Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความทรงจำที่ถูกลืม(18+)-บทนำ+คำโปรย ติดต่อทีมงาน

Vio Bli Sou: ความทรงจำที่ถูกลืม(18+)


เจ้าชายนา่สเกียแห่งแกรนเตลไม่เคยคิดหรอกว่าเขาจะต้องเห็นความสำคัญของสตรีนางหนึ่งซึ่งเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นจากการทดลอง ... สำหรับเขาแล้ว ... เธอเป็นแค่เครื่องจักรที่ใช้แล้วทิ้งเท่านั้น

เรื่องย่อ

มีความขัดแย้งเกิดขึ้นภายในแกรนติเนลระหว่างชามัลลีกับกลุ่มรัฐบาลแกรนติเนลซึ่งทำงานรับใช้พระราชาลานิน (พ่อบุญธรรมของชามัลลี)

ในระหว่างนั้นเอง มนุษย์เทียมสาวหมายเลข 602 ก็เข้ามาทำงานรับใช้ชามัลลีในพระราชวังอิลเลน

มีกำแพงขวางกั้นระหว่างเขาและเธอเนื่องด้วยความอคติของชามัลลีที่มีต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์แท้จริง

แต่ทว่าความรู้สึกรักที่เกิดขึ้นในจิตใจของหญิงสาวไม่สามารถหยุดยั้งได้ ... แม้ว่าเธอจะไม่ใช่มนุษย์แท้ดังเช่นชามัลลี ... แต่เธอก็อยากจะให้เขารู้ว่าเธอคิดเช่นไร ...

และเธอก็หวังคำตอบจากเขาเช่นกัน

=============

ขอฝากนิยายที่ได้ตีพิมพ์กับอินเลิฟเมื่อเร็วๆนี้นะคะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่า

http://www.inlove-book.com/n_bookinfo.php?ide=501



+++++++++++++++++++++


บทนำ


บรรยากาศภายในเขตรั้วพระราชวังหลวงแห่งแกรนติเนลนั้นอบอุ่นทันทีที่แสงแรกของตะวันสาดผ่านหน้าต่างบนโดมสูง

บรรดาทหารรักษาพระองค์ต่างเดินเรียงแถวตรงเรียบไปตามเส้นทางถนนวกวนสู่เขตพระตำหนัก เสียงของรถม้าดังแว่วผ่านไปผ่านมาหน้ารั้วพระราชวังหลวงขณะที่ภายในสนามหญ้ากว้างรอบอาคารกลับเงียบสงบ

จิ๊บ จิ๊บ

เสียงของนกร้องยามเช้าข้างนอกหน้าต่างห้องทรงพระอักษรทำให้ชายหนุ่มผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายนาสเกียแห่งแกรนเตลต้องหันไปมอง

ในอดีตชายหนุ่มเคยเป็นเพียงบุตรชายของชนาเดล เยเรเอสและราฟี เยเรเอสเท่านั้น แต่ด้วยความสามารถทางด้านความคิดที่สูงเกินวัยทำให้เขาได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายในเวลาต่อมา

ชายหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างสูงโปร่ง ผมสีบลอนด์ ใบหน้าเรียวภายใต้นัยน์ตาสีเทาคมเข้มรับกับจมูกโด่งสวยและริมฝีปากบาง เขาคือผู้ที่ประชาชนทั่วทั้งแกรนติเนลต่างเคารพบูชาสรรเสริญราวกับเทพเจ้า



ชายหนุ่มยกถ้วยชาจิบทีละน้อยก่อนจะหันไปจุ่มปลายปากกาลงบนหมึกสีดำข้น เขาพึมพำเสียงแผ่วขณะฟังนกน้อยขับขานเพลงเสียงใส

“ชามัลลี”

นั่นคือชื่อที่แท้จริงของเจ้าชายนาสเกียแห่งแกรนเตล ... เป็นชื่อที่หญิงสาวนางหนึ่งเรียกขานหลังจากเปิดประตูไม้และแง้มใบหน้านวลเข้ามาทักทายอย่างอารมณ์ดี

