Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Love Like Blood - รักรสเลือด - เลือดหยดที่เจ็ด ; รักรสเลือด ติดต่อทีมงาน

เรื่องสั้นชุด Love Like Blood - รักรสเลือด

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 1
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/07/W12451148/W12451148.html

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 2

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/08/W12462582/W12462582.html

เลือดหยดที่สอง กลิ่นคาวของความตาย
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12527580/W12527580.html

เลือดหยดที่สาม ทรายในหลุมดำ ฉบับไฟเขียว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12670872/W12670872.html

เลือดหยดที่สี่ ขย้ำ

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12683725/W12683725.html

เลือดหยดที่ห้า คำขอร้องของตั๊กแตน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12733988/W12733988.html

เลือดหยดที่หก แดนบูชายักษ์

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12766041/W12766041.html


----------------------------------

คำเตือน; งานเขียนชิ้นนี้มีเนื้อหาความรุนแรงและพฤติกรรมไม่เหมาะสมค่อนข้างมาก ผู้มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ! หมอผี


Love Like Blood – รักรสเลือด

เรื่องที่ 7

รักรสเลือด


1 กันยายน

รสชาติของความรักมันเป็นเช่นนี้เอง เจ็บปวดเหลือเกิน เรารักเธอ แต่เธอไม่เห็นเราอยู่ในสายตาเลย เธอไม่สนใจเราเลย จะทำยังไงนะเธอถึงจะมองเราบ้าง เธอบอกว่าความรักระหว่างเรากับเธอไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ทีไอ้ขี้เก๊กนั่นเธอดันชอบ เรายินยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอหันมามองเราบ้าง ยินยอมทุกอย่างจริงๆ

วันก่อนเธอทำกุญแจห้องตกไว้ที่โต๊ะทำงาน เราอุตส่าห์เก็บไว้ให้แล้วตามมาส่งคืนถึงห้อง เธอกำลังเครียดเพราะไม่รู้ว่าทำกุญแจตกที่ไหนพอดี เธอขอบคุณเรา แต่เราไม่ได้ใส่ใจเลย เพราะตอนนั้นหัวใจเจ็บปวดมาก เธอกำลังจะเข้าห้องพักของเธอพร้อมกับไอ้ขี้เก๊ก เข้าไปสองต่อสอง จะทำอะไรกันนะ?
ความคิดนั้นทำให้เรารู้สึกหมดเรี่ยวแรง โชคดีที่แอบปั้มกุญแจห้องของเธอเอาไว้แล้ว วันหลังเราจะต้องแอบเข้าไปสืบดูให้รู้ให้ได้ว่าเธอมีอะไรกับไอ้ขี้เก๊กแล้วหรือยัง

20 กันยายน

เข้ามาแล้ว เราแอบเข้าห้องของเธอมาแล้ว สดๆ ร้อนๆ

วันนี้เราขอลางานเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ การพักอยู่ห้องตรงข้ามกับเธอมันก็ดีอย่างนี้ จะเข้าจะออกก็ไม่มีใครสงสัย เราไขกุญแจเข้าห้องของเธอตอนเก้าโมงเช้า ขลุกอยู่ในนั้นถึงสี่โมงเย็น ใช้เวลาครึ่งวันแรกเปิดดูตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าและชุดชั้นในของเธอมากอด ขยำ สูดดม บางส่วนที่อยู่ในตะกร้ารอส่งร้านซักรีดถูกใจเรามาก กลิ่นน้ำหอมที่เธอใช้ กลิ่นเหงื่อไคลของเธอ ยังติดอยู่ไม่จางหาย ความจริงแล้วอยากหยิบติดมือกลับมาเหมือนกัน แต่กลัวเธอจะเอะใจที่ชุดชั้นในหายไป เลยทำได้แค่ใช้ลิ้นเลียรสชาติของชุดชั้นในที่เธอคงเพิ่งถอดทิ้งเมื่อวานหรืออาจจะหลายวันก่อน เรามีความสุขมาก ส่วนเวลาครึ่งวันหลังก็หมดไปกับการอยู่บนเตียงของเธอ เราถอดเสื้อผ้าของเราออกและนอนคว่ำหน้า สัมผัสกลิ่นกายของเธอ จินตนาการว่าเรากำลังอยู่บนเตียงกับเธอ ด้วยร่างเปลือยเปล่าของกันและกัน

มีความสุขจนอกแทบระเบิด ลองครั้งแรกก็ติดใจแล้วสิ

สงสัยต้องหาทางแอบเข้ามาบ่อยๆ แล้ว

30 กันยายน


เธอเป็นคนหลายใจ คบผู้ชายหลายคน แต่ยังคงไม่ชายตามองเรา

เมื่อกี้เพิ่งไปส่องกระจกมองเงาตัวเอง ไม่ได้ใช้สำนวนประชดประชันใครหรอกนะ แต่เรากำลังวิเคราะห์อยู่ว่าเธอชอบผู้ชายแบบไหน เราจะได้เป็นแบบนั้นบ้าง จากที่เรามองเงาตัวเอง เราก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไรนี่นา ติดที่หน้าหวานเป็นผู้หญิงไปหน่อยเท่านั้น แล้วเธอก็ไม่ได้ชอบผู้ชายเถื่อนๆ สักหน่อย ทุกคนที่เธอควงด้วย ล้วนแต่เป็นพวกขี้เก๊ก สิงห์สำอาง หน้าหวานๆ ทั้งนั้น

พูดกันตามเนื้อผ้าแล้วเราก็น่าจะมีสิทธิ์ หรือเรายังเนี้ยบไม่พอ? อืมม์ อาจเป็นไปได้ เห็นทีพรุ่งนี้ต้องไปสอยแมกกาซีนแฟชั่นของพวก k – pop มาอ่านซะหน่อย

1 ตุลาคม


วันนี้แอบเข้าห้องของเธอและเจอกล่องถุงยางอนามัย!

