Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มายาหิมาลายัน...บทที่ 2 รำลึกความหลัง...นักแบกเป้มือใหม่ ติดต่อทีมงาน


มนต์ขลังของสายลมหนาว ที่หวีดหวิวผ่านทิวเขาหิมาลัย
จะล่อลวงดวงใจของเขาและเธอให้หลงทาง
หรือจะกระชากสองดวงใจให้หลุดพ้นจากภาพมายา
ที่บังตาบังใจ
ให้สองดวงใจกลับมาผูกพัน
เป็นหนึ่งเดียว.....ชั่วนิรันดร์

.................. มายาแห่งรัก  มายาหิมาลายัน.............





บทที่ 1 .....บางเสี้ยวของความทรงจำจากเนปาล.....
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12811335/W12811335.html

............................................................................


บทที่ 2  รำลึกความหลัง...นักแบกเป้มือใหม่


ปัจจุบันในวัยย่างใก้ลเข้าสู่เลขสาม  ราชาวดีก็ไม่ต่างจากหญิงสาวทั่วไปในเมืองใหญ่ ที่ให้เวลาทุ่มเทกับการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตและพักผ่อนในรูปแบบที่ชอบ

หญิงสาวพำนักอาศัยในบ้านน้อยหลังเก่าแวดล้อมด้วยต้นไม้ย่านในเมือง บนพื้นที่เกือบ 100 ตารางวา ใก้ลสถานีรถใต้ดินสุทธิสารชั่วระยะเดินเท้าประมาณ  400 เมตร   ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนตัวตกทอดมาจากบิดามารดา โดยที่ท่านทั้งสองได้จากเธอไปหลายปีแล้ว ในฐานะบุตรีคนเดียว และยังเป็นโสดหญิงสาวพักอาศัยอยู่เพียงลำพัง

ในแต่ละวันจันทร์ถึงศุกร์ หญิงสาวจะแช่มชื่นกระตือรือล้นกับการทำงานในตำแหน่งพนักงานขายอาวุโสในแผนกที่ขายสินค้านำเข้าประเภทวัตถุดิบ แร่ธาตุและสารอาหารที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์

บริษัทที่หญิงสาวร่วมงานด้วย เป็นบริษัทต่างชาติ ที่ให้เงินเดือนและสวัสดิการสูงกว่าบริษัทสัญชาติไทยทั่วไป อีกทั้งวันลาพักร้อน ยังมากกว่ากันอย่างเทียบไม่ได้ เธอร่วมงานกับที่นี่มาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ  เมื่อปี พศ 2548 ด้วยคะแนนค่อนข้างดีจากภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งมีคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตอาหารสัตว์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทยที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ถ่ายทอดสู่บรรดาลูกศิษย์ให้จบออกมาประกอบวิชาชีพในสาขาวิชาดังกล่าวมากมายอยู่ทั้งในเมืองไทยและต่างแดน

ด้วยความสามารถด้านภาษาอังกฤษของราชาวดีอยู่ระดับค่อนข้างดีทั้งการฟัง พูด อ่านและเขียน ทำให้ผ่านการสัมภาษณ์และร่วมงานกับบริษัททันทีที่เรียนจบ

ยังจำได้ดี ว่าแรงจูงใจสูงสุดที่ทำให้ตกลงร่วมงานกับบริษัทต่างชาติที่เพิ่งเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยในขณะนั้นคือ สิทธิ์ในการใช้วันลาพักร้อน เริ่มต้นปีละ 14 วัน และเพิ่มขึ้นปีละ1 วันทุกปี โดยเต็มที่รวมแล้วสูงสุดที่ 22 วัน  นึกถึงเรื่องนี้ครั้งใด ก็อดอมยิ้มไม่ได้ เมื่อว่าที่เจ้านายของหล่อนในวันนั้น ได้รับรู้ว่าหล่อนชอบการเดินทางท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ และได้ให้คำมั่นว่า ถ้าใช้วันลาที่ให้ไม่พอ และต้องการ เขาก็จะอนุญาตให้เบิกวันลาพักร้อนของปีถัดไปมาใช้ได้ ขออย่างเดียว ว่าต้องไม่ทำให้งานเสียหาย

