Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 17 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12761997/W12761997.html

บทที่ 17

สาวใจแตกประกาศความต้องการชัดเจนกลางโต๊ะอาหาร บรรยากาศที่กร่อยอยู่ก่อนก็ยิ่งระคายขื่นเหมือนว่าอาหารทุกจานถูกโรยหน้าด้วยกรวดเม็ดเป้ง ไม่กินก็ไม่ได้ ครั้นพอกลืนก็บาดคออีก

ณพนาลอบมองสีหน้าสงบของพ่อเลขาเนื้อทองแวบหนึ่ง เขานิ่งได้ใจดีจริงๆ แม้แต่พันศิลป์ก็ยังเผลอถลึงตาวาวอย่างเกลียดๆ ออกมาแวบหนึ่งเชียวล่ะ

"ได้ยินไหมคะ ทำไมทุกคนเงียบ"

พลิ้วแพรถามซ้ำ หล่อนนั่งลงด้วยมาดที่คิดว่าสง่างามไม่แพ้พี่สาว เมื่อครู่ตอนลุกขึ้นประกาศ ก็ผยองว่ามาดสวยอยู่นะ แต่อย่าเดินเข้าไปในหัวใจของตรงฉัตรเชียว เพราะหล่อนอาจจะหลุดมาดที่ปั้นอยู่ทันที ด้วยว่าได้ยินชายหนุ่มแอบติเตียนว่า 'ดัดจริต'

"พี่ตรง ได้ยินที่พลิ้วประกาศหรือเปล่าคะ ทำหูตึงหรือทวนลมไม่ได้อีกแล้วนะ พลิ้วยอมมามากแล้ว ว่ายังไง" หล่อนเขย่าแขน ทำให้พ่อหนุ่มต้องวางช้อนวางส้อม

"ได้ยินครับ นั่งกันอยู่สี่คนเอง แล้วคุณพลิ้วก็แหกปากออกอย่างนี้ แม่บ้านกับสาวใช้ในครัวก็ยังได้ยินเลย"

"พี่ตรง อย่ามาว่าพลิ้วอย่างนี้นะคะ นี่พลิ้วอุตส่าห์.. "

"ก็ถ้าในความคิดมันมีแค่อุตส่าห์ คุณพลิ้วก็ไม่ต้องลำบากฝืนใจหรอกครับ" ตรงฉัตรแทรกเสียงเรียบ "เพิ่งกลับมาเองไม่ใช่หรือ พักผ่อนให้หายเหนื่อยสักหลายวันก่อนดีไหม"

"เอ๊ะ พี่ตรงพูดอย่างนี้.. "

"ผมแนะนำให้โทรหาเพื่อนสนิท ชวนกันไปเที่ยวต่างจังหวัด เดินซื้อหาข้าวของตามห้างใหญ่ๆ มันน่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมที่เข้าท่ากว่า"

"พี่ตรง" สาวสวยใจแตกหงุดหงิดหันรีหันขวางก็ตีแขนหนุ่มปากเปราะไปหนึ่งเผียะ แล้วหันไปตะคอกพี่สาว "พี่นาฟังนะฟัง นี่พี่นาปกครองคนยังไง ปล่อยให้มาลอยหน้าอบรมสั่งสอนพลิ้วแบบนี้ พี่ตรงนี่น่าตบจริงๆ "

"แต่มันก็จริงตามที่นายตรงพูดนะ พี่เห็นด้วย"

ณพนาทำใจไม่ถือสากิริยาก้าวร้าว แม่ยอดชู้เกรี้ยวกราดทุบโต๊ะจนช้อนจานกระเด้ง แล้วกระแทกนั่งโครม ขาเก้าอี้ไถลนิดๆ จนเกิดเสียงกุกกัก

"เห็นด้วยยังไง" แม่น้องสาวแว้ดอีก แล้วค่อยหรี่ตาไม่พอใจ "อ้อ หรือคิดจะกีดกัน นี่หมายความว่าพี่นารังเกียจพี่ตรงหรือ แหม พี่พันเดาถูกเผงเลย"