หัวใจสลาย อยากพังข้าวของในห้องของเธอให้แหลกเละ แต่ไม่กล้า

ทำไมเธอถึงทำตัวอย่างนี้ เธอไม่เหมือนหญิงสาวนิสัยดี เรียบร้อย อ่อนหวานอย่างเปลือกนอกที่เราเห็นเลย แก่นแท้ของเธอเป็นคนยังไงกันนะ เธอเป็นคนสำส่อนอย่างนั้นหรือ? ไม่ ไม่ ไม่ จะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ เธอจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ เราไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้เพื่อผู้หญิงสำส่อน เราไม่ได้ฝืนตัวเองตัดผมทรงเดียวกับลีมินโฮเพื่อให้ผู้หญิงสำส่อนมามองเรา แต่เราจะเตือนเธอยังไงนี่น่ะสิ  ยังเป็นปัญหา เราจะเดินเข้าไปบอกเธอตรงๆ ก็ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น คงต้องเตือนผ่านข้อความล่ะมั้ง

12 ตุลาคม


เมาว่ะ เพิ่งมีแรงลุกขึ้นมานั่งเขียนบันทึก หลังจากวันนั้นที่คุยไลน์กับเธอและเกริ่นๆ เตือนเรื่องมั่วผู้ชาย แหม อีh ่า บอกมาได้ว่าอย่ามาเสรือก เh ี้ย มรึงรู้มั้ยว่ากุรักมรึงมากเท่าไหร่ กุแอบมองมรึงตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ตอนมรึงเป็นพนักงานใหม่ ก็กุคนนี้ไม่ใช่รึที่เทค แคร์มรึงทุกอย่าง พาไปนั่งแดรกข้าวแดรกขนม สัดเอ๊ย มรึงแอบส่งสายตาให้ผู้จัดการกุก็แกล้งทำไม่เห็น พอกุเริ่มหมดประโยชน์ มรึงก็ไม่เห็นหัวกุแล้ว

มรึงไม่รู้หรอกว่ากุรักมรึงแทบคลั่งตาย กุซื้อขนมแบบเดียวกับที่มรึงซื้อ สั่งอาหารเหมือนที่มรึงแดรก วันไหนมรึงแดรกเหลือกุก็แอบไปตักมากิน กุขโมยลิปสติกแท่งเก่าที่มรึงทิ้งลงถังขยะที่ออฟฟิศมาทาปากกุเองในห้องนอนเพราะอยากสัมผัสริมฝีปากของมรึง เh ี้ย  เh ี้ย  เh ี้ย  เh ี้ย กุไม่น่าหลงรักผู้หญิงเหียกๆ อย่างมรึงเลย แต่กุก็รักมรึงแล้ว ทำไงได้ล่ะ สักวันกุต้องเอามรึงมาเป็นของกุคนเดียวให้ได้ คอยดู!

31 ตุลาคม


โหย สองอาทิตย์ก่อน อารมณ์เรารุนแรงขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย น่ากลัวแฮะ หรือว่าเขียนด้วยความเมากันแน่นะ เรามีตัวตนที่ไม่รู้จักเลวร้ายขนาดนั้นเลยรึ? ช่างเถอะ ผ่านแล้วให้ผ่านไป ถึงตอนนี้เธอจะไม่ค่อยคุยกับเราอยู่เหมือนเดิมก็ตาม แต่เรามีวิธีพิชิตใจเธอแล้ว

เรื่องมันมีอย่างนี้ คือวันนี้ เราไปฉลองวันฮัลโลวีน(ประเทศไทยนี่ศูนย์รวมแห่งเทศกาลจริงๆ หมูหมากาไก่อะไรฉลองหมด ถึงแม้จะไม่เคยเข้าใจว่าฉลองไปเพื่ออะไรก็ตาม) แล้วขากลับออกจากผับ เจอตาลุงแก่ๆ คนหนึ่งเรียกเข้าไปหา แกปูพื้นขายของแบกะดินอยู่แถวนั้น เราก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรพอตาลุงเรียกถึงต้องเข้าไปด้วย มันเหมือนโดนสะกดจิตยังไงบอกไม่ถูก เข้าไปแล้วแกก็ถามว่ารับยาเสน่ห์มั้ย ฟังน่าขำแทบตายเลยใช่มั้ยล่ะ แต่บอกแล้วว่าตอนนั้นเหมือนโดนสะกดจิต เราสนใจมาก เลยถามราคา แต่ตาลุงแกบอกไม่รับเงิน ขอรับเป็นอายุขัยแทน

ไอ้เราฟังตอนแรกก็งงจนแทบหายเมา ตาลุงแกอธิบายต่อว่ายาหนึ่งขวดมีราคาเท่าอายุขัยของผู้ซื้อสามสิบปี ขายแล้วขายเลยไม่รับคืน แต่รับประกันว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าเราได้ยาเสน่ห์ขวดนี้มาโดยไม่ต้องเสียเงินสักสลึง เสียไปแค่อายุขัยในอนาคตซึ่งเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ส่วนวิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่ผสมเลือดของเราลงในขวดยาและนำไปเหยาะใส่เครื่องดื่มให้เธอกิน เธอก็จะรักเราไปตลอดชีวิต

แผนการจะสำเร็จหรือไม่ พรุ่งนี้ว่าจะลองทำดู

1 พฤศจิกายน


สำเร็จเว้ยเฮ้ย! สำเร็จ! สำเร็จแบบไม่น่าเชื่อ!

ตอนนี้เราเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเธอ เธอหลับไปแล้วหลังโดนเราจัดไปสองดอกเต็มๆ สบายใจ

ทีแรกว่าค่อยเขียนบันทึกพรุ่งนี้ แต่ไม่ไหวแล้ว ความสุขมันล้นอกล้นตัวต้องระบายออกมาสักหน่อย คือเช้านี้ก่อนเราไปทำงาน เราใช้มีดทำครัวจิ้มปลายนิ้วตัวเองให้เลือดไหลลงไปในขวดยาเสน่ห์(ขวดเล็กมาก เท่าหยอดยาดมเห็นจะได้) พอพักเที่ยงก็ผสมใส่ชาเขียวแล้วเอาไปให้เธอกิน บอกว่าขอโทษที่เคยละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเธอ เราก็กลัวเหมือนกันว่าเธอจะไม่รับ แต่สุดท้าย เธอก็รับไปวางไว้บนโต๊ะ ส่วนเธอจะกินหรือไม่ สุดแล้วแต่โชคชะตา
 