เรือนผมลอนยาวสีน้ำตาลอ่อนราวรากไม้รับกับดวงหน้างามและรอยยิ้มหวานนั้นแลดูสดใสรับกับบรรยากาศยามเช้ายิ่งนัก วันนี้เธอนุ่งชุดกระโปรงสีแดงยาวกรอมเท้า “คุณทำงานตั้งแต่เช้าตรู่”กล่าวพลางเดินเข้ามาหาเจ้าชายพร้อมกาน้ำชาใบโต “วันนี้แทบบินส์ยื่นเอกสารด่วนมาให้คุณด้วย”

“จะด่วนสักแค่ไหนกันเชียว”ชามัลลียิ้มกริ่มขณะเหยียดมือรับเอกสาร สายตาของเขาจ้องมองหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างพึงพอใจ

“ด่วนที่สุดค่ะ”

ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ เขาวางเอกสารเอาไว้บนโต๊ะ มือหนึ่งโอบเอวดึงตัวของเธอให้มานั่งบนตักก่อนจะเลื่อนใบหน้ามอบจูบอุ่นละมุนให้แก่หญิงสาว “ด่วนแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่าคุณหรอกแอชลีย์” เสียงกระซิบเบาๆข้างใบหูทำให้หญิงสาวต้องหัวเราะคิกคัก

ทั้งสองประสานสายตากันครู่หนึ่งก่อนที่ชามัลลีจะเอียงใบหน้าหลับตาแนบริมฝีปากของตนกับริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาว ลมหายใจจากเธอทำให้เขารู้สึกร้อนผะผ่าว ทั้งสองแลกบทจูบอันดูดดื่มผ่านเรียวลิ้นซึ่งเต็มไปด้วยแรงปรารถนา

ชามัลลีถอนริมฝีปากออกแล้วจึงเลื่อนมือคลึงแก้มของเธอ สบมองเธอในระยะใกล้อย่างอารมณ์ดี

“ลองอ่านเอกสารดูก่อนสิคะ”หญิงสาวบอกด้วยพร้อมรอยยิ้ม

ชามัลลียักคิ้วหลิ่วตาก่อนจะเอียงใบหน้าจูบเธออีกครั้ง

“ชามัลลี อ่านเอกสารก่อนสิคะ”เธอเตือนรอบที่สองพลางเลื่อนนิ้วทาบริมฝีปากของชายหนุ่ม เขาทำทีเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดแล้วจึงก้มหน้าพรมจูบนิ้วเรียวนั้นอย่างพออกพอใจจนหญิงสาวต้องแค่นหัวเราะให้กับความน่ารักน่าชังของเจ้าชาย

“อ่านก็ได้”ชามัลลีตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆก่อนจะหันไปคว้าเอกสารแล้วจึงเริ่มเปิด ไล่สายตาผ่านตัวอักษรทุกบรรทัดอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวข้างกายลุกออกจากตัก เธอไม่ต้องการรบกวนงานของแฟนหนุ่มอีก เธอจึงตัดสินใจเดินไปนั่งริมหน้าต่างหันไปมองดูนกตัวน้อยส่งเสียงเจื้อยแจ้วกังวานก้องราวระฆังทอง “ดูเหมือนแทบบินส์ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

“ใช่”ชามัลลีเอ่ยเสียงแผ่ว เลิกคิ้วสูง ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงความตรึงเครียดในทุกๆบรรทัดที่เขาอ่าน

“มีอะไรหรือเปล่า?”หญิงสาวเอ่ยถามอย่างสงสัยทว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบ

เมื่อชายหนุ่มอ่านเอกสารชิ้นนั้นจบลง เขาก็วางมันทิ้งเอาไว้บนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืน “แอชลีย์ ผมจะต้องไปที่เรือนจำ”

“เรือนจำที่ไหน?”

“เรือนจำพิเศษประจำเขตสี่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง”

เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ต้องเบิกตามองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจยิ่งนัก “มีอะไรสำคัญที่นั่น?”

ชามัลลียกถ้วยชาดื่มอีกครั้งก่อนจะตอบ “แทบบินส์เจอของสำคัญ”

“ของ?”