เจ้านายเลขาเหลือบขวับไปจับกรอบหน้าหล่อระบายยิ้มละไมพร้อมเพรียงโดยไม่ต้องนัด ค่อยเข้าใจแจ่มแจ้งว่าที่พลิ้วแพรกระตือรือร้นอยากไปทำงานที่บริษัท ซ้ำยังเจาะจงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาเนื้อทองเสียด้วย มันมาจากแรงยุยงชั่วๆ ของชายชั่วๆ นั่นเอง

ตรงฉัตรรีบใคร่ครวญว่องไวตามประสาหนุ่มคิดเยอะ มาเฟียใจผู้หญิงคงเปลี่ยนแผนกะทันหันกระมัง

เพราะตอนแรกคล้ายจะเผยความตั้งใจควงน้องสาวไปเสนอผู้มีอิทธิพลและนักธุรกิจใหญ่ หวังจะเล่นเกมกระตุกใจพี่สาวให้กระวนกระวายเล่น แต่คืนวานนี้ คงฉุกคิดและไหวตัวทันละสิว่ากำลังหันเหเป้าหมายเล่นงานมาที่เขาต่างหาก

"โอ๊ะ อะไรกันเล่าสาวสวยก็ มาโยนบาปให้พี่แบกแบบนี้ไม่ไหวนะ" พี่เขยทำทีเย้าแหย่ใส่แสงตาชื่นชมของสาวสวยหน้าโง่ "พี่ก็แค่ตั้งข้อสังเกตเอง"

"ข้อสังเกตอะไร" ณพนากระชากเสียง

"อ้าว ก็มันจริงไม่ใช่หรือ คุณเลขาน่ะ กำพืดเป็นมายังไงก็ไม่มีใครรู้ จู่ๆ ก็โผล่มา แม้ว่าจะมาอยู่ได้ไม่นานก็ได้ดิบได้ดีพรวดๆ ก็เถอะ แต่คนที่รู้ที่มาที่ไปของเขาดีที่สุดก็ต้องยอดรักของผมนี่แหละ จริงไหมจ๊ะทูนหัว"

ณพนาขยะแขยงทั้งรอยยิ้มกรุ้มกริ่มกับมือใหญ่ที่ทับแหมะหลังมือเล็ก หล่อนอยากกระตุกออก แต่ก็เกรงใจแววตาวาวๆ ของน้องสาว ถ้าทำอย่างนั้น แม่ยอดชู้อาจนึกสงสัยเอาก็ได้

บ้าจริงๆ นี่หมายความว่าที่ตรงฉัตรเตือนๆ อยู่หลายครั้ง มันไม่ใช่การคิดมากเกินเหตุของเขาเสียแล้ว หล่อนเองที่น่าจะเชื่อและหาทางรับมือไว้บ้าง

"ฉันไม่ใช่คนอย่างนั้น" หล่อนพยายามควบคุมเสียงให้ปกติที่สุด ให้แม่ยอดชูรู้สึกได้ว่าภรรยากำลังคุยกับสามี

"ผมรู้" พันศิลป์ลากเสียงยั่ว ประกายตาสกปรกก็ยั่ว "ยอดรักของผมเป็นคนยังไง ทำไมผมจะไม่รู้เล่า โดยเฉพาะลีลาภาษารักของคุณ มันยอดเยี่ยมที่สุด ผมถึงได้หลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่นี่ไงล่ะ"

จูบน่าสะอิดสะเอียนพรมทั่วมือเล็กอย่างท้าทาย ณพนาเดือดดาลในอกพลุ่งพล่าน รู้สึกหน้ามืดและตาพร่าด้วยแรงโทสะจัด อยากสะบัดมือหนี แล้วตอบโต้ด้วยตบร้อนสักสี่ห้าฉาด

"ถ้าอย่างนั้นก็หมดปัญหา พลิ้วจะทำงานเป็นผู้ช่วยพี่ตรงสักสองสามเดือนตามที่พี่พันแนะนำ แล้วค่อยจัดงานแต่งงาน หยุด" หล่อนลุกยืนแล้วชี้กราดทั้งพี่สาวกับเลขาหนุ่ม "ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว พลิ้วคิดมาอย่างดีอย่างรอบคอบแล้ว ไม่จำเป็นต้องโต้แย้งอะไรอีก"

