ปัณณ์เดินเคียงข้างหญิงสาวไปดูแผนที่เพื่อหาพิกัดของร้านไอศกรีม ทว่าขณะผ่านร้านเครื่องประดับยี่ห้อหรูจากต่างประเทศ เจ้าของบริษัทแอบโซลูตเจมส์ก็สะดุดตากับของบางอย่างในตู้โชว์เสียก่อน
เขาคว้าสายกระเป๋าสะพายของสิมิลันไว้เป็นเชลยเช่นเคย ตอง หนูมาดูนี่สิ
อะไรอีกล่ะ คนพูดทำหน้าเมื่อย ก่อนเปลี่ยนเป็นดวงตาเบิกกว้างแปลกใจ อุ๊ย! สวยจัง
สวยเนอะ สายตาปัณณ์จับจ้องไปยังกลุ่มเส้นโลหะบอบบางหลากสีทำจากแพลทินัม ทอง และทองอิตาลีวะวับวาววาม มีเพชรเม็ดจิ๋วประดับเป็นระยะ ตรงปลายเกี่ยวเพชรเรียงเม็ดเป็นแถวจนสุด สร้อยเส้นเล็กๆ เหล่านั้นถูกนำมารวมกันสอดผ่านวงแหวนขนาดเกือบเท่าเหรียญสิบบาทสามวงที่คล้องเข้าด้วยกัน โดยทิ้งชายไว้คล้ายปอยเชือก ด้วยความโปร่งและดีไซน์เก๋ทำให้สร้อยดูบอบบาง แต่ก็หรูหราบอกมูลค่ามหาศาลไปในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นเครื่องประดับยี่ห้อดังระดับโลก
คอลเลกชันตรินิตี้ของคาร์เทียร์ เคยได้ยินไหม
สิมิลันส่ายหน้า รู้จักแค่คาร์เทียร์ ส่วนชื่อคอลเลกชันนั่นเพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ
คาร์เทียร์มีคอลเลกชันดังๆ มากมาย ที่คนไทยรู้จักกันดีเพราะได้ยินชื่อบ่อยก็เห็นจะมีคอลเลกชันเลิฟ กับตรินิตี้นี่แหละ สังเกตง่ายๆ นะ ถ้าเป็นคอลเลกชันเลิฟไม่ว่าจะจี้ กำไล แหวน หรือแม้แต่ต่างหู ส่วนมากจะเป็นวงเรียบๆ แล้วก็ทำรอยกดเป็นระยะเหมือนหัวน้อตไงล่ะ เขาชี้ของในตู้กระจกแล้วอธิบาย คู่รักนิยมซื้อให้กัน เพราะความหมายดี แต่ฝรั่งหรือจะโรแมนติกเท่าคนไทย ตองรู้ไหมว่าสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเคยพระราชทานกำไลมาศให้เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ พระสนมท่านรองสุดท้ายในรัชกาล โดยสลักข้อความไว้ว่า ตาปูทองสองดอกตอกสลัก ตรึงความรักรับไว้มิให้หาย แม้นรักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย เมื่อใดวายสวาสดิ์วอดจึงถอดเอย ตองเคยได้ยินไหม
ไม่เคยค่ะ แล้ว...เจ้าจอมท่านถอดกำไลไหมคะ สีหน้านั้นบอกความอยากรู้แท้จริง
ท่านสวมไว้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ลูกหลานถอดออกจากข้อมือคุณจอมหลังท่านถึงแก่อนิจกรรมตอนอายุ ๙๓ ปี ท่านสวมไว้ตลอดเวลา ๗๓ ปีที่ครองตัวเป็นโสดเลยทีเดียว
เดี๋ยวค่ะ คุณว่าท่านยังคงถวายความรักต่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงตลอดชีวิตที่เหลือเลยเหรอคะ แล้ว...ท่านถวายตัวเป็นคุณจอมอยู่กี่ปีหรือ ทำไมท่านถึงจงรักภักดีขนาดนี้
ปัณณ์ยิ้มบางๆ ๔ ปี
สิมิลันอ้าปากค้าง เวลา ๔ ปี ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งรักผู้ชายที่จากไปแล้วต่อไปได้อีกถึง ๗๓ ปีเชียวหรือคะ
คนบางคน...พบกันแค่เสี้ยววินาที แต่กลับไม่เคยลืมกันเลยตลอดชีวิตด้วยซ้ำ
หญิงสาวหัวเราะแกนๆ ฉันนึกว่าโลกนี้ไม่มีรักแท้เหลืออยู่แล้วซะอีก
พูดจาเป็นคนแก่ไปได้ เราเพิ่งจะอายุสักเท่าไหร่เชียว รออายุเท่าพี่แล้วค่อยมาบ่นดีกว่า