“ใช่ ... ผมปล่อยของชิ้นนี้ไปนานหลายปีแล้วและตอนนี้แทบบินส์ก็หามันเจอ”เขาพูดพลางเดินฉับๆออกจากห้องทรงพระอักษร

เหล่าข้าราชบริพาลต่างโค้งคำนับ ส่วนเหล่าองครักษ์ก็เดินติดตามเจ้าชายในทันทีนั้น

“เดี๋ยวก่อนนะชามัลลี”หญิงสาวนามแอชลีย์รีบวิ่งมาหา “ทำไมของถึงไปอยู่ในเรือนจำ?”

ชามัลลีได้ยินเสียงแฟนสาวถามด้วยความสงสัยก็หยุดเดิน เขาคว้าแขนทั้งสองของแอชลีย์ก่อนจะกุมมือของเธอหลวมๆ “คุณรออยู่ในพระตำหนักแล้วผมจะกลับมา”

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของฉัน”แววตาค้อนขวับนั้นทำให้ใบหน้าเคร่งเครียดของชามัลลีคลายลง เขาเลื่อนมือเกี่ยวผมของเธอก่อนจะจูบแก้มของแอชลีย์

“ของสำคัญน่ะ ผมจะกลับมาบอกคุณอีกครั้ง”

แอชลีย์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยอมพยักหน้ารับ

“ผมต้องไปแล้ว”พูดจบก็เรียกบรรดาองครักษ์ให้รีบติดตามเขาออกไปจากพระราชวังทันที ปล่อยให้หญิงสาวต้องส่ายหน้าให้กับความเห็นใจต่อภาระหน้าที่ซึ่งเจ้าชายคนดีของเธอได้รับ









ภายในแกรนติเนลไม่ค่อยมีประชาชนทั่วไปกระทำผิดถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกมากนัก แต่เหล่านักโทษที่สังกัดในเรือนจำพิเศษนั้นล้วนแล้วแต่เป็นนักโทษซึ่งในอดีตคือเหล่าข้าราชการซึ่งพยายามโกงกินและทำงานให้แก่รัฐบาลแกรนติเนลทั้งสิ้น

ทันทีที่เดินทางมาถึงเรือนจำ บรรดาเจ้าหน้าที่เรือนจำและนายทหารออกมารับเสด็จเจ้าชายนาสเกียแห่งแกรนเตลพร้อมด้วยผู้คุ้มกันอีกนับร้อยชีวิตตลอดเส้นทางเดิน

“ผมต้องการไปที่เรือนจำพิเศษ”พูดพร้อมยื่นเอกสารแสดงข้อความการเข้านัดพบนักโทษในเรือนจำของแทบบินส์ให้แก่เจ้าหน้าที่ “แทบบินส์บอกผมว่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์รับทราบเรื่องนี้แล้ว”

บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างน้อมรับ แล้วสักครู่หนึ่งเหล่าเจ้าหน้าที่ก็เปิดทางให้ชายสูงวัยร่างกำยำเดินเข้ามาหาเจ้าชาย เขาเลื่อนมือทาบหน้าอกก่อนจะโค้งตัวน้อยๆแสดงความเคารพต่อชามัลลี

“ข้าพระองค์คือเบนจามิน ครีฟรีต เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ของกลีตีโมนดีล(ทวีปเหนือ)”

ชามัลลีมองชายเบื้องหน้าก่อนจะเหลือบหางตาเป็นเชิงออกคำสั่งแก่องครักษ์ให้ช่วยชี้แจงว่า“พระองค์ทรงโปรดให้ท่านเรียกพระองค์ด้วยพระนามว่าคุณชายชามัลลี”

“ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า ... ข้าพระองค์มิควรเรียกด้วยพระนามสนิทสนมเยี่ยงนั้น”เบนจามินก้มหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ

“เรียกผมว่าชามัลลีเถอะครับ”

“แต่ว่าพระองค์ ...”

