คิมหันต์อนันตรา
ตอนที่ ๑๑ เสี้ยวจันทร์เสี้ยวใจ
แว่วยินเสียงกรุ่งกริ่งจากกระแหล่งที่คลองคอวัวควายสลับกับเสียงกรุบกรับอันเป็น จังหวะตามการก้าวเดินของพวกมัน ทำให้คนที่ไม่เคยคุ้นหูอย่างสิตาอินทร์สนใจชะเง้อดูที่หน้าต่าง เห็นคนเลี้ยงลงแส้ฟาดพึมพำตะเพิดไล่ไม่ขาดปาก เพื่อต้อนฝูงวัวควายให้กลับเข้าคอก กลิ่นดินแลนที่ติดตัวเหล่าสัตว์สี่เท้าอันมาจากปรักที่ลงไปคลุกนอนเล่น ถูกสายลมละเลงคลุ้งคละเคล้ากลิ่นกองฟาง
เสียงนกการ้องดังให้ได้ยินเป็นเสียงแว่วๆ อยู่ไกลๆ บินห่างจากไปริบๆ คืนลับกลับรังนอน นภาแปลเปลี่ยนสีจากฟ้าจรัสแจ่มใสเป็นสีชมพูอมม่วง ยอดทิวเขาสู่ตระหง่านพุ่งขึ้นไปราวกับว่าจ่อจรดตรงที่ปลายขอบฟ้า สิ้นขอบเขตแห่งอำนาจพระอาทิตย์ แสงสูรก็จรมาหมู่มวลดาราต่างเร่งเปล่งประกายวับวาวแต่งแต้มส่วนปลายขอบสีม่วงเข้ม จันทร์เสี้ยวแห่งคืนแรม 14 ค่ำยังคงขาวซีดให้เห็นเป็นรูปร่างเดือนเสี้ยวจางๆ ที่กลางฟ้า สิตาอินท์เริ่มที่จะลุกขึ้นมานั่งรับประทานอาหารเองได้เมื่ออาการดีขึ้นมาก หลังจากที่ต้องนอนซมเพราะพิษไข้มาตลอดหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวัน สายบัวยังคงนั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่างเพื่อคอยเก็บสำหรับอาหาร และคอยพิศพักตร์หญิงสาวอย่างสังเกตสังกา ใบ หน้ายังงามหวานซึ้งราวอิสตรี ผิวพรรณก็เปล่งปลั่งผุดผาด เสียดายชาติของนายน้อยศรีอุษานัก หากเป็นสาวเต็มกายดั่งวาระของท่านนายอินผู้นี้คงจะงามจับตาจับใจนัก
มองจ้องขนาดนี้หมายความว่าอย่างไรพี่สายบัว สิตาอินทร์ที่เริ่มรู้สึกอึดอัดกับการจ้องเอาจ้องเอาของสายบัวเริ่มทนไม่ไหว
ก็ว่า พ่ออินนายน้อยของสายบัวนี้หนา ผิวพรรณหน้าตางดงามราวกับแม่หญิง นี่หากบ่มีรูปกายแข็งแกร่งสมชายปานนี้ สายบัวคงได้เห็นนายน้อยศรีอุษายามผลิสาวเต็มตัวในร่างพ่ออินนี้เป็นแน่ ฟังคำของสายบัวแล้วสิตาอินทร์ก็รู้สึกสะดุ้งขึ้นมาในใจ เพราะแม่ใหญ่กำชับไว้แล้วว่า ระวังสายบัวให้จงหนักเพราะปากมากนัก ประเดี๋ยวความที่เจ้าเป็นหญิงนั้นจะแตก
อย่างนั้นเองหรือ พี่สายบัวเก็บสำรับกับข้าวพวกนี้ไปเถอะอินอิ่มแล้ว
หญิงสาวรีบบอกทันทีเพราะกลัวๆ ว่าสายบัวจะรู้อยู่เหมือนกัน เคยเห็นในภาพยนตร์ตั้งหลายเรื่องที่ผู้หญิงปลอมตัวเป็นผู้ชายแล้วไม่มีใครจับ ได้ ทั้งๆ ที่หน้าก็หวานซึ้งยังรูปร่างอ้อนแอ่นอรชรอีกต่างหาก ไม่เห็นจะสมจริงเลยสักนิด ว่าแต่...พี่สายบัวบอกว่ารูปร่างของเธอแข็งแกร่งสมชายอย่างนั้นหรือ ไม่จริง... ไม่เห็นมีใครบอกว่ารูปร่างของเธอเหมือนทอมบอยเลยสักครั้ง มีแต่ไล่ให้ไปประกวดนางงาม!!