เราก็ทำใจไว้นิดหนึ่งแล้วว่าถึงเธอรับไป เธอก็คงไม่กินหรอก แต่ว่ามารู้ผลตอนเลิกงานนั่นแน่ะ เธอเดินเข้ามานั่งตักเราที่โต๊ะทำงานและชวนให้เรามานอนค้างด้วยที่ห้อง

มีรึที่เราจะปฏิเสธ

ไอ้พวกหนุ่มๆ ที่เธอควงอยู่งงเป็นไก่ตาแตก สะใจจริงๆ

13 พฤศจิกายน


เครียด ไม่สนุกแล้ว

เครียดจนอยากจะบ้าตาย

ไม่คิดมาก่อนเลยว่าพอได้เธอมาครอบครองดั่งใจปรารถนาแล้ว ความรู้สึกของเราจะเปลี่ยนไปขนาดนี้
ยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ ไอ้ยาเสน่ห์นั่นทำให้เธอเกาะติดเราเป็นตุ๊กแก จะกระดิกตัวไปไหนก็ไม่ได้ แล้วอีกอย่างนะ เราเพิ่งรู้ตัวว่าเราไม่มีความสุขเหมือนก่อนเพราะไม่ได้แอบเข้าไปในห้องของเธอ ไม่รู้สินะ แบบว่ามันเป็นความตื่นเต้นที่เราต้องการ ได้เข้าไปสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัว ได้เข้าไปหยิบ จับ แตะต้อง ลิ้มรสของส่วนตัวของเธอเพียงลำพัง ได้แอบเดินตามเธอ คอยดูแลเธอด้วยสายตาอยู่ตามหลืบมุม ได้เก็บของใช้ที่เธอไม่เห็นคุณค่า เราเพิ่งได้ตระหนักว่าการครอบครองไม่ใช่ความสุขสูงสุดของเรา

แต่ทำยังไงดีนะถึงจะคลายฤทธิ์ยาเสน่ห์นั่นได้ นี่ก็ไปเดินเตร่แถวผับนั้นมาหลายวันแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงาของอีตาลุงนั่นเลย ลองค้นดูในเน็ตก็เจอแต่พวกหลอกลวง

ให้ตายสิ ก็นี่มันยุคไหนแล้ว จะยังมีใครเชื่อเรื่องยาเสน่ห์อะไรนี่อยู่อีกนอกจากเรา

ไม่มีทาง เห็นทีต้องหาวิธีกำจัดเธอออกไปจากชีวิตของเราด้วยตัวเองซะแล้ว

19 พฤศจิกายน


ไม่สำเร็จ ทำยังไงก็ไล่เธอออกไปจากชีวิตเราไม่ได้ ตบก็แล้ว เตะก็แล้ว ขู่ฆ่าพ่อแม่ก็แล้ว ซ้อมเช้าซ้อมเย็นก็แล้ว เธอก็ยังหลงรักเราอย่างโงหัวไม่ขึ้น ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เราอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างเก่าเหลือเกิน ไม่อยากอยู่กับเธอแล้ว ไม่เห็นจะมีความสุขเลยสักนิด ร่างที่ไม่สวมเสื้อผ้าของเธอก็ไม่สามารถปลุกอารมณ์ของเราได้อีกแล้ว อึดอัดแทบตาย เมื่อกี้ก็เพิ่งเตะจนนอนร้องไห้ไป เรารู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะฆ่าเธอให้ตายๆ ไปซะ ไม่รู้จะทำยังไงเลยเดินขึ้นมาตากลมบนดาดฟ้า ใจเย็นขึ้นจนกลับลงมาที่ห้องได้ เธอก็ยังอยู่กับเราไม่ไปไหน แถมยังเปิดเบียร์มาเอาใจอีก ยังกะเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นแหละ

เฮ้อ ไม่ไหวที่จะเคลียร์ อ่อนเพลียที่จะเขียนต่อ

ตาลุงว้อย! รู้ไหมว่าคนๆ หนึ่งกำลังเดือดร้อนอย่างหนักเพราะยาเสน่ห์บ้าบอของลุงน่ะ มันเป็นยาอะไรกันนะ เราว่าคงเป็นสารเคมีบางชนิดที่ออกฤทธิ์คล้ายยากล่อมประสาทอะไรทำนองนั้นแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องมียาที่ใช้แก้กันน่ะสิ

แต่จะไปหาที่ไหนล่ะ?

เซ็ง เซ็ง เซ็ง

เซ็งฉิbหายเลยโว้ยยยย!

21 พฤศจิกายน


อารมณ์ดีเพราะมีความสุข คืนนี้เป็นคืนที่เราอารมณ์ดีมากๆ

ข้างกายของเราไม่มีเธออยู่อีกแล้ว

และเธอก็คงไม่มายุ่งเกี่ยวกับเราอีกต่อไปด้วย ดีใจสัดๆ

เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อสองชั่วโมงก่อน คืนนี้หลอกให้เธอนอนอยู่ที่ห้องแล้วเราก็ออกไปเที่ยวผับ ผับเดิมที่เจอตาลุงปูพื้นขายของข้างทางนั่นแหละ และที่สำคัญ คืนนี้เราก็เจอตาลุงด้วยเว้ย ตาลุงคนเดิม ใส่เสื้อผ้าชุดเดิม พูดเนิบนาบเหมือนเดิม ตอนแรกเราไม่เห็นแกหรอก กำลังจะเดินผ่านไปอยู่แล้ว(ก็ไปนั่งขายในมุมมืดข้างถังขยะแบบนั้นใครจะไปเห็น) แต่แกร้องทักเรา แถมพูดยังกะรู้ว่าเราเขียนบันทึกถึงแกด้วยนะ

แกพูดว่าได้ยินว่าเราไม่พอใจสินค้าเพราะคุณภาพสินค้าได้ผลดีเกินไป เราก็บอกว่าใช่ มันได้ผลดีแบบเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ เราเลยถามแกว่ามียาแก้ขายมั้ย ตาลุงบอกว่ามี แต่เราจะจ่ายไหวหรือเปล่า เราตอบว่า โหย ต่อให้ขวดละแสนก็ยอมจ่ายล่ะตอนนี้

