Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความทรงจำที่ถูกลืม(18+)-ตอน1 [PART2/2] ติดต่อทีมงาน

Vio Bli Sou: ความทรงจำที่ถูกลืม(18+)


เจ้าชายนา่สเกียแห่งแกรนเตลไม่เคยคิดหรอกว่าเขาจะต้องเห็นความสำคัญของสตรีนางหนึ่งซึ่งเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นจากการทดลอง ... สำหรับเขาแล้ว ... เธอเป็นแค่เครื่องจักรที่ใช้แล้วทิ้งเท่านั้น

บทนำ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12803648/W12803648.html
ตอน1[PART1/2]
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12803685/W12803685.html


\\\\\\\\\\\\

มาอัพตอนเพิ่มค่า ^^~
ขอให้อ่านสนุกนะคะ


ตอน1 [PART2/2]

“ผมคิดถึงสิ่งที่ลานินกำลังจะทำ”

เมื่อผมพูดเช่นนั้น แอชลีย์ก็วางมีดและช้อนลงข้างจาน เธอเลื่อนแนปกิ้นซับริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะหันมาจับจ้องมองสายตาของผมอย่างจริงจัง

แน่นอน ... ผมบอกความรู้สึกของผมให้แก่เธอทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องความเกลียดชังของผมที่มีต่อท่านอาคนดีของเธอด้วยก็ตาม

“วันนี้คุณคงไม่ได้ทะเลาะกับท่านอาหรอกใช่ไหม?”

“ผมไม่ได้ทะเลาะ”ผมบอกพลางหันมามองดูอาหารหอมๆบนจานเบื้องหน้าตนเอง พยายามหลีกสายตาขวางๆของแอชลีย์ “ตลอดทั้งวันนี้เขาต้องเข้าร่วมประชุมกับรัฐบาลเฮงซวยนั่น ผมคงทะเลาะกับเขาพรุ่งนี้”

แอชลีย์นั่งเงียบตีสีหน้าบูดบึ้งใส่ทันที ผมชำเลืองเธอก่อนจะต้องหัวเราะขำขัน

“มันไม่ตลก”

ใช่ ... มันไม่ตลก

ความคิดของพระราชาลานิน เดอบีลเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของแกรนติเนล มันอยู่ที่การตัดสินใจของเขาและรัฐบาลแกรนติเนลก็ต้องทำทีสอดรู้สอดเห็นคอยยุยงส่งเสริมเขาไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม

“ผมรู้ ... แต่ถ้าหากเขาเห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลแกรนติเนล ผมก็ยอมไม่ได้หรอก”

“คุณควรจะรับฟังความเห็นของพวกเขาบ้าง”

“ผมฟังมามากพอแล้ว”

“ชามัลลี”น้ำเสียงไม่พอใจนั้นบางทีก็ฟังดูน่ารักจนน่าหยิก ผมไม่สนใจแววตาค้อนใส่เลยสักนิด

“คุณหัวเราะฉัน”

ผมฉีกยิ้มให้แก่แฟนสาว “ไม่เอาน่าแอชลีย์ เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กๆน่ะไม่ต้องสนใจหรอก”

“ใครเป็นเด็ก?”เธอทำหน้ามู่ทู่ลุกขึ้นยืนและโน้มตัวท้าวสะเอวจับจ้องมองผมราวกับต้องการจะหั่นผมเป็นชิ้นๆ

“คุณเป็นเด็ก”

“คุณก็เด็ก”

“ผมโตแล้ว”

“เราสองคนอายุเท่ากัน”

ผมเหยียดยิ้มยักคิ้วหลิ่วตา แม้ว่าแอชลีย์หัวเสียเพราะคำพูดของผมแต่ก็เชื่อเถอะว่าอีกสักพักเธอก็จะกลับมาอารมณ์ดี ความน่ารักของเธอเฉกเช่นนี้ทำให้จิตใจอันแข็งกร้าวของผมละลายลงในทันที

“ผมอายุมากกว่าคุณสามเดือน”

แอชลีย์ได้ยินเสียงพี่เลี้ยงของตัวเองหัวเราะก็ต้องหันไปถลึงตาใส่ เธอกลับไปนั่งที่เดิมและถอนหายใจ

“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเราจะต้องเถียงกันด้วยเรื่องแบบนี้ทำไม”

“ก็เพราะว่าคุณอยากจะเถียง”

“ฉันเปล่า ... ฉันเพียงแค่ต้องการให้คุณคิดในแง่ดีต่อผู้ที่ปกครองแกรนติเนลของเราบ้าง”