ดังนั้นเมื่อลับร่างของสายบัว หญิงสาวจึงรีบตรงรี่ไปยังคันฉ่องบานใหญ่ทันที ลองหมุนวนหันซ้ายทีขวาทีเพื่อพิจารณารูปร่างของตัวเองอยู่พักใหญ่ ก็ไม่เห็นความแข็งแกร่งสมชายที่ว่านั่นเลยสักนิด...
เป็นเพราะข้าเองแท้ เจ้าสิตา เสียงแผ่วแว่วหวานของแก้วโกสุมดังเข้าหูของสิตาอินทร์อีกวาระ หญิงสาวสะดุ้งเฮือกรีบหันหาต้นสายปลายเสียงแต่ก็ไม่พบ จึงค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อยที่วิญญาณไม่ปรากฎเป็นรูปร่าง
คุณแก้วโกสุม
นี่เจ้ายังกลัวข้าอยู่แท้ฤา
ก็มันยังไม่ชินนี่คะ ว่าแต่คุณทำอะไรหรือ
ข้าร่ายเวทย์พรางร่างของเจ้าเอาไว้ ให้คนเห็นเป็นชายอย่างไรเล่า
โอ้ โห...คุณทำได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือคะ สิตาอินทร์ตาโตคาดไม่ถึงว่าเมื่ออดีตกาล เวทย์มนต์จะมีอยู่จริง หากไม่ได้ประสบเข้ากับตนเองจนถึงเดี๋ยวนี้ก็คงทำใจให้เชื่อยาก
แท้เชียวเจ้า ต่อให้เจ้านุ่งสิ้นห่มสไบเดินลงจากเรือนไป ข้าก็ยังคงพรางให้ผู้คนเห็นเจ้าเป็นชายได้
หือ...ก็ ดีสิคะ อินรู้สึกอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว หญิงสาวบอกอย่างยินดีเพราะตั้งแต่เธอข้ามภพมาเป็นเวลาได้ห้าวันมาแล้ว ยังไม่เคยได้อาบน้ำจริงๆ จังๆ กับเขาเสียที ได้แต่เช็ดหน้าเช็ดตัวบางอยู่ในห้องนี้เท่านั้น เพราะว่าไม่สบายนั่นเอง
พิสูจน์ให้เห็นกับตาของเจ้าเองเถิด เจ้าสิตาหลานข้า เจ้าจักได้มั่นใจในพระเวทแห่งข้า เพราะต่อแต่นี้ แม้นว่าเจ้าจำเป็นต้องใช้พระเวท ก็จงอธิษฐานผ่านข้า แลข้าจักเป็นผู้ให้สิทธิ์กฤติยาแก่เจ้า
จะอย่างไรไม่รู้แต่ก็ต้องขอบคุณค่ะ คุณแก้วโกสุม
เจ้าควรเรียกข้าว่าน้าแก้ว บ่รู้ฤา
เจ้าค่ะน้าแก้ว หญิงสาวเรียกตามอย่างว่าง่าย
อีกประการ เจ้าควรพูดตามอย่างชาวศรีอโณทัยให้ชินปาก จักได้บ่แลดูแตกแยกต่างไปนัก อีกประการจงระวังตัวให้จงหนัก ผู้ที่ฆ่าเจ้าอาจยังต้องการฆ่าเจ้าอีกครั้งหนึ่ง
สิตาอินทร์พยักหน้ารับคำ รอยยิ้มเย็นปรากฎอยู่ที่มุมปากงาม แววตาเปล่งประกายหมายมาดจนแก้วโกสุมชักหวั่นใจ อีกทั้งยังได้รู้ความในใจของหญิงสาว แม้สิตาอินทร์จะไม่ได้เอ่ยออกมาให้ได้ยินก็ตาม รีบมาเลยก็ดี เราจะได้ชิงกริชนั่นเอาไว้ก่อน เธอคิดอยู่ในใจไม่ได้ตั้งใจจะให้แก้วโกสุมรู้
น้าแก้ว ทำให้อินเห็นตัวเองเป็นผู้ชายสักครั้งได้ไหมคะ อินอยากเห็นว่าคนอื่นๆ เขาเห็นอินเป็นอย่างไร ก็ตามแต่ใจเจ้า
สิ้นคำของแก้วโกสุมภาพหญิงสาวก็กลับกลายให้เห็นเป็นร่างของมานพน้อยรูปร่างสะโอดสะองสง่างามบึกบึนสมชายอยู่มิใช่น้อย หากเมื่อสิตาอินทร์แผลหลุดหัวเราะขำภาพนั้นจึงสลายไปให้เห็นเป็นรูปร่างของเธอเองดังเดิม จากนั้นหญิงสาวก็ลองเปลี่ยนชุดจากที่สวมใส่อยู่เดิมโดยนำผ้าสิ้นทอลายผืนงามมาพันรอบตะโพกผายตามกรรมวิธีที่แก้วโกสุมคอยเป็นพี่เลี้ยงแนะนำ เดิมทีสิตาอินทร์คิดว่าคงไม่แน่นหนาและหลุดได้ง่าย แต่เมื่อจับซ้อนทบซ่อนปลายเรียบร้อยกลับพบว่าไม่หลุดลุ่ยง่ายๆ แน่ แม้จะรู้สึกวาบหวิวด้วยลมเย็นๆ ที่ไม่คุ้นเคยก็ตาม
