Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความทรงจำที่ถูกลืม(18+)-ตอน2 [PART1/2] ติดต่อทีมงาน

Vio Bli Sou: ความทรงจำที่ถูกลืม(18+)


เจ้าชายนา่สเกียแห่งแกรนเตลไม่เคยคิดหรอกว่าเขาจะต้องเห็นความสำคัญของสตรีนางหนึ่งซึ่งเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นจากการทดลอง ... สำหรับเขาแล้ว ... เธอเป็นแค่เครื่องจักรที่ใช้แล้วทิ้งเท่านั้น

บทนำ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12803648/W12803648.html
ตอน1[PART1/2]
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12803685/W12803685.html
ตอน1[PART2/2]
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12820767/W12820767.html

\\\\\\\\\\\\

มาอัพตอนเพิ่มค่า ^^~
ขอให้อ่านสนุกนะคะ


Vio Bli Sou 2: มนุษย์เทียม


นักวิจัยในแกรนติเนลแบ่งออกเป็นสามประเภท

ประเภทแรกเป็นนักวิจัยบริสุทธิ์ พวกเขาศึกษาธรรมชาติด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตั้งสมมติฐานและทำการทดลองภายใต้กรอบของจรรยาบรรณ พวกเขาทำงานเพื่อประชาชนแกรนติเนล นักวิจัยกลุ่มนี้มักผลิตสิ่งประดิษฐ์หรือคิดค้นทฤษฎีใหม่ๆที่มีประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์

ประเภทที่สองคือนักวิจัยมืด นักวิจัยกลุ่มนี้จะทำงานกันอย่างเปิดเผยภายใต้การดูแลของรัฐบาลแกรนติเนล พวกเขาไม่สนใจจรรยาบรรณหรืออะไรทั้งนั้น ... ความสงสัยของพวกเขาต้องได้รับคำตอบไม่ว่าการทดลองจะมีผลเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งมีชีวิตมากน้อยแค่ไหน อันที่จริงแล้วพวกเขาถือเป็นบุคคลอันตรายต่อแกรนติเนลเสียด้วยซ้ำแม้ว่าการทดลองบางอย่างของพวกเขาก็นำมาซึ่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ก็ตามที

นักวิจัยประเภทสุดท้ายคือนักวิจัยผสม พวกเขาให้ความร่วมมือกับทั้งนักวิจัยบริสุทธิ์และนักวิจัยมืด ซึ่งหน้าที่ส่วนใหญ่ของพวกเขามักจะเป็นผู้ช่วยให้กับนักวิจัยในสองกลุ่มนี้ พวกเขาเลือกงานที่ตนเองอยากทำเองไม่ว่างานชิ้นนั้นจะคำนึงถึงศีลธรรมหรือไม่ก็ตาม

ความเจริญเติบโตทางด้านเทคโนโลยีในแกรนติเนลเกิดขึ้นได้ก็เพราะนักวิจัยทั้งสามประเภท หากพวกเขาทำงานร่วมกันอย่างสมดุล แกรนติเนลก็จะสงบสุขตลอดไป

ทว่า ... สถานการณ์ในเวลานี้ไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อรัฐบาลแกรนติเนลต้องการให้นักวิจัยมืดอาศัยหน้าที่ของเขาทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ตอนนี้นักวิจัยมืดเริ่มคิดค้นโครงการลับบางอย่างซึ่งผมเชื่อว่าสร้างความเสียหายและความแตกแยกให้กับประชาชนแกรนติเนลในอนาคต

ผมรู้ดี ...

ไม่มีใครก็ตามปิดบังสิ่งที่พวกเขาคิดได้ ... ผมจึงต้องหาทางป้องกันความคิดชั่วร้ายเหล่านั้น แต่ปัญหาของผมก็เกิดขึ้นเมื่อพระราชาลานิน เดอบีล(หรือพ่อบุญธรรมของผม)ยื่นมือเข้ามาขัดขวางผม(แม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัวเลยก็ตามที) ทำให้ผมต้องทะเลาะกับเขาทุกครั้งที่เราสองคนพบหน้ากัน