คุณว่ารักแท้มีจริงบนโลกนี้ไหมคะ
ปัณณ์ไตร่ตรองคำตอบอย่างจริงจัง พี่ได้แต่หวัง...ว่ามันจะมีจริง
ดวงตาสองคู่สบสานกันนิ่งๆ บรรยากาศรอบด้านคล้ายหยุดนิ่ง กระทั่งนาฬิกาก็เหมือนจะหยุดเดิน โลกทั้งใบว่างเปล่า ไร้ความหมาย เหลือเพียงคนตรงหน้าเท่านั้น
ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากให้หนูเป็นรักแท้ของพี่นะ เสียงห้าวกระซิบแผ่วเบาคล้ายละเมอ
สิมิลันเป็นฝ่ายหลบสายตา เสมองไปทางอื่น ใบหน้าเริ่มเป็นสีเรื่อ ขณะริมฝีปากยักแย้มขึ้นนิดๆ
นาน...กว่าปัณณ์จะทำลายมนต์ขลังของความอ่อนหวานที่รายล้อมอยู่รอบกาย เขาคว้าสายกระเป๋าสะพายหมับ ลากหญิงสาวเข้าไปในร้านก่อนที่เธอจะทันปฏิเสธ
เสียงห้าวสั่งพนักงานปนภาษาอังกฤษรัวเร็ว แล้วยิ้มกริ่ม เพียงชั่วครู่กล่องกำมะหยี่สีแดงคาดโลโก้สีทองอร่ามเป็นชื่อยี่ห้อ Cartier ก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า ปัณณ์กดไหล่หญิงสาวให้นั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ
สิมิลันอ้าปากค้างอีกคำรบเมื่อเห็นของในกล่อง นี่มันอะไรกันคะ
อ้าว...ก็หนูชมสวย
หญิงสาวส่ายหน้าหวือ ฉันไม่ได้ชมเส้นนี้ ฉันนึกว่าคุณชวนให้ดูอีกเส้นหนึ่งต่างหาก
เส้นไหนล่ะ ปัณณ์ขมวดคิ้ว กลับไปยืนหน้าตู้โชว์เมื่อครู่ มองจากในร้านแล้วร้องถาม เห็นมีแต่สร้อยเส้นจิ๋วๆ ทั้งนั้นเลย
ก็เพราะมันจิ๋วนั่นแหละ ฉันถึงว่ามันสวย คนพูดสะบัดเสียง
ซูเปอร์สตาร์หนุ่มเกาหัว เครื่องประดับเส้นเล็กๆ มันจะสวยตรงไหนเนี่ย ไม่เห็นเข้าใจเลย
ในที่สุดเขาก็ชี้สร้อยเส้นหนึ่งในตู้ แล้วกลับมายืนคุมเชิงกับสิมิลัน พนักงานรีบนำกล่องกำมะหยี่อีกใบมาเปิดให้เธอดู ภายในเป็นสร้อยทำจากทองอิตาลีเส้นเล็กคล้ายโซ่กลมขนาดจิ๋วเรียงร้อยกันตลอดเส้น จี้ชิ้นเล็กที่ห้อยอยู่ตรงกลางเป็นรูปหัวใจทำด้วยทองชนิดเดียวกันขนาดเกือบเท่าเหรียญบาท หนาราวครึ่งเซนติเมตร
เส้นนี้หรือเปล่าที่หนูว่าสวย
สิมิลันขยับเข้าไปมองสร้อยในกล่องใกล้ๆ ผู้หญิงคนไหนบ้างไม่ชอบดูเครื่องเพชร แต่ก็อย่างว่า...ชอบดู กับชอบใส่มันไม่เหมือนกัน
ใช่ค่ะ
ตกลงงั้นผมเอาเส้นนี้ ปัณณ์ส่งบัตรเครดิตให้พนักงานทันที
เดี๋ยวค่ะ สิมิลันร้องลั่น ฉันไม่ได้บอกว่าอยากได้เลยนะ
ชายหนุ่มไม่สนใจ หยิบสร้อยมาสวมให้สิมิลันด้วยตัวเองพร้อมกับกระซิบ สำหรับคนพิเศษที่สุดจ้ะ สิมิลันยิ้มแหย อยากจะเถียง อยากจะวีน แต่คนรอบข้างก็ยืนกุมมือสุภาพส่งยิ้มมาให้ด้วยสายตาชื่นชม จนเธอไม่กล้าอาละวาดเพราะไม่อยากถูกเอาไปพูดลับหลัง
ปัณณ์ยังมีหน้าส่งโทรศัพท์มือถือให้พนักงาน ถ่ายรูปผมกับแฟนให้หน่อยได้ไหมครับ
จากโทรศัพท์เครื่องเดียว กลับกลายเป็นว่าพนักงานในร้านขออนุญาตเก็บภาพของทั้งคู่เอาไว้ด้วยเช่นกัน สิมิลันอยากปฏิเสธ แต่ปัณณ์กลับตอบรับทั้งยังมีน้ำใจช่วยจัดท่าทางให้อย่างเต็มใจอีกด้วย
กว่าจะออกจากร้านอีกครั้ง สิมิลันก็หน้าบูด
คุณแกล้งฉัน
พี่ไม่ได้แกล้ง แต่ที่ทำนั่นเพราะอยากเป็นข่าวกับตองต่างหาก
ว่างมาก ว่างั้น!
