Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คนเฝ้าหนังสือ ตอนที่ 7 ติดต่อทีมงาน

ฟูล จัดหนังสือจำนวนมากมายที่กองอยู่ภายในร้านอย่างไร้จุดหมาย เขายกพวกมันบางส่วนออกมา แยกพวกมันออกจากกัน ก่อนย้ายไปไว้ตามที่ต่างๆ ไม่มีทางที่เขาจะจัดเรียงหนังสือทั้งหมดนี้ให้เป็นระเบียบอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ บางทีการทิ้งพวกมันเอาไว้อย่างนั้น อาจเป็นสิ่งดีที่สุดแล้วก็เป็นได้

เพียงแต่เขาต้องหาอะไรทำบ้าง 'สิบสองคน' นั่นเป็นจำนวนลูกค้าที่เดินผ่านประตูเข้ามาทั้งหมดตั้งแต่ย้ายร้านมายังสถานที่แห่งนี้ รวมถึงลูกค้าพิเศษคนนั้นด้วย

'เด็กผู้ชายที่มีชื่อว่า พอ'

เขาหยิบเล่มขนาดเหมาะมือขึ้นมาเล่มหนึ่ง พลิกมันไปมา มองสำรวจดูทั่วๆ ทั้งปกหน้า สัน ปกหลัง รวมถึงการเข้าเล่ม แต่สิ่งสำคัญที่สุดยังคงเป็นเนื้อหาที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายใน 'หนังสือ' พวกมันเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด ไม่รู้ว่ามนุษย์เป็นผู้ก่อกำเนิดพวกมันขึ้นมา หรือว่ากลับกัน เป็นพวกมันต่างหากที่เป็นฝ่ายให้กำเนิดมนุษย์กันแน่

แน่นอน เขาไม่ได้หมายถึงหนังสือเล่มที่กำลังถืออยู่ในมือ หรือเล่มไหนๆ ไม่ได้หมายถึงหนังสือที่สามารถพบเจอได้ทั่วไป พวกมันเป็นเพียงแผ่นกระดาษพิมพ์ข้อความที่ถูกนำมารวมกันไว้ภายใต้ปกเท่านั้น แต่เขากำลังหมายถึง 'หนังสือ' จำนวนหนึ่ง ซึ่ง 'อาศัย' อยู่ภายในร้านแห่งนี้

'หนังสือ' ที่มีรูปกายภายนอกเหมือนกับหนังสือทั่วไป แต่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เหมือนกับการนำหุ่นขี้ผึ้งไปเปรียบเทียบกับมนุษย์มีชีวิตที่เป็นเจ้าของเรือนร่างที่มันลอกเลียนแบบมา 'ไม่ใช่สิ' มันคงเหมือนกับการนำเอาหุ่นขี้ผึ้งของมนุษย์ไปเปรียบเทียบกับ ยอดมนุษย์ หรือเทพเจ้ามากกว่า

'หนังสือแท้' ก็เหมือนกับเทพเจ้าพวกนั้นนั่นเอง

แต่ หนังสือแท้ ก็เกี่ยวพันกับหนังสือเล่มอื่นๆ อย่างไม่อาจแยกจากกันได้ เพราะนั่นเป็นช่องทางหนึ่งที่พวกมันจะถูกเล่าขานออกไป พวกมันจึงอาจนับเป็นต้นกำเนิดแห่งหนังสือทั้งมวล

เขาไม่เคยแน่ใจ ไม่เคยรู้ว่ามี หนังสือแท้ อยู่ทั้งหมดกี่เล่มกันแน่ แม้แต่ในตอนนี้ บางทีพวกมันอาจกำลังทวีจำนวนเพิ่มขึ้น หรือลดลง ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานอยู่ในร้านหนังสือแห่งนี้มาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม 'นาน' เขาส่ายหน้า นั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยแน่ใจเช่นกัน 'เวลา' มันเป็นเพียงสิ่งที่ไม่มีตัวตนสำหรับเขา หรือใครก็ตาม ที่ต้องติดอยู่ภายในห้องหนังสือซึ่งท่องไปตามสถานที่ต่างๆ ช่วงเวลาต่างๆ หรือแม้แต่มิติต่างๆ เช่นนี้