"แต่มันเร็วไปนะ พี่คิดว่า.. "

"บอกแล้วยังไงเล่าว่าพลิ้วคิดมาอย่างดีอย่างรอบคอบแล้ว หรือพี่นาจงใจขัดขวางความรักของพลิ้ว เพราะรังเกียจว่าฐานะของพี่ตรงต่ำต้อยกว่าเรา"

"น้อง"

"อย่ามาโง่น่าพี่นา นี่มันยุคเหยียบดาวอังคารแล้วนะคะ จะมาคิดแยะกับเรื่องยศเรื่องศักดิ์ไปทำไม เอาตามนี้แหละ ดีเท่าไหร่แล้วที่พลิ้วยอมทอดเวลาตามที่พี่พันแนะนำ ไม่อย่างนั้นจะแต่งเสียวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำ"

"แนะนำอะไร" ณพนาเผลอถามเสียงกระด้าง

"ก็แนะนำว่าให้พลิ้วทำงานสักสองสามเดือน ให้คนทั่วไปได้ชินหูชินตาว่าพลิ้วเป็นคู่รักคู่ควงของพี่ตรงไงคะ ตอนแต่งจะได้ไม่ต้องรกหูกับพวกปากหอยปากปูที่ค่อนขอดนินทา"

"ช่างหวังดีจริงๆ " ณพนาหันกลับไปแดกดันเสียงชิงชัง

"แน่อยู่แล้ว" ศัตรูสามีก็รีบน้อมรับกลั้วยิ้มยียวน "ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการจัดงานแต่ง พี่เขยคนนี้ก็แบอกแบกรับนะจะบอกให้ แถมตั๋วเครื่องบินให้บินปร๋อไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ทั่วยุโรปหรือที่ไหนก็ได้ที่อยากไป"

"อะไรนะ"

"ยังไม่หมดเท่านี้นะครับที่รัก พี่เขยใจดียังปิดฉากวิวาห์หวานด้วยเช็คของขวัญที่สุดสวยคนดีสามารถกรอกได้เองตามใจชอบอีกหนึ่งฉบับ"

"ไอ้.. "

"เฮ้อ พี่เขยสุดประเสริฐแบบผม ทั่วสามโลกกว่าจะหาเจอก็อาจจะสักสิบชาติถึงจะมีโผล่มาสักคน จริงไหมทูนหัว"

"จริงค่ะ พี่นาโชคดีที่สุดเลย ไม่เสียแรงที่พลิ้วออกโรงสนับสนุนร่วมกับคุณพ่อแบบสุดตัวสุดโต่ง เป็นยังไงล่ะ" น้องสาวแย่งตอบแล้วก็ยังไม่หนำใจ อุตส่าห์หันกลับมาค่อนขอดกระแทกใจช้ำพี่สาวให้ยิ่งช้ำลึก "คราวนี้ซึ้งใจได้หรือยัง"

"พี่ไม่เข้าใจว่าน้องพูดเรื่องอะไรอีก"

"จะเรื่องอะไร ก็เรื่องเก่ามาเล่าใหม่ จำไม่ได้หรือว่าตอนก่อนจะแต่งน่ะ พี่นาลีลาขัดขืนเยอะแค่ไหน  ปฏิเสธอย่างนี้คอเป็นเอ็นเชียว อ้างว่าพี่พันไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ เชอะ"

"น้อง หยุดนะ"

"ทำไม อายละสิ อุ๊ย ไม่ต้องอายหรอกค่ะ พลิ้วไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย แค่ยอมรับว่าฉลาดน้อยกว่าพลิ้วกว่าพ่อก็พอแล้วละค่ะ"

"น้อง"

"เฮ้อ" น้องสาวยังปากไม่มีหูรูดและสบประมาทพี่สาวอย่างเพลินต่อไป "ไอ้ที่คนเขาชมๆ ว่าพี่นาเป็นสาวฉลาดตาแหลมสมองคมอะไรนั่นน่ะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งเพ อย่างพี่นาน่ะ เป็นได้แค่สาวตาไม่ถึงเท่านั้นแหละ เชอะ"

