ตอนที่ 30
ใจนาง
เงาภาพของกุสุมาลย์สะท้อนออกมาจากกระจกทองเหลือง หญิงงามกำลังลูบคลำบาดแผลที่ปลายคิ้วขวา รอยแผลทุเลาลงไปมากไม่บวมช้ำเท่าวันแรกๆ ที่บาดแผลยังสดใหม่อักเสบระบมจนตาแทบปิด ริมฝีปากหยักโค้งเม้มลงด้วยความวิตกกังวลไปตามประสาคนรักสวยรักงาม แต่เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากนอกห้องจึงละสายตาจากกระจกแล้วลุกออกไป
"แน่ใจนะว่าไหวแล้ว มิใช่ประเดี๋ยวประด๋าวหน้ามืดเข้าล่ะ" คุณท้าวจันทร์หอมถามไถ่เมื่อกุสุมาลย์ก้าวออกมาจากห้อง
"ไหวจ้ะคุณท้าว ไม่ได้เป็นอะไรมากมายเสียหน่อย อย่าวิตกไปเลยเจ้าค่ะ" หญิงงามออกตัวและคิดว่าหล่อนหายดีพอจะไปรับใช้พระเทวีได้แล้ว จึงไปทำงานตามปกติ
"แล้วไม่เกล้าผมรึ?" คุณท้าวชราทักขึ้นเมื่อเห็นกุสุมาลย์ปล่อยผมยาวดำขลับนั่นสยายลงมาเคลียไหล่
"สายแล้วน่ะจ้ะ" คนฟังได้ยินเข้าก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แต่ก็มิได้สักถามสิ่งใดต่อ
แม้จะไม่มีกฏระเบียบบังคับอย่างเคร่งครัดนัก แต่นางกำนัลที่ถวายการรับใช้มักจะม้วนมวยเก็บผมขึ้นเมื่อต้องทำงาน เว้นแต่คนสนิทที่มีหน้าที่แค่ตามเสด็จหรือทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น จึงบ่อยผมยาวได้เพราะไม่เกะกะระหว่างทำงาน มีบ่อยครั้งที่กุสุมาลย์ปล่อยผมยาวตามสบาย แต่เมื่อมีราชบุตรเขยมาประทับอยู่ที่ตำหนัก หญิงงามจึงพยายามปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ไม่ให้เป็นที่ขัดพระเนตรพระกรรณเอาได้ แต่วันนี้นางจงใจปล่อยผมยาวลงมาเพื่ออำพรางรอยแผล หากเกล้ามวยเก็บผมขึ้นไปจะเป็นที่สังเกตได้เด่นชัดกว่า
ในห้องทรงพระสำราญภูวิษะเจ้าทรงประทับอยู่บนตั่ง เมื่อทอดพระเนตรเห็นกุสุมาลย์เข้ามาถวายงานรับใช้หลังจากล้มหมอนนอนเสื่อไปถึงห้าวัน จึงคลี่โอษฐ์แย้มสรวลส่งมอบรอยยิ้มงดงามให้ นางกำนัลคนงามแลเห็นเข้าก็รีบก้มหน้าหลบ สีหน้าปะดักปะเดื่อไม่น้อยทั้งเขินอายทั้งกังวลกับรอยบาดแผลบนใบหน้า จึงก้มหน้านิ่งมิกล้าเงยหน้าขึ้นสบดวงเนตรคมกล้าที่ฉายแววเมตตามองมาอย่างอ่อนโยนนั่น
"กุสุมาลย์บาดแผลเป็นอย่างไรบ้าง? ยังเจ็บอีกหรือไม่?"