อีกทั้งทางบริษัทยังมีค่ารถประจำตำแหน่งให้ใช้ในฐานะพนักงานขายโดยที่นำรถส่วนตัวมาใช้ และเงื่อนไขการจ่ายเงินเดือนให้ปีละ13 เดือน ที่ยังไม่รวมคอมมิสชั่น ทำให้บัณฑิตจบใหม่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ค้นพบบริษัทนี้ และผ่านการคัดเลือก

ในวันนั้น บัณฑิตจบใหม่หมายมั่นปั้นมือว่าทำงานเก็บเงินครบปีและเริ่มลาพักร้อนได้เมื่อไหร่ หล่อนจะออกไปแบกเป้อีก หล่อนอยากไปอินเดีย ไปเยี่ยมชมเมืองสีฟ้า  ตามคำเชื้อเชิญของเพื่อนชาวอินเดียที่มีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองโจดปูร์ และถ้าเป็นไปได้ หล่อนก็จะไป ‘ซ่อม’ ทริปที่เนปาลอีกครั้ง คราวนี้จะไปแก้มือ ต้องไปให้ถึงเมืองสวยนาม ‘โพคารา’ ให้ได้  อยากไปยืนชมยอดเขาหางปลานาม ‘มัชฉาปูเร’ ด้วยว่าครั้งแรกที่แบกเป้ไปเนปาล มีเหตุการณ์ให้หล่อนและคู่หู ต้องหยุดอยู่แค่เมืองเก่าในเขตหุบเขากาฐมาณฑุเท่านั้น

หลังจบการศึกษา หญิงสาวตั้งหน้าทำงาน เรียนรู้หาประสบการณ์ เก็บหอมออมเงินตลอดทั้งปี เพื่อความฝันที่จะเดินทางอีกครั้ง
ระหว่างนั้น ก็แอบเจียดเวลายามค่ำคืนหลังเลิกงาน หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ มานั่งฝัน วาดแผนการ พร้อมกับอ่านบันทึกเก่าๆ ซ้ำไปซ้ำมาด้วยความสนุกสนาน อ่านไปยิ้มไป แต่สาบานได้ ในวันเวลาครั้งนั้น บัณฑิตจบใหม่นามราชาวดี ยังไม่มีอาการ ‘หวานเจือขม’ อย่างในปัจจุบัน

เฮ้อ ! ถอนหายใจเนือยๆ

“ ราช   คุณราช  คุณราเชนทรา กุมาร “ หญิงสาวงึมงำ รำพันถึงใครคนนั้น

เรื่องราวของเขาประทับอยู่ในใจ คิดถึงคราใด ก็   “เฮ้อ!”   อยากแคะกระปุกไปซื้อตั๋วเครื่องบินเสียครานั้น

“จะ สามสิบแล้ว ดีดี้  จะสามสิบแล้ว เยือกเย็นหน่อย” งึมงำอีก

เอ หรือหล่อนควรต้องเร่งมือหน่อย จะสามสิบแล้วนี่หว่า ขืนมัวแต่ชักช้า มัวแต่เยือกเย็น ว้า! จะเสร็จสาวอื่นไหมล่ะนั่น

“เฮ้อ!” ถอนใจอีกเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน

ไม่เอาล่ะ ไม่เอาแล้ว   การคิดถึงอนาคตของต้นรักทำให้หล่อนสะทกสะท้านพาลหัวใจฟุบแฟบ

สู้เอาเวลามาคิดถึงเรื่องเก่าๆ เรื่องดีๆ เรื่องหวานๆ ให้น้ำตาลเรียก ‘เจ๊’ ดีกว่า

...............................................................................

ยังจำได้ดี ถึงตอนที่หล่อนยังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สาม  สาวน้อยนามราชาวดี ที่ขายฝันให้คู่หู พากันเสาะหางานพิเศษสารพัดตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง ทำงานเพื่อหวังเก็บเงิน หวังไปเปิดโลกใบใหม่ๆ  

ในครั้งนั้น เมื่อเก็บเงินได้มากพอ รวมกับที่ขอการสนับสนุนจากบิดาและมารดาอีกบางส่วน   หล่อนและคู่หูเลือกที่จะแบกเป้ไปเนปาลเป็นการประเดิม

โอ!  เนปาล NEPAL  
....................Never End Peace and Love..........................