ไม่นานมานี้ผมก็มีปากเสียงกับเขา ผมจึงปลีกตัวออกมาจากการประชุมในพระราชวัง หนีงานราชการเพื่อเดินทางไปช่วยเหลืองานให้กับนักวิจัยบริสุทธิ์ชั้นแนวหน้าของแกรนติเนลคนหนึ่ง

นักวิจัยบริสุทธิ์คนนั้นคือแทบบินส์ มอร์นากีย์ เขาเป็นชายวัยกลางคนธรรมดาๆที่รักห้องทดลองมากกว่าผู้หญิงทุกคนในแกรนติเนล

ทุกเช้าเขาจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับผมเผ้ากระเซอะกระเซิงและใบหน้าเหี่ยวๆสุดโทรม เขาดื่มชาร้อนหนึ่งแก้วแล้วก็หายตัวเข้าไปอยู่ในชั้นใต้ดินนานนับสิบชั่วโมง หลังจากนั้นก็ออกกำลังกายตอนเย็น รับประทานอาหารเงียบๆขณะนั่งดูข่าวจากจอสามมิติ ก่อนนอนก็เปิดโทรศัพท์ประชุมสายร่วมกับบรรดานักวิจัยบริสุทธิ์คนอื่นๆเพื่อรายงานและสรุปผลความก้าวหน้าของงานวิจัยในแต่ละวัน (ตอนที่ผมเป็นเด็กเขาอาจจะมีเวลาว่างอีกนิดเพื่ออ่านนิทานให้ผมฟังก่อนเข้านอนแต่ตอนนี้เขาอาจจะดุด่าว่ากล่าวหรือเทศนาผมสักสามสิบประโยคก่อนที่ผมจะต้องใช้นิ้วอุดหูและเดินหนีออกไปจากห้อง)

แทบบินส์เป็นนักวิจัยที่ผมวางใจที่สุดตลอดมา บางทีผมอาจจะต้องขอบคุณลานินบ้างสักครั้งที่มอบอาจารย์ที่ดีคนหนึ่งให้แก่ผมและต้องขอบคุณพ่อแท้ๆของผมที่มอบหน้าที่ให้แทบบินส์เป็นพ่อทูนหัว ... ชีวิตนี้ผมจึงมีพ่อถึงสามคน(หัวเราะ)

ผมรักแทบบินส์เหมือนพ่อแท้ๆคนหนึ่ง คำสั่งสอนของเขากำราบความอวดดีของผมได้เสมอ

ในทุกครั้งที่ผมว่างจากการเรียนบรรดาศาสตร์ต่างๆที่ผมควรได้รับในฐานะของเจ้าชายแล้วผมก็มักปลีกตัวมาหาแทบบินส์ในห้องทดลองของเขาที่ศูนย์วิจัยเพื่อศึกษาแนวคิดของเขาจนผมกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์ของแกรนติเนลไปด้วย

ทุกครั้งที่ผมมีปัญหาผมมักจะหมายพึ่งแทบบินส์เสมอ

และครั้งนี้ก็เช่นกัน ...



“เธอเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

ตลอดการเดินทางด้วยรถม้าสู่โรงบินที่ใกล้ที่สุดจากพระราชวังหลวง ผมสนทนาผ่านทางเครื่องมือสื่อสารซึ่งติดตั้งเอาไว้ในรถม้ากับแทบบินส์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งของที่ผมพบเจอจากเรือนจำและบัดนี้สิ่งของนั้นได้ถูกส่งไปไว้ที่บ้านพักส่วนตัวของแทบบินส์ในเทือกเขาอัล ราวิเตรียมานับอาทิตย์แล้ว

“ก็โอเคดี”น้ำเสียงไม่มั่นใจของแทบบินส์บอกให้รู้ว่าคงมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ “ฉันตรวจสอบร่างกายของเธอเมื่อเช้านี้”

“แล้ว?”

“เธอเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามปกติ ระดับอุณหภูมิและปริมาณน้ำตาลในเลือดคงที่ อวัยวะทุกอย่างไม่มีปัญหา เธอถูกสร้างมาอย่างสมบูรณ์ที่สุด ฉันขอยอมรับในความสามารถของนักวิจัยมืดสักครั้ง”

ผมบอกได้เลยว่าผมไม่ชอบคำพูดของแบลลีย์ในครั้งนี้สักเท่าไหร่แม้ว่าสิ่งที่ผมเพิ่งจะได้ยินนั้นยากที่จะปฏิเสธนัก

สิ่งของที่ผมฝากไว้ไม่ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์, สมบัติมีมูลค่าหรือสัตว์เลี้ยงสักตัวหนึ่ง ... แต่สิ่งของที่ผมฝากเอาไว้กับแทบบินส์คือชีวิตของมนุษย์หญิงคนหนึ่งซึ่งเกิดจากฝีมือการสร้างของนักวิจัยมืด

อันที่จริงแล้วเธอไม่ใช่เครื่องจักร ... เธอไม่ใช่แอนดรอยด์ แต่เป็นมนุษย์แท้จริงซึ่งถูกสังเคราะห์ขึ้น เธอไม่ได้รับการปฏิสนธิจากไข่หรือสเปิร์มของมนุษย์แท้จริง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจากตัวเธอคือสิ่งซึ่งถูกสังเคราะห์ในห้องทดลองทั้งสิ้น

พวกเราเรียกเธอว่ามนุษย์เทียม

นักวิจัยมืดสร้างมนุษย์เทียมขึ้นมาก็เพราะจุดประสงค์ทางการทหาร ทว่าด้วยเหตุการณ์ความปั่นป่วนในอดีตที่ผมก่อเอาไว้กับเหล่านักวิจัยมืด ทำให้มนุษย์เทียมที่ถูกสร้างขึ้นในห้องทดลองทั้งหมดหนีออกจากศูนย์วิจัยลับบนเกาะโดดเดี่ยวมุนเตียวมาใช้ชีวิตร่วมกับชาวแกรนเตลโดยที่ไม่มีใครติดตามหรือจับตัวได้มานานหลายปีแล้ว

หลายวันก่อนผมเป่าสมองของมนุษย์เทียมสาวผู้นี้ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาแทบบินส์ก็ช่วยดูแลรักษารอยแผลและทำให้เธอกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ... ในทางกลับกัน สำหรับผมแล้วเธอก็เป็นแค่เครื่องมือทางการทดลองเท่านั้น ไม่ว่าเธอจะต้องตายสักกี่ครั้งเธอก็สามารถกลับมามีชีวิตได้อีกด้วยการรักษาทางการแพทย์เฉพาะด้าน เธอจึงเป็นประโยชน์ต่อผมมาก

ร่างกายของเธอมีพลังพิเศษบางอย่างไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมสนใจ ผมต้องการตรวจสอบและรู้ให้ได้ว่าเหล่านักวิจัยมืดกับรัฐบาลแกรนติเนลกำลังวางแผนอะไรอยู่และมนุษย์เทียมผู้นี้มีความอันตรายต่อผมมากน้อยแค่ไหน

ตอนนี้ผมไม่สามารถบอกใครก็ตามในเขตรั้วพระราชวังว่าแทบบินส์ มอร์นากีย์ค้นพบมนุษย์เทียมผู้นี้ในทวีปแห่งหนึ่งซึ่งห่างไกลออกไปจากสถานที่ที่พวกเราพักอาศัยอยู่มากจนคาดไม่ถึง

“คุณค้นพบพลังเหนือธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเธอแล้วหรือเปล่า?”

“ฉันค้นพบแล้ว”แทบบินส์บอก

“มันคือ ...?”

“พลังจิต ... เธอมีความสามารถในการหยั่งรู้อนาคตอันสั้น เธอสามารถคาดเดาสถานการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยร้อยละของความถูกต้องที่สูงเกินความคาดหมายมากทีเดียว”

“คุณทดสอบเธอแล้วอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่ ฉันลองทดสอบเธอเมื่อวานสองครั้ง ฉันลองฉีดสารเคมีกระตุ้นการทำงานของร่างกายเพื่อทำให้เธอใช้ความสามารถภายในได้อย่างเต็มที่ ... เมื่อวานเธอวาดรูปยานบินเดรลมันที่กำลังเดินทางมาที่เทือกเขาอัล ราวิเตรียให้ฉันดู”

ผมฟังจบก็ต้องนิ่งไปครู่ใหญ่ “ตอนนี้ผมกำลังจะขึ้นยานเดรลมัน”

“นั่นไงล่ะ! น่าตกใจดีจริงไหม!?”แทบบินส์บอกพลางถอนหายใจ ผมได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกเสียงสนทนาผ่านหูโทรศัพท์ ผมจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าจะต้องเป็นมนุษย์เทียมคนนั้นแน่ๆ

“เธอทำอะไรอยู่?”