มี หรือเคยมี และจะมี ร้านหนังสือนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าหนังสือจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปอย่างไร แต่พวกมันจะยังคงทำหน้าที่เพียงหนึ่งเดียวอย่างไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือการบอกเล่าถึง หนังสือแท้ นั่นเอง

ความคิดที่ถูกถ่ายทอดลงสู่ตัวอักษร ภาพวาด ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว เสียงเพลง บทกวี หรืออะไรก็ตาม ที่สามารถส่งต่อพวกมันไปยังอีกคนหนึ่ง หรืออีกหลายคน เพื่อสืบทอด เพื่อวิวัฒนาการ พวกมันจะค้นหา และพวกมันจะได้พบเจอ ใครคนนั้นที่จะสามารถบอกเล่าพวกมัน ด้วยความแตกต่าง ด้วยความเหมาะสม ด้วยองค์ประกอบ ด้วยวิธีการใหม่ๆ อีกครั้ง

คนเหล่านั้นจะรับรู้ถึงบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบาย มันจะผลักดัน หลอกล่อ จนบางครั้งอาจถึงกับบีบคั้น ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ พวกเขาจะบากบั่นเพื่อถ่ายทอดพวกมันออกไป ด้วยเข้าใจว่าทั้งหมดนั้นเป็นความต้องการของตนเอง

หนังสือแท้ พวกนี้มีชีวิต นั่นคือความพิเศษ เขาตัวสั่น และความน่ากลัวของพวกมัน แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะเขาเป็นเพียงสิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่พวกมันต้องการให้เขาเป็น

เขาคือ ฟูล ชายที่เป็นเพียง 'คนเฝ้าหนังสือ' เท่านั้นเอง

#####

เช้าวันนี้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่พื้นที่บางส่วนของชั้นล่างซึ่งถูกดัดแปลงให้กลายเป็นที่พักฟื้นของคุณยาย เพื่อไม่ให้ท่านต้องเดินขึ้นลงบันไดซึ่งทั้งเหนื่อย และเสี่ยงกับการได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่แค่การที่เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งที่เป็นวันหยุด แต่พวกเขากำลังยืนอยู่หน้าบ้าน รอคอยเพื่อตักบาตรด้วยกันทั้งครอบครัว

มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ของพวกนี้ดูไม่ค่อยน่ากินเลย” คุณยายบ่นเบาๆ ในขณะยกถุงใส่กับข้าวสำเร็จขึ้นมาดูใกล้ๆ

สองพ่อลูกยกมือขึ้นปิดปากหาวแทบจะในเวลาเดียวกัน ทั้งคู่ต่างหันมอง สบตา แล้วยิ้ม เขามองไปรอบๆ ด้วยความแปลกใจ ยังมีคนอื่นๆ อีกด้วย เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า หมู่บ้านที่แสนเงียบเหงาแห่งนี้ จะมีชีวิตยามเช้าวันหยุดที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

และมันไม่ได้มีเพียงเท่านั้น คุณยายเริ่มเดินออกไปพูดคุย และจบลงด้วยการที่ทั้งหมดมายืนใส่บาตรร่วมกัน แน่นอนที่มันต้องมีความรู้สึกขัดเขินในตอนแรก และจะยังคงอยู่หลังจากนั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่ามีใครอาศัยอยู่ในบ้านที่ห่างออกไปเพียงสองหลัง

'ดูเหมือนพ่อกับแม่เองก็ไม่ค่อยรู้จักกับพวกเขาเหมือนกัน'

หลังจากนั้น เขาจึงกลับเข้าบ้านเพื่ออาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาแทบไม่ได้เอ่ยปากกับใครในเช้าวันนั้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นเหตุผลที่เขาใช้บอกกับตัวเอง

