นักนินมองภาพอดีตคนรักผ่านกระจกใสที่กั้นห้อง เธอมาไม่ทันเวลาเยี่ยมจึงได้แต่ยืนดูอยู่ด้านนอก ทางโรงพยาบาลจัดโซฟาสำหรับญาติผู้ป่วยมานั่งรอไว้ด้านหนึ่งแต่มีป้ายขอความร่วมมือที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด เป็นข้อจำกัดของเฉพาะหอผู้ป่วยวิกฤตที่ไม่ให้ญาตินอนเฝ้า ทั้งนี้เพื่อให้พยาบาลได้ดูแลเหตุฉุกเฉินต่างๆ อย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยจะยากดีมีจน สิทธิพิเศษขั้นวีไอพีขนาดไหน ก็ต้องอยู่ในห้องรวม ซึ่งทำให้ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ อยู่ในสายตาของพยาบาลตลอดเวลา
หญิงสาวยืนกอดอกดูอยู่ไม่นานก็ต้องถอดมานั่งที่โซฟา ฮานาโกะที่สวมหูฟังนั่งฟังเพลงรออยู่แล้วยื่นมือมาให้จับ นักนินยื่นมือไปจับ ต่างคนต่างบีบมือกันอยู่เบาๆ ส่วนเกนโซยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม มองภาพอดีตคนรักของนักนินอย่างพินิจพิจารณา ทัศนวิสัยเปิดให้เห็นภาพผู้ป่วยบนเตียงนอนได้ไม่ชัดเจนนัก แต่จากอากัปกิริยาที่นอนอยู่นิ่งๆ กับใบหน้าด้านซ้ายที่บิดเบี้ยว มือและแขนที่วางอยู่นอกผ้าห่มเพื่อเจาะให้น้ำเกลือและแทงสายระโยงระยางนั้นแข็งเกร็ง ทำให้เกนโซรู้สึกสลดใจระคนโล่งใจอย่างประหลาด
โล่งใจอย่างประหลาด
อารมณ์นี้โผล่ขึ้นมาดื้อๆ แล้วหายไปเงียบๆ
เขาคงโล่งใจที่ผู้ชายคนนี้จะไม่สามารถลุกขึ้นมาทำร้ายใครได้อีก รวมถึงหญิงสาวที่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่ตรงโซฟาด้วย เธอควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้
พวกเขาทั้งสามคนรับรู้ข่าวคราวของภาคิมจากการสืบหาของผู้จัดการส่วนตัว ที่เกนโซให้ติดตามเรื่องของนักนิน อาการป่วยของภาคิมติดตามมาในภายหลัง ทำให้ทั้งสามรีบรุดมาที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่ทันเวลาเยี่ยม ความเงียบ วังเวง และหดหู่เป็นบรรยากาศที่ปกคลุมอยู่รอบๆ โรงพยาบาลในเวลาค่ำ แต่ก็คล้ายมีมนต์ขลังสะกดไม่ให้แต่ละคนถอยหลังกลับ นักนินเองก็ยังอยากนั่งอยู่อีกสักพัก เผื่อมีพยาบาลหรือหมอเดินออกมาให้สอบถามอาการของภาคิมได้ และคงเป็นเช่นเดียวกับญาติผู้ป่วยอีกสองสามกลุ่ม ที่ยังนั่งและยืนกระจายออกไปอีกสองสามกลุ่ม ไหนจะเด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟาข้างๆ เธออีกคน
เด็กวัยรุ่นอายุไม่มากนัก มานั่งเตร็ดเตร่อยู่ในโรงพยาบาล คงจะมาเฝ้าญาติผู้ใหญ่สินะ
ปรึกนึกโอน... ทะไงนึกโอน...
โยบนึกโอน... นึกโอนกรบเวเลีย...
สรอไมเขอนแต่สรสปุมเงีย เจียบดวงจิตบอง
เสียงเพลงลอดมาจากหูฟังที่เสียบเข้ากับเครื่องเล่นวิทยุ เพลงนี้คุ้นหูเหลือเกิน เหมือนมีมือขนาดใหญ่จับหัวของนักนินให้ค่อยๆ หมุนไปทางด้านข้าง หญิงสาวหันไปชำเลืองมองเด็กสาวที่นั่งฟังเพลงอยู่ ใบหน้าของเธอดูคมคาย ริมฝีปากค่อนข้างคล้ำหยักลึกตรงกลางเป็นร่องชัด และจมูกที่ไม่โด่งนักแต่ปลายเชิด เมื่อครู่เธอถอดหูฟังออก จึงทำให้เสียงเพลงลอดออกมา เด็กสาวบ่นพึมพำกับหญิงสูงวัยที่อยู่ไม่ไกลนัก
แม่... เปล นา ตรอ ลอบ โมก เำพตียะ
(แม่ เมื่อไรจะได้กลับบ้าน)
นักนินสะดุดกึก เมื่อได้ยินภาษาที่เด็กสาวเอ่ยขึ้น
กุม ดื้อ เมอ จำ สิน
(อย่าดื้อสิ รอก่อน)
หญิงสูงวัยหันมาคุยกับลูกในภาษาเดียวกัน เด็กสาวคร่ำครวญต่อ
แม่ จิต อา กรอก นาส โขญม จ่อง โต้ว เพตียะ"
(แม่ใจร้ายจัง หนูอยากกลับบ้านแล้ว)
แต่นักนินเงี่ยหูฟังแล้วขนลุกซู่ ภาพในอดีตที่ผ่านมาไม่นานแล่นเข้ามาในหัวของหญิงสาวราวกับฟ้าแลบฟ้าร้อง นั่นคือสาดแสงและส่งเสียงคำรามให้มองภาพในความมืดชัดขึ้นและขู่กรรโชกไปในตัว