ผมไม่ได้ตอบ นั่งทานอาหารต่อไปสักครู่ และเมื่อสายตาของผมเลื่อนมาเห็นแก้มแดงๆกับสีหน้างอนใส่ ผมก็ต้องลุกขึ้น เดินอ้อมโต๊ะอาหาร โอบไหล่ของแฟนสาว “โธ่ แอชลีย์ ... ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่”พูดจบก็เลื่อนนิ้วก้อยขึ้นหวังจะให้เธอเกี่ยวก้อยยกโทษให้แก่ผม แอชลีย์ทำทีเป็นเชิดหน้านานนับนาทีปล่อยให้ผมส่งเสียงเหมือนแมวครางง้อเธอแล้วไม่นานนักใบหน้าเคร่งขรึมของเธอก็คลายลงก่อนจะคลี่รอยยิ้มหวานให้แก่ผมอีก

“ขอบคุณครับ”ผมบอกเสียงแผ่วแล้วจึงก้มจูบเธอ ริมฝีปากแดงของเธอกำลังอุ่นชวนให้ผมต้องสัมผัสความอุ่นนั้นผ่านลิ้น กายที่เย็นเฉียบของผมกลับรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีที่ได้อยู่ใกล้เธอ ถ้าหากภายในห้องอาหารไม่มีพี่เลี้ยงของแอชลีย์และบรรดาเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยอารักขาผมอยู่ ผมก็คงจูบเธอนานกว่านี้และแนบกายเธอบนอกของผมตลอดทั้งวัน ทว่ายศของผมทำให้ผมต้องรักษาภาพพจน์ของตัวเอง ผมจึงถอนริมฝีปากออกและกระซิบบอกแอชลีย์เสียงแผ่ว “เย็นนี้เจอกันที่ริมระเบียงฝั่งเหนือชั้นสาม ผมจะนั่งรอคุณที่นั่น”

แอชลีย์ผลิยิ้มพยักหน้ารับอย่างยินดี

“ตอนนี้ผมต้องรีบกลับไปดูงานของตัวเองในห้องทดลองของแทบบินส์ก่อน”

“คุณจะเดินทางไปหาเขาที่เทือกเขาอัล ราวิเตรีย?”

“ใช่”

“ฉันไปด้วยได้ไหม?”

“ผมบอกแล้วยังไงล่ะว่าเด็กๆอยู่ในพระตำหนักเถอะ”ผมเลื่อนนิ้วลูบปลายจมูกของแอชลีย์

“ชามัลลี”เสียงอ้อนนั้นทำให้เธอเหมือนเด็กตัวน้อยที่มีเพียงผมเป็นเจ้าของ “ถ้าคุณไม่กลับมาตอนเย็นนี้ฉันจะชกคุณ”เธอกำหมัดแน่นจ้องผมเขม็ง

“ชกผมให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”

ไม่ทันขาดคำเธอก็พุ่งหมัดใส่หน้าแต่ทว่าด้วยความชำนาญผมก็ไหวตัวหลบได้ไม่ยากเย็นนัก เมื่อผมหัวเราะใส่เธอก็รัวหมัดไม่ยั้งผมจึงจับข้อมือของเธอเอาไว้แน่น มองดูสีหน้าแสดงความหมั่นไส้ของเธอ รีบแย่งเธอจูบแล้วจึงถอยหนีออกมา

“อาทิตย์หน้าผมคงต้องเป็นคู่มือซ้อมคุณฝึกต่อสู้ซะแล้วสิ”ผมบอกพลางเดินไปเปิดประตู “เจอกันเย็นนี้ครับ”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ ผมก็รีบเดินออกมาจากห้องอาหาร บรรดาองครักษ์ก็ตามมาไม่ห่าง “คุณช่วยติดต่อแทบบินส์ มอร์นากีย์ บอกเขาว่าผมกำลังจะเดินทางเข้าไปที่บ้านของเขา”

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”เจ้าหน้าที่โค้งตัวให้แก่ผมซึ่งพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะรีบทำหน้าที่ของตนโดยไว

ข้างหน้าพระตำหนักมีรถม้ามาต้อนรับ ผมหันไปทักทายบรรดาตำรวจวังตามปกติก่อนจะรีบขึ้นไปบนรถม้าเพื่อเดินทางสู่เทือกเขาอัล ราวิเตรียทันที

จากคุณ : davidmccartney
เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 01:41:43 A:115.87.208.77 X: TicketID:318829




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com