สัญญารัก...ลวงใจ [ ตอนที่ 14 ] The Promise Love...
อะไรจะเกิด..ก็ต้องเกิด...
พอร์ชสีบรอนซ์เทาปราดเปรียวแล่นเข้ามาจอดยังลานจอดรถในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง...หลังออกจากงานเลี้ยงเมื่อตอนค่ำวันนี้ อธิปรู้สึกแย่จนต้องไปนั่งดื่มที่ผับแห่งหนึ่ง เขาต้องหันไปพึ่งเครื่องดื่มมึนเมาและใช้เวลาให้หมดไปกับมันอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำได้ ยิ่งนึกยิ่งแค้นใจในโชคชะตาที่เล่นตลกกับหัวใจของเขาจนแทบบ้า
คุณ..คุณ นี่กุญแจครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ พนักงานหนุ่มเอ่ยบอกอธิปทันทีที่จอดรถเรียบร้อยพร้อมทั้งคืนกุญแจรถให้ อธิปโบกมือเป็นสัญญาณให้พนักงานบริการขับรถประจำผับกลับได้ ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดก้มศรีษะอย่างนอบน้อมไหว้อธิปที่มอบเงินค่าขับรถให้พร้อมทิปอีกจำนวนหนึ่ง พนักงานหนุ่มยิ้มออกมาอย่างดีใจเพราะสินน้ำใจที่ได้รับเป็นเงินจำนวนมากเอาการ
คุณอยู่ห้องไหนครับ ผมพาคุณไปส่งไหมครับ พนักงานหนุ่มถามอย่างอาทรเพราะเป็นห่วงอธิปที่เมาจนทรงตัวแทบไม่อยู่ และเห็นแก่น้ำใจของอธิปที่มอบให้
ไม่เป็นไรน้อง ขอบใจ ไปเถอะ ชายหนุ่มอ่อนวัยกว่ามีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่ก็ขอตัวกลับไปเพราะไม่อยากรบกวน อธิปหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ความรู้สึกมึนเมาเพียงเล็กน้อยไม่ได้ทำให้ร่างกายถึงกับไปไม่ไหวแต่อย่างใด ตอนนี้เขาแค่เพียงอยากจะหยุดอยู่นิ่งๆสักพักเพื่อพักผ่อนหัวใจที่กำลังเหนื่อยล้าเท่านั้น สักพักเสียงเคาะกระจกรถด้านที่อธิปนั่งอยู่ ก็ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากภวังค์
โอม...โอมคะ สริน..ภรรยาที่เขาจำใจยอมแต่งงานด้วยเมื่อสี่ปีที่แล้วมายืนเคาะกระจกรถเรียกอยู่ด้วยสีหน้าเป็นห่วง อธิปรู้ดีผู้หญิงคนนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาเป็นแม่ที่ไม่เลวเลยทีเดียวสำหรับลูกน้อยที่จากไป หล่อนไม่ได้ผิดอะไรแต่ต้องมาอยู่กับเขาเพียงเพราะความมักง่ายของเขาที่ทำให้หล่อน..ท้อง
อธิปยิ้มหน้าเครียดโบกมือให้สริน แล้วเปิดประตูรถออกมาด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อยจนสรินต้องเข้ามาประคองเขาไว้
ทำไมคุณถึงดื่มมากขนาดนี้คะสรินพยุงร่างหนาของอธิปที่ทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งตัวจนหล่อนถึงกับนิ่วหน้าเพราะแบกรับน้ำหนักเกือบไม่ไหว
ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่ไม่สบายใจ อธิปพูดตอบไปด้วยน้ำเสียงมึนเมาคล้ายจะเพ้อ ชายหนุ่มใช้แขนข้างหนึ่งโอบเอวสรินเอาไว้เพื่อช่วยพยุงร่างกายที่กำลังอ่อนล้าของตนเองไม่ให้หญิงสาวหนักเกินไป
ไม่สบายใจเรื่องอะไรคะ สรินมีสีหน้าวิตกกังวล หล่อนนึกแปลกใจขึ้นมาครามครัน เพราะไม่ค่อยจะรู้เรื่องของเขามากนัก ตั้งแต่อธิปย้ายกลับมาหลังจากลูกชายของหล่อนเสียชีวิตก็เหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองจะขาดจากกันไปโดยปริยาย เหลือเพียงแค่รอเวลาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเอ่ยปากขอหย่าเท่านั้น
สำหรับสรินหล่อนอะไรยังไงก็ได้ ทั้งที่ก็รู้ตัวว่าเริ่มหลงรักในความเอาใจใส่ของอธิปที่มีต่อตนเองและลูกอยู่ไม่น้อย แต่ขอเพียงเขาไม่หวนกลับไปหามินตราอีกต่อไป หล่อนก็พอใจและพร้อมที่จะหย่าให้เขาอยู่แล้ว ในเมื่ออธิปไม่รักหล่อนก็ไม่อยากจะแคร์แม้ในใจลึกๆแล้วจะรู้ว่าหล่อนแคร์เขามากเพียงใด..