“อย่างน้อยก็ตลอดวันนี้ที่ผมต้องขอปรึกษางานกับคุณ”

เบนจามินมีท่าทีลังเล เขามองดูนัยน์ตาสีเทาเข้มของชายหนุ่มเบื้องหน้าแลดูจริงจังยิ่งนัก ในที่สุดเขาจึงโค้งรับคำสั่ง “ถ้าเช่นนั้นเชิญพระองค์เสด็จ เอ้อ! ... เชิญคุณชายชามัลลีมาตามเส้นทางนี้”เบนจามินกล่าวพลางผายมือโค้งตัวให้แก่ชามัลลี

“ผมขอคนสนิทของผมแค่สองคนไปกับผมที่นั่น”

ทุกคนทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายก่อนที่เบนจามินจะพาเจ้าชายนาสเกียและองครักษ์ของพระองค์สู่เรือนจำเขตพิเศษซึ่งบริเวณนี้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษประหารเท่านั้น

ชามัลลีเหลือบมองบรรดานักโทษในเรือนจำชายและสภาพห้องขังสีขาวสะอาด

ภายในเรือนจำพิเศษแห่งนี้แทบจะไม่เคยมีนักโทษพยายามหนีและทำร้ายผู้คุมเนื่องด้วยการป้องกันภัยที่เข้มงวดและหนาแน่น แม้ว่าห้องคุมขังจะไม่มีซี่กรงขวางกั้นแต่ก็มีแผงเลเซอร์พาดผ่านเป็นกำแพงหนาที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นและทุกครั้งที่มีนักโทษพยายามหลบหนี สัญญาณเลเซอร์ก็จะทำงานและปล่อยกระไฟฟ้าให้ไหลปกคลุมล้อมรอบพื้นที่ห้องคุมขังเอาไว้

เบนจามินเดินอย่างกระฉับกระเฉงผ่านเส้นทางแคบๆภายในคุกลงมายังชั้นล่างสุดของเรือนจำ ห้องขังที่นี่ยังคงใช้ระบบเก่าดังเช่นเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมา มีระบบการป้องกันภัยที่สูง มีห้องน้ำและห้องนอนแคบๆ มีลูกกรงเหล็กล้อมห้องสี่เหลี่ยมติดกับผนังด้านหนึ่ง บรรดานักโทษต่างแง้มใบหน้ามองดูผู้มาเยือนด้วยแววตาดุดันราวกับเสือร้ายซึ่งจ้องเตรียมตะครุบเหยื่อ ตามช่องประตูต่างๆก็เต็มไปด้วยสองนัยน์ตาซึ่งเลื่อนจับมองเจ้าชายนาสเกียแห่งแกรนเตลไม่กระพริบ

ไม่นานนักพวกเขาก็เดินทางสู่ชั้นใต้ดิน บริเวณนี้มีกลิ่นอับชื้นและน้ำขัง บรรดาห้องขังว่างเปล่าไร้ซึ่งนักโทษ แต่มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังมาจากมุมหนึ่งของชั้นใต้ดิน บรรดาเหล่าทหารและชามัลลีต่างต้องมองหาต้นเสียงโดยไว

“พวกเขาอยู่ที่นั่น”เบนจามินบอกพลางเดินเลียบกำแพงไปจนถึงห้องขังแห่งหนึ่งซึ่งเปิดประตูทิ้งเอาไว้

ภายในมีพัศดีสองนาย คนหนึ่งถือแส้กำลังส่งเสียงขู่กรรโชกร่างซึ่งอาบไปด้วยเลือดของหญิงสาวซึ่งถูกตอกตรึงติดอยู่บนกำแพงในห้องขัง เธอร้องสลับหอบเสียงดังด้วยความเหนื่อยอ่อนเนื้อตัวสั่นเทา เสื้อผ้าสกปรก ผมเผ้ารุงรังสีดำสนิทนั้นปกปิดสีหน้าหวาดผวาของเธอเอาไว้จนหมดสิ้น

หญิงสาวปริศนาถูกแส้ฟาดนับครั้งไม่ถ้วน ลำตัวของเธอดิ้นเร่าเหมือนถูกไฟลน ปวดแสบปวดร้อนเจียนตาย ความทรมานทำให้เธอร้องโอดครวญกรีดเสียงจนปวดร้าวลำคอราวกับโดนน้ำร้อนลวก