อกอวบอิ่มสวยถูกพันซ่อนบัวคู่งามไว้ด้วยผืนผ้าฝ้ายสีเรียบไม่มีลวดลายใดๆ จับทบพับซ้อนพันกันไปมาจนรัดกระชับดีอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับคนที่มาจากโลกปัจจุบันแล้วรู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ผ้าผืนเล็กๆ นี้ใช้ดีกว่าบราเซียตัวสวยราคาแพงลิปเสียอีก ไม่กระดิกโตงแตงเลยแฮะ หญิงสาวคิดในใจจนเผลอหัวเราะคิกออกมาให้ได้เห็นรอยยิ้มสดใส แล้วหันกับไปเตรียมผ้าที่จะใช้ผลัดเปลี่ยนเมื่ออาบน้ำเสร็จ
หา!! จะไปอาบน้ำที่ท่าฤาเจ้า นางจงกลนีร้องอย่างตกอกตกใจเมื่อสิตาอินทร์แอบเข้ามาขออนุญาต ลงจากเรือนเพื่อไปที่ท่าน้ำ
เจ้าค่ะแม่ใหญ่ ให้อินไปเถอะนะ
เจ้าเพิ่งจักพื้นไข้นา...อีกประการ แม้เจ้าจักแต่งกายเป็นชายอยู่เช่นนี้ แต่ข้าฤาจักวางใจได้สนิท สิตาอินทร์ได้ฟังก็ลิงโลดอยู่ในใจ นี่อย่างไรได้คนยืนยังแล้วว่าเห็นเธอเป็นผู้ชายจริงๆ ก็ตอนนี้เธอแต่งตัวเป็นผู้ชายที่ไหนกันเล่า
นี่ก็พลบค่ำแล้วนี่คะ ไม่มีใครเห็นหรอก
เออ หนอ หากเยี่ยงนั้นเจ้าก็จงระวังตัวให้ดีเถิดหนา แลซ้ายแลขวาอย่าให้ผู้ใดเดินตามเจ้าไปที่ท่าน้ำเป็นอันขาด มา...แม่ใหญ่จักลงไปส่งเจ้า แล้วจักให้คนเฝ้าเอาไว้ไม่ใครไปที่ท่าน้ำอีก
ขอบพระคุณเจ้าค่ะ
สิตาอินทร์ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แม่จงกลนีจูงมือหลานสาวในร่างของหลานชายลงจากเรือนด้วยความไม่สบายใจนัก ครั้งเมื่อเดินลงมาถึงหน้าเรือนก็ยังพบเหล่าข้าบริวารแห่งเรือนจอมปราชญ์ กำลังจัดเตรียมข้าวของกันวุ่นวายอยู่ไม่เลิก หญิงสาวเลิกคิ้วฉงนถามเสียงใส
แม่ใหญ่ขอรับ เตรียมข้าวของไว้ทำอะไรกันหรือ แม้จะสงสัยแต่หญิงสาวก็ยังรู้ว่าควรใช้สำเนียงพูดเช่นใด
วันพรุ่งก็จักเป็นวันพระ จอมปราชญ์ท่านให้เตรียมของไปเลี้ยงภิกษุสงฆ์ที่อาราม
ขอรับ หญิงสาวยิ้มรับพร้อมพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจ แผ่นดินนี้นับถือศาสนาพุทธมายาวนานจริงๆ
เจ้า อิน ไวย์กูล นักรบหนุ่มจอมโวยตะโกนพรางวิ่งพรางมาแต่ไกล แต่พอจะเอื้อมมือไปรั้งร่างของสิตาอินทร์ที่กำลังเดินอยู่ จงกลนีก็รีบเข้ามายืนขวางไว้ได้เสียก่อน
อะ...แม่ครู ขออภัยขอรับ ข้าบ่ทันเห็นท่าน ไวย์กูลรีบบอกนอบน้อมลงทันควัน
มีการณ์อันใดฤาพ่อ จึงได้มาถึงเอาจนมืดค่ำเสียป่านนี้
องค์รามราช ใช้ข้ามาดู ว่าเจ้าอินเป็นอย่างไรบ้างขอรับ
ชั้น..เอ้ย! ข้าสบายดีแล้ว