เป็นดาราก็อย่างนี้แหละ ถ้าไม่ขยันเป็นข่าว คนก็ลืมชื่อเราหมดพอดี
แต่คุณเป็นซูเปอร์สตาร์ ยังต้องสร้างกระแสอีกหรือ
จะดาราระดับไหนก็เหมือนกันแหละ เมื่อไหร่ที่คนจำเราไม่ได้ เราก็ไม่มีงาน จบ! เขาตอบราวกับลืมไปแล้วงั้นแหละว่าเคยยืนกรานเสียงแข็งกับดาลัดไว้อย่างไรบ้าง
หรือบางทีปัณณ์อาจไม่รู้ตัวก็ได้ว่าที่อยากได้กระแส เขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่กำลังทำเพื่อใครอีกคนหนึ่งต่างหาก
ชายหนุ่มก้มลงมองคนข้างๆ ตองชอบสร้อยไหม
มันแพงไหมคะ
ปัณณ์ยิ้มนิดหนึ่งก่อนบอกราคา
หา! สร้อยเส้นแค่นี้น่ะนะ! ฉันต้องถ่ายละครตั้งสองตอนเลยนะคะ กว่าจะมีปัญญาซื้อได้เนี่ย ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก สิมิลันทำท่าจะถอด
รับไว้เถอะ ถือเสียว่าเป็น...ของขวัญจากพี่ก็แล้วกัน ตั้งแต่เราประกาศตัวว่าเป็นแฟนกันมา พี่ยังไม่เคยให้ของขวัญหนูเลย
อยากให้ของขวัญ เอาชิ้นที่อยู่ในร้านคุณก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียเงินเลย อาจเพราะเคยชินกับการต้องรัดเข็มขัด บริหารการใช้เงินอย่างมีวินัย เพื่อเก็บเงินเข้าธนาคารไว้ให้แม่กับน้องให้ได้มากที่สุด สิมิลันจึงทำใจให้เคยชินกับนิสัยใช้เงินเป็นเบี้ยของปัณณ์ไม่ได้เสียที
พี่อยากให้ของที่หนูอยากได้ ไม่ใช่แค่อะไรก็ได้ ที่พี่มีอยู่แล้ว
คราวหน้าถามฉันก่อนก็ดีนะ หญิงสาวหน้ามุ่ย
ขืนถามก่อน หนูก็ปฏิเสธพี่เท่านั้นเอง เรื่องอะไรจะถามล่ะ ปัณณ์ย้อนหน้าตาย แล้วนำหญิงสาวตรงไปยังร้านไอศกรีมที่ตั้งใจไว้ เมื่อมาถึงร้านขนาดเล็กบนชั้นสามของห้างสรรพสินค้าซึ่งเงียบสมใจเขา ปัณณ์ก็ค่อยยิ้มออก กินที่ร้านนี้ก็แล้วกันนะ
ไม่เอาดีกว่าค่ะ สิมิลันมองราคาบนป้ายกระดานแล้วทำหน้ายุ่ง ไอติมอะไรเนี่ย ลูกเดียวราคาตั้ง ๑๔๐ แถมไม่มีกล้วย เชอรี่หรือบราวนี่สักชิ้นเลยด้วย มีแต่ไอติมล้วนๆ ราคาขนาดนี้กินที่สเวนเซนได้สองถ้วยเลยมั้ง
คิดว่าแพงก็แพง ความจริง ๑๔๐ บาทเนี่ย หนูซื้อต่างหูไว้ใส่เล่นข้างหนึ่งยังไม่ได้เลย ปัณณ์โน้มน้าว
แต่ต่างหูซื้อมาแล้วใส่ซ้ำได้ ขณะที่ไอศกรีมกินหมดแล้วก็หมดเลย
หนูจะซีเรียสทำไม พี่เหมาไอศกรีมทั้งร้านนี้ให้หนูเอากลับบ้านด้วยก็ยังไหว
มีเงินเยอะแล้วจำเป็นต้องฟุ่มเฟือยใช้ทิ้งๆ ขว้างๆ เหรอคะ สิมิลันประชด ทว่าเมื่อเห็นซูเปอร์สตาร์หนุ่มที่เคยแต่เอาแต่ใจ สั่งในสิ่งที่ต้องการ มาวันนี้กลับทำหน้าสลด หญิงสาวก็ชะงัก
ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปากเสียว่าคุณนะคะ บางที...ฉันคงจะเอาตัวเองเป็นมาตรฐานมากเกินไป เงินของฉันหามาได้ก็ต้องเก็บไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าวันไหนจะไม่มีงาน ลำพังตัวเองฉันไม่คิดอะไรหรอก แต่ฉันห่วงแม่กับน้อง แล้วก็พี่งาม ฉันกลัวพวกเขาลำบาก