'ฉันฝันถึงอะไรบางอย่าง' แปรงสีฟันยังคงขยับอยู่ภายในปาก

เขาไม่ค่อยแน่ใจ มันไม่แจ่มชัดเหมือนกับความฝันของเถาะ และตนุก่อนหน้านั้น เขารู้แต่ว่ามันมี 'เงา' ของอะไรบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ภาพที่ลางเลือนเหมือนมีเมฆหมอกปกคลุมเอาไว้ เขาบ้วนปาก เงยหน้าขึ้น และพบกับใครอีกคนกำลังจ้องมองกลับมา

'กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี' นั่นเป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นในใจ

เขาไม่เคยคิดเลยว่าการได้เห็นเงาสะท้อนใบหน้าของตนเองอย่างชัดเจนนั้นเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ก่อนที่จะมีกระจกเงาเกิดขึ้นบนโลก สิ่งดีที่สุดที่มนุษย์มี คือเงาสะท้อนบนผิวน้ำ หรือไม่ก็บนแผ่นโลหะเรียบๆ ขัดเงา บางที มันอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้มนุษย์ต้องการค้นหาตัวเองก็เป็นได้

“แม่ไม่นอนพักสักหน่อยหรือคะ”

“ไม่ล่ะ แล้วนี่วันหยุด เขายังต้องออกไปทำงานอีกหรือ” คุณยายหมายถึงพ่อที่ขับรถออกจากบ้านไปแล้วนั่นเอง

“ใช่ค่ะ หนูเองก็ยังหาอะไรทำอยู่เหมือนกัน” แม่ตอบโดยไม่ได้ให้เหตุผลอย่างที่เขาเคยได้ยินจนขึ้นใจ 'รู้ไหมว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ มันมากมายแค่ไหน ไหนจะค่านั่น ค่าโน่น ค่านี่ ลูกต้องตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้' และอะไรอื่นๆ อีกมากมาย

“แล้วพอไม่ออกไปไหนบ้างหรือ” คุณยายหันมาเจอเขาเข้าพอดี

“เอ่อ...” เขาอึกอัก

“เขาต้องอ่านหนังสือค่ะแม่ ช่วงนี้เป็นเวลาสำคัญ ปีหน้าเขาก็ต้องย้ายโรงเรียนแล้ว ความจริงหนูอยากให้เขาเรียนพิเศษด้วยซ้ำ จะได้สอบเข้าโรงเรียนดีๆ ได้ง่ายขึ้น”

พอได้ยินแม่พูดอย่างนั้น เขาก็ได้แต่เงียบ

“เด็กก็ต้องเที่ยวเล่นให้สนุก จำตอนที่ลูกยังเล็กไม่ได้แล้วหรือไง”

“โธ่ เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วนะคะแม่”

“จะบอกว่าเด็กไม่ใช่เด็กแล้วหรือไงกัน” คุณยายว่า แม่ส่ายหน้าไม่ตอบอะไรอีก เขาเลือกทางออกที่ดีที่สุด ด้วยการเดินไปหยิบหนังสือเรียนออกมา แล้วนั่งลงอ่านอย่างตั้งใจ

ตอนบ่าย ทั้งแม่ และคุณยายต่างวุ่นวายอยู่กับการรื้อค้นข้าวของต่างๆ ภายในครัวเล็กๆ ทั้งหม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า ชุดเครื่องครัว ที่เคยซื้อ ได้รับมาตั้งแต่ตอนย้ายบ้าน หรือไม่ก็เป็นของที่ได้ในตอนปีใหม่ ซึ่งถูกเก็บไว้แทบไม่เคยใช้งาน คุณยายเป็นคนจัดแจงหาที่ตั้งวางให้กับพวกมันทั้งหมด

เขาแวะเข้ามาดูว่าทั้งสองกำลังทำอะไร

“...ไม่นึกว่าจะมีครบทุกอย่างเลยนะคะ”

“ไม่ ยังขาดของสำคัญไปอีกอย่าง” คุณยายว่า “ที่ตลาดน่าจะมี ตอนไปซื้อกับข้าวค่อยหาดูก็ได้”

