คนไร้บ้าน
ความจริงแล้วเรื่องคนไร้บ้านนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๕............................
วันนี้ ๑ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นวันเริ่มต้น เข้าสู่เดือนใหม่
แต่ชีวิตของผมที่ผ่านมาในรอบสองสามปีนี้นั้น....?
และจะเข้าสู่ปีที่๔ ในกลาง/ ค่อนปีหน้า....?
ซึ่งในกลางปีหน้านี้ชีวิตของผมจะถึงกำหนดเส้นตาย(เหมือนจะเป็นเรื่องแอ็คชั่น หรือเรื่องหลอนๆนะเนี่ย) แต่ความจริงเป็นเรื่องหการได้รับรายเดือน(เงินไง...เงินๆๆ) น่ะคงรู้นะ เพราะชีวิตคนเรายังต้องยังชีพอยู่ด้วยเงิน หรือคุณว่าไม่จริง เท่านั้นยังไม่พอตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ที่ เดอะมิลล่า ถึงวันนี้นั้นก็สองปีกว่าๆเข้าไปแล้ว พูดถึง เดอะมิลล่านี้ ผมมีเรื่องอันสุดแสนจะรันทดชวนให้หดหู่ใจเสียเหลือเกิน เรื่องที่ว่านั้นคือ ผมค้างค่าเช่าห้องอยู่จะสองหมื่นอยู่แล้ว เครียดครับเครียด เพราะผู้จัดการตึกบอกให้ผมชำระเป็นเงินถึงเกือบหมื่น ไม่ก็ช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟก็ยังดี แล้วทีนี้จะทำยังไงดีหละ กับเงินที่ได้รับจากภรรยาเดือนละ ๗,๐๐๐ บาท คิดดูสิ มีเงินอยู่ ๗,๐๐๐ บาท แต่ค้างค่าห้องพักเกือบสองหมื่นขืนให้เงินเขาไปซึ่งเห็นๆกันอยู่แล้วว่าเงินที่ผมได้รับมาไม่มากพอแล้วจะเอาไปให้ทางอาคารน่ะไม่พอแน่ ถึงจะให้ไปแล้วจะเอาอะไรกินล่ะ
จากเรื่องที่ได้คุยเรื่องค้างค่าเช่าห้องกับผู้จัดการ เดอะ มิลล่า นี้ผมว่าเป็นที่มาที่ทำใหเกิดความเครียดครั้งก่อนล่าสุดในรอบสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ ผมพยายามฆ่าตัวตายมาสองถึงสามครั้ง และเมื่อวานนี้เองผมผ่านพ้นความตายมาอีกครั้งหนึ่งแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ทำร้ายตัวเองซักที
และวานนี้นั้นผมเข้ามานั่งทำงานที่ fam cafeteria แต่ทำไปก็ไม่มีความสุขเท่าไหร่หรอก เพราะใจกังวลอยู่แต่เรื่องปัญหาค่าห้อง พอตกเวลาห้าโมงเย็นเกิดความเศร้าเข้ามาเลยออกไปเดินเล่นหน้าร้าน เดินๆไปแล้วยังไงรู้มั้ย ผมค่อยๆก้าวขาลงไปบนถนนลาดพร้าว แถมช่วงถนนที่ผมลงไปนั้นมีไฟแดงอยู่ด้วย รถที่วิ่งมาจากบางกะปิต่างก็เร่งความเร็วกันเต็มที่ ผมค่อยๆเดินไปเลียบไปเข้าไปสู่ช่องทางเลนที่หนึ่ง รถที่วิ่งมาต่างหันพวงมาลัยให้ห่างตัวผม มีคนบางคนเปิดประตูตะโกนด่าออกมาแต่ผมก็ไม่สน จึงเดินเข้าเลนที่สองแต่เลนนี้รถวิ่งตามคันหน้ามากันเร็วแล้วพวกเขาคงเห็นผมมาจากระยะไกลเลยขับเบียดกันออกไป เลยไม่มีคันไหนชนผมตายคาถนน