ไม่ต้องขอโทษหรอก หนูพูดก็ถูก พี่ยอมรับนะว่าชีวิตที่ผ่านมามันเป็นแบบนั้น ตองรู้ไหม...ตั้งแต่พบหนู มีเรื่องใหม่ๆ ในชีวิตพี่มากมาย พี่ดีใจที่หนูทำให้พี่เปลี่ยนไปได้แบบนี้ เห็นไหม...เราเหมาะสมกันจะตาย
สิมิลันยู่หน้า ฉันจะกินไอศกรีม
งั้นไปฮาเก้น-ดาสละกัน ไอติมอร่อย มีเครื่องเยอะๆ อย่างที่หนูชอบด้วย
ปัณณ์พาหญิงสาวเข้าร้านไอศกรีมเฟรนไชนส์จากต่างประเทศ ส่งเมนูให้เธอเลือก ส่วนตัวเองสั่งแค่กาแฟร้อน
สิมิลันสั่งไอศกรีม และช็อกโกแลตเย็นครบสูตร เธอละเลียดชิมอย่างมีความสุข ท่าทีไร้เดียงสา น่ารัก ทำให้ปัณณ์วางตัวไม่ถูก ยิ่งเมื่อเห็นรอบกายเต็มไปด้วยเด็กวัยรุ่น และหนุ่มสาวในเครื่องแต่งกายสบายๆ ในขณะที่เขาเองแม้จะแต่งตัวทันสมัย แต่หน้าตากับวัยก็เกินจากค่าเฉลี่ยรอบตัวไปไม่น้อย
นานมากแล้วที่ปัณณ์ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเอง แก่ แต่ในวินาทีนั้นจู่ๆ เขาก็นึกสงสารผู้หญิงตรงหน้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธออับอายหรือเปล่าที่ต้องไปไหนมาไหน ควงกับผู้ชายที่อายุมากกว่าอย่างนี้ ดูเธอสิ ทั้งน่ารัก สดใส เด็กสาวที่ยังไม่พ้นรั้วมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ แต่กลับต้องมาคบหากับผู้ชายที่อายุสามสิบสาม
ใช่...สำหรับการเป็นทายาทธุรกิจหมื่นล้านอย่างแอบโซลูตเจมส์ สามสิบสามเพิ่งจะแค่เริ่มต้นชีวิต แต่ในมุมมองของสิมิลัน เขาแก่เกินไปสำหรับเธอหรือเปล่านะ
ท่าทางเอร็ดอร่อยของสิมิลัน ทำให้เขาพยายามทำตัวลดวัยบ้าง จึงถาม อร่อยมากเลยหรือ
หญิงสาวพยักหน้า มากที่สุดเลยค่ะ เครปนี่นุ๊มนุ่ม กินคู่กับซอสส้มแล้วเข้ากันชะมัด ไอศกรีมก็หอมขึ้นจมูกเลย มิน่าราคาถึงแพงกว่าสเวนเซน รสชาติมันสุดยอดแบบนี้นี่เอง
ไหน...เอาแบบอร่อยที่สุดในความเห็นหนู ตักให้พี่ชิมสักคำสิ คงเพราะรู้สึกอยากเอาใจ ไม่ต้องการให้เธอสังเกตเห็นช่องว่างระหว่างวัย และความแตกต่างของกันและกัน ปัณณ์จึงออกปากอย่างนั้น
สิมิลันตักไอศกรีมเคียงด้วยเครปเนื้อนุ่มชิ้นเล็กและวิปครีมส่งให้ทั้งช้อน
ปัณณ์ไม่ยื่นมือมารับ แต่เอื้อมหน้ามาอ้าปากกินไอศกรีมแล้วยิ้มกริ่ม อื้ม...หวานจัง
สิมิลันเม้มปากแน่น หน้าร้อนฉ่าเพราะสังหรณ์ใจว่าที่เขาชมหวาน ไม่น่าจะหมายถึงไอศกรีมสักนิด ก็...ซอสส้มที่ราดบนไอศกรีมมันเปรี้ยวจะตายไป
วิปครีมสีขาวเลาะที่มุมปากชายหนุ่ม เธอจึงส่งกระดาษทิชชูให้ ปากคุณเปื้อน
