ความทรงจำที่ถูกลืม(18+)-ตอน1 [PART1/2]
|
|
Vio Bli Sou: ความทรงจำที่ถูกลืม(18+)
เจ้าชายนา่สเกียแห่งแกรนเตลไม่เคยคิดหรอกว่าเขาจะต้องเห็นความสำคัญของสตรีนางหนึ่งซึ่งเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นจากการทดลอง ... สำหรับเขาแล้ว ... เธอเป็นแค่เครื่องจักรที่ใช้แล้วทิ้งเท่านั้น
บทนำ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12803648/W12803648.html
\\\\\\\\\\\\
Vio Bli Sou 1: ชามัลลี เยเรเอส[PART1/2]
ผมเป็นเจ้าชาย
แน่นอน ... ไม่มีใครเลยภายในแกรนติเนลไม่รู้จักผม
หือ? ... แกรนติเนลคืออะไรน่ะหรือ?
อย่าถามอะไรโง่ๆแบบนั้นสิ! ... มันก็หมายถึงโลกยังไงล่ะ!
ในภาษาแกรนเตลคำว่าแกรนติเนลแปลว่าโลก แกรนติเนลคือโลกที่ผมและประชาชาชนภายใต้การปกครองของผมอาศัยอยู่ ... ผมคงต้องย้ำอีกครั้งว่าแกรนติเนลคือโลกที่ผมอาศัยอยู่ เพราะผมเชื่อว่านอกเหนือจากแกรนติเนลแล้ว คงมีโลกคู่ขนานในมิติอื่นๆอยู่ในจักรวาลแห่งนี้ด้วยแม้ว่ามันยังคงเป็นปริศนาภายใต้ทฤษฎีและเงื่อนไขทางวิทยาศาสตร์ก็ตามที (ผมเชื่ออีกด้วยว่าแกรนติเนลอาจจะมีลักษณะบางอย่างแตกต่างจากโลกใบอื่นๆไม่ว่าจะเป็นทางด้านลักษณะภูมิประเทศ สิ่งมีชีวิตหรือแม้กระทั่งภาษา)
แล้วในแกรนติเนลมีกี่ประเทศล่ะ?
หึ ... นั่นก็เป็นอีกหนึ่งคำถามที่แสนจะงี่เง่าสิ้นดี!
ไม่มีหรอก ... แกรนติเนลไม่มีประเทศ เพราะฉะนั้น ... เมื่อผมบอกว่าผมเป็นเจ้าชาย ... ผมก็หมายความว่าผมเป็นเจ้าชายที่มีอำนาจเหนือบุคคลทุกคนบนโลกนี้ทั้งใบ เหล่าประชาราษฎรต่างให้ความยำเกรงต่อชื่อเสียงเกียรติยศของผมตลอดช่วงชีวิตที่ผมยืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้
เจ้าชายนาสเกียแห่งแกรนเตล
นั่นคือชื่อใหม่ของผม
ในปัจจุบันผมอาจจะเป็นเจ้าชายผู้สูงศักดิ์แต่อันที่จริงแล้วในอดีตผมเคยเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาผู้หนึ่งซึ่งมีชื่อว่าชามัลลี เยเรเอส ผมเกิดในตระกูลเยเรเอส ตระกูลของผมมีบทบาทสำคัญในการดูแลประชาชนทั่วทั้งแกรนติเนล โดยเฉพาะพ่อของผม(ชนาเดล เยเรเอส)ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปกครองโดยตรง เขาเป็นอดีตแกนนำของรัฐบาล เขาคือยอดฮีโร่ที่คอยปกป้องและคอยหาแสวงหาความเสมอภาคให้แก่ปวงชน ในขณะที่เพื่อนพ้องของพ่ออีกกลุ่มซึ่งทำงานในกลุ่มรัฐบาลด้วยกันพยายามคัดค้านแนวคิดของพ่อและหาโอกาสช่วงชิงความยุติธรรมไปจากประชาชน
เมื่อหลายสิบปีก่อนผู้ที่ได้ชื่อว่าเยเรเอสทุกคนถูกฆ่าล้างตระกูลเพียงเพราะความขัดแย้งทางความคิดของรัฐบาลสองฝ่ายแห่งแกรนติเนล (ดังที่ผมกล่าวไปแล้วว่าฝ่ายหนึ่งคือพ่อของผมส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็คือพวกที่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเอง)
เมื่อพ่อของผมเสียชีวิต หัวหน้ารัฐบาลฝ่ายที่ชิงชังพวกเราก็ได้รับชัยชนะและแต่งตั้งตนเองเป็นกษัตริย์ปกครองคนทั่วทั้งแกรนติเนล อำนาจที่มากล้นนำมาซึ่งความปรารถนาที่ไม่รู้จบสิ้นซึ่งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เหล่ารัฐบาลที่เคยน่าชื่นชมก็เปลี่ยนเป็นคนละคน พวกเขามีความคิดเลวทรามต้องการทำให้คนทั้งแกรนติเนลปฏิบัติต่อตนเยี่ยงทาส และจนถึงทุกวันนี้ ... ความคิดของพวกเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ผมเป็นเพียงผู้เดียวในตระกูลเยเรเอสที่มีชีวิตอยู่และได้รับการแต่งตั้งฐานะใหม่ที่มีอำนาจเหนือคนทั้งปวง
มันไม่ใช่สิ่งที่น่าปลาบปลื้มนัก ...