“แม่จะทำกับข้าวจริงๆ หรือคะ” แม่ถามอย่างลังเล คุณยายพยักหน้า ใบหน้าบ่งบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาจนไม่น่าสงสัย ดูเหมือนคุณยายจะฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้รวดเร็วกว่าที่คิด

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น และอะไรบางอย่างบอกกับเขาว่านั่นไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ เขานึกขึ้นได้ในทันใดว่าใครมาเยี่ยมเยือน 'แย่แล้ว'

“สวัสดีครับ ผมกับพอ มีนัดไปว่ายน้ำด้วยกัน” เด็กชายหน้าคุ้นยืนอยู่กับจักรยานคู่กาย เขายกมือไหว้แม่ และไม่ลังเลที่จะยกมือไหว้คุณยายที่ยังไม่เคยพบหน้าไปพร้อมกันด้วย

'โชคดีที่พริมไม่ได้มาด้วย' ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้โชคดีจริงๆ อย่างที่เขาคิดก็ตาม เขาลืมนัดครั้งนี้ และไม่ได้บอกเอาไว้ล่วงหน้า แม่หันมา และเขาไม่ชอบสายตาแบบนั้น

“ไปเถอะ” เสียงคุณยายบอก “ตอนเย็น กลับมากินข้าวฝีมือยายด้วยก็แล้วกัน”

“แม่คะ...” แม่ยังไม่ยอมง่ายๆ

“พอ ก็อ่านหนังสือมาตั้งแต่เช้าแล้ว ให้เขาออกไปว่ายน้ำเล่นกับเพื่อนบ้างจะเป็นอะไรไป”

อะตอมยืนมองทั้งสองคนคุยกัน ยิ้ม ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

“...ก็ได้ แต่ลูกคงต้องเดินไป เพราะแม่ต้องใช้จักรยานออกไปตลาด” มีตลาดอยู่ติดกับหมู่บ้าน และที่บ้านมีจักรยานอยู่เพียงคันเดียวเท่านั้น

“ไม่มีปัญหาครับ” เขารีบหยิบของที่ต้องการใส่เป้ แล้วออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว

“ขึ้นมาเลยเพื่อน” เขาขึ้นยืนเกาะหลังอะตอมที่ถีบรถออกไปอย่างรวดเร็ว คุณยายยิ้มในขณะที่แม่เอาแต่ส่ายหน้า บ่นอะไรพึมพำเบาๆ คนเดียว

“นี่ไม่ใช่ทางไปสระว่ายน้ำนี่” เขาถาม ในขณะที่สายลมพัดปะทะใบหน้า

“เราจะไปรับพริมที่บ้านกัน” เขาอ้าปากค้าง แต่ก็ต้องรีบหุบเพราะลมพัดเข้าไป 'เขารู้จักบ้านเธอด้วย' เขารู้ว่าเธออยู่ในหมู่บ้านนี้ เหมือนกับเพื่อนคนอื่นอีกหลายคน แต่เขาไม่เคยรู้ว่าเป็นหลังไหน

ข้างหน้าคือซอยสาม อะตอมกำลังทำท่าจะเลี้ยวรถเข้าไป แต่มีจักรยานอีกคันสวนออกมาพอดี หญิงสาวในชุดกางเกงสามส่วน กับเสื้อยืดตัวเล็กสีสด สะพายเป้ และรอยยิ้มหวานส่งเสียงทักทาย

“ว่าไง”

“พวกเรากำลังจะไปหาเธอที่บ้าน” อะตอมตอบอย่างร่าเริง

“ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว ตรงไปสระว่ายน้ำกันเลย” เธอลุกขึ้นยืนถีบ เร่งรถขึ้นนำออกไป อะตอมอยากให้เพื่อนของเขาหายไปจากรถ เพื่อจะได้ขี่เคียงคู่ไปกับเธอ แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงพยายามปั่นตามไปติดๆ เท่านั้น

ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้เห็นเธอในชุดอื่นที่ไม่ใช่ชุดนักเรียน 'เลยไม่ได้รู้เลยว่าบ้านของเธอคือหลังไหน' เขาเผลอคิดไปโดยไม่ทันรู้ตัว และคงไม่มีวันกล้าเอ่ยปากถามเรื่องนี้จากเพื่อนรักเป็นแน่