เช็ดให้หน่อยสิ
หญิงสาวชักสีหน้า
น่า...พี่มองไม่เห็นนี่นาว่าเปื้อนตรงไหน ทั้งสีหน้าทั้งน้ำเสียงออดอ้อนจนเธอหมั่นไส้ สิมิลันหยิบกระดาษเอื้อมไปเช็ดคราบเปรอะให้เขาอย่างกระแทกกระทั้น
ปัณณ์กลับคว้ามือเธอไว้มั่น ชั่ววินาทีที่ซูเปอร์สตาร์หนุ่มรู้สึกถึงอาการอิ่มเอมในใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เป็นความรู้สึกเดียวกับที่เขาสัมผัสได้ค่ำคืนนั้น...ความรู้สึกที่เขาไม่กล้าอธิบายว่ามันแปลว่าอะไร
ปัณณ์ ปัณณ์จริงๆ ด้วย ยู้ฮู ทางนี้ค่ะ เพียงออกจากร้านไอศกรีม สองหนุ่มสาวก็ต้องหันไปตามเสียงเรียก แล้วฝ่ายชายก็มีสีหน้ารำคาญใจอย่างไม่ทันควบคุม
เจ้าของเสียงรีบปรี่เข้ามาหา ท่าทางยินดีอย่างแท้จริง
แพทมองไกลๆ จากบันไดเลื่อน ยังคิดอยู่เลยว่าตัวเองตาฝาดหรือเปล่า ปัณณ์ รัชนาถ เนี่ยนะจะมากินไอศกรีมกลางห้างอย่างนี้ ต๊าย! มาดูใกล้ๆ ถึงรู้ว่าเป็นคุณจริงๆ ด้วย ดีใจจังที่เจอกันที่นี่ คนพูดเกาะแขนชายหนุ่มสนิทสนม ปรายตามองสตรีที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งอย่างไม่พอใจ
แล้วนี่มากับใครคะ อ้อ...สิมิลัน มายาวี ตัวอิจฉาร้อยล้านนี่เอง นี่คุณแค่สร้างกระแสรักโปรโมตเองไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องออกมาข้างนอกด้วยกันอย่างนี้ด้วยคะ
แพทก็รู้ว่าคนอย่างผมไม่เคยต้องสร้างกระแส ผมคบกับตองอยู่จริงๆ
ภัทรีมาตาวาวจ้าตวัดมองสิมิลันทันควัน คุณจะบอกว่าคุณรักยายเด็กเนี่ยน่ะเหรอ แพทไม่เชื่อหรอก
สิมิลันก้มหน้า ทั้งยังขยับไปยืนหลบอยู่เบื้องหลังปัณณ์โดยไม่รู้ตัว จำได้อยู่หรอกว่าผู้หญิงคนนี้เคยขับรถชนเธอทั้งยังขู่ไว้ว่าอะไรบ้าง
ปัณณ์ยิ้ม ผมไม่เคยขอให้ใครเชื่อ อ้อ...แพทควรจะปล่อยมือจากแขนผมได้แล้ว ผมไม่อยากให้แฟนผมเข้าใจผิด บางทีตองก็ขี้หึงนะ ผมเดาอารมณ์เขาไม่ถูก
คนที่เพิ่งถูกใส่ความว่าขี้หึงก้มหน้างุด
เห็นไหม ตองโกรธอีกแล้ว ปัณณ์รีบสมอ้าง แพท...อย่าทำให้ผมมีปัญหาเลยดีกว่า ขอละ
จะบ้าเหรอปัณณ์ คนระดับคุณเนี่ยนะต้องง้อใคร แพทไม่เชื่อหรอก ภัทรีมาหันไปทางสิมิลัน แล้วเธอน่ะมาควงกับปัณณ์ รู้หรือเปล่าว่าเขากำลังจะแต่งงานกับฉัน
ผมไม่เคยพูดแบบนั้นนะ ปัณณ์ท้วง
ลืมที่คุณคุยกับคุณพ่อแพทแล้วหรือไงคะ
ไม่ลืมหรอก แต่ก็ขี้เกียจจำเหมือนกัน เขาก้มลงบอกสิมิลัน เราไปกันเถอะ
สิมิลันเอื้อมมือคว้าแขนเขาพลางจิกแน่นด้วยความกลัว เดินตามแรงดึงของปัณณ์โดยง่าย
หารู้ไม่ว่าคนมองชะงักนิดเดียว เมื่อแสงไฟตกต้องสร้อยคอที่สิมิลันสวมอยู่สะท้อนเข้าตาจนเธอมึนงงไปชั่วขณะ ไฮโซคนไหนบ้างจะไม่รู้จักจี้รูปหัวใจของคาร์เทียร์!