มิน..เขา...เขาหมั้นแล้วกับคนอื่นผมมาไม่ทัน สรินที่กำลังประคองอธิปกำลังจะพาขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักของเขาถึงกับหยุดชะงักทันที หญิงสาวหันมามองหน้าอธิปอย่างตกใจ อธิปจับมือทั้งสองข้างของสรินไว้แน่นก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้หล่อน รู้สึกหูอื้อตาลายไปหมด
เรามาหย่ากันเถอะนะสริน คุณสงสารผมเถอะ..นะ ดวงตาคมฉายแววเด็ดเดี่ยวแรงกล้าของอธิปเอ่ยอย่างเว้าวอนจนสรินถึงกับอึ้ง หย่า...งั้นเหรอ" สรินน้ำตาคลอ ดวงตาเรียวคมสั่นระริก ในเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆอย่างไม่อายใคร
ใช่...หย่า... ผมขอร้อง ทำเพื่อผมสักครั้งได้ไหมสริน อธิปยังคงเว้าวอน ด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
สรินไม่เคยนึกถึงเรื่องหย่ามาก่อนเหมือนกัน ในเมื่อหล่อนพรากอธิปมาจากมินตราได้แล้ว เขาก็ควรจะเป็นของหล่อนตลอดไป แล้วทำไมถึงได้คร่ำครวญถึงนังเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ยังมีความสุขกับใครคนอื่นได้อยู่ล่ะ...ไหนว่ารักอธิปนักหนาแต่กลับหมั้นกับคนอื่นภายในเวลาไม่กี่ปีเท่านั้น สรินรู้สึกว่าหล่อนพลาดไปอย่างนึกไม่ถึงเลยทีเดียว แต่เมื่อเห็นสีหน้าเว้าวอนของอธิปแล้วหล่อนก็ถึงกับใจอ่อนยวบทันที
"แล้วฉันจะลองคิดดูก็แล้วกันนะ" สรินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ วูบหนึ่งหญิงสาวเห็นแววปิติยินดีฉายชัดออกมาในแววตาของอธิปที่หม่นหมองอยู่เมื่อครู่
.................................................................................................................