พันศิลป์ยิ้มในหน้าแต่ก็เจือด้วยอารมณ์กระหยิ่ม มันช่างเป็นเวรเป็นกรรมโดยแท้  ณพนาไม่น่ามีน้องสาวสมองกลวงตาถั่วแบบนี้เลย

มันเป็นโชคร้ายของหล่อน แต่มันเข้าทางเกมสยบนางพญาของเขา เอาสิ เขาจะดูต่อไปว่านับจากวันนี้ ภรรยากากีจะงัดอะไรขึ้นมาแข็งข้อกับเกมร้ายที่ไม่มีวันพลิกได้อีก

ใช่ เกมนี้ต้องไม่มีวันพลิก ชัยชนะมันเทมาทางเขาเห็นๆ อยู่แล้ว และวัดได้จากเสียงหัวเราะเยาะแหลมๆ ของพลิ้วแพร กับกิริยายักไหล่ดูแคลนที่แสดงใส่พี่สาวอย่างโอหัง กับการนิ่งและเฉยของแม่พี่สาวที่รักน้องสาวแบบหมดจิต และกับการปลีกตัวไปอย่างเงียบๆ ของ 'เลขาเนื้อทอง'




พลิ้วแพรว่าที่ผู้ช่วยเลขาเนื้อทองบินปร๋อออกไปเฉิดโฉมอวดปีกนางฟ้ากับเพื่อนสาวกรี๊ดกร๊าดที่ไหนสักแห่งแล้ว ในขณะที่สามีภรรยาคู่ศัตรูกับอีกหนึ่งคนนอกกำลังประจันหน้าเพื่อต่อรองแพ้ชนะกันอย่างเคร่งเครียดในห้องทำงาน

"ถามจริงๆ เถอะ ไม่อยากเห็นรอยยิ้มของแม่ยอดชู้อีกแล้วใช่ไหม ถ้าเธอยืนยันอย่างนั้น ฉันจะเลิกเกมไม้นวม แล้วดึงเกมโชกเลือดมาท้าทายแทน"

"ไอ้สารเลว แกมันไม่ใช่ผู้ชาย ไม่เคยต่อสู้กับใครด้วยวิธีที่ขาวสะอาด อย่างแกไม่น่าจะมีคนยกย่องให้เป็นมาเฟียได้ ถ้าแกไม่มีอิทธิพลเดิมของผู้ใหญ่รุ่นเก่าๆ คอยค้ำคอยยันเอาไว้ ไอ้ทุเรศ ไอ้:-) ไอ้.. "

"อย่า"

ตรงฉัตรไม่เสียงแข็งเข้มแต่ปาก หุ่นเพรียวปราดไปขวางพร้อมกับตะปบมือใหญ่ที่ยื่นมาหมายตบหน้าเจ้านายสาวใหญ่ด้วย

ทำไมถึงยอมรับความจริงไม่ได้เล่า เจ้าชีวิตของเขาด่าไม่ผิดสักคำไม่ใช่หรือ ลูกผู้ชายจริงๆ ต้องไม่ลงมือทำร้ายผู้หญิงที่อ่อนแอกว่าสิ จริงไหม

"อ้อ ไอ้แมงดาเดือดร้อนหรือ กลัวปีกทองจะหักหรือยังไง"

"คุณหยาบคายได้เต็มที่ ลับหลังผมจะตบตีคุณนา หรือจะข่มเหงย่ำยียังไง ผมก็จนใจที่ไม่มีโอกาสได้รู้ได้เห็น แต่ต้องไม่ใช่เวลานี้ ผมไม่นิยมการใช้กำลังหรอกครับ แต่ถ้าคุณตบคุณนาต่อหน้าผม หน้าคุณจะยับเพราะผมจะฟาดด้วยเก้าอี้ แล้วอาจจะซ้ำด้วยโทรศัพท์กับโน้ตบุ๊กบนโต๊ะนี่แหละ"

"ไอ้แมงดา" พันศิลป์ตะคอก ตาลุกวาวด้วยโทสะ

"คุณเป็นมาเฟียใจผู้หญิง คุณโหดเหี้ยม คุณสั่งฆ่าคน คุณมีลูกน้องที่คอยรับบัญชา ไม่ว่าคุณจะเคยแสดงความเก่งออกมากี่ครั้งแล้วเพื่อตอกย้ำว่าคุณมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะครอบครองอำนาจ ผมอยากเห็นเฉพาะวันนี้ ลองดูก็ได้"