แล้วนักแสดงหน้าใหม่อย่างสิมิลันน่ะหรือจะลงทุนซื้อสร้อยแบบนั้นมาใส่เอง รู้กันอยู่ว่าราคาค่างวดของมันไม่ธรรมดาเลย
ภัทรีมาวิ่งตามสองคนนั่นไปทันที คุณซื้อสร้อยให้ยายเด็กนี่เหรอปัณณ์
ผมจะให้อะไรใครก็ได้นะ ถ้าผมพอใจ ปัณณ์ตอบเสียงเรียบ ท่าทางไม่พอใจ ผมอยากให้นี่เป็นการพบกันเป็นครั้งสุดท้าย ผมคิดว่าคุณเป็นเพื่อนเท่านั้นนะแพท แต่จากที่พ่อคุณพูด มันแย่มาก ผมเสียใจที่ทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจผิด และผมก็รู้สึกไม่ดีมากๆ ด้วยถ้าผมเคยทำอะไรที่อาจเป็นสาเหตุให้แพทเข้าใจผิดหรือลำบากใจ ผมว่าเราไม่ควรจะพบกันอีกแล้ว ปัณณ์เอ่ยทุกประโยคชัดเจน และตรงประเด็น
พูดใหม่สิคะ ภัทรีมาหน้าเสียจ้องชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตา คุณบอกเลิกกับแพทเหรอ ไม่จริง คุณควรต้องขอแพทแต่งงานสิ
ปัณณ์ส่ายหน้า ระอา
ผมหลบหน้าขนาดนี้ คุณยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าผมไม่ต้องการแต่งงานกับคุณ
แพทไม่สน แพทรักคุณก็พอแล้ว
ไม่พอหรอก เราแค่สนุกด้วยกันครั้งเดียวเอง เราตกลงกันแล้ว ต่างคนต่างไปเถอะน่าแพท
ภัทรีมากำมือแน่น หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำบอกชัดว่าโกรธเกรี้ยว เธอเค้นคำพูดต่อมาอย่างยากเย็น
คุณทำแบบนี้กับแพทไม่ได้นะคะ พ่อจะต้อง...
ให้พ่อบังคับผู้ชายมาแต่งงานกับคุณนี่น่าภูมิใจตรงไหนเหรอแพท ผมว่ามันน่าทุเรศมากกว่านะ ปกติแล้วปัณณ์ไม่ใช่คนชอบพูดจาเชือดเฉือนใครนัก แต่กับบางคน...ก็จำเป็นต้องมีข้อยกเว้นให้ ผมไม่ได้รักคุณ และคุณก็ไม่ได้รักผม เลิกหลอกตัวเองเสียที อย่าให้ผมต้องปฏิเสธคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลย มันจะทำให้เราหมางใจกันเปล่าๆ อย่างน้อยเราก็เคยมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน ผมอยากให้เราจากกันด้วยดีมากกว่า
ภัทรีมากัดริมฝีปากแน่น สีหน้าบอกชัดว่ากำลังข่มอารมณ์สุดฤทธิ์
ปัณณ์ถอนใจ แม้จะเห็นใจสตรีตรงหน้าที่ต้องผิดหวัง แต่เขายังไม่พร้อมจะให้ความสงสารผูกรัดพันธนาการเขาไว้กับผู้หญิงที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกใดด้วย ปัณณ์ยอมรับว่าเขายังรักตัวเองมากเกินกว่าจะยอมทำอะไรเช่นนั้น
และที่สำคัญ...เขามีใครอีกคนที่อยากจะรับผิดชอบเธอผู้นั้นมากกว่าอยู่แล้วด้วย
สักวัน...คุณจะต้องได้เจอผู้ชายคนที่คุณรักและรักคุณ ผมมั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องดีกว่าผมแน่นอน ชายหนุ่มตบบ่าภัทรีมาเบาๆ อย่างปลอบประโลม
โชคดีครับ ปัณณ์เอ่ยเป็นคำสุดท้าย แล้วหันหลังให้ฝ่ายนั้นแยกออกไปทันที