“หลีกทางให้คุณชาย!”ทหารออกคำสั่งแล้วพัศดีทั้งสองนายจึงโค้งรับเดินถอยไปยืนที่มุมหนึ่งของห้องขังแล้วเจ้าชายของพวกเขาก็ย่างเท้าผ่านเข้ามาในกรงกักขังนักโทษแห่งนี้

“เธอคือมนุษย์เทียมคนที่คุณชายพูดถึง”นายทหารกล่าว

“อืม”มีเพียงแค่เสียงในลำคอของชายหนุ่มตอบเท่านั้น

หญิงสาวผู้โชคร้ายพยายามเหลือบมองคุณชายผ่านเส้นผมสกปรกซึ่งรกใบหน้าของเธอเอาไว้

ชามัลลีเองก็จ้องมองเธอตอบด้วยความแปลกใจ เขานิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะสะบัดหน้าเละเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ “ผมเคยเจอคุณมาก่อน คุณจำผมได้ใช่ไหม?”

อีกฝ่ายไม่ได้ตอบ ศีรษะของหญิงสาวสั่น สายตาเบิกกว้างมองชามัลลีอย่างตกตะลึง

ชายหนุ่มมองดูร่างเล็กๆซึ่งอาบไปด้วยเลือดของหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนที่นิ้วหยาบกร้านจะสัมผัสใบหน้าเย็นของเธอเบาๆ ครั้นแล้วชายหนุ่มจึงเชยคางขึ้นแล้วผมเผ้ารุงรังซึ่งปรกหน้าก็เลิกออก

... “ชะ ... ชา”

“ชู่ว”ชามัลลีทำท่าจุ๊ปากด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เขาเลื่อนมือลูบผมสีดำพันกันยุ่งเหยิงของเธอเบาๆ “ไม่เจอกันหลายปีแล้ว อย่ากลัว ... อย่ากลัวเลย”

ตัวของเธอสั่นระเทิ้ม แก้มเย็นๆเต็มไปด้วยคราบน้ำตา “ชามัลลี ...”

“อืม”เจ้าชายนาสเกียส่งเสียงขานแผ่วๆ เขาต้องอดทนฟังเสียงสั่นพร่าของหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขารู้ดีว่าเธอคือใครและเขารู้ดีว่าเขาควรทำเช่นไรกับเธอ

“เธอไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการวิจัยบนเกาะโดดเดี่ยวมุนเตียวเพียงสักอย่างเดียวหลังจากที่แทบบินส์พาเธอมาที่นี่ขอรับคุณชาย”พัศดีหนุ่มรายงาน

“แทบบินส์เจอเธอที่ไหน?”

“หมู่บ้านชนเผ่าไอม์ขอรับ”

“โกหกน่า”ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆขณะหันไปมองพัศดีทั้งสองซึ่งจ้องเขาตอบด้วยความกังขา “ฉันปล่อยเธอให้วิ่งเล่นในเมืองหลวงเมื่อเจ็ดปีก่อน เธอจะไปอยู่ที่หมู่บ้านไอม์ได้อย่างไร?”

“ดูเหมือนเกเบรียลจะเป็นคนพาเธอไปดูแลเองขอรับ”

ชามัลลีเลื่อนสายตามองทหารซึ่งยืนบริเวณประตูลูกกรงพลางเลิกคิ้วสูง “หัวหน้าชนเผ่าไอม์ทำอย่างนั้น?”