ผมไม่ได้อยากรอดชีวิต ... แต่ฆาตกรเลือดเย็นที่บุกเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลเยเรเอสและฆ่าพ่อแม่ของผมต้องการให้ผมมีชีวิตอยู่เพื่อโน้มน้าวให้ผมเชื่อฟังพวกเขาและใช้ประโยชน์จากความรู้ ความสามารถของผมเพื่อความสำเร็จของพวกเขา
ทำไมพวกเขาจึงต้องการผมน่ะหรือ?
ก็เพราะว่าผมเป็นคนที่มีความสามารถเกินวัย หลายคนเรียกผมว่าอัจฉริยะ เพราะผมสามารถแก้ปัญหาหลายสิ่งหลายอย่างที่แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้
ความอัจฉริยะของผมนี่เองที่ย้อนกลับมาทำร้ายผม ทำให้ผมต้องสูญเสียครอบครัวและญาติพี่น้องอีกทั้งต้องยอมรับตัวเองในฐานะลูกบุญธรรมของกษัตริย์องค์แรกแห่งแกรนติเนล
ก่อนการสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แห่งแกรนติเนล พระราชาลานิน เดอบีลเป็นหนึ่งในคณะรัฐบาล เป็นคนสนิทของพ่อของผมซึ่งภายหลังเกิดความขัดแย้งทางความคิดกับพ่อของผม ลานินและพวกพ้องของเขาจึงวางแผนกำจัดเสี้ยนหนามทุกคนในคณะรัฐบาลที่เห็นด้วยกับการกระทำของพ่อของผมออกไป
ชีวิตของผมจึงจบลงตั้งแต่อายุแปดขวบ อายุซึ่งผมเริ่มต้นเป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้น
ผมเก็บทั้งความเจ็บปวดและความโกรธของตนเองทั้งหมด เก็บภาพแห่งความโหดร้ายในอดีตกับการสูญเสียพ่อแม่และญาติพี่น้องทั้งหมดเอาไว้ในใจเพียงลำพัง คอยอดกลั้นต่อความรู้สึกชอกช้ำอันแสนทรมานเพื่อรอคอยให้วันหนึ่งความแค้นที่พอกพูนขึ้นในจิตใจได้ปะทุออก วันซึ่งผมต้องหาทางแลกความแค้นนั้นคืนต่อทุกคนที่ทำให้เส้นทางแห่งชีวิตของผมพังย่อยยับเช่นนี้
ความจริงในอดีตที่เกิดขึ้นทำให้ผมไม่เคยยอมรับตำแหน่งเจ้าชายนาสเกียแห่งแกรนเตลที่ลานินเป็นคนตั้งให้
ผมไม่เคยให้ความสำคัญกับฐานะใหม่ของตัวเองนับตั้งแต่วันที่ผมได้รับมันมา ไม่ว่าใครก็ตามที่คอยรับใข้ผมด้วยนามจอมปลอมนี้ ผมมักเพิกเฉยต่อความเคารพของพวกเขา
ความสะดวกสบายซึ่งได้รับตลอดมาภายในรั้วพระราชวังหลวงไม่เคยเติมเต็มความสุขให้แก่ผม
ไม่เคยเลย ...