ตาลุงหัวเราะหึๆ แล้วบอกว่า ยาแก้ก็ไม่ได้ซื้อด้วยเงิน แต่ซื้อด้วยอายุขัยสามสิบปีเช่นเดียวกับยาเสน่ห์ เราบอกว่าเรายินดีซื้อ แต่ตาลุงดันปากปีจอบอกว่าลำพังแค่อายุขัยของเราซื้อไม่ได้แล้ว เพราะอายุขัยของเราคือหกสิบเอ็ดปี ตอนนี้เราอายุยี่สิบหก ขายอายุขัยสามสิบปีข้างหน้าไปในเที่ยวที่แล้ว ก็เหลืออายุขัยอีกเพียงห้าปีเท่านั้น หากเราจะซื้อยาแก้มนต์เสน่ห์จริงๆ เราต้องขายอายุขัยของคนที่เป็นพ่อแม่หรือว่าญาติพี่น้องเข้ามาด้วย

ถึงแม้จะคิดว่าตาลุงคนนี้ต้องไม่เต็มแน่ๆ แต่จากผลสำเร็จของยาเสน่ห์ที่แกขาย ซึ่งเราก็ประจักษ์ฤทธิ์ของมันมาเองกับสองตา เราอึ้งไปไม่น้อยเมื่อได้ทราบว่าหากเราต้องการจะซื้อยาแก้มนต์เสน่ห์ เราก็ต้องแลกกับอายุขัยของญาติพี่น้อง โชคร้ายที่ไม่มีญาติพี่น้องแย่ๆ ที่อยากสาปแช่งให้ไปตายเร็วๆ เสียด้วย

เรานั่งนึกอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจขายอายุขัยของน้องชาย เจ้าน้องชายคนนี้มีอายุห่างจากเราถึงยี่สิบปี เรียกว่าเป็นลูกหลงของพ่อแม่ก็คงได้ เมื่อหกปีก่อนตอนที่แม่ตั้งท้องน้องชายคนนี้ แม่อายมากจนไม่กล้าออกจากบ้านเพราะท้องตอนอายุเยอะแล้ว แถมเราก็ไม่ได้สนิทกับน้องคนนี้เท่าไหร่ ถึงจะเรียกว่าเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันก็ตาม แต่ขายอายุขัยในอนาคตไปก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรนัก

ตาลุงขอให้เราบอกวันเดือนปีเกิดของน้องชาย เราบอกไป ตาลุงนับนิ้วคำนวณอะไรบางอย่างครู่หนึ่งก็พยักหน้าหงึกๆ บอกว่าได้ แกหยิบน้ำยาสีดำขวดหนึ่งยื่นให้เรา(ขนาดปริมาณเท่าขวดที่แล้ว) และแนะนำวิธีใช้ว่าให้เรากรีดเลือดของเรากับของคนที่โดนยาเสน่ห์ลงไปในนี้ แล้วนำไปผสมน้ำให้คนโดนยาเสน่ห์กิน แค่นั้นมนต์เสน่ห์ที่กำกับจิตใจของเธอก็จะคลายออก

เราจดจำวิธีนั้นไว้อย่างแม่นยำ ขอบคุณตาลุงแล้วเดินออกมา แอบเหลือบมองกลับหลังไปสองสามครั้ง นึกว่าจะเห็นแต่ความว่างเปล่าเหมือนในหนังผี แต่ไม่ใช่ ตาลุงยังนั่งขายยาเสน่ห์ของแกอยู่ที่เดิม ในมุมมืด ข้างถังขยะ และกำลังกวักมือเรียกลูกค้ารายใหม่เข้าไปหา

อย่างน้อยเราก็ทำการค้าขายกับคน ไม่ใช่ผีล่ะนะ

เรากลับมาถึงห้องตอนตีสอง เธอยังไม่นอน เธอนั่งคอยเราอยู่ ใบหน้าของเธอยังมีร่องรอยฟกช้ำจากการลงไม้ลงมือของเราเมื่อวันก่อน เราบอกให้เธอไปหยิบน้ำเย็นมาหนึ่งแก้ว เมื่อเธอไปหยิบแล้วเราก็เข้าไปหยิบมีดในครัว ทำเหมือนเดิมคือจิ้มปลายนิ้วตัวเองแล้วหยดเลือดลงในขวด

เสร็จแล้วเราก็ทำแบบเดียวกันกับเธอซึ่งไม่ได้ขัดขืนอะไรเลย ยาเสน่ห์นี่มันขลังถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆ ถ้าเราสั่งให้เธอโดดตึกตาย เธอคงทำตามแน่ แต่ว่าอย่าเลยดีกว่า เดี๋ยวเราจะกลายเป็นฆาตกรเสียเปล่าๆ เมื่อเขย่าเลือดในขวดให้เข้ากับตัวน้ำยาดีแล้ว เราก็เทน้ำยาทั้งหมดใส่ไปในแก้วน้ำเย็น ใช้ช้อนชงกาแฟคนให้เข้ากัน จากน้ำเย็นขาวใสจึงกลายเป็นน้ำสีดำเข้มขุ่นเหมือนโอเลี้ยง

เราบอกให้เธอกินให้หมดแก้ว เธอทำตามโดยไม่ลังเลและทันทีที่น้ำสีดำหมดแก้ว มนต์เสน่ห์ก็คลายจริงๆ เธอสะดุ้งโหยงเหมือนโดนไฟช็อต ก่อนจะยืนโซเซครู่หนึ่งก็ชะงักนิ่ง วางแก้วลงบนโต๊ะ ยกมือกุมหัว หันมองรอบตัวด้วยสีหน้าแตกตื่นเหมือนเพิ่งพบว่าตัวเองถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวมาอยู่บนดาวอังคารยังไงยังงั้น  

เธอคงไม่เข้าใจว่ามาอยู่ในห้องของเราได้อย่างไร ถึงกับหน้าถอดสีไปเลยนะที่เห็นว่าตัวเองสวมใส่ชุดนอนบางเบาโดยไม่ใส่ชุดชั้นในและอยู่กับเราสองต่อสอง แถมยังเหลือบไปเห็น ‘อุปกรณ์เสริม’ ที่วางอยู่บนเตียงด้วย  เธอส่ายหน้าเหมือนรับไม่ได้ ก่อนจะมองเราด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์อย่างชัดเจน เราเลยแกล้งแสยะยิ้มแล้วเดินอ้าแขนเข้าไปหา เธอหมุนตัววิ่งไปที่ประตู เธอเปิดประตูออกไป จนป่านนี้เกือบตีห้าแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

เราว่าเธอก็คงกลับไปอยู่ห้องของเธอแล้วล่ะ

อ้า ยินดีต้อนรับกลับบ้าน อิสรภาพที่รัก!