เป็น เยี่ยงนั้นก็ดีนัก องค์รามราชทรงห่วงใยเจ้ามากนักรู้ตัวบ่เจ้า ประเดี๋ยวข้าคงต้องรีบกลับไปรายงานดั่งเจ้าว่า ข้าลาเลยนะขอรับท่านแม่ครู ข้ายังมีการณ์ต้องกระทำอีกขอรับ
ผู้มาไวไปไวราวกับพายุวิ่งหายลับแล้วในความมืด ได้ฟังสิตาอินทร์ก็อมยิ้มนึกถึงพระพักตร์ที่นิ่งขรึมราวกับคนไร้ความรู้สึก หญิงสาวอดที่จะอิ่มเอมใจไม่ได้ ทรงห่วง..จริงๆ หรือ แต่ทำไมจึงไม่มาตัวองค์เองนะ หรือเธอไม่สำคัญ ในขณะที่หญิงสาวกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์หวาน แม่จงกลนีก็หันมากระตุกมือให้หลานเดินไปตามทาง
รีบอาบน้ำอาบท่าให้แล้วเสียไว จงรีบขึ้นเรือนนาเจ้า
นางจงกลนีชี้มือบอกทางไปทีท่าน้ำแล้วหันไปสั่งข้าบริวารที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ให้เฝ้าคอยดูแลมิใครลงไปที่ท่าน้ำอีก จากนั้นก็เดินกลับขึ้นเรือไป สิตาอินทร์ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงแห่งความคิดถึง เดินไปยิ้มไปจนถึงท่าน้ำโดยไม่รู้ว่าคนที่ตนเองกำลังคิดถึง หลังจากสั่งคนของพระองค์ให้จากมาแล้ว ก็อยู่มิเป็นสุขจึงได้ตัดสินพระทัยเสด็จมาด้วยตนเอง แต่มิกล้าแสดงพระองค์จึงได้ประทับแอบอยู่ที่ข้างบนต้นไทรใหญ่ริมท่าน้ำของ เรือนจอมปราชญ์นั่นเอง
จันทร์แสงนวลยวนตาชวนพิศภิรมย์รื่นฤดียามยินเสียงเรไรร้องขับขาน สายลมพัดเพียงแผ่วแตะเนื้อต้องนวล สายน้ำที่เจ้าวักใส่กายสะท้อนต้องแสงจันทร์งาม ประกายหวามวับขับร่างผ่องพรรณพิลาสต้องหทัย
ศาลาริมน้ำมีเพียงแสงไต้และดวงจันทราเท่านั้นที่ให้ความสว่าง ดวงหนึ่งถูกจุดเอาไว้อยู่ก่อนแล้วอีกดวงสิตาอินทร์เป็นคนถือลงมาเอง อากาศเริ่มเย็นลงมากขึ้นๆ ทุกที หากดึกสงัดน้ำค้างลงแรงคงจะยิ่งเย็นลงไปอีกทั้งๆ ที่เป็นฤดูร้อนแท้ๆ ซ้ำผืนน้ำยังปกคุมไปด้วยความมืดมิดกว่าที่คิด คนที่มาจากยุคปัจจุบันอันมีไฟฟ้าใช้เสียจนเคยตัวจึงนึกหวาดๆ จนต้องยกเลิกความคิดที่จะลงไปดำผุดดำว่ายไปโดยปริยาย
หญิงสาวเหลียวซ้ายแลขวาก็ไม่พบขันน้ำแต่อย่างใด มีแต่กะลาวางค่ำไว้ที่ตีนท่า เธอจึงนำมาใช้แทนขันตักน้ำอาบอยู่บริเวณท่าน้ำนั้นเอง สบู่ก็ไม่มีรู้สึกผืดๆ ชอบกลแฮะ สิตาอินทร์บ่นอยู่ในใจเริ่มรู้สึกคิดถึงความสะดวกสบายที่เคยชินขึ้นมาอีก
หญิงสาวผลัดผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วคิดจะรีบกลับขึ้นเรือนตามที่แม่ใหญ่สั่งไว้ หากแต่หางตาของเธอแลเห็นดวงไฟที่ลอยอยู่ริบๆ กลางน้ำเสียก่อน ในยุคสมัยนี้การสัญจรทางน้ำคงสะดวกที่สุดเพราะค่ำมืดป่านนี้จึงยังมีคนพายเรือเดินทางกันอยู่ และดูเหมือนว่าดวงไฟนั้นจะมุ่งตรงมายังท่าน้ำนี้แน่นอน สิตาอินทร์จึงคิดที่จะรอดูอยู่ก่อน
จากคุณ |
:
กิ่งพุทธชาติ
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ต.ค. 55 23:31:29
|
|
|
|