ในความตั้งใจครั้งนั้น พวกเธอวาดแผนการไว้ ว่าจะต้องตะลอนให้ทั่วทั้งสามเมืองโบราณในเขตหุบเขากาฐมาณฑุ อันได้แก่ กาฐมาณฑุ   ปาตัน และบัคตาปูร์ แล้วก็จะเดินทางไปเมืองโพคาราด้วยรถประจำทางเพื่อเดินเขาระยะทางสั้นๆที่ซารางโกฏ และเฝ้าจับตาชมยอดเขาหางปลานาม 'มัชฉาปูเร' ให้ถนัดๆ

ความตั้งใจสำเร็จไปส่วนหนึ่ง เมื่อสองสาวตัวกลมแบกเป้ใบโตไปถึงที่นั่น  ในวันกลางฤดูหนาว ปลายเดือนธันวาคม 2546 และสัมผัสกับ นครกาฐมาณฑุในวันใก้ลฉลองปีใหม่เต็มที

สัมผัสแรกเมื่อย่างเท้าโผล่พ้นอาคารสนามบินตรีภูวัน ก็เล่นเอานักแบกเป้มือใหม่ใจหาย แทบจะสะดุ้งชักเท้าวิ่งกลับเข้าไปตั้งหลักใหม่ในอาคารสนามบิน

เพราะ โอย  ‘ ปู้ชาย’  

ผู้ชายหน้าดำๆ ยืนเกะกะ ส่งเสียงเอะอะ เรียกหาลูกค้าที่จะไปใช้บริการแท๊กซี่และหาที่พักกับเขา โชคดีที่ตั้งสติทัน อีกทั้งเตรียมการเอาไว้ดี ด้วยการสะพายเป้ให้กระชับ รัดสายคาดเอวไว้เรียบร้อย แม้จะมีหนุ่มหน้าคล้ำตาคมบางคน พยายามยื่นมือมาอาสาช่วยหิ้ว  ซึ่งอันที่จริง ก็คงจะพยายามลากตัวหล่อนและเพื่อนไปใช้บริการของเขานั่นแหละ แต่เสียใจ พวกหล่อนเตรียมพร้อม ถ้าคิดว่ากระชากเป้ พร้อมตัวกลมๆของหล่อนไหว ก็ลองดู

ราชาวดีและคู่หูทำท่าเยือกเย็นปล่อยยิ้มสยามออกไปจางๆ พอให้ไม่ถูกนินทาว่า ‘หยิ่ง’ แล้วเล็งหาตามป้ายกระดาษที่ชูอยู่สลอน

“หนูดี นั่น ชื่อแก เจอแล้ว”  เสียง ‘ไอ้กุน’ คู่หูแบกเป้ของหล่อน
บ้งเบ้งเบาๆ

“เออ ๆ ตามมา”  แบกเป้รอบแรกหนนี้  ‘ไอ้กุน’ คู่หู ยกให้หล่อนเป็นหัวหน้าทีม   ราชาวดีจึงตกลงใจเลือกจองห้องพักกับเกสต์เฮ้าส์เล็กๆแห่งหนึ่ง ในละแวกทาเมล การติดต่อสื่อสารผ่านอีเมลล์ดูเข้าท่าจัง  ทาง ‘โฮลี่แลนด์’ จะส่งรถมาคอยรับ  ค่าแท๊กซี่ไม่ต้องจ่าย ค่าห้องก็แสนถูก แหม อะไรๆมันช่างเป็นใจให้แบคแพคเกอร์กระเป๋าบางอย่างสองหล่อนเสียจริง  

ราชาวดีตัดสินใจจองไปสำหรับคืนแรก ด้วยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องแบกเป้เป็นเต่าหลังตุงเดินหาห้องตั้งแต่วันแรกที่มาถึง