เขากำลังอยู่ในอารมณ์ไม่ปกติ จึงลืมสังเกตว่าท่อนแขนถูกสิมิลันยึดไว้แน่น ทั้งที่เธอหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้หรือแตะเนื้อต้องตัวเขาจนเรียกว่าหวาดระแวงด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มเดินไหล่หลังตั้งตรงไม่ลังเลหรือชะงัก แม้เมื่อภัทรีมาเริ่มต้นส่งเสียงสะอื้นตามหลังมาก็ตาม
เป็นสิมิลันเสียอีกที่เหลียวไปมองฝ่ายนั้นอย่างครุ่นคิด จากที่เคยเจอฤทธิ์ของภัทรีมามาแล้ว รวมกับบทสนทนาที่ผ่านหู ทำให้พอเดาได้รางๆ ว่าภัทรีมาคงเต็มใจทอดกายให้ปัณณ์เชยชมด้วยความหวังว่าเส้นทางนั้นจะจบลงที่การแต่งงาน ทว่ามันกลับกลายเป็นความว่างเปล่าในท้ายที่สุด
ไม่รู้ว่าเธอควรจะดีใจหรือเปล่า ที่อย่างน้อยเธอก็ยังเรียกร้องค่าเสียหายจากจากปัณณ์ได้
ขณะที่ภัทรีมาเองก็ได้เช่นกัน แต่สิ่งที่ได้กลับเป็น...ความเสียใจ!
เกือบสองทุ่มกว่ารถเบนซ์สีดำสนิทของปัณณ์จะเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านหญิงสาว
สิมิลันทำความเคารพอีกฝ่ายแล้วจะลงจากรถ แต่ก็ช้ากว่าปัณณ์ที่ฉุดสายกระเป๋ารั้งเธอไว้ก่อน
เดี๋ยวสิตอง
มีอะไรอีกคะ
เรายังไม่ได้ตกลงกันเรื่องพรุ่งนี้เลย
มีอะไรต้องตกลงคะ
ก็...ลืมไปแล้วหรือว่าพี่ชนะพนันหนูน่ะ
ไม่ลืมค่ะ สิมิลันยิ้มบางๆ เอาเป็นว่า...ตองจะพยายามพูดเพราะๆ กับคุณก็แล้วกัน...ถ้าไม่ลืมน่ะนะ
ได้ยินแค่นี้ก็ดีใจแล้ว ปัณณ์ยิ้มกว้าง ดวงตาพราวอย่างมีความสุข ว่าแต่...วันนี้หนูมีความสุขไหม
นักแสดงสาวกลอกตาไปมา ก่อนจะยอมรับความจริง ก็...ดี...ค่ะ คำสุดท้ายถูกเติมลงเมื่อนึกได้
พี่ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น
สิมิลันขมวดคิ้ว คุณแคร์ด้วยเหรอว่าฉะ...เอ้อ...ตองคิดยังไงน่ะ
มากกว่าที่จะอธิบายได้ด้วยซ้ำ ถ้าหนูเคยทำผิดต่อใครสักคนอย่างที่พี่ทำไป ตองจะรู้ว่าแค่บอกมาเถอะว่าอะไรที่ทำแล้วจะพอบรรเทาความรู้สึกนั้นลงบ้างแม้แค่องคุลีเดียว พี่ก็จะทำ และพี่รู้ดีว่าเท่าที่ทำมาแล้ว ยังไม่มีอะไรใกล้เคียงกับการชดใช้ได้เลย สักวันนะตอง...คงมีสักวันที่หนูยกโทษให้พี่ได้ ขอแค่เล็กน้อยพี่ก็ดีใจแล้ว
สิมิลันยิ้มบางๆ ถ้าแค่เล็กน้อย...ก็...คงพอไหว
ปัณณ์ทำตาโต ยอมปล่อยสายกระเป๋าเธอแต่โดยดี ไป! พี่จะลงไปส่งตอง แล้วก็กราบลาคุณน้าด้วย
สิมิลันลงจากรถ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคุ้นเคยที่จะมีใครคนหนึ่งเดินตามหลังอยู่ไม่ห่างตั้งแต่เมื่อใด นอกจากจะไม่อึดอัดหรือหงุดหงิด หญิงสาวยังพบว่าเธอชักชอบความรู้สึกอบอุ่นใจเช่นนี้ขึ้นมาตงิดๆ แล้ว!