30 พฤศจิกายน


จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด

เธอย้ายออกจากแฟลตนี้ไปแล้ว

เครียด!

เธอหนีไปแล้ว เราต้องตามหาให้เจอ เราอยากให้เธอเลิกยุ่งกับเรา เพื่อที่เราจะได้แอบติดตามเธอเหมือนก่อน เราไม่ได้อยากเลิกยุ่งเพื่อให้เธอไปจากชีวิตของเราสักหน่อย ทำไมเธอต้องทำเย็นชาแบบนี้กับเราด้วย เจอหน้ากันในออฟฟิศก็ไม่ทักสักคำ ทำเหมือนเราไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น เธอกลับไปคบกับไอ้พวกขี้เก๊กนั่นอีกแล้ว พวกมันหัวเราะเราใหญ่ เจ็บใจมาก เจ็บใจสุดๆ เราต้องหาทางแก้แค้นพวกมันแน่ แต่ตอนนี้ต้องสืบดูให้รู้ก่อนว่าเธอย้ายไปอยู่ที่ไหน คิดว่าวันพรุ่งนี้จะสะกดรอยตามเธอหลังเลิกงานทุกฝีก้าวเลยทีเดียว

1 ธันวาคม


เยส! รู้แล้วว่าเธอย้ายไปอยู่ที่ไหน โธ่เอ๊ย ย้ายไปอยู่แถวสุขุมวิทนี่เอง ไอ้เราก็นึกว่าไปไหนไกล แต่คงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่แหละถึงจะหาทางเข้าไปในห้องเธอได้ หอพักใหม่ของเธอมีระบบรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นกว่าแฟลตโง่ๆ ที่นี่มาก แต่เอาน่า ไม่ได้เห็นหน้า เห็นแค่หลังคาก็ยังดี


6 ธันวาคม


ยังหาทางเข้าห้องพักของเธอไม่ได้  แต่โชคดีที่ยังแอบเข้าห้องน้ำเดียวกับเธอในออฟฟิศได้อยู่ เรารู้ว่าห้องที่เธอชอบเข้าประจำคือซ้ายมือติดผนัง เราเลยไปนั่งรอในห้องข้างๆ ตั้งแต่พักเที่ยง ยินยอมทำถึงขนาดเอาแซนด์วิชเข้าไปกินในนั้น คิดดูแล้วกันว่าเธอทำให้เราคลั่งได้มากมายขนาดไหน

รออยู่ประมาณเที่ยงสี่สิบนาที เธอก็มาเข้าห้องน้ำ เรารู้ว่าเป็นเธอจากเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น เราจำได้ว่าเธอมักจะเดินแบบซอยเท้าสั้นๆ เสมอ เมื่อประตูห้องน้ำปิดลง เราก็แอบเอาหูแนบกับผนัง ฟังเสียงเธอปลดตะขอและรูดกระโปรงลง มันกระตุ้นเราได้ดีกว่าตอนที่เราได้ปลดกระโปรงนั่นกับมือตัวเองเสียอีก

เราเฝ้าฟังเสียงลมหายใจของเธอ เฝ้าฟังเสียงฉี่ของเธอไหลลงไปผสมรวมกับมวลน้ำในชักโครก เฝ้าฟังเสียงเธอกดชักโครก เฝ้าฟังเสียงเธอลุกขึ้น ทำความสะอาด สวมกระโปรง เปิดประตู ก้าวเท้าออกไป หยุดยืนล้างมือที่อ่างล้างหน้าซึ่งมีกระจกบานใหญ่ติดเป็นแนวตลอดความยาวของผนัง เราขยับมาเอาหูแนบประตู เฝ้าฟังเสียงเธอฮัมเพลงอารมณ์ดีขณะทาลิปสติกลงไปบนริมฝีปาก แม้ในห้องน้ำจะมีพนักงานคนอื่นอยู่ด้วย แต่สำหรับเราแล้ว ในโลกนี้มีเพียงเรากับเธอสองคนเท่านั้น

เรารอจนเธอออกไปจากห้องน้ำก่อนแล้วค่อยเปิดประตูออกมา ประจวบเหมาะที่ตอนนั้นพนักงานหญิงคนอื่นๆ ก็กำลังเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องต่างๆ พอดี เราจึงเปิดประตูห้องซ้ายมือติดผนังและก้าวเข้าไป เราขังตัวเองอยู่ในนั้นครึ่งชั่วโมง ลูบไล้ฝาชักโครกที่เธอเพิ่งนั่งลงไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เราเอาใบหน้าลงไปถูไถกับมันอย่างมีความสุข อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมการทำแบบนี้ถึงกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของเราได้ดีเยี่ยม เรารู้สึกเสียวกระสันจนถึงจุดสุดยอดเมื่อได้เลียฝาชักโครก ลิ้มรสฝาดเฝื่อนของอะไรก็ตามที่ติดอยู่บนนั้น

พอกลับมาทำงานต่อตอนบ่าย เราก็มัวแต่ครุ่นคิดเรื่องเธอจนเผลอคิดบิลค่าชุดอะไหล่เครื่องยนต์ของลูกค้าผิด โดนเจ้านายเรียกไปด่า แต่ถ้าถือว่าแลกกับความสุขในห้องน้ำตอนพักเที่ยง ก็นับว่าคุ้มค่ามากมายหลายเท่า

เราคิดว่าต้องทำแบบนี้อีก จะทำแบบนี้ทุกวันเลย

9 ธันวาคม


มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของกุวะ!