ใบหน้าของเด็กชายที่ไม่คุ้นเคยจ้องมองกลับมา ก่อนจะกระเพื่อมไหวเมื่ออะตอมกระโดดลงไปในสระว่ายน้ำ วงคลื่นที่เกิดขึ้นทำให้ภาพบิดเบี้ยวไปอย่างน่ากลัว เขาไม่ได้เห็นภาพใบหน้าของตนเองในยามที่ถอดแว่นมานานแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงแปลกตา แต่มันยังไม่ค่อยชัดเจนอีกด้วย

“ยังไม่ลงน้ำอีกหรือ” เสียงของพริมดังมา ก่อนที่เธอจะเดินผ่านเขา และลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว เขานึกทบทวนภาพที่พึ่งผ่านไป 'ชุดว่ายน้ำสีชมพู' เขาคิดอย่างเสียดาย 'ฉันน่าจะสวมแว่นตาเพื่อมองเห็นอะไรได้ชัดเจนกว่านี้' ก่อนที่เขาจะติดตามทุกคนลงไป

เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ แต่จงอย่าเสียดาย เพราะอย่างน้อยพวกมันจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นความทรงจำอันแสนงดงาม หลอมรวมเข้าจนไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากความรู้สึกของตัวเอง

“ช่วย...ด้วย...”

ทั้งสระว่ายน้ำหลงเหลือเพียงพวกเขาสามคนตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่ต้องคอยดูแลสระก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว สองสายตามาพบกัน เขากับพริม และมันมีแต่ความแตกตื่นอยู่ในนั้น

อะตอมกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ที่กลางสระ เขากำลังจะจมน้ำ

พอ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขารู้แค่ตัวเองรีบว่ายมายังตำแหน่งของเพื่อน ก่อนที่จะถูกบางสิ่งบางอย่างดึงลงไปใต้น้ำ เขาสำลัก แสบลึกเข้าไปทั้งในปาก และจมูก เขาตะเกียกตะกายสุดแรงเพื่อชีวิต เพื่อได้มาพบเจอกับ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เขายังคงหูอื้อ แต่เสียงนั้นดังเสียดแทงเข้าไปในจิตใจอย่างชัดเจน 'เสียงหัวเราะ' เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เพียงไม่นาน มันเหมือนกับภาพสะท้อนบนผิวน้ำที่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น จนกลายเป็นใสเหมือนกระจกในที่สุด

แต่หากเขามีกระจกติดตัวอยู่ในตอนนั้น เขาจะไม่มีวันยกขึ้นส่อง จะไม่มีวันเชื่อ ไม่มีวันยอมรับ ว่านั่นเป็นใบหน้าของตัวเอง ใบหน้าของเพื่อนที่จ้องมองมาอย่างตกใจ สะท้อนทุกอย่างได้ชัดเจนยิ่งกว่ากระจกบานใดๆ บนโลกใบนี้

เขาเป็นฝ่ายโดนหลอก โดนเพื่อนแกล้งก่อน เขากำลังโกรธจัด สิ่งที่เขารับรู้ในเวลาต่อมาคือเมื่อเจ้าหน้าที่เฝ้าสระเข้ามาห้าม กับเสียงร้องโวยวายของพริม

เวลาแห่งความเศร้าก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่มันจะหลงเหลือบาดแผลหลังจากนั้นอีกเนิ่นนาน และจงจำเอาไว้ ว่าพวกมันเองก็เช่นกัน ที่จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นความทรงจำอันแสนหดหู่ หลอมรวมเข้าจนไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากความรู้สึกของตัวเอง

“ให้ฉันไปส่งไหม”

พริมเอ่ยถาม ภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงขาดวิ่นเป็นห้วงๆ จักรยานของเพื่อนเคลื่อนห่างออกไป ไม่มีคำลา ไม่มีแม้แต่จะเหลียวมองกลับมา

'เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แล้วยังมีหน้ามาโกรธกันอีก'

