสะดุ้ง...เมื่อลูกสาวคนเล็กวิ่งเข้ามาพร้อมกับกอดที่เอวหนาของหล่อนอย่างไม่ทันตั้งตัว

                 “ มิน...มาได้ยังไงลูก....ไม่เห็นบอกแม่ก่อนเลย “ อินทิราลูบศรีษะลูกสาวสุดที่รักอย่างคิดถึงนักหนา  

                  “ หนูมากับเพื่อนค่ะ...เขาชื่อโอม...”  มินตราโบ้ยมือไปทางอธิปที่เดินตามมาทันกัน  แต่ยังรั้งรออยู่ไม่กล้าเข้ามา  

                  “ สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ...ผมโอมครับ...คุณแม่ ”  อธิปแนะนำตัวเองอย่างเก้อเขิน  

                 “ อ้อ...จ้ะ..ขอบคุณนะที่อุตส่าห์พาหนูมินมาเยี่ยมแม่ ” อินทิรายิ้มอย่างใจดี  หล่อนรู้สึกสะดุดใจนิดหนึ่งกับคำเรียกที่เพื่อนลูกสาวเอ่ยแทนตัวเธอ
 
                 “ ว่าแต่หน้าลูกไปโดนอะไรมาจ้ะ...ทำไมช้ำอย่างนี้ล่ะ “ อินทิราสำรวจหน้าตาของลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

                 “ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...แค่เรื่องเล็กน้อยเอง “ มินตราบอกปัดไปอย่างไม่อยากจะสนใจแผลนั้น   ก่อนจะให้อธิปนั่งรอที่ห้องรับแขก  ส่วนตัวเองขอตัวเข้าครัวกับแม่เพื่อเตรียมอาหารเย็น  วันนี้หล่อนมีอธิปมาเป็นแขกคนแรกในรอบเกือบสามปีตั้งแต่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ

                 อธิปมองดูสองแม่ลูกหยอกล้อกันไปพลางทำอาหารไปพลางด้วยความรู้สึกอิจฉานิดๆ....ไม่เคยมีวันไหนที่มารดาของเขาจะยิ้ม  หยอกล้อเล่นกับเขา หรือทำอาหารให้กับเขา เช่นที่มารดาของมินตราทำเลย บางทีบ้านน้อยหลังนี้ คงจะอบอุ่นกว่าบ้านใหญ่ของเขามากนัก....

                  ระหว่างทำอาหารไปอินทิราก็ชวนมินตราคุยไปด้วย  หล่อนพอจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ลูกสาวคนเล็กมีต่อเพื่อนชายคนนี้  ไม่ว่าจะเป็นแววตาเศร้าที่พอพูดถึงอธิปกลับทอประกายสดใสอย่างประหลาด  หรือจะเป็นท่าทีที่กระตือรือร้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนั้น....

                   “ โอมเขาดูดีเหมือนกันนะลูก “    

                   “ ค่ะแม่...มินก็ว่างั้น “
 
                   “ ว่าแต่...เขาเป็นแค่เพื่อนจริงรึเปล่าลูก ....” อินทิราถามย้ำจนมินตรารับรู้ในน้ำเสียงนั้นได้  นี่หล่อนทำให้แม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้วสินะ....

                  “ แม่จะว่าอะไรไหมคะ....ถ้าหนูจะบอกว่าคิดกับโอมมากกว่าเพื่อน “ มินตราถามอย่างหยั่งเชิง  ตอนนี้หล่อนอยากรู้จริงจังว่าแม่จะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้.....จะยอมรับอธิปไหมหรือจะปฏิเสธ  มินตรารู้ดีรักในวัยเรียนอาจจะยังไม่เหมาะ แต่เมื่อตกลงคบกับอธิปแล้วทำให้หล่อนมีความสุขมีกำลังใจขึ้นมากมาย  แล้วมินตราก็ต้องแปลกใจแม่ของหล่อนไม่ได้ตกใจอย่างที่คิดนัก  

                 “ แม่น่ะ...รักลูกเสมอไม่ว่าลูกจะรักใครแม่ก็จะรักเขาด้วย....แต่ว่าชีวิตจริงมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะลูก ค่อยๆเรียนรู้กันไปอย่ารีบร้อน อย่าชิงสุกก่อนห่าม “

                  “ อนาคตข้างหน้าของลูกจะเป็นยังไง....แม่เป็นห่วงที่สุดเลยนะมิน “

...............................................................................................

ดึกๆมาต่ออีกนิดค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ ^ ^
ขอลงรูปตัวละครในเรื่องด้วยนะคะ

 
 

จากคุณ : lovereason
เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 20:09:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com