+ + +
พี่กับวินนายเคยเป็น..เพื่อนกันสมัยเรียนที่อเมริกาจ๊ะ คำทิพย์ไม่ต้องห่วงนะ พี่ขอเวลาคุยกับเขาแป้บเดียว แล้วจะกลับมาจ๊ะ
เป็นคำอธิบายรวบรัดสั้นง่ายที่หญิงสาวบอกกับเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องที่ทำหน้าสับสนไปพักใหญ่ ด้วยคงนึกสงสัยว่าอราลีไปรู้จักกับคนสนิทของเปาเชิงหวาได้อย่างไร แล้วทำไมวินนายต้องตามติดขนาดมารอหน้าร้านน้ำชาด้วย
ค่ะๆ งั้นถ้าเสร็จธุระเมื่อไหร่ก็ติดต่อคำทิพย์นะคะ จะรอค่ะ สาวน้อยรับคำหน้าแหยเหมือนเกรงๆ ตัววินนายอยู่บ้าง เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าเขาเป็นบริวารคนสำคัญของใครและกำลังจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของใคร
จากนั้น อดีตเพื่อน ก็พาเธอมายังอีกร้านหนึ่งที่ดูเป็นห้องอาหารที่ตกแต่งดีกว่าร้านน้ำชาข้างทาง เขาเลือกมุมเงียบสงบ ติดกับกระจกร้านที่มองไปภายนอกสามารถเห็นผู้คนขวักไขว่ไปมาข้างนอก
ที่สุดแล้ว อราลีก็มานั่งอยู่ตรงหน้าคนที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวกันมาแรมปี..ทั้งที่เคยผูกพันกันไม่น้อยกับช่วงเวลาแห่งการศึกษาที่ทั้งคู่พบกันในสหรัฐฯ แต่วินนายในวันนี้ดูต่างไปจากวินนายในวันวาน แน่นอนว่าเวลาที่เปลี่ยนไปทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คิ้วเข้มที่บางครั้งดูขมวดมุ่นบ่งบอกว่าเขาคงมีเรื่องยุ่งให้ทำมากนักในดินแดนแห่งนี้ แต่โดยภาพรวม..เขาก็ยังเป็นคนเดิมที่ดูจะมีความใฝ่ฝันแรงกล้าเพื่ออะไรสักอย่างเฉกเดิม
แอ้ม.. เขาเอ่ยขึ้นอย่างเป็นการเป็นงาน ไม่ได้เจอหน้าคุณนานมาก.. สุขสบายดีนะ
หญิงสาวยิ้มเย็นเมื่อตอบรับ ค่ะ อย่างที่เห็น มีความสุขตามอัตภาพ มีงานให้ทำเยอะเหมือนกันตลอดเวลาที่ผ่านมา
คุณคงจะทำงานหนัก.. ผมรู้สึกเหมือนคุณผอมลงไป เขาเปรยด้วยสายตาเป็นห่วง
ตามประสาค่ะ ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอลง คิดว่าร่างกายตัวเองปกติดีถึงหลายคนจะทักว่าฉันเหมือนผอมลง เธอรับเสียงราบเรียบ
บังเอิญจังเลยที่ผมมาเจอคุณอีกครั้งในรัฐฉานแห่งนี้ คุณมาทำอะไรที่นี่? แวะมาเที่ยวกับเด็กพวกนั้นหรือ? เขายังคงถามต่อเหมือนอยากรู้เรื่องราวของเธอเสมอมา
พวกเขาเคยทำงานกับฉันสมัยฉันยังตะลุยทำงานในไทยค่ะ เป็นรุ่นน้องที่สนิทกันมาก เธอตอบด้วยเสียงปกติ
ผมดีใจมาก..ที่เราได้พบกันอีก เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม นับแต่ผมกลับมาที่พม่า ผมไม่มีโอกาสได้พบได้พูดคุยกับคุณอีกเลย ผมรับรู้เพียงแค่ว่า หลังจากที่ผมออกจากมหาวิทยาลัยแล้วคุณก็เรียนจบ จากนั้นคุณก็เดินทางไปทำงานที่ปากีสถานและเนปาล ก่อนกลับมาประเทศไทย
คำเล่าของเขาทำเธอขมวดคิ้ว..เพราะนั่นหมายถึงเขายังติดตามเรื่องของเธออย่างไม่ร้างลา