แต่! ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ราชาวดีและสหายก็ต้องมาทบทวนกันใหม่ ว่าไอ้ ‘โฮลี่แลนด์’ ของสองหล่อน นี่มันคุ้มค่าน่าจ่ายจริงหรือ?
เรื่องรถที่ส่งไปรับนั้น ก็ โอเคนะ  รับได้ไม่เป็นปัญหา เพราะจากข้อมูลที่ค้นมา จะหารถสภาพดีๆ นั้นมันไม่ง่ายเลย
เครื่องปรับอากาศในรถก็ไม่จำเป็น เพราะวันเวลาของช่วงสิ้นปี ที่กาฐมาณฑุนี้ สภาพอากาศชวนให้เรียกหาฮีทเตอร์เสียมากกว่า  แต่ว่า ก็ไม่มีอีกนั่นล่ะ

แท๊กซี่คันจ้อยพาสองหล่อนฉวัดเฉวียนออกจากสนามบินเข้าสู่ย่านทาเมลซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวกันของนักท่องเที่ยว คล้ายกับถนนข้าวสาร และจอดลงที่หน้าตึกแถวโทรมๆแห่งหนึ่ง  

“ เฮ้ย เนี่ยนะ ทำไมโทรมนักวะ”  เสียง ไอ้กุนเพื่อนซี้บ้งเบ้ง  ราชาวดีเงียบกริบไปหนึ่งอึดใจ ก่อนชักชวนให้เข้าไปวิสาสะกับทางที่พักก่อน

ข้างในอาคารก็โทรมไม่แพ้กัน  และเมื่อไต่บันไดไปถึงห้องที่จองไว้ เพียงปลดเป้ และสอดส่ายสายตากวาดไปทั่วห้องเล็กๆนั้น สภาพในห้องพักอีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ก็ดูชวนหดหู่พิลึก

แม้ราคาห้องพักที่จองไว้ จะไม่สูงหากเมื่อเปรียบเทียบกับสภาพห้อง และเทียบกับข้อมูลที่หามา มันดู ไม่สมราคาเอาเสียเลย

ราชาวดีเกรงใจเพื่อน ตัดสินใจขยับเป้ขึ้นไหล่ บอกกับสหายเบาๆ
“ ไปหาที่อื่นนอนกันไหมวะ”

ไอ้กุนมองหน้า “ แกจองมาคืนเดียวใช่ป่ะ”

“ฮื่อ “ หล่อนรับคำเบาๆ

“งั้นอย่าเลย นอนเนี่ยล่ะ แค่คืนเดียว เอามันส์” ไอ้กุนตัดสินใจ

“ไม่ได้เสียดายเงินหรอกนะเว้ย ไอ้หนูดี  แต่ฉันว่า มันดูเป็นประสบการณ์แปลกๆดี ได้อารมณ์แบกเป้ดีน่ะ เหนือความคาดหมาย ฮะ ฮะ”  ไอ้กุนให้ความเห็นพร้อมหลิ่วตาแถมเสียงหัวเราะ

“ อย่างนี้เขาเรียก ต่ำกว่าความคาดหมายเว้ย” ราชาวดีงึมงำ

สรุปแล้วก็เป็นไปตามนั้น สองสาวตัดสินใจโลดลิ่วออกไปเริงร่าข้างนอกทันทีที่ตัด(สิน)ใจได้  ขืนอยู่นานเดี๋ยวจะหมด'อาลัยหายอยาก'เอาเสียก่อนตั้งแต่วันแรก

กาฐมาณฑุฤดูหนาววันนั้นเย็นเยือกเหลือใจ สองสาวชาวไทยเดินตุหรัดตุเหร่ไปตามซอกซอยเล็ก ลัดเลาะไปตามย่านทาเมล ชุมทางของนักแบกเป้อันมีชื่อเสียงโด่งดังก้องโลก

หล่อนทั้งคู่รู้สึกเหมือนตัวเอง ‘เรตติ้งดี’ เอามากๆ ด้วยไม่ว่าจะผ่านถนนไหน ผู้ค้าขายตามแผงที่เป็นชายส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เชื้อเชิญด้วยสำนวนชวนยิ้มกริ่ม รู้สึกตัวเองเนื้อหอม และมีเสน่ห์ซาบซ่าน่าประหลาดพิกล