“...ว่าไง” เสียงของพริมดึงเขาให้กลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง

ข้อเสนอนั้นน่าสนใจ การได้ซ้อนรถจักรยานของเธอไปด้วยกันสองคน เพียงแต่ไม่ใช่ในตอนนี้ ในเวลาอย่างนี้ เขาส่ายหน้า และเธอเข้าใจ

“แล้วทุกอย่างจะดีเอง...เธอสองคนเป็นเพื่อนกันนี่นา” พริมพูดทิ้งท้ายก่อนจากไป

เขาเดินกลับบ้านเพียงลำพัง ไม่เหมือนอย่างทุกครั้ง เพียงลำพังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขาของเขาทำหน้าที่ไป โดยแทบจะไม่ต้องพึ่งพาความคิดเลยแม้แต่น้อย

เสียงพิลึกเป็นจังหวะที่ดังออกมาจากภายในบ้าน คือสิ่งที่ดึงเขาให้ออกมาจากความคิดของตัวเอง 'เสียงอะไรกัน' เขาจำได้แล้วว่าคุณยายเคยบอกไว้ ในครัวยังขาดสิ่งสำคัญไปอีกอย่าง เป็นอะไรที่ไม่อาจขาดได้เลย และตอนนี้ดูเหมือนเขาได้คำตอบแล้ว ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

เขาเดินผ่านรูปปั้นเต่าที่หลบซ่อนอยู่ หากเขาสนใจมองมันสักนิด ก็จะได้พบว่าในดวงตาของมันนั้นยังคงมีน้ำคลออยู่ มันอาจเป็นน้ำค้าง น้ำจากที่ไหน จากอะไรก็ได้ หรืออาจเป็นหยาดน้ำตาจากความเศร้าที่ยังไม่เคยเหือดหายไปของตนุก็เป็นได้

“เย็นนี้เรามีน้ำพริกกะปิ กินกับปลาทู ผักลวก และไข่เจียว” คุณยายว่า

“แม่ลงมือตำน้ำพริกเองเชียวนะ” แม่บอกอย่างตื่นเต้น

“ไม่ต้องห่วง ยายเป็นคนคุมอย่างใกล้ชิด” ยายกระซิบ กลิ่นอาหารหอมๆ หลังจากการออกกำลังกาย ทำให้อะไรๆ ดูดีขึ้นจนกระทั่ง “เป็นอย่างไร ว่ายน้ำกับเพื่อนสนุกไหม”

“...ครับ” เขาตอบคุณยายได้เพียงแค่นั้น “ผมขอขึ้นไปบนห้องก่อนนะครับ”

เขาปิดประตูแล้วนั่งลงบนเตียง เขาโกรธ และเขาก็เสียใจ เขาเสียใจ แต่เขาก็โกรธ 'ถ้าหากฉันอดทนมากกว่านี้อีกสักนิด' เขาค้านตัวเอง 'จะบ้าหรือ มันเป็นความผิดของเขาต่างหาก'

เสียงรถที่คุ้นหูแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน แล้วมันก็ร่วงลงมาอยู่ตรงหน้า ถุงใส่หนังสือที่เขายังไม่เคยเปิด หนังสือที่ซื้อมาจากร้านหนังสือฟูล เขาหยิบขึ้นมา 'หนัก' นั่นเป็นความรู้สึกแรก มันหนักยิ่งกว่าที่ควรจะเป็น เขาแกะเทปออก และกำลังจะล้วงหยิบหนังสือออกมา

“พอ พ่อกลับมาแล้ว ลงมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงแม่ดังมา

เขาโยนมันทิ้งไปอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจ และเมื่อเขาออกไปจากห้อง เมื่อไม่มีใครอยู่คอยรับรู้ หนังสือที่ควรอยู่ภายในถุง ก็ค่อยๆ คืบคลานออกมาอย่างช้าๆ เมื่อไม่มีคนคอยรับรู้ ทุกคนจึงยังคงมั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่า

หนังสือไม่มีทางขยับเคลื่อนไหวได้เองอย่างเด็ดขาด

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 22:07:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com