ค่ะ คุณก็รู้แล้วนี่คะ เธอรับแล้วปรับสีหน้านิ่ง สายตาเรียบเฉยและท่าทีอันสงบของเธอทำให้วินนายเริ่มรู้สึกถึงความกระอักกระอ่วน เขามองตรงมาที่ดวงตาอราลีแล้วเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีอัดอั้น
แอ้ม..มันจะช้าเกินไปไหมถ้าผมอยากบอกว่า ผมขอโทษคุณ กับเรื่องราวที่ผ่านมา วันที่ผมเดินจากคุณมาโดยทิ้งคำลาเพียงสั้นๆ
ไม่เป็นไรหรอกค่ะวินนาย อราลีโคลงศีรษะน้อยๆ หลังจากเราจบกัน..มันไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ นี่ก็ผ่านมาจะสองปีแล้วนะคะ คำขอโทษไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากได้จากคุณ เพราะจะว่าไป..ก็ไม่มีอะไรที่ฉันต้องการจากคุณ เราเคยมีเวลาดีๆ ด้วยกันมามากพอแล้ว
วินนายมองหญิงสาวด้วยสายตาสับสน.. สองปีที่เขาลาจากเธอคล้ายไม่ใยดีทำให้ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปมาก เธอไม่เหมือนอราลีคนเดิม ..เธอกลับกลายเป็นผู้หญิงที่แกร่งกว่าเดิม
แต่ผมก็ต้องยอมรับ.. ผมผิดเองที่ไม่ได้ติดต่อคุณในตอนแรกที่ผมมาที่นี่ ตอนนั้น..มีธุระหลายอย่างที่ติดพัน ผมแทบไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่น พอหาโอกาสติดต่อได้ ผมก็รับรู้แค่ว่าคุณไม่อยู่ในสหรัฐฯ แล้ว จากนั้นผมก็เฝ้ารอจนได้ข่าวว่าคุณกลับมาประจำเมืองไทยในที่สุด
การเฝ้าตอกย้ำว่าเขารู้ความเคลื่อนไหวเธอไม่ได้ทำให้อราลีไหวหวั่น ดวงหน้านวลคมยังคงราบเรียบเหมือนทะเลไร้คลื่นลม
ฉันว่าฉันต้องขอบคุณคุณเสียมากกว่าที่เดินจากกันไป เพราะจากนั้น.. ฉันก็ค้นพบเส้นทางที่เติมเต็มชีวิตการทำงานของฉัน ตอนนี้ฉันพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ค่ะ และคิดว่าคุณเองก็คงพอใจกับสิ่งที่คุณเป็นอยู่เหมือนกัน คุณดูดีออกนะเมื่ออยู่ในกลุ่มคนใหญ่คนโตแห่งวายัณ และตอนนี้คุณก็มีคนรักที่เหมาะสม ฉันดูออกว่าเธอรักคุณมากทีเดียว
แอ้ม.. ประโยคสุดท้ายของเธอทำให้วินนายกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ระหว่างเราสองคน.. อย่าพูดถึงสิ่งที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้เลย มันเป็นเรื่องที่ผมอธิบายได้ยาก แต่ผมมีเหตุผลของตัวเอง
หญิงสาวถอนหายใจ เขายังเป็นวินนายคนเดิม มีเหตุผลของตัวเองเสมอ เหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายใคร.. มันคล้ายเป็นคำเดิมๆ ที่เธอได้ยินบ่อยครั้งตั้งแต่ยังคบหากันกับเขา จนวันนี้.. เขาก็ยังเป็นคนที่แนวคิดแบบเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร มีเพียงสถานะที่เปลี่ยนไปเท่านั้นว่าเขาสังกัดอยู่กับใคร
ค่ะ..คุณมีเหตุผลของคุณเสมอ ซึ่งฉันจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวคุณหรอก หญิงสาวถอนใจยาว แต่คุณพูดผิดไปอย่างนะคะ ตอนนี้คุณใช้คำว่าเราสองคนไม่ได้หรอกค่ะ จากนี้ไปเราอาจเป็นเพื่อนเก่า..หรือคนรู้จักกันเท่านั้นเอง