นี่คือเพลงเก่าลายครามสมัยคุณตาคุณยายยังเล็ก ของนักร้องที่ได้ชื่อว่า King of Kmer music หรือว่าราชาเสียงทองของประเทศกัมพูชา
เสียงนักจัดรายการบรรยายสรรพคุณของเพลงแว่วเข้ามาพร้อมกับเสียงเพลงทุ้มนุ่มลึก เครื่องยนต์รถที่คำรามดังหึ่งๆ ภาพของภาคิมที่ขับรถอยู่ มีเตชิตนั่งอยู่ด้านหลัง และอุบัติเหตุที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว
ภาพนั้นวิ่งเข้ามาและแล่นหายไป กลายเป็นภาพใหม่
ตอนที่เกนโซช่วยเธอขึ้นมาจากทะเล ขณะฟื้นขึ้นมาบนเรือ หญิงชายแปลกหน้าสองคนนอนเบียดกันอยู่ไม่ไกลนัก พอเหลือบตาไปมอง ทั้งสองคนก็ค่อยๆ ทรงตัวลุกขึ้นยืน เลือดที่ไหลลงมาจากศีรษะเปื้อนเสื้อผ้าของทั้งคู่ รอยเลือดไหลเป็นทางจนอาบเทพื้นที่เธอนอนอยู่
และตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล นักนินนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอเห็นร่างหนึ่งยืนค้ำอยู่ข้างเตียง ใบหน้านั้นอีกแล้ว คราวนั้นเป็นหญิงสาวปรากฏตัวขึ้นมาเพียงคนเดียว ร่างที่ชุ่มโชกเลือดนั้นโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วพูดอะไรบางอย่างอยู่ข้างหู
คำพูดนั้นเหมือนแผ่นเสียงยืดยานถูกเปิดขึ้นมาเล่นเพลงอีกครั้งหนึ่ง
จ้..ว.ย..พ..อ.ง..โ.ข.ญ..ม..จ่..อ.ง..โ.ต้..ว...เ.พตีย.ะ
ภาษากัมพูชา
นักนินพึมพำกับตัวเองเบาๆ
มันคือภาษากัมพูชานี่นา
何が起こった?
(Nani ga okoru ka? : เกิดอะไรขึ้นน่ะ)
ฮานาโกะไม่พูดเปล่า ยังยื่นโทรศัพท์มือถือที่แปลงร่างเป็นเครื่องแปลภาษาที่ใช้จนชำนาญให้อีกด้วย
จริงด้วยสินะ
นักนินไม่ตอบคำถาม แต่หันไปส่งภาษามือกับฮานาโกะเพื่อขอยืมโทรศัพท์มือถือมาใช้ทำอะไรบางอย่าง ฮานาโกะมองหญิงสาวด้วยสายตาพราวพราย เธอมักตื่นเต้นและสนุกสนานกับเรื่องรอบกายได้ไม่ยากนัก นี่เป็นข้อดีของฮานาโกะทีหลายคนอิจฉามาโดยตลอด
จ้วยพอ..
นักนินกรอกคำพูดลงไปในเครื่องรับโทรศัพท์และระบุให้แปลงเสียงจากภาษากัมพูชาเป็นภาษาไทย เจ้าวุ้นแปลภาษาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งสัญญาณตอบกลับ
ช่วย-
เป็นการแปลที่ติดขัดเหมือนป้อนคำไม่ถูก
จ้วยพอง..
นักนินลองเปลี่ยนคำใหม่ และได้ผล
ช่วยด้วย
นักนินกำโทรศัพท์มือถือแน่น ไหล่บางนั้นสั่นเล็กๆ ก่อนจะเอ่ยคำต่อไป
ขะโยม.. จ่อง..
เด็กสาวชาวกัมพูชาที่นั่งข้างๆ รู้ว่านักนินพยายามจะพูดคำว่าอะไร คงอยากจะเลียนเสียงเธอเมื่อครู่ เด็กสาวหันมาช่วยเสริมให้
โต้วเพตียะ
เด็กสาวออกเสียงคำยากๆ ให้นักนินพูดตามอย่างเป็นรูปเป็นคำมากขึ้น
จ้วยพอง โขญม จ่อง โต้ว เพตียะ
ช่วยด้วย ฉัน อยาก กลับ บ้าน
อุปกรณ์อัจฉริยะช่วยแปลให้ทีละคำ และนั่นคือสารที่แท้จริงของร่างโชกเลือดที่มาวนเวียนหลอกหลอนเธอเมื่อหลายวันก่อน
เท่านี้เองใช่ไหม
นักนินเงยหน้าถามคำถามกับอากาศธาตุที่ว่างเปล่า ฮานาโกะทำหน้าเหรอหราพลางสงสัยว่านักนินพึมพำและพูดอะไรอยู่เพียงคนเดียว และไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร เพราะวุ้นแปลภาษาไม่ได้อยู่กับตัวเสียแล้ว
นักนินไม่เห็น แต่จินตนาการเห็น ใบหน้าของโภค รมดวล ในยามปรกติ ที่เธอเคยเปิดพบในหน้าหนังสือพิมพ์ ใบหน้านั้นยิ้มเศร้าสร้อยและมีร่องรอยของความอ่อนโยนแฝงอยู่ภายใน เธอมายืนพยักหน้าอย่างสงบอยู่ตรงหน้า
เช่นเดียวกับบุญ เทือน ที่เดินผละออกมาจากเตียงของภาคิมและเข้ามาสวมกอดภรรยาของตนเอาไว้
ใช่... เราทั้งคู่เพียงอยากกลับบ้าน
- โปรดติดตามตอนต่อไป