"มะ...ไม่แล้วเพคะ" พระพี่เลี้ยงตอบตะกุกตะกักยิ่งก้มหน้าต่ำลงอีก
"แน่ใจนะว่าเป็นไร หากยังป่วยอยู่ก็อย่าได้ฝืนลุกขึ้นมาทำงานเลย ที่นี่ยังมีคนคอยดูแลรับใช้พระเทวีอีกหลายคนมิต้องเป็นกังวลดอก" สุรเสียงนั้นอ่อนโยนตรงกันข้ามกับยามเมื่อตรัสกับกัมลาภาเทวี
"มะ...หม่อมฉันไม่เป็นไรจริงๆ เพคะ หายดีแล้วจริงๆ เพคะ คงเพราะได้โอสถดีจากหมอหลวง"
"งั้นรึ? ก็ดี...แต่เงยหน้าให้เราดูบาดแผลหน่อย"
เมื่อแรกกุสุมาลย์ยังก้มหน้านิ่งมิกล้าเคยขึ้น จนต้องรับสั่งซ้ำสองนางจึงค่อยๆ เงยดวงหน้าหวานละมุนนั้นขึ้นสบดวงเนตรนาคเจ้า เวลาชั่วอึดใจที่ถูกมองอย่างเพ่งพิจนั้น หญิงงามรู้สึกเนิ่นนานราวชั่วกัปชั่วกัลย์ ดวงใจเต้นไม่เป็นส่ำมันส่งเสียงดังเสียจนเกรงว่าภูวิษะเจ้าจะสดับเข้า
"เฮ้อ...." เสียงหอนทหัยดังแว่วมาให้ได้ยิน นางกำนัลโฉมสะคราญจึงค่อยยืดตัวขึ้นนั่งได้ตามปกติ
"คงเจ็บมากสินะ...มหิตาคงมิได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า อย่าถือโทษโกรธนางเลย" แต่ถ้อยคำที่ตรัสออกมานั้นทำลายความหวั่นไหวเมื่อครู่ไปจนหมด เมื่อถ้วนทุกประโยคก็ล้วนแล้วแต่เอ่ยถึงนางเดียวในดวงฤทัย
"หม่อมฉันมิบังอาจถือโทษโกรธเคืองพระเทวีหรอกเพคะ หม่อมฉันเข้าใจดีว่ายามนั้นทรงกำลังกริ้วมิทันคิดว่าจะพลั้งมือ"
"เราขอบใจแทนมหิตาที่ไม่ถือโทษโกรธนาง"
ถ้อยดำรัสอ่อนโยนนั้นทำให้กุสุมาลย์ยิ้มออกมาได้โดยมิต้องฝืน นางเพียงแต่ชื่นชมภูวิษะเจ้าในฐานะบุรุษอันดีงามเท่านั้น มีมิความนัยอื่นเคลือบแฝงหญิงงามกล่าวตอกย้ำตนเองในใจ
"จริงสิ...สองวันก่อนเราได้บรรณาการจากกันทรานคร มาเป็นแพรพรรณงดงามหลายฝืน มหิตาคงใช้ผู้เดียวไม่หมดดอก เราอนุญาตให้เจ้าเลือกฝืนที่ชอบไปใช้ได้" จากนั้นจึงตรัสเรียกให้นำหีบบรรจุแพรพรรณมาวางตั้งไว้เบื้องหน้ากุสุมาลย์
"มะ...มิต้องหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่คู่ควรกับของสูงค่าเช่นนี้"
นางโฉมงามยังนั่งพับเพียบเรียบร้อยอย่างเจียมตน ไม่กล้าขยับมาดูสิ่งของประทาน นาคเจ้าทอดพระเนตรเห็นก็ทรงทราบว่านางมิกล้าอาจเอื้อม จึงแย้มสรวลขึ้นมาน้อยๆ ก่อนจะตรัส
"ถ้าเจ้าไม่เลือกเอง เราจะเลือกให้"
"มะ...หม่อมฉันไม่ต้องการจริงๆ เพคะ"
กุสุมาลย์รีบปฏิเสธให้วุ่นวาย ดวงหน้าหวานนั้นมีสีระเรื่อขึ้นมาอีก แต่ภูวิษะเจ้าหาได้สนพระทัยสิ่งที่นางพูดเลยแม้แต่น้อย หากก้มพักตร์มองดูแพรพรรณมากมายในหีบนั้น แล้วหยิบขึ้นมาทอดพระเนตรทีละฝืน
"เรื่องแพรพรรณนี้บุรุษเยี่ยงเราไม่สันทัดนัก....ผืนใดก็ดูงดงามไปหมด" ทรงบ่นอุบอิบแล้วสรุปรวบรัด
"ให้มหิตามาเลือกให้ก็แล้วกัน"
แต่ผ่านไปครู่ใหญ่มหิตาเทวีก็หาได้เสด็จออกมา แม้กระทั่งภูวิษะเจ้าก็ขมวดขนงด้วยความสงสัย จนต้องส่งปทุมมาไปเรียกพระชายามาพบ แต่คนที่รอคอยก็มิได้เสด็จมาที่ติดตามปทุมมาออกห้องบรรทม มีเพียงนางศรีดาราเท่านั้น
"พระเทวีทรงปวดเศียรเพคะ เลยให้หม่อมฉันมาช่วยเลือกผ้าให้พี่กุสุมาลย์แทน" ศรีดารายิ้มแป้นตอนทูลความ มองหาความเท็จในดวงตาไม่เจอ