“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เธอค่อนข้างจะหวาดกลัวต่อการรับรู้สิ่งใหม่ๆรอบๆตัวเธอ”

“เธอจำอะไรได้บ้างไหม?”

“ถ้าหากหมายถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นมาในบ้านของฉันล่ะก็ เธอก็จำอะไรไม่ได้เลยทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สมรรถภาพทางร่างกายของเธอก็สมบูรณ์พร้อม เธอยังคงจำได้ดีว่าการดำเนินชีวิตประจำวันร่วมกับมนุษย์ด้วยกันต้องทำเช่นไร ชามัลลี ... ฉันไม่แน่ใจหรอกว่ามนุษย์เทียมจะยินดีต้อนรับการมาเยือนของแขกแปลกหน้าหรือเปล่า”

“ผมเข้าใจดี ผมจะรีบเดินทางไปที่นั่นทันที”

ผมพูดจบก็รีบตัดสายสนทนาก่อนจะเดินออกจากรถม้า เดินเข้าไปในโรงบิน มองดูยานบินเดรลมันซึ่งเป็นยานที่ใช้ในขนส่งทหารของแกรนติเนลแล้วจึงเดินไปตามเส้นทางภายในโรงบินพร้อมด้วยองครักษ์อีกหกคน บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างคอยตรวจการณ์ เฝ้าระวังภัยให้แก่ผมทุกฝีก้าวจนผมรู้สึกเหนื่อยและต้องถอนหายใจทันทีที่เข้าไปนั่งในยานบินเรียบร้อยแล้ว

ผมฟังเสียงรายงานในห้องนักบินก่อนที่เครื่องยนต์จะพร้อมทำงาน

เอาล่ะ ... งานของผมเริ่มแล้ว

ผมต้องรีบเดินทางไปให้ถึงบ้านพักของแทบบินส์เร็วที่สุด







บนเทือกเขาอัล ราวิเตรียมีเพียงบ้านไม้สองชั้นหลังเดียวตั้งอยู่กลางที่ราบสูง ผืนหญ้าเขียวขจีถูกอากาศเย็นๆพัดเป็นระลอกคลื่นเสมือนหนึ่งการโบกมือต้อนรับผมทุกครั้งที่ผมเดินทางมาเยือนที่นี่

“พวกคุณรอตรงนี้เถอะ”

ผมสั่งให้เหล่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาออกไปจากเขตสถานที่พักของแทบบินส์ทันทีที่เดินทางไปจนถึงประตูหน้าบ้านของเขา

“แต่ว่าพระองค์ ... กระหม่อมควรถวายการอารักขาให้แก่พระองค์ตลอดเวลาที่พระองค์ทรงประทับอยู่ในเรือนพักของหัวหน้าหน่วยวิจัยแทบบินส์ มอร์นากีย์”

“ที่นี่เป็นสถานที่ส่วนตัวของผมและเขา เขาเป็นพ่อของผม ถ้าหากพวกคุณอยากช่วยเหลือผมจริงๆ ผมอยากให้พวกคุณเฝ้าอยู่ห่างๆ ไม่ต้องเข้ามาที่นี่ เข้าใจใช่ไหม?”

เหล่าองครักษ์ต้องยอมน้อมรับโดยไม่ใคร่เต็มใจนัก พวกเขาต่างเดินลงจากเนินสูง วางกำลังล้อมพื้นที่รอบเขตป่า เพิ่มเจ้าหน้าที่ตรวจตราตลอดเส้นทางเดินในป่าเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น

ผมเลิกสนใจ รีบหันมาเคาะประตูแล้วแทบบินส์ก็ออกมาต้อนรับโดยไว

“สวัสดีแทบบินส์”ผมวางสัมภาระก่อนจะกล่าวทักทายและสวมกอดเขา“จะมีวันไหนบ้างที่ผมเผ้าของคุณไม่เคยยาวรกรุงรังแบบนี้?”