เh ี้ย พ่อเพิ่งโทรมาบอกว่าน้องชายกุหายตัวไปลึกลับ ไม่กลับบ้านมาสองวันแล้ว เป็นไปได้ยังไง เด็กหกขวบแค่คนเดียวหายังไงไม่เจอ เท่านั้นยังไม่พอ วันก่อนเรายังเจอความเลวร้ายครั้งใหญ่เพราะมีตำรวจมาหา ก็เธอน่ะสิดันไปแจ้งตำรวจว่าเราเป็นไอ้โรคจิตที่ชอบย่องตามหลังเธอในที่ทำงาน  

ตามน่ะตามจริง แต่กุไม่ใช่โรคจิตนะโว้ย!

มรึงเคยอยู่กับกุ มรึงก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่รึ?!

แล้วไอ้พวกขี้เก๊กนั่นก็ได้ทีใส่ความเราใหญ่ หาว่าเราเคยเอายามาเสพในที่ทำงานบ้างล่ะ เป็นพวกโรคจิตชอบคุ้ยถังขยะมั่งล่ะ ทำตัวแปลกไม่น่าไว้ใจบ้างล่ะ จะให้ตำรวจจับตัวเราส่งโรงพยาบาลบ้าท่าเดียว ห่านเอ๊ย ดีที่ตำรวจมาแค่ตักเตือนเรื่องย่องตาม ไม่ได้ใส่ใจเรื่องยาหรือเรื่องอื่นๆ เลยรอดมาได้ ตกเย็นเราก็เลยไปแอบปล่อยลมยางรถของพวกมันคนละคัน แต่ก็ยังไม่หายแค้นหรอกนะ งานนี้รับรองเลยว่าไม่เลิกราง่ายๆ แน่ ถึงตอนนี้จะยังหาวิธีเหมาะๆ ไม่ได้ก็เหอะ

16 ธันวาคม


เราเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน!

น้องชายก็ยังหาไม่เจอ!

เธอก็ยังลอยไปลอยมากับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า!

บัดซบที่สุด!

20 ธันวาคม


เวลาที่ผ่านไปหลายวัน รวมถึงการได้นั่งทบทวนกับตัวเองในความเงียบ ทำให้เราได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเราต้องการอะไรกันแน่

เรารู้ใจตัวเองแล้ว เราไม่ได้หลงรักเธอ แต่เราอยากเป็นเธอต่างหาก

การกระทำของเรา แรงผลักดันในใจของเรา ความกระหายใคร่ครอบครองของเรา ไม่ใช่การครอบครองร่างกายของเธอ นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่มีความสุขเลยเมื่อได้ครองร่างกายของเธออย่างจริงจังเพียงผู้เดียว เพราะที่จริงแล้ว สิ่งที่เราต้องการคือชีวิตของเธอ วิญญาณของเธอ ชะตากรรมของเธอ

มันอาจเป็นสิ่งที่อธิบายค่อนข้างยาก แต่เวลาของเราเหลืออีกไม่มากแล้ว วันก่อนได้เจอตาลุงขายยาเสน่ห์โดยบังเอิญแถวผับที่เดิม แกบอกว่าที่น้องชายของเราหายตัวไปเป็นเพราะเราได้ขายอายุขัยของน้องชายในครั้งนั้น น้องชายเรามีอายุขัยเพียงสามสิบหกปีสี่เดือนกับยี่สิบเอ็ดวัน เมื่อเราขายอายุขัยของน้องชายไปสามสิบปี เท่ากับว่าน้องชายเราก็เหลือเวลาอยู่บนโลกอีกไม่เท่าไหร่

เราโกรธตาลุงมาก อยากฆ่าแกให้นอนตายอยู่ข้างถังขยะนัก แต่ตาลุงบอกว่าแม้แต่เราเองก็เถอะ เหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกไม่ถึงอาทิตย์ อายุขัยของเราจะหมดแล้ว อยากทำอะไรก็ทำซะ

อยากหัวเราะจริงๆ แต่มันก็หัวเราะไม่ออก ให้ตายเถอะ โลกนี้มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ? ตาลุงแกเป็นใครกัน ถึงกับหยั่งรู้โชคชะตาอนาคต เฮอะ ให้มันจริงสิวะ แกบอกว่ากุเหลือเวลาอีกอาทิตย์เดียวใช่ไหม ได้เลย เดี๋ยวกุจะไม่ตายให้มรึงดู วันสุดท้ายของอาทิตย์หน้า กุจะขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ดูสิว่าจะมีใครมาทำให้กุตายได้รึเปล่า

22 ธันวาคม


พ่อโทรมาบอกว่าเจอน้องชายเราแล้วนะ แต่เจอในสภาพที่ไม่เจอเสียจะดีกว่า ก็แหม ถูกหั่นเป็นชิ้นแล้วลงไปต้มในหม้อซุปขนาดนั้น นี่ล่ะหนาที่เขาว่ากฎแห่งกรรม พ่อเราเขาเป็นเจ้าของโรงฆ่าสัตว์ที่ใหญ่ไม่น้อยหน้าใครในจังหวัดปทุมธานี สั่งคนให้ฆ่าสัตว์เพื่อส่งขายตลาดให้ชาวบ้านทำประกอบอาหาร สุดท้ายลูกตัวเองก็โดนไอ้โรคจิตคนหนึ่งลากไปหั่นทำอาหารเหมือนกัน ไงล่ะจ้ะ? ซาบซึ้งดีมั้ย?

แต่มันก็แปลกดีนะ น้องชายตายทั้งคน ทำไมเราถึงไม่รู้สึกเสียใจบ้าง ไม่มีน้ำตาสักหยดไหลออกมา ไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักอย่าง

หรือว่าหัวใจเราด้านชาต่อความรู้สึกต่างๆ ไปแล้ว?