พันศิลป์พลันผุดยิ้มเกรียมขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อครู่นี้เขาโกรธมาก เพราะไอ้แมงดาปีกทองบังอาจมาข่มขู่ ช่างไม่เจียมตัวเสียบ้างว่าเป็นแค่ไอ้ชายขายตัว

ต่อให้เขาเป็นมาเฟียใจผู้หญิงแล้วยังไงหรือ มีแต่ผู้หญิงไม่ใช่หรอกหรือที่แถแร่มาขายตัวให้เขาเชยชม นี่ต่างหากคือกฎแท้จริงของผู้ชายที่โลกต้องยอมรับ

แต่ก็เอาเถอะ อีกฝ่ายก็ตระหนักดีอยู่แล้วนี่ว่าเขาเป็นยังไง ไม่อย่างนั้น ก็คงจะไม่ร่ายคุณสมบัติของเขาได้ละเอียดยิบขนาดนั้น

จะเล่นเกมให้ศัตรูแค้นแทบกระอักเลือด มันต้องเย็นให้ถึงจุดเยือกแข็งโน่นล่ะ โดยเฉพาะกับไอ้ชายชู้ชั่ว เขาจะไม่เอาชนะด้วยความโกรธหรอก เพราะอีกฝ่ายก็ใช้วิธีนั้นมาต่อสู้กับเขาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

"เอาล่ะ ขอโทษก็ได้" แล้วเสียงยียวนก็ค่อยๆ โปรยออกมา คนโปรยก็ยักไหล่แสยะยิ้ม ยั่วยุด้วยคำหวานกรุ้มกริ่มให้ฝ่ายตรงข้ามคลั่ง "คงไม่ตกใจมากเกินไปหรอกนะทูนหัว"

"ไอ้เลว" ทูนหัวก็ตั้งมั่นขอด่าอย่างเดียวเลย

"ใช่ เธอเลวจริงๆ " พันศิลป์สวนกลับทันควัน "แต่ก็อย่างว่าละนะ ลองว่าไม่เลวละก็ คงทำอย่างที่เธอทำไม่ได้ ส่วนไอ้ชายชู้วัยละอ่อนของเธอ ถ้าไม่เลวด้วย ก็คงฉึกฉักตุบตับกันได้ไม่ยืนยาวมาจนถึงวันนี้"

"ไอ้พันศิลป์ ไอ้สกปรก ไอ้.. "

"ฟังให้ดี"

พันศิลป์ยิ้มกริ่มใส่แสงตากร้าวปนแค้น โอ้ หุ่นเก๋ในชุดสวยกำลังสั่นเสียด้วย ดีแล้วล่ะ โกรธให้กระอักเลือดไปเลย ให้เขาเห็นว่าเลือดนางกากีมันสีอะไร ระหว่างสีร่านกับสีชั่ว

"ฉันให้เวลาสามเดือนนี้แหละ มีสองทางให้เลือก หนึ่งคือยอมรับข้อกล่าวหา เธอมีชู้ และชายชู้ก็เป็นเด็กในบ้านของเธอเอง เราจะหย่ากันเงียบๆ "

"แก.. "

"ไม่ดีหรือ จะได้ไม่ต้องมีพยานมาร่วมปรบมือยินดีกับชัยชนะของฉัน จากนั้น ก็ค่อยหันไปถ่มน้ำลายประณามหญิงชั่วสวมเขาให้สามีแสนดี" เสียงกดดันเยาะหยัน มันช่างทุ้มซึ้งฟังเพราะพริ้งหูดีจริงๆ

"แก.. "

"สอง ถ้าไม่เลือกข้อแรก ก็ต้องใช้หนี้มาให้หมดภายในสามเดือนนี้แหละ ฉันให้เวลาได้เท่านี้ หากเลยกำหนด เธอจะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่แม่ยอดชู้"

"แก ไอ้พันศิลป์ แก.. "