เวลาห้าทุ่มเศษ...วสุขับรถมาส่งมินตราที่คอนโด ชายหนุ่มอารมณ์ดีมาตลอดทางจนมินตรารู้สึกดีไปด้วย อย่างน้อยหล่อนก็ได้ตอบแทนความรักและหวังดีของเขาด้วยการหมั้นหมายเป็นสัญญาต่อกัน สองหนุ่มสาวเดินกุมมือกันมาตลอดทางจนถึงหน้าห้องพักของมินตราที่ตอนนี้หล่อนพักอยู่เพียงคนเดียว ส่วนรินลดาย้ายไปอยู่กับอรณีหลายเดือนแล้วเพราะตารางงานที่รัดตัวแน่นมากขึ้นจนลำบากกับการเดินทางไปมาทุกวัน
ดึกแล้วพี่ก้องกลับเถอะค่ะ มินตราเอ่ยขอบคุณคู่หมั้นหนุ่มที่อุตส่าห์เดินขึ้นมาส่งหล่อนจนถึงหน้าห้องด้วยความเป็นห่วง แต่มินตราก็ต้องชะงักน้อยๆกับคำพูดของเขา
ยังไม่อยากกลับเลย...ให้พี่เข้าไปดื่มชาสักถ้วยได้รึเปล่าวสุอิดออดพลางจับมือมินตรายื้อไว้อย่างแผ่วเบา มินตราที่กำลังจะเปิดประตูห้องเข้าไปถึงกับชะงักไปนิดหนึ่ง
ไม่ดึกไปเหรอคะ ..พรุ่งนี้มีประชุมเช้าไม่ใช่เหรอ มินตราหันหลังพิงประตูยิ้มออดอ้อนอ้างเหตุผลร้อยแปด พร้อมทั้งดึงมือวสุที่กำลังจับหล่อนไว้อยู่ออกอย่างเบามือ คล้ายจะเป็นสัญญาณบอกให้เขากลับไปได้แล้ว แต่วสุกลับไม่เข้าใจ
ไม่อยากกลับ...อยากจะอยู่กับมินจนถึงเช้าทุกวันเลย วสุก้มลงมาจะจูบที่ริมฝีปากหยักแดงบางนั้นของมินตรา แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักไป เมื่อมินตราเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสจากเขา แววตาคมหม่นลงเล็กน้อยอย่างผิดหวังที่ถูกปฏิเสธ
อย่าเพิ่งเลยค่ะ..เพิ่งจะขอมินหมั้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง มันไม่ข้ามขั้นไปหน่อยเหรอคะ มินตราช้อนสายตาขึ้นมองวสุ แววตาระริกสั่นไหวแต่เด็ดเดี่ยวพอที่จะปฏิเสธคำขอจากเขา จนวสุอดตัดพ้อออกมาไม่ได้
กับพี่ไม่ได้แล้วกับคนอื่นล่ะ...มินวสุพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังพร้อมทั้งจ้องมินตราด้วยแววตาวูบไหว จนหล่อนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง หล่อนจับอาการลังเลและน้อยใจของคนรักได้ว่าเริ่มจะผิดสังเกต
หมายความว่ายังไงคะ...พี่ก้องคิดอะไรอยู่ เมื่อตัดสินใจถามออกไปแล้วมินตราก็ยังนึกหวั่นใจเล็กน้อย นี่หล่อนเพิ่งจะรับหมั้นวสุไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง ทำไมเขาถึงพูดอะไรที่สื่อความนัยแปลกๆแบบนั้นออกมา
ก็..เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกพี่คงคิดมากไปเอง จู่ๆวสุก็หยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้น พร้อมกับเปิดประตูให้มินตราเข้าห้องไป ส่วนตัวเองรีบหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว มินตราได้แต่มองตามอย่างงุนงงปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน
.........................................
คฤหาสน์โบราณสวยงามของตระกูลสิทธวรานันท์ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาสูงสุดลูกหูลูกตาแถบชานเมืองกรุงเทพ ที่ซึ่งสรินเติบโตมาตั้งแต่ยังเล็กพรั่งพร้อมไปด้วยบิดามารดา ชีวิตของหล่อนแสนจะมีความสุข ถ้าไม่เพราะบิดาของหล่อนทำเรื่องร้ายแรงให้เกิดขึ้นกับครอบครัว...ตอนนี้มารดาของหล่อนคงจะไม่มีสภาพแบบที่เป็นอยู่ในขณะนี้
เพิ่งกลับเหรอลูก สิทธิ์ สิทธิวรานันท์... บิดาของสริน นั่งอยู่บนรถเข็นที่กำลังบังคับทิศทางให้ตรงมายังลูกสาวที่กลับเข้าบ้านมาอย่างเงียบเชียบ