รู้สึกแย่กับตัวเองจังเลย

แต่ไม่เอาน่า อย่าคิดดีกว่า คิดถึงเรื่องดีๆ กันเถอะนะ

ก็อย่างที่เขียนไปเมื่อวันก่อน คือจากวันเวลาที่ว่าง มันก็ทำให้เราได้รู้จักตัวเองว่าแท้จริงแล้วแก่นแท้ของเราอยากเป็นอะไร ดังนั้น เราจึงตัดสินใจไว้ผมให้ผมยาวเลยบ่า หัดแต่งหน้าอย่างที่ผู้หญิงแต่ง เปลี่ยนจากใส่กางเกงและถุงเท้ามาเป็นสวมกระโปรงและถุงน่อง จากรองเท้าหุ้มส้น ก็กลายเป็นรองเท้าส้นสูง เราอยากเป็นอย่างที่ผู้หญิงทั่วไปเป็นกัน ถึงขั้นหาบรามาใส่ ทั้งที่ไม่ต้องใส่ก็ได้เพราะเราไม่มีนมเลย

วันนี้ได้เจอไอ้ขี้เก๊กที่เคยควงกับเธอตอนรอรถเมล์หลังไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ เชื่อไหมว่ามันเข้ามาจีบเราเพราะจำเราไม่ได้  กลั้นขำเสียแทบแย่ เราให้เบอร์มันไปด้วยนะ รู้แล้วล่ะว่าจะหาวิธีแก้แค้นพวกมันที่เคยกล่าวหาเราว่าเป็นไอ้โรคจิตได้ยังไง

25 ธันวาคม


วันนี้เป็นวันคริสต์มาส อีฟแท้ๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ

หรือว่าเป็นเพราะฝันร้ายเมื่อคืน?

ฝันน่ากลัวชะมัด เราฝันถึงอีตาลุงขายยาเสน่ห์คนนั้น แกเข้ามาบอกเราว่าอีกสองวันเราจะตาย ให้เราเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ บ้าสิ้นดี นึกว่าจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วซะอีก ผ่านมาตั้งหลายวันแล้วนะ จิตใจถึงได้ไม่ค่อยสงบเท่าที่ควรแบบนี้ไง

อีกสองวันจะตายงั้นหรือ?

ตลกจัง

26 ธันวาคม


ฝันร้ายเหมือนเมื่อคืนเป๊ะเลย

อีตาลุงคนเดิมยังเข้ามาหลอกหลอนเราในความฝัน ไม่เท่านั้นนะ ขนาดเรานอนพักกลางวันหลังกลับมาจากสัมภาษณ์งานอีกที่ยังฝันถึงเลย ไม่ไหวมากๆ ต้องใช้ยาช่วยตั้งแต่เย็นจนถึงตอนนี้ นี่หัวใจก็เต้นตุบๆๆๆ เร็วยังจะหลุดออกมาเต้นอยู่นอกอก  บางทีมันก็ทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะมานั่งเขียนอยู่ตรงนี้ เพิ่งจะเอามีดไปกรีดท้องแมวของคนข้างห้องมา ซากยังอยู่ในห้องน้ำอยู่เลย ไม่รู้จะไปบอกเจ้าของที่เดินมาเคาะประตูหาแมวยังไงเหมือนกัน

27 ธันวาคม


ชีวิตของเราคงมีอันจบสิ้นในวันนี้แล้วสินะ

อ้า วันนี้ช่างเป็นวันที่ยาวนานและมีอะไรๆ เกิดขึ้นหลายอย่างเหลือเกิน

จะพยายามไล่เรียงลำดับเหตุการณ์เท่าที่สภาพสมองและสติเอื้ออำนวยก็แล้วกันนะ

ก่อนอื่น เริ่มจากที่ตื่นเช้ามา แล้วพบว่าเราติดอยู่บนเกาะลึกลับ มันไม่ใช่แฟลตที่เราเคยอยู่ ทุกหนทุกแห่งมีแต่ป่า ต้นไม้บนเกาะนี้ไม่ใช่ต้นไม้ที่สามารถปีนขึ้นไปตากลมได้ แต่มันเป็นต้นไม้ที่ทำจากปูน ร้อนฉ่าเมื่อเอามือไปแตะ พื้นดินที่ปูยาวไปข้างหน้า ก็ไม่ใช่พื้นคอนกรีตที่เราคุ้นเคย มันเป็นพื้นที่ปูด้วยหัวกะโหลกและกระดูกของมนุษย์กับสัตว์ เราไม่รู้ว่าจะเดินไปไหน แต่ความรู้สึกก็คือเราต้องหาคนๆ หนึ่งให้เจอ คนๆ หนึ่งที่เคยทำให้เราแทบบ้า คนๆ หนึ่งที่ทำให้เราลุ่มหลงงมงาย คนๆ หนึ่งที่ทำให้เรายอมขายอายุขัยให้ภูตเจ้าเล่ห์

คนๆ หนึ่งคือเธอ

หากเราจะต้องตายในวันนี้จริงๆ เราจะต้องหาเธอให้พบก่อนตาย

เราจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ ทั้งทางร่างกายและวิญญาณให้ได้

สองเท้าของเราพาเราก้าวไปตามทางเหมือนระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนโปรแกรมเอาไว้แล้ว มันนำเรามาถึงป้ายสีแดงวงกลมที่ปักโด่อยู่ข้างทางเดิน เรายืนรออยู่ที่นั่น แล้วไม่ช้าพาหะนะวิเศษรูปสี่เหลี่ยมก็แล่นมาจอดบรรทุกเราไปยังปลายทาง

เราพบปราสาทหินโมเดิร์นที่ตั้งอยู่หลังหลักรั้วแหลม แต่เราไม่สนหรอก เรารู้ว่าเธออยู่ในปราสาทนี้เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เธอไม่ได้ออกไปที่ใด แล้วเราก็ทราบดีว่าเธอพักอยู่บนชั้นที่สาม ห้องที่สี่ของขวามือ บางทีเธออาจจะนอนกกอยู่กับคนเสเพลสักคน แต่นั่นคงไม่ใช่ปัญหาของเราบนเกาะลึกลับแห่งนี้

บนเกาะแห่งนี้เรามีความสามารถพิเศษ เราสามารถเนรมิตมีดให้มาอยู่ในมือได้ตลอดเวลา แต่เราจะไม่ทำให้ไก่ตื่น เราค่อยๆ ย่องเข้าไปหายามรักษาการณ์ของปราสาท ตบตามันจนเชื่อใจ ยามหายเข้าไปแจ้งใครบางคนข้างใน แล้วกลับออกมา มันบอกเราว่าเธอของเรากำลังจะลงมาพบ