"เป็นอะไรไป? เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่นี่"
"ทรงบ่นว่าเวียนเศียรแล้วก็อาเจียนเพคะ เลยขอตัวบรรทม" สีพระพักตร์องค์สวามีเปลี่ยนไปทันทีแต่ยังมีแก่พระทัยหันมายิ้มให้นางพี่เลี้ยงของมหิตาเทวี
"งั้นพวกเจ้าก็ช่วยกุสุมาลย์เลือกก็แล้ว ถูกใจผ้าผืนใดก็นำไป" ตรัสจบก็ทรงลุกขึ้นปลีกวรกายเข้าไปหาพระชายาทันทีด้วยท่าทีห่วงหาอาทรยิ่งนัก นางศรีดาราเห็นเข้าก็หัวเราะดังคิกออกมา
"ศรีดาราเจ้าหัวเราะดังไปแล้ว" ปทุมมาปรามเข้าให้แต่ก็มีรอยยิ้มระบายเต็มหน้าไม่แพ้กัน ในขณะที่กุสุมาลย์หน้าเศร้าไปถนัดตา
"มาช่วยกันดูผ้าดีกว่า งามๆ ทั้งนั้นเลยนะพี่กุสุมาลย์ เห็นแล้วข้าก็อยากได้บ้างจะได้ใส่คล้องคออวดผู้คนตอนออกไปนอกวัง" นางคนทะเล้นดูจะกระตือรือร้นกับแพรพรรณตรงหน้า มิได้ทันสังเกตสีหน้าของกุสุมาลย์แม้แต่น้อย
"นั่นสิ...งามแปลกตาจริงๆ ลวดลายสีสันไม่เหมือนผ้าของจุมภะเรา" ปทุมมาเองก็พลอยชื่นชมกับแพรพรรณเหล่านั้นไปด้วย
เนื่องจากในยุคสมัยของพวกนางนั้นแพรพรรณดีๆ มิใช่ของหาง่าย ผ้าทอมือผืนงามหรือผ้ามัดย้อมเล่นสีสันสวยงามนั้น ต้องถูกสั่งทำขึ้นอย่างปราณีตบรรจงเพื่อแสดงฐานะของผู้สวมใส่ หาใช่ชาวบ้านร้านตลาดธรรมดาจะมีไว้ในครอบครองได้ แม้แต่พระแม่เจ้ากมุทรามหาเทวีเองก็มิใช่ข้อยกเว้น เมื่อทรงได้แพรผืนใหม่ก็มาก็มิรั้งรอที่จะใช้ประดับวรกายตอนเสด็จออกประภาสใกล้ๆ มหาเทวีจะทรงเปลือยพระถันและสวมแต่ภูษาท่อนล่าง ก่อนจะนำผ้าผืนงามมาคล้องอังสา ซึ่งจะไม่ทรงเครื่องประดับมากนัก โดยเฉพาะสร้อยพระศอจะไม่ทรงสวมใส่ให้แย่งความเด่นของผ้า ดังนั้นเมื่อนางกำนัลได้รับพระราชทานผ้าจึงถือเป็นพระกรุณาเมตตานางผู้นั้นยิ่งนัก หากแต่กุสุมาลย์มิได้ดีใจหรือกระตือรือร้นในการเลือกแพรพรรณอันสวยงามนั้นเลย นางเพียงแต่หยิบๆ จับๆ แล้วปล่อยให้นางกำนัลอีกสองนางช่วยกันหยิบยกมาเทียบกับเรือนกายของนางเท่านั้น
"ศรีดารา...พระเทวีทรงประชวรมากรึไม่ ?...หรือว่าทรงไม่ต้องการพบข้า?"
"ปุดโธ่...คิดมากจริง พี่กุสุมาลย์ ทรงประชวรจริงๆ ตั้งแต่เช้าก็อาเจียนไปหลายรอบจนหมดเรี่ยวหมดแรง"
"เอ๋?...หรือว่าจะทรงพระครรภ์กัน?" ปทุมมายกมือขึ้นปิดปากอย่างตื่นเต้น
"ใช่ที่ไหนเล่า...เมื่อเช้าทรงเสวยของแสลงเข้าไปต่างหาก"
"อ้าว? ของแสลงอันใด แล้วใครนำไปให้เสวย?" กุสุมาลย์ฟังเข้าก็ติติงออกมาชุดใหญ่
"น้ำสมุนไพรที่คุณท้าวจันทร์หอมจัดถวายน่ะ ก็รู้อยู่ว่าไม่ทรงโปรดกลิ่นฉุนออกจะตายแต่จำต้องดื่มแก้ปวดระดูล่วงหน้าน่ะ ก็เห็นหมู่นี้ทรงหงุดหงิดคุณท้าวสงสัยว่าระดูจะเคลื่อน ถ้าระดูมาอาจจะประชวรได้ก็เลยจัดน้ำสมุนไพรให้เสวยกันไว้ก่อน พอเสวยเข้าไปเท่านั้นแหละ...ทรงอาเจียนเอาๆ " หญิงสาวทั้งสาวคนฟังแล้วพากันย่นจมูกพร้อมๆ กัน เพราะรู้ถึงสรรพคุณยาแก้ระดูของคุณท้าวจันทร์หอมเป็นอย่างดี
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++