คุณพ่อยังไม่นอนอีกเหรอคะ สรินถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่ก็ยังเจือไว้ด้วยความเป็นห่วง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดที่มีอยู่เพียงคนเดียว หล่อนไม่อยากจะหักหาญน้ำใจจนเกินไปนัก
กะว่าจะไปนอนแล้วเหมือนกัน แล้วลูกล่ะ ทำไมกลับดึกนัก น้ำเสียงอาทรจากบิดา สรินรู้อยู่เต็มอกว่าแฝงไว้ด้วยความรักและเป็นห่วง แต่หล่อนก็ไม่อาจจะยินดีได้อย่างเต็มใจนักเพราะเหตุการณ์ในอดีตที่คอยทำร้ายจิตใจให้หล่อนยังคงจดจำได้อยู่เสมอ
หนูไปหาโอมมาค่ะ น้ำเสียงเรื่อยเฉื่อยจากลูกสาวสะดุดหูชายชราที่ถามอย่างเป็นห่วงจนนึกสงสัยอยู่ครามครัน
ลูกเขยสบายดีรึเปล่า สิทธิ์เอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วงลูกสาวที่ตั้งแต่กลับจากอังกฤษได้เกือบหนึ่งอาทิตย์ เขาไม่เคยเห็นลูกเขยไปมาหาสู่เช่นคนเป็นสามีภรรยากันเลย
ก็คงสบายดีมั้งคะ เขาสบายดีจนขอหนูหย่าแล้ว สรินถอนหายใจแล้วยักไหล่อย่างเห็นเป็นเรื่องเล็ก แต่น้ำเสียงเหงาๆนั้นกลับตรงข้ามกับกิริยาที่แสดงออก
ดีกับเขาให้มากๆสิลูก...สามีภรรยากันหนักนิดเบาหน่อยอภัยให้กันเถอะนะ อย่าให้ถึงขั้นต้องหย่ากันเลย บิดาพูดตามหลังด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ทำเอาสรินที่กำลังจะขึ้นไปพักผ่อนถึงกับหันขวับมาจ้องหน้าด้วยแววตาเอาเรื่อง มันเรื่องอะไรที่กันบิดาจะมายุ่งกับเรื่องของหล่อนทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าสักเท่าใด
พ่อจะไม่ถามถึงแม่หน่อยเหรอคะ...หนูกลับมาตั้งเกือบอาทิตย์แล้ว พ่อไม่คิดจะถามถึงเลยเหรอคะ ดวงตาวาวโรจน์แข็งกร้าวของสรินจ้องมองบิดาอย่างเอาเรื่อง บิดาของหล่อนไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสั่งสอนชีวิตส่วนตัวของหล่อน เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เคยจะทำได้
โธ่..ลูก พ่อรู้อยู่แล้วว่าแม่เขาต้องสบายดี สิทธิ์จับมือลูกสาวไว้อย่างจะเอาใจ แต่สรินก็ยังไม่พอใจ
แม่ของหนู ที่อยู่โรงพยาบาลโรคจิตน่ะเหรอคะสบายดีใครเขาจะสบายดีเหมือนนังผู้หญิงของพ่อล่ะ ลูกของมันน้องสาวนอกไส้ของหนูก็ยังสบายดีอยู่เลย...ไม่เห็นเจ็บเจียนตายอย่างที่หนูตั้งใจสักหน่อยสรินสะบัดมือบิดาออกจากการเกาะกุมก่อนจะเดินหนีขึ้นห้องไปอย่างกราดเกรี้ยว
วันนี้มันเป็นวันโลกาวินาศหรืออย่างไรกัน ผู้ชายในชีวิตของสรินทั้งสองคนไม่ได้ดั่งใจหล่อนเลยทั้งสองคน คนหนึ่งคือสามีที่เอาแต่คร่ำครวญถึงผู้หญิงคนอื่น กับอีกคนคือบิดาที่ไม่เคยอาลัยใยดีมารดาของหล่อนเลยแม้แต่น้อย สรินได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างคับแค้นใจ นึกย้อนกลับไปถึงวันแต่งงาน วันที่หล่อนควรจะมีความสุขที่สุดในชีวิต แต่วันนั้นสำหรับสรินแล้ว..ไม่ใช่เลย
โอมคะ คุณจะอาบน้ำก่อนมั๊ยคะ สรินเอ่ยถามอธิปหลังจากส่งตัวเข้าหอแล้ว ชายหนุ่มตีสีหน้านิ่งเสียจนสรินต้องเอ่ยเพื่อกลบความเงียบ
ไม่ล่ะคุณอาบเถอะ อธิปถอดสูทและเน็คไทออกวางพาดไว้กับราวข้างตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหยิบหมอนและผ้าห่มที่เตียงเดินออกไป สรินได้แต่มองตามตาค้างอย่างอึ้งไม่หาย
คุณจะไปไหนคะโอม สรินตะโกนไล่หลังชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีโดยนิตินัยแล้ว แต่เขาก็ยังเดินลิ่วออกไปยังโซฟาตัวยาวห้องรับแขกแล้วจัดการนอนลงตรงนั้น สรินได้แต่มองตามตาปริบกับการกระทำที่ดูจะหักหาญน้ำใจของเขา