เธอลงมาพบเราอย่างไม่เต็มใจ แต่เมื่อเห็นเราเต็มๆ ตา เธอก็ถึงกับเบิกตาโตแล้วบอกว่า โอ้ โห แต่งเป็นผู้หญิงแล้วสวยจังเลย เราแสร้งยิ้มซื้อความไว้ใจก่อนขอเธอขึ้นไปบนห้อง แต่เธอมีท่าทีอิดเอื้อน เราเลยบอกว่าเราขอมาที่นี่เพื่อปรับความเข้าใจในเรื่องที่แล้วๆ มา ผ่านไปพักใหญ่เธอถึงยอม แต่ขณะที่พาเราเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักในปราสาทนั้น เธอกลับบอกเราว่าในห้องมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้วย มันคนนั้นคือคนรักคนล่าสุดของเธอ

มีดในเนรมิตของเราดีดดิ้นด้วยความกระหายเลือดขึ้นมาในฉับพลัน เราไม่อาจควบคุมได้หรอก

ทันทีที่เธอเปิดประตูห้องพักนำเราเข้าไปข้างใน เราก็เสกมีดขึ้นมาแล้วโผเข้าไปปาดคอเธอจากด้านหลัง ไอ้คนเสเพลคนนั้นดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาที่มันนั่งดูมวยปล้ำอยู่ด้วยความตกใจ เราหัวเราะแสดงพลัง มันเหลือบมองมีดของเราแล้วผวาจะไปหยิบมีดในครัว แต่เราก็เหาะไปดักหน้ามันไว้ทัน

เราปักมีดลงไปบนคอหอยของมัน เราสับหน้าของมันจนเละตุ้มเป๊ะ เราตัดไอ้นั่นของมันออกแล้วเอายัดปากมันเอาไว้ เรารู้สึกแค้นพวกผู้ชายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เรากระซวกมันอีกจนสาแก่ใจ แล้วเราก็ถอยกลับมายังร่างของเธอที่ยังนอนหายใจรวยริน เธอยังไม่ตาย เราคงปาดคอเธอไม่ลึกพอ แต่ก็ถือว่าดีแล้วล่ะ เราปลดผ้าของตัวเอง แล้วเราก็เปลื้องผ้าของเธอออก เราขึ้นไปทาบทับบนร่างของเธอ

แล้วเราก็กินเธอ...ทั้งเป็น

เริ่มจากจมูก เรากัดจมูกของเธอจนขาดคาปาก รสชาติแห่งการหลอมรวมช่างอ่อนหวานเกินกว่าจะพรรณนา เลือดของเธอชุ่มลิ้นของเรา เลือดที่เป็นตัวแทนแห่งความรู้สึกทั้งปวงของมนุษยชาติ ทั้งรัก เกลียด แค้น โลภ หลง เราลิ้มรสเลือดสดๆ ของเธอ เพียงเท่านี้ เราก็สามารถนอนตายตาหลับแล้ว
เรากัดแทะจนใบหน้าของเธอแหว่งวิ่น เราควักลูกตางดงามคู่นั้นออกมาอมเล่น เราทำอะไรหลายๆ อย่างกับร่างของเธอจนเธอขาดใจตาย

เรากัดกินเธอ เรากลืนเธอ เธอเข้ามาอยู่ในท้องของเรา เธอกับเรากลายเป็นคนๆ เดียวกันแล้ว

เราหยุดเมื่อเราอิ่มหนำ เราเข้าไปอาบน้ำ ล้างเนื้อล้างตัว ล้างปาก ล้างหน้า ล้างมือ ล้างมีด แล้วกลับออกมาสวมใส่เสื้อผ้า เราเดินออกมาจากปราสาทนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนกลับยังยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ให้ยามเลยด้วยซ้ำ ยามนั่นตาหูลุกวาว คิดว่าเราจะเล่นด้วยสิท่า ไม่มีทางเสียหรอก

เราโดยสารพาหะนะทรงสี่เหลี่ยมอีกครั้งเพื่อกลับไปยังจุดที่เราตื่นขึ้นมา แต่บนพาหะนะนั้นมีสัตว์ประหลาดมากมายเหลือเกิน มันพวกนั้น สัตว์ประหลาดเพศผู้วัยคะนองพวกนั้น มันยังไม่โตเต็มที่ ดังนั้น เราจึงต้องจัดการพวกมันก่อน

เราเสกมีดออกมา แล้วจ้วงไส้พวกมันทั้งสี่ตัว พาหะนะทรงสี่เหลี่ยมหยุดข้างทาง มีคนพยายามจะจับตัวเรา แต่เราก็แทงสวนไปจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เรา เราเลยหนีลงมาได้แล้วก็วิ่งแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ แปลกเหลือเกินที่ดันวิ่งกลับมาอยู่ที่ๆ เราตื่นได้อย่างน่าอัศจรรย์

เราล้มตัวลงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อย เราหลับไป แล้วก็ตื่นขึ้นมาเมื่อกี้ พบว่าเรานอนอยู่ในห้องของเรา ในแฟลตโง่ๆ ที่ไม่สามารถรั้งความสุขอะไรเอาไว้ได้ กาลเวลาผ่านไปจนใกล้ถึงเที่ยงคืน ถ้าคำที่ตาลุงนั่นพูดเป็นความจริง หมายความว่าเวลาของเราก็เหลืออีกไม่กี่นาทีแล้ว

สุดท้าย จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ มันทำให้เราได้ข้อคิดมาหนึ่งอย่างนะ นั่นคือข้อคิดที่ว่า ความรักก็เหมือนเลือด คนเราไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากความรัก เสมือนร่างกายที่ขาดเลือดไม่ได้ แต่ทว่าหากรักมากเกินไป ความรักนั้นก็เหมือนเลือดที่กลายเป็นพิษและส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกายฉิbหายวายวอดและนำความตายอันเป็นนิรันดร์มาสู่ร่างกายในที่สุด

ไงล่ะ คมกริบเลยใช่มั


++++++++

จากคุณ : ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 55 16:21:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com