"คงเข้าใจดีแล้วนะว่าทุกวันนี้ ในสายตาและในหัวใจของแม่ยอดชู้สมองกลวงของเธอ ฉันคือพี่เขยน่าบูชาแค่ไหน ปรนเปรอเงินทองให้ไม่อั้น อยากจะหอบไปผลาญถลุงที่ไหนเมื่อไหร่เท่าไหร่ ฉันก็ไม่เคยกั๊ก"

ณพนาบดกรามจนหน้าสั่น หล่อนหันหลังให้สามีชั่ว พยายามสูดหายใจลึกหลายครั้งกับเหลียวไปมองเลขาเนื้อทองที่คุมอารมณ์สุขุมได้อย่างน่าทึ่ง

หล่อนต้องทำอย่างนั้นใช่ไหม ลมพัดไหวต้องตรึงร่างให้มั่นคง อย่าเผลอไปโอนอ่อนปลิวไปตามวิถีผลักพัดของมัน แต่ดูสิ เสียงถากถางท้าทายของศัตรู มันยังไหลครืนไม่หยุดเลย

"ณพนา ฉันไม่ได้ใจดีหรอกนะ เพราะทุกบาททุกสตางค์ที่สูญเสียไป ฉันลงบัญชีไว้อย่างละเอียด เธอในฐานะพี่สาวต้องชดใช้แทนพร้อมดอกเบี้ยตามที่มาเฟียใจผู้หญิงคนนี้กำหนด และ.. " เสียงเพราะพริ้งเว้นวรรคหมายกระชากใจคนฟัง "ต้องภายในสามเดือนนี้เท่านั้น"

ตรงฉัตรตรึงความขรึมได้อย่างมั่นคงเมื่อคนพูดหยุดระรานเจ้าชีวิต แล้วย้ายมายิ้มเย้ยดูแคลนเขาบ้างแล้ว ซ้ำยังเดินหน้ามาหยุดห่างสองก้าว ล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยมาดยียวน จากนั้นก็พ่นวาจาเปื้อนพิษออกมาว่า

"ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าชายชู้สิ้นคิดที่ขายตัวแลกกับความสุขสบายใต้ชายกระโปรงผู้หญิงอย่างนายจะประคองถังข้าวสารรั่วๆ ถังนี้ไว้ยังไงไม่ให้ล้ม แล้วไอ้ความสุขที่พอมีเหลือให้นายกอบๆ ตวงๆ มันก็ไหลไปจมทะเลพยาบาทของฉันเกลี้ยง นายจะตกอับเป็นได้แค่แมงดาปีกทองล่อน ไอ้หนูสกปรกที่ต้องย้ายกลับไปซุกในรูรังอัตคัดตามเดิม"

"แล้วถ้าคุณไม่ลืมเสียก่อน คุณก็ต้องจำได้ด้วยว่าถังข้าวสารมันรั่วอยู่ก่อนแล้ว คุณนาเพิ่งจะไปรับช่วงมันมา แล้วพยายามซ่อมแซมทุกวิถีทาง มันคงกลับมาเป็นถังที่สมบูรณ์ได้เหมือนเดิมตั้งนานแล้ว ถ้ามาเฟียอย่างคุณไม่ลอบกัด ส่งคนมาเจาะรูให้รอยรั่วมันเพิ่มมากขึ้น"

"อ้อ เป็นความผิดของฉันเสียด้วย"

"ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ"

"อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นความผิดของ.. "

"เป็นความผิดของคุณนา" ตรงฉัตรสวนออกไปก่อนเลย "เธอสวย เธอเหมือนนางพญา เธอไม่ก้มหัวให้คุณ แล้วเธอก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธคุณ ด้วยการประกาศว่าจะไม่แต่งงานกับคุณ"

"ตรงฉัตร" พันศิลป์หน้าแดง เนื้อแก้มมันเห่อร้อนฉ่าๆ ขึ้นมาเลย ฝ่ายตรงข้ามกำลังทิ่มแทงปมแค้นของเขาอยู่นะ

"เหตุผลที่เธอบอกคุณก็คือเธอเกลียดคุณ เพราะคุณเป็นคนเลว เธอถูกคุณท่านตบหน้าเพราะก้าวร้าวต่อคุณ แต่เธอก็ยังประกาศดังๆ ว่าคุณเป็นคนเลว และเธอก็เกลียดคนเลวอย่างคุณ ให้ตายก็จะไม่แต่งงานกับคุณเด็ดขาด"