วินัยมองกล่องผ้าไหมสีเขียวหม่นบนโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดความสังหรณ์ใจแปลกๆ ก็ทำให้ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเรียกไปยังเลขหมายของภรรยา
มาศ...คุณสั่งซื้อชุดน้ำมันนวดตัวจากสปาที่ภูเก็ตเอาไว้หรือ
เปล่านี่คะ คุณไปเอาเรื่องเหลวไหลแบบนี้มาจากไหน
ใครว่าเหลวไหลล่ะ บนโต๊ะผมนี่มีกล่องผ้าไหมใบเบ้อเริ่มส่งถึงคุณ แนบการ์ดมาด้วยว่า...
ว่าอะไรคะ
มอบให้แทนความรู้สึกดีๆ มีอะไรที่ผมควรรู้หรือเปล่าน่ะมาศ
ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ เอ...มาศไม่รู้เรื่องจริงๆ นะคะ บางที...อาจจะเป็นของคุณปริมก็ได้มั้ง พักหลังเขาขยันฝากของมาให้มาศจัง
คุณหมายถึงปริม รัชนาถ งั้นหรือ
ก็มีปริมนั้นอยู่ปริมเดียวนั่นแหละค่ะ
อืม...งั้นแค่นี้ละกัน วินัยตัดการติดต่อแล้วชั่งใจอีกครู่ใหญ่ จึงตัดสินใจเรียกไปยังเลขหมายของใครอีกคนหนึ่งแทน
ว่ายังไงคะท่านรัฐมนตรี พักนี้หายหน้าไปนานจนนึกว่าจะลืมเพื่อนเก่าคนนี้ไปแล้วเสียอีก ปลายสายทักทายเสียงสดใส
ใครว่าลืม ผมไม่กล้าโทร.หาเพราะห่วงว่าคุณจะงานยุ่งต่างหาก
ต่อให้ยุ่งแค่ไหน ปริมก็มีเวลาสำหรับเพื่อนเสมอค่ะ ไม่ต้องห่วง
วินัยไต่ถามสารทุกข์สุกดิบอีกฝ่ายตามมารยาท แล้วจึงตัดสินใจโพล่งคำถามที่ข้องใจออกไป
พักนี้คุณเดินทางบ่อยหรือ เห็นฝากของมาให้ตลอดเลย
เอ๊ะ! ไม่มีนี่คะ ปริมไม่ได้ไปไหนเลย อยู่แต่ในกรุงเทพฯนี่แหละ ว่าแต่ของฝากที่พูดถึงนี่อะไรหรือคะ
ก็ชุดสปาจากภูเก็ตนี่ยังไงล่ะ
เอ๋...ภูเก็ตเหรอคะ คงเข้าใจผิดกันแล้วมังคะ พักนี้ก็เห็นมีแต่ปราชญ์เท่านั้นแหละที่ไปประชุมเรื่องโครงการคนไทยรักษ์สุขภาพที่ภูเก็ตน่ะ
งั้นผมคงเข้าใจผิดไปเอง วินัยนิ่วหน้า เจรจากับสหายอีกไม่กี่คำจึงวางสาย
รัฐมนตรีหนุ่มใหญ่หยิบกระดาษแข็งแผ่นเล็กที่แนบติดกับกล่องผ้าไหมขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง ก่อนจะวางลงด้วยท่าทีคลางแคลงใจ จากนั้นเรียกข้อมูลขึ้นมาดูตารางนัดหมายย้อนหลัง สัปดาห์ที่แล้วเขาและเลขาฯเดินทางไปประชุมที่ภูเก็ตจริงดังที่ปริมว่าเสียด้วย
น่าประหลาด...ปราชญ์ส่งของขวัญมาให้ภรรยาของเขาทำไม ไม่ใช่แค่ชิ้นแรก...แต่ดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นบ่อยเกินไปเสียแล้ว ทั้งยังเอาปริมมาเป็นข้ออ้างบังหน้าอีกด้วย หรือว่าหมอนั่นคิดจะ...
วินัยสะบัดศีรษะแรงๆ พยายามขับไล่ความคิดอกุศลออกจากใจ ทั้งที่รู้ดีว่า...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาระแวงปราชญ์ รัชนาถ
จากคุณ |
:
เวฬา (แม่มณี)
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ต.ค. 55 16:19:29
|
|
|
|