เราแต่งงานกันแล้วนะ ทำไมต้องไปนอนที่นั่นด้วยล่ะ สรินเดินตามมาเอาเรื่อง อธิปยังคงนอนนิ่งอย่างไม่สนใจใยดี จนสรินถึงกับหงุดหงิด
คืนนี้ผมจะนอนที่นี่ ไม่อยากให้พ่อแม่ไม่สบายใจ เอาไว้ถึงอังกฤษเมื่อไหร่ผมจะแยกห้องนอน แววตาเด็ดเดี่ยวของอธิปที่นอนลืมตาโพลงมองสรินที่จ้องเขาอยู่ด้วยแววตาวาวโรจน์ เขาไม่ต้องการเอาเปรียบหล่อนแม้แต่น้อย คืนนั้นอธิปยังจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วจะให้เขาร่วมหอลงโรงกับผู้หญิงที่เขาไม่เคยคิดแม้แต่จะรักได้อย่างไร...
.............................................................................................................................................................
ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว เสียงโทรศัพท์ยังคงดังอยู่เป็นระยะ อินทิรา...หญิงวัยกลางคนสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก หล่อนเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาดู พลันต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ใครกัน โทรมาซะดึกเชียว อินทิราผุดลุกขึ้นมาจากเตียงสวมเสื้อคลุมตัวบางก่อนจะออกไปรับโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ห้องรับแขก
สวัสดี เสียงตอบกลับมาจากปลายสายทำให้อินทิราถึงกับตะลึง ยืนนิ่งถือโทรศัพท์ค้างอยู่อย่างนั้น
ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ...สบายดีไหม เสียงจากปลายสายถามกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเจือไว้ด้วยความเป็นห่วง
ฉันสะ..สบายดีแล้วคุณล่ะคะ สบายดีรึเปล่า อินทิรากลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนที่หล่อนหลงรักมาแสนนาน อินทิราถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆแผ่วเบา ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นไห้ให้ได้ยิน
ขอโทษนะที่ต้องกวนคุณ ผมไม่ค่อยสบายใจ ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเกรงใจ จนอินทิรารู้สึกได้
มีเรื่องอะไรรบกวนจิตใจคุณหรือคะ แววตาตื่นตระหนกของอินทิราไหวระริกอย่างคิดถึงและเป็นห่วงคนที่อยู่ปลายสาย
คุณรู้จักนายโอมไหม ที่เมื่อก่อนเป็นแฟนยัยมินน่ะ สิทธิ์เปิดประเด็นทันทีที่ปรับน้ำเสียงได้
เอ๊ะ...เคยเจอครั้งนึงค่ะ แต่ยัยมินเลิกกับเขาไปแล้วนี่ คุณถามทำไมคะ อินทิราหยุดสะอื้นทันทีที่สิทธิ์ถามถึงเรื่องลูก ตลอดมาเขาส่งเงินมาให้ใช้จ่ายบ้างเป็นค่าการศึกษาลูกๆ แต่ก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของลูกเลยสักครั้ง อินทิราฉุกใจคิดขึ้นมาหรือว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดกับลูกคนเล็กของหล่อนกัน
ฉันได้ยินจากยัยรินว่าเขาแต่งงานไปแล้วนี่คะ ตอนนั้นยัยมินเสียใจมากเลย
ใช่..นายโอมอดีตแฟนยัยมินของเรา ตอนนี้เขาแต่งงานกับลูกสาวของผม...สรินไง
............................................................................................................. ขอลงเพลงในแต่ละตอนด้วยนะคะ ^ ^
จากคุณ |
:
lovereason
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ต.ค. 55 13:20:51
|
|
|
|