ไม่เคยแม้เพียงสักครั้ง
คุณคิดอะไรอยู่?เสียงแหลมๆอันเคยคุ้นเรียกผมทุกครั้งที่ผมตกอยู่ในภวังค์ สายตาของผมจับจ้องมองถ้วยชานานนับครึ่งชั่วโมงโดยที่อีกฝ่ายซึ่งนั่งรับประทานอาหารอยู่ด้วยกันในห้องอาหารภายในพระตำหนักต้องเลิกคิ้วสูงมองอย่างสงสัย
เปล่าหรอก แอชลีย์ผมพยายามหลบสายตาของเธอเสียให้พ้น
คุณกำลังคิดถึงสิ่งที่พบในเรือนจำพิเศษเมื่ออาทิตย์ที่แล้วหรือเปล่า?
ผมส่ายหน้าแสร้งยิ้มให้กับสาวน้อยของผมอีกครั้งแล้วเธอก็เลิกตั้งคำถามก้มหน้ารับประทานอาหารต่อไปในขณะที่พี่เลี้ยงของเธอคอยเฝ้าปรนนิบัติรับใช้
หญิงสาวผมลอนกับดวงหน้ายิ้มแย้มภายใต้นัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นคือแอชลีย์ เดอบีล เธอเป็นหลานแท้ๆของพระราชาลานิน เดอบีลผู้ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของผม แม้ว่าผมจะเกลียดชังลานินแต่ผมก็ไม่เคยคิดเช่นนั้นกับแอชลีย์
อันที่จริง ... ผมรักเธอด้วยซ้ำ ...
เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแอชลีย์เกิดขึ้นนับตั้งแต่สมัยที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ในพระราชวังหลวงได้ไม่นานนัก
หลังจากที่ผมต้องสูญเสียครอบครัวของตัวเองไป ผมก็ต้องปรับตัวรับสภาพฐานะใหม่และบ้านหลังใหญ่หลังใหม่ ในตอนนั้นจิตใจของผมว่างเปล่า มีเพียงความมืดแห่งคำถามคลอบคลุมกายของผม ความหมองหม่นปกคลุมความคิดและชีวิตของผม ผมไม่เหลือใครเลยที่ไว้วางใจได้ มีเพียงความกลัวและความเคียดแค้นที่ฝังแน่นอยู่ในอกทุกครั้งที่ผมมองเหล่ารัฐบาลเดินเข้าเดินออกจากท้องพระโรงหรือห้องประชุม
ผมอาศัยในพระตำหนักซึ่งมีลูกหลานตระกูบเดอบีลบางส่วนเข้ามาพักอาศัยและหนึ่งในนั้นก็คือแอชลีย์ เดอบีล ช่วงหกเดือนแรกที่ผมอยู่ที่นี่ ผมไม่สนทนากับใครทั้งนั้นนอกจากตอบคำถามของลานินทำให้ลูกหลานตระกูลเดอบีลซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมไม่ชอบผมมากนัก คงจะมีก็เพียงแต่แอชลีย์ เดอบีลเท่านั้นที่เข้ามาสนทนากับผมและช่วยเหลือผม แม้ว่าหลายครั้งที่ผมจะดุด่าตวาดไล่ตะเพิดเธอด้วยคำพูดเจ็บแสบเพียงใดแต่เธอก็ยอมอดทนเพื่อให้โอกาสผมเสมอ ไม่นานนักเธอจึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม
แอชลีย์คือเพื่อนที่แสนดี คือสาวน้อยที่ผมคอยปกป้องตลอดเวลาที่อยู่ในเขตรั้วพระราชวัง ไม่ว่าผมจะเดินทางไปเยี่ยมสถานที่แห่งหนใดภายในแกรนติเนลพร้อมพระราชาลานินก็ต้องมีแอชลีย์คอยติดตามผมไปด้วยเสมอ
จากความเป็นเพื่อน ในที่สุดก็กลายเป็นคนรัก ...
จากคุณ |
:
Pakkie Davie
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ต.ค. 55 22:33:38
A:58.8.112.35 X: TicketID:318829
|
|
|
|