“แทบบินส์เจอเธอที่นั่นและชี้แจงกับเกเบรียลโดยตรงว่าจะพาเธอมาดูแลในเมืองหลวงขอรับ”

ได้ยินเช่นนั้นชามัลลีก็ส่ายหน้า เขาหันมาจับจ้องมองแววตาอันหวาดกลัว ตัวของหญิงสาวสั่นผวา “คุณได้ยินไหมว่าแทบบินส์พูดว่าอะไร? ไม่ต้องกลัว”

“ชะ ... ชะ ... ชา ชามัลลี”แววตาประหวั่นพอๆกับน้ำเสียงของเธอ หญิงสาวกลัวจนเธอหอบหายใจไม่หยุด

“คุณเคยเป็นผู้หญิงร่าเริงที่สุดเท่าที่ผมเคยพบบนเกาะโดดเดี่ยวมุนเตียว ตอนนี้คุณเปลี่ยนไปมาก ... แต่ก็นั่นล่ะ ... ความกดดันทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้”

หญิงสาวก้มหน้าหนีฝ่ามือซึ่งคอยประคองเอาไว้

“คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณไม่ใช่คน?”

หญิงสาวไม่ได้ตอบ เธอไม่ชอบคำถามนี้ ... เธอกำลังโดนดูถูกเหยียบย่ำ

“บอกผมหน่อยได้ไหม? เมื่อเจ็ดปีก่อนนักวิจัยวางแผนอะไรเอาไว้?”

เธอฝืนส่ายหน้า

“บอกผมดีกว่านะครับ ... ผมไม่อยากให้คุณต้องโดนลูกน้องของผมทำร้าย”เขากำลังขู่

หญิงสาวเหลือบสายตามองสองพัศดีแล้วจึงส่ายหน้า “ไม่ ... ไม่รู้ เรา ...”

“บอกผม”

เธอส่ายหน้าอีกครั้งแล้วน้ำตาก็ร่วงลงบนพื้นห้องซึ่งชโลมด้วยเลือดสีแดงข้น

ชามัลลีมองอีกฝ่ายนิ่ง รอคอยคำตอบ ... ทุกอย่างเงียบสนิทนานนับนาทีแล้วชายหนุ่มจึงเผยยิ้มบางๆ เขาเลื่อนนิ้วสัมผัสกลางหน้าผากของหญิงสาวผู้น่าสงสารจนทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว

จู่ๆเขาก็เลื่อนนิ้วมือออกก่อนจะใช้ปืนประกบบนหน้าผากของเธอแทน

“มะ ไม่! ... ได้โปรด!”หญิงสาวตะโกนพลางส่ายหน้ามองปลายกระบอกปืนในระยะเผาขน

“บอกผม”

“เราขอร้อง ร้องขอชีวิตต่อท่าน!”

“คุณรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นบนเกาะเมื่อนานมาแล้ว”

“ไม่ค่ะ ระ... เรา เราไม่ เราไม่รู้”หญิงสาวร้องไห้ออกมาจนเบ้าตาช้ำ

“เธออาจจะยังไม่สมบูรณ์พอ”ชามัลลีหันไปบอกกับลูกน้องของตนเองก่อนจะหันมามองดูหญิงสาวด้วยสีหน้าปวดร้าวใจ “บางครั้งชีวิตก็ไม่สวยหรูจริงไหม?”

“ได้โปรด ชามัลลี ... ฟังเราก่อน เราไม่รู้อะไรเลยค่ะ! เราไม่ได้โกหกคุณ! ชามัลลี!”

สีหน้าของชายหนุ่มยังคงสงบนิ่งขณะเหนี่ยวไกปืน

“คุณไม่ต้องกลัว”

“ชามัลลี ได้โปรดเถอะค่ะ!”

ชายหนุ่มฟังอีกฝ่ายพร่ำย้ำร้องขอชีวิตต่อเขาด้วยความอดทน

“รู้ไหม ผมอยากจะบอกอะไรแก่คุณอย่างหนึ่ง ... คุณไม่ควรจะเกิดมาเลย คุณไม่ควรจะเกิดเป็นมนุษย์เทียมเลยด้วยซ้ำ เพราะผมไม่เคยเห็นค่าของสิ่งที่เรียกว่าเครื่องจักรซึ่งคนอื่นสร้างคุณขึ้นมา” กล่าวจบชายหนุ่มก็กดโกร่งไก

“ชามั ...!”

ปัง!

จากคุณ : Pakkie Davie
เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 22:26:09 A:58.8.112.35 X: TicketID:318829




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com