คิดไปแล้วกับการออกเดินเพื่อฆ่าตัวตายในวันนั้นแล้วเอาวิธีนี้ไปเดินข้ามฝั่งถนนก็ไม่เลวเพราะคนในกรุงน่ะขับรถกันเร็วมาก ยิ่งใกล้ไฟแดงน่ะรีบกันจริงแต่ผมก็เข้าใจนะ เพราะชีวิตคนเมืองกรุงน่ะต่างคนต่างรีบกันทั้งนั้น ความจริงผมน่าจะใช้วิธีกระโดดลงไปให้รถชนตายไปซะเลยเพราะไหนๆก็ไม่มีเงินค่าเช่าห้องให้เค้าอยู่แล้วกับอีกอย่างตั้งแต่ ๑๙ สิงหา จนถึง ๑ กันยา ที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตเหมือนคนไร้บ้านเข้าไปทุกทีๆ เรียกว่าไม่ว่าจะตื่นมากลางดึกก็ออกมานั่งทำงานที่ fam cafeteria แล้วทำไปจนดึกดื่น พอง่วงก็หามุมโซฟาสบายๆหลับ แต่ก็หลับไม่ได้นานหรอก เพราะไม่มีเตียงให้นอนถ้าที่ร้านนี้มีเตียงล่ะก็เยี่ยมเลย พอตื่นขึ้นมาก็ทำงานต่อ แต่ก็ทำไม่ได้ดีหรอกเพราะนอนในร้านแต่ละทีนอนได้สองชั่วโมงเท่านั้นเองแล้วจะเอาเรียวแรงที่ไหนมาทำงาน เป็นอันว่าผมใช้ชีวิตในร้าน fams. มากกว่าที่เดอะ มิลล่าเสียอีก ไหนจะบางวันกลับไปนอนที่เดอะ มิลล่า ก็นอนได้อย่างเก่งสุดไม่เกินสามชั่วโมง มากกว่านอนที่ร้าน fams แค่ชั่วโมงเดียวเอง ทีนี้มีอยู่วันหนึ่งกลับไปหลับที่ เดอะ มิลล่า หลับไปตอนบ่ายสองเศษๆและคงเป็นเพราะอดนอนมาหลายคืน เพราะอย่างที่บอกว่าตั้งแต่เริ่มใช้ชีวิตเป็นคนไร้บ้านมาตั้งแต่วันที่ ๑๙ นั้น ได้นอนวันละ ๒ ชั่วโมงในรอบหนึ่งวัน และในบ่ายของเดียวกันนั้นวันหลับไปตอนบ่ายสอง คงเป็นเพราะอดนอนมาหลายคืนนั่นเองเลยหลับไปได้เจ็ดแปดชั่วโมงตื่นมาอีกทีรู้สึกสดชื่นมากเพราะหลับไปได้เจ็ดเกือบแปดชั่วโมงแล้วหลับรวดสนิทที่เรียกว่าหลับลึกนั่นแหละ แล้ววันนั้นก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่รีบอาบน้ำอาบท่าสะพายเป้บรรจุสมบัติออกไปที่ fam cafe. ส่วนเป็นวันที่เท่าไหร่จากวันที่ ๑๙ ถ้าให้ประเมิณดูน่าจะเป็นวันที่ ๒๖ ของเดือนนั้น เพราะตรง ๗ วันพอดี ที่คาดว่าพอจะกะเวลาออกมาได้เพราะคงครบวงจรการนอนในหนึ่งอาทิตย์พอดีเพราะนาฬิกาในร่างกายคนเราจะหมุนวนตั้งแต่ตื่นจนเข้านอนในหนึ่งวันจน วนไปอย่างนี้จนครบเจ็ดวัน และเจ้านาฬิกาในร่างกายของผมคงบอกกับจิตใต้สำนึกว่าครบรอบการอดนอนแล้ว เดี๋ยวจะขึ้นรอบใหม่ให้ แต่อาจเพี้ยนเวลาไป เพราะนายดันตื่นมาสามทุ่ม เอา...แต่ก็ยังดีจะได้รีบมาปั่นต้นฉบับเรื่องคนไร้บ้านให้เสร็จๆ ซะทีเพราะไปๆมาจากสต๊อกเรื่องทีอยากเขียนก็เรื่องนี้นี่แหละที่ดูท่าว่าน่าออกตัวออกมาก่อนเพราะเรื่องราวที่จะเล่าต่อๆไปมีครบทุกรสครับ
แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 55 06:19:35
จากคุณ |
:
นับ-พา
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ต.ค. 55 06:18:48
|
|
|
|