“จะมีวันไหนบ้างที่เธอจะไม่ถาม?”ผมหัวเราะให้กับคำตอบของแทบบินส์อย่างชอบอกชอบใจ

“เธออยู่ที่ไหนครับ?”

“ข้างใต้ดิน ตอนนี้เธออยู่ในห้องคนเดียว ตลอดทั้งวันนี้เธอไม่เดินออกไปไหนเลยนอกจากแง้มหน้าผ่านช่องประตูขอน้ำและอาหารจากฉัน”

“เอ๋?”ผมต้องเอียงศีรษะมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย

“เธอเป็นแบบนั้น”แทบบินส์ยักไหล่ “ทันทีที่ฉันบอกว่าเจ้าชายแห่งแกรนเตลจะเดินทางมาที่นี่ เธอก็เดินวนรอบห้องแล้วก็เข้าไปนั่งในที่มืดๆเพียงลำพัง บ่นพึมพำบางอย่างด้วยความวิตกกังวล”

“วิตกกังวล? เธอระแวงผมหรือเปล่า?”

“ไม่เชิง เพราะว่าเธอไม่เคยเจอใครเลยนอกจากฉันตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา”

พฤติกรรมแปลกๆของมนุษย์เทียมสาวทำให้ผมแปลกใจยิ่งนัก ผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปในบ้านเลี้ยวลงสู่บันไดชั้นใต้ดินทันที

บริเวณนี้เป็นสถานที่กว้างใหญ่ราวกับโรงบิน มีห้องหับเรียงเป็นตับแต่ละห้องเต็มไปด้วยอุปกรณ์การทดลองทางวิทยาศาสตร์ตั้งเรี่ยราดบนแผงแสตนเลส บรรดาเครื่องจักรขนาดใหญ่วางติดผนัง มีหุ่นยนต์กลุ่มหนึ่งกำลังเดินทำความสะอาดทั่วห้องชั้นใต้ดิน พวกมันหันมาทักทายผมทันทีที่เห็น ผมจึงกล่าวตอบรับอย่างไม่ใส่ใจมากนักก่อนจะรีบเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องทำงานของแทบบินส์แล้วจึงกวาดสายตามองผ่านห้องครัวเล็กๆสู่ห้องใต้บันได “เธออยู่ในนั้นใช่ไหมครับ?”

“ใช่ อันที่จริงฉันบอกให้เธอขึ้นไปนอนข้างบนแต่เธอก็ไม่ได้ฟังฉันหรอกนะ”

ผมฟังจบก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปดึงลูกบิดหมายจะเปิดประตูออกแต่แทบบินส์ก็รีบเลื่อนมือมาทาบบนมือของผมเอาไว้เสียก่อน

“ฉันคิดว่ามนุษย์เทียมกลัวเธอนะชามัลลี”

“ผมรู้ดี”

“อย่าขู่เธอล่ะ”

ผมผลิยิ้มเอียงหน้ามาสบนัยน์ตาสีน้ำตาลของแทบบินส์ก่อนจะบอกว่า“แล้วแต่กรณี”พูดจบก็เปิดประตูเข้าไป กวาดตามองผ่านห้องมืดสนิท

“ห้ามทำร้ายเธอ”แทบบินส์กล่าวย้ำ

โอ ... แน่ล่ะ ... ถ้าหากเธอไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างโดยฝีมือของนักวิจัยมืดผมอาจจะพยักหน้ารับโดยไม่รีรอ

“ฉันจะขึ้นไปเขียนรายงาน ฝากด้วยนะ”

“ครับ”

แทบบินส์ส่งสายตาออกคำสั่งของผมครั้งหนึ่งก่อนจะเดินจากไป ผมจึงหันมาเปิดสวิตช์ไฟในห้อง แล้วทันทีที่ห้องสว่างขึ้นผมก็เห็นร่างของหญิงสาวตัวเล็กนั่งกอดเข่าอยู่มุมห้อง เธอสะดุ้ง รีบเงยหน้ามองผมอย่างตกอกตกใจ

หือ? ... นั่นคือมนุษย์เทียมใช่ไหม?

ผมจับจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ

To be continued.......

จากคุณ : Pakkie Davie
เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 55 21:12:20 A:118.173.77.56 X: TicketID:318829




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com