ระหว่างเที่ยวเล่นก็ถือโอกาสสำรวจหาห้องพักใหม่ไว้สำหรับคืนพรุ่งนี้ด้วย หาได้ที่ใหม่ในราคาที่ถูกว่ากันเล็กน้อย แต่สภาพประเสริฐกว่ากันมากโข อยู่ในทำเลเหมาะสม ไม่เงียบเหงา หากก็ไม่พลุกพล่าน อีกทั้งห้องชั้นสี่ ที่เป็นชั้นบนสุด ยังแถมระเบียงดาดฟ้า ให้ได้สอดส่ายสายตาซุกซนชมเมืองได้ในวิวสูง  แม้ต้องแข็งใจตะกายตึกกันสักนิด แต่สองหล่อนก็ไม่พรั่น  ตกลงนัดแนะว่าจะย้ายมาตอนสายๆของวันรุ่งขึ้น

วันแรก โต๋เต๋กันจนตกค่ำ มื้อหรูวันแรกเยือนนั้น หล่อนและเพื่อนเรียกหาอาหารเนปาลี  ย่านทาเมลคับคั่งไปด้วยเหล่านักเดินทาง ช่วงสิ้นปีอย่างนี้ มีผู้คนมากมายถือโอกาสช่วงวันหยุดต่อเนื่องมาฉลองกันในต่างแดน
ราชาวดีและศกุนตลาเองก็เช่นกัน  สองหล่อนรวมหัววางแผนด้วยปรารถนาจะหาที่เหมาะๆ เฝ้าดูลำแสงสุดท้ายของปีลับขอบฟ้า และเฝ้ารอชมแสงแรกแห่งปี อย่างกระตือรือล้น

ราชาวดียังจำได้ ว่าช่วงเวลาที่ท่องเที่ยวไปในหุบเขากาฐมาณฑุนั้น อากาศหนาวจัดเหลือใจอย่างที่สาวน้อยชาวไทยไม่เคยประสบ

ในคืนแรก ‘โฮลี่แลนด์’ ก็ทำเอานอนผวา  ที่พักราคาน้อยด้อยคุณภาพของสองหล่อน มีเตียงที่ปูไว้ด้วยฟูกบาง และผ้าห่มที่แสนบางยิ่งกว่า แถมเมื่อดึงขึ้นมาสะบัด เจ้าผ้าห่มเก่าๆนั้น ก็สาดกลิ่นตุๆฟุ้งออกมาพร้อมฝุ่น

“หนูดี้”  เสียงไอ้กุนกรีดร้องเบาๆ “อย่าสบัดเว้ย ขอร้อง”

“ขอโทษทีว่ะกุน  คือ มือไวไปหน่อย ไม่คิดว่ามันฟุ้งขนาดนี้” ว่าพลางก็ส่ายศรีษะอย่างปลงๆ แล้วก็ง่วนคุ้ย ปลอกหมอนเก่าจนผ้าบางหากนิ่มนุ่มมือ พร้อมผ้าอเนกประสงค์ผืนบาง  ทั้งสองอย่างสะอาดเอี่ยม หล่อนคุ้ยขึ้นมาจากเป้ พร้อมถุงนอนคุณภาพเยี่ยมใหม่เอี่ยมอีกหนึ่งอัน ลงมือจัดแจงปูผ้าอเนกประสงค์ทับลงไปบนที่นอน  สวมปลอกหมอนให้ใหม่ โยนถุงนอนปุ แล้วตัวเองก็หย่อนร่างนอนเขลงลงไปอย่างสบายใจ

‘ไอ้กุน’ มองดูหล่อนอย่างอึ้งๆ

“ไอ้หนูดี  แกเตรียมปลอกหมอนมาพร้อมเลยนะ   นี่แสดงว่าแกตั้งใจจะพาชั้นมานอนที่แบบนี้ตั้งแต่แรกใช่ป่ะวะ ฮึ สารภาพมาซะดีๆ”

ราชาวดีมองคู่หู แล้วตอบเนือยๆ
“เปล่า  แต่ชั้นบอกแกแล้วนี่หว่า ว่าพวกแบคแพคเกอร์ อย่างเราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน  ไอ้พวกที่พักราคาถูก อาจมีอะไรชวนให้ไม่สบอารมณ์ได้ แต่แบคแพคเกอร์อย่างเรา ก็แก้ไขได้ ด้วยอุปกรณ์ง่ายๆที่เตรียมมา  และ ชั้นจำได้ว่า ชั้นบอกแกแล้วสำหรับเรื่องปลอกหมอน  ไม่ได้เอามาล่ะสิ”