แอ้ม.... เขาหลุดคำคล้ายอุทธรณ์ ในขณะที่อราลียังคงเอ่ยต่อไป
ฉันรู้ค่ะ.. ฉันไม่มีทางเข้าใจเหตุผลของคุณที่คุณเลือกเข้ามาสู่วงจรอำนาจในที่ตรงนี้ ทั้งที่คุณก็นับว่าเติบโตในสังคมที่ดี ได้รับการศึกษาดีจากอเมริกา แต่คุณก็คงมีจุดประสงค์อะไรสักอย่างที่ทำให้คุณเลือกเข้ามาสู่ที่ที่เต็มไปด้วยอิทธิพลมืดและได้ใกล้ชิดกับคนที่มีอำนาจอย่างนี้ และก็นับว่าคุณไปได้สวย แถมยังจะได้แต่งงานเร็วๆ นี้กับผู้หญิงที่เหมาะสมกับคุณดี ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าค่ะ
วินนายนิ่งไปอย่างยอมจำนน อราลีมองเขาทะลุปรุโปร่งเหมือนเคย.. คนเคยรักเคยผูกพันกันมาอย่างหญิงสาวทำไมจะอ่านเกมเขาไม่ออก ว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการแสวงหาการมีอำนาจ ส่วนการแต่งงานระหว่างวินนายกับบุตรสาวเปาเชิงหวาก็ไม่ต่างไปกับการเชื่อมตัวเขาเข้าสู่สะพานที่จะพาเขาไปสู่อำนาจได้โดยง่ายนั่นเอง!
และนั่นคือวูบหนึ่งที่ทำให้อราลีนึกแสยงเยือกกับความทะเยอทะยานของอดีตคนรัก อราลีเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอเคยผูกพันกับเขาหรือไม่ ผู้ชายที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเบี้ยหมากของเกมส์สู่อำนาจตัวเองได้ขนาดนี้..
แววตาผิดหวังในดวงตาคู่คมของอีกฝ่ายทำให้วินนายทราบว่าอราลีรู้สึกเช่นไรกับเขา ดวงตาของเขาสะท้อนแววเสียใจไม่แพ้กัน
แอ้ม... ชายหนุ่มพร้อมแววตาที่อ่อนลง คุณจะรู้สึกผิดหวัง จะโกรธ..จะเกลียดผมยังไงก็ได้ ผมยอมรับความบัดซบของตัวเอง เพราะผมได้เลือกเองที่จะเดินมาทางเส้นนี้ แต่ขอให้รู้อย่างนึงว่า..แม้ผมจะกำลังทำอะไรเหมือนคนบ้า แต่สำหรับผมแล้ว คุณจะเป็นคนสำคัญที่สุดเสมอ
อราลีรู้สึกวูบวับในใจบอกไม่ถูก มันอาจเป็นถ้อยคำที่เธอเคยอยากได้ยินได้ฟังที่สุด แต่มันกลับมาในห้วงเวลาที่ผิดที่ผิดทางที่สุด ในเมื่อเขาจะกลายเป็นคู่ชีวิตของคนอื่นในเร็ววันอยู่แล้ว
ทว่าจังหวะเดียวกันนั้นเองข้อมือของเธอข้างหนึ่งก็ถูกวินนายเกาะกุมอย่างนุ่มนวล
วินนาย คุณไม่ควรทำแบบนี้ เธอเอ่ยเตือนเขาเสียงนิ่งพร้อมหลุบตาต่ำ พยายามดึงข้อมือออกมากจากการเกาะกุม เราได้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว เราสองคนคืออดีตไปแล้ว ถึงวันนี้คุณควรจะลืมฉันสักที
คุณจะให้ผมลืมคุณได้ยังไง? ชายหนุ่มแย้งขึ้นทันควัน นับแต่วันที่ผมเดินจากคุณมา.. คุณเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เคยหายไปจากความทรงจำผมเลย ผมยังคิดถึงคุณอยู่เสมอ -------
จากคุณ |
:
ณ พิชา
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ต.ค. 55 15:40:40
|
|
|
|