"แต่ก็แต่งนี่"

"เพราะคนเลวอย่างคุณใช้ความตายของคุณท่านมาเอาชนะเธอ เหตุผลที่เธอยอมแต่งงาน หนึ่งเพราะเธอกตัญญูต่อพ่อของเธอ อีกหนึ่งเพราะเธอรักและเป็นห่วงคุณพลิ้ว ไม่อยากให้น้องสาวต้องเสียคนเพราะโดนคนเลวอย่างคุณล้างสมอง และชักนำไปในทางที่ผิด"

ตรงฉัตรละเว้นประโยคที่อยากพูดที่สุดว่า 'ทั้งที่ความจริง คุณพลิ้วเสียคนเพราะนิสัยไม่เอาถ่านของตัวเองอยู่แล้ว' เขาซึ้งใจดีว่าประโยคนี้ มันแหลมกับคมเกินไป พี่สาวแสนดีได้ยินแล้วก็คงเจ็บปวด เพราะพอเขาพูดจบ มันก็จะปรี่ไปทิ่มกับกรีดหัวใจหล่อนทันที

"นายนี่มันปาก.. "

"คุณก็ฟังเอาไว้ให้ดี ทั้งหมดนี้คือไพ่ในมือเรา ไม่มีใครเคยรู้เลยไม่ใช่หรือ ผมกับคุณนามีหลักฐานทุกอย่างที่จะแฉกลับได้ เราจะทำเมื่อเราแน่ใจว่าตรอกมันไหลชนหลัง"

"ไอ้ระ-YAMเอ๊ย"

"คุณไม่ต้องบีบคั้นคุณนาให้รีบชดใช้หนี้ภายในสามเดือนนี้หรอก เพราะถ้าคุณทำให้ผมยอมรับข้อกล่าวหาได้สำเร็จ คุณนาก็คงต้องยอมหย่าเงียบๆ ตามที่คุณต้องการเอง แล้วเมื่อคุณได้ในสิ่งที่ต้องการ เศษหนี้สินกระจอกๆ แค่นี้ คุณคงไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว"

"ไอ้แมงดา"

"เกมนี้มีผมเป็นผลลัพธ์ ตอนคุณเปิดเกม คุณก็จ้องลู่ทางสายนี้เอาไว้ก่อนแล้วนี่ แล้วคุณเองก็รู้มาตั้งแต่แรกว่าผมดูออก ผมรู้ทัน ไม่อย่างนั้น คุณก็คงไม่ส่งคุณปัญปัทม์มาประกบเพื่อบีบคั้นให้ผมหมดความอดทนหรอก จบได้หรือยังครับ"

จบสิ ขืนให้ยืนฟังต่อไป ขันติที่ยื้อขึงจนอารมณ์เกร็งคงขาดผึงแล้วปรี่ไปต่อยปากไอ้แมงดาปีกทองเลือดกบฟันร่วงแน่ๆ มันจะพลอยทำให้เสียมาดมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ไปด้วย

พันศิลป์จำต้องสะบัดหน้าแล้วกลับออกไปจากห้องทำงานสวยของณพนา โดยไม่ลืมหอบความแค้นในวันนี้ไปโปะกับของเดิมที่พูนสูงอยู่แล้วให้สูงขึ้นอีกนิด

และหลังสิ้นเสียงประตูกระแทกปิดดังโครม ถ้อยอาฆาตของพันศิลป์ก็พลันกู่ก้องเต็มห้วงทรวงที่แน่นไปด้วยหมอกควันพยาบาทว่า

'ไอ้แมงดาระ-YAMเอ๊ย แกคอยดูเถอะ วันที่หน้าของแกฟุบลงมาเกยรองเท้าฉันเมื่อไหร่ ฉันจะให้แกลิ้มรสของการตายที่ก่อนตายมันทารุณสยดสยองจนไปเกิดชาติหน้าแล้วแกก็ยังไม่ลืม ไอ้ระ-YAMเอ๊ย ไอ้ตรงฉัตรระ-YAM'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 55 17:34:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com