ไอ้กุนเพื่อนซี้หล่อน ครางเบาๆ “ฮืมห์”

เจ้าหล่อนหยิบหมอนขึ้นมาแล้วทำจมูกฟุดฟิด  
“ เดี๋ยวชั้น เปลี่ยน เอาด้านใน มาไว้ข้างนอกก็ได้ พอไหวอยุ่หรอก”  ลงมือทำพลาง งึมงำไปพลาง
“แบคแพคเกอร์อย่างเรา ต้องปรับตัวได้ ในทุกสถานการณ์”  หล่อนตบท้าย

“ดีมาก” ราชาวดีเอ่ยชมเสียงหนักแน่น

ในวัยวันอันสดใสของชีวิตสาวรุ่น  ราชาวดีและคู่หู คลั่งไคล้ใหลหลงอยากเป็นแบคแพคเกอร์เต็มขั้นกันเหลือเกิน  ทั้งสองคนทุ่มเทใส่ใจในการหาข้อมูลสำหรับการเดินทางครั้งนี้อย่างมาก คู่มือนักเดินทางเล่มโปรด คือ “โลกเหงา” (Lonely planet)  ที่ราชาวดีลากเพื่อนซี้ไปเดินหาซื้อของมือสองจากถนนข้าวสาร  นอกจากนั้น เวปไซต์ดังๆ อย่างห้องสะพายเป้ฯ (ห้อง สะพายเป้ท่องโลก www.trekkingthai) และห้องบลูฯ ( ห้องBlue planet www.pantip.com)  พวกหล่อนก็ไปสิงสู่อาศัยหาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ราชาวดียังตัดใจ เจียดเงินหลายพันบาท เพื่อหยิบเป้ชั้นดีอย่างดอยท์เตอร์ (Deuter )มาไว้เป็นกรรมสิทธิ์ พร้อมถุงหุ้มกันเปื้อน และตาข่ายโลหะห่อหุ้มกันขโมย เพราะหล่อนมั่นใจ ว่าต้องได้ใช้จนคุ้มแน่ๆ  หากเรื่องนี้ ศกุนตลากลับคิดต่าง ด้วยเจ้าหล่อนตัดสินใจ หยิบของก้อปปี้ ยี่ห้อเดอะ นอร์ธเฟส ( The North Face)  มาใช้ ด้วยคิดว่าน่าจะพอเอาตัวรอดในทริปแรกนี้ได้ และหากเป้หายหล่อนคงไม่เสียดายมากนัก ไม่เหมือนราชาวดี ที่พอนึกถึงเรื่องนี้ หล่อนก็แสดงจุดยืน ประกาศถึงหัวขโมยว่า “เอาของในเป้ไปได้ แต่อย่าเอาเป้ไปละกัน”  ซึ่งศกุนตลา สรุปว่า “บ้า” คำเดียวสั้นๆ

คืนแรกในกาฐมาณฑุนั้น ยิ่งตกดึก ยิ่งหนาวจัด หลังอาบน้ำเย็นๆ เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นใช้การไม่ได้ สองสาวคู่หูก็กระโดดขึ้นเตียง
ลมหนาว หวีดหวิวเบาๆ พาเอาความเย็นเยือกผ่านรอยแง้มของหน้าต่างเข้ามา  ศกุนตลาให้ความเห็นว่า ทนหนาวเอานิด ดีกว่านอนอึดอัดเพราะการระบายอากาศไม่ดี

ในชุดที่จะทำให้ร่างกายอบอุ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้  ภายใต้แสงไฟมลังเมลืองแรงเทียนน้อย พวกเธอสุมหัว วาดแผนการท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ   ถูกขัดจังหวะบ้างด้วยเสียงตึงตังโครมครามของเพื่อนร่วมบ้าน ดูเหมือนห้องอื่นๆจะกลับมาดึกกว่าพวกเธอมาก และน่าจะมึนเมาเอาเรื่อง  บางครั้ง มีมือดีมาดอดเคาะห้อง ศกุนตลาหงุดหงิดร่ำๆจะโผล่หน้าออกไปด่าเสียหลายหน แต่ราชาวดี เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะพวกขี้เมา หรือไอ้ตัววายร้ายพวกนั้น ไม่น่าจะมาเคาะด้วยกุศลจิต  หล่อนตัดสินใจกระโดดจากเตียงไปตรวจสอบความหนาแน่นที่ประตู พร้อมกับลากเก้าอี้ไปกันไว้อีกชั้น แล้วจับเป้ใบใหญ่สองใบลงไปโปะทับก่อนเดินกลับมาที่เตียง พร้อมกับวางมีดพับที่เตรียมไว้ปอกผลไม้ และนกหวีด ไว้ข้างหมอน  หยิบเสื้อผ้าที่จะใส่ในวันรุ่งขึ้นยัดเข้าไปในถุงนอน ก่อนสอดตัวเองตามเข้าไป แล้วปิดไฟ
..........................................................................................

คืนนั้น สาวน้อยฝันร้าย  มันน่าจะเป็นเพราะอากาศที่หนาวจัดจนทำให้เป็นตะคริวหรืออะไรสักอย่าง  จำได้ว่า นอนดิ้นอึดอัด หายใจไม่ออก ตัวแข็งขยับไม่ได้ ได้แต่กลอกตาไปมาอยู่ในความมืดสลัว แสงสว่างจากดวงไฟริมถนน สาดแสงสลัวรอดเข้ามาถึงในห้องผ่านรอยแง้มของหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้เพื่อระบายอากาศ

อาการเหมือนถูกกดทับอย่างหนักน่ากลัวมากในความรู้สึก พยายามจะเรียกเพื่อนให้ช่วยก็ทำไม่ได้  แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้น คือหล่อนมองเห็นหญิงชราหน้าตามีริ้วรอยเป็นร่องลึก แววตามึนชาอยู่ในเบ้าตาลึกส่งผ่านออกมาให้ราชาวดีฉงน  ร่างในชุดส่าหรีสีขาวหม่นนั้นยืนนิ่งจับจ้องมองมาและทำให้หล่อนกลัว  กลัวมาก  

ราชาวดี เป็นคนที่ใจแข็ง ไม่ขี้ตกใจ ไม่เชื่อเรื่องผีและเรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหลาย แต่หล่อนยอมรับกับตัวเองว่า นี่เป็นครั้งแรก ที่พบเจอกับอาการที่เพื่อนๆ เรียกว่า “ผีอำ” ด้วยตัวเองจังๆ

จำได้ว่าดิ้นรนจนอ่อนแรง แต่ความจริงคือนอนแข็งไม่กระดิกอยู่แสนนาน  ท้ายที่สุดของความพยายาม สาวน้อยยกมือปาดหน้าตัวเอง  รู้สึกได้ถึงส่วนฮู้ด ของถุงนอน ที่เป็นเพียงผ้าร่มเนื้อบาง ไม่ซับนวม มันมาโปะอยุ่บริเวณปากและจมูก ทำให้หล่อนหายใจไม่ออก  สตรีชราในสาหรี่สีขาวหม่นคนหรือตนนั้น หายตัวไปทันที

และแล้วหล่อนจึงหลับลงได้ด้วยความอ่อนเพลียเต็มทน
..........................................................................................

วันรุ่งขึ้นสองสาวตื่นนอนด้วยอาการไม่แช่มชื่นเอาเสียเลย  ศกุนตลาบอกว่าอากาศหนาวจนนอนไม่หลับ
ราชาวดี ก็อ้อมแอ้มบอกไปในทำนองเดียวกัน หล่อนไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองเมื่อคืนนี้ให้เพื่อนฟัง หากชวนกันอาบน้ำแต่งตัวและรีบเก็บของย้ายห้องพักทันที

......สำหรับสาวน้อยวัยยี่สิบปีอย่างราชาวดีวันนั้น  แค่คืนแรกที่ผ่านมาได้นี้ หล่อนก็หลงรักความเป็นนักแบกเป้ของตัวเองเข้าเต็มเปา......

แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 55 12:23:13

แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 55 13:11:32

แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 55 12:43:00

จากคุณ : หนอนแบกเป้
เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 14:37:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com