Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 18 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12815608/W12815608.html

บทที่ 18

'ย้ายไปฝั่งลาว' ปัญปัทม์ทวนคำตอบของอีกฝ่ายด้วยใจที่ผิดหวัง อุตส่าห์ถ่อสังขารมาไกลถึงนครนายก แล้วไหนยังจะดั้นด้นข้ามฟากสวนมาอีกตั้งสี่ห้าฟาก กว่าจะเจอบ้านหลังนี้ซ่อนอยู่ในดงไม้

ซ้ำยังต้องนั่งรอญาติของลุงเฉิดชัยกลับมาจากสวนอีก เวลากว่าค่อนวันก็หดลงจนน่าใจหาย เพื่ออะไร ฟังว่าลุงเฉิดชัยย้ายไปอยู่ฝั่งลาวกับเพื่อนเก่าคนหนึ่งหรอกหรือ

"ปกติไม่ค่อยมีใครไปมาหาสู่พี่เฉิดนักหรอก แม่หนูมีธุระอะไรกับเขาหรือ"

'ลุงฉัตรชาย' เป็นญาติผู้น้องของลุงเฉิดชัย แกเป็นเจ้าของสวนผลไม้ไม่เล็กไม่ใหญ่ ภรรยาเป็นแม่บ้านในสโมสรที่ก่อตั้งโดยนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง นัยว่ามีอิทธิพลพอใช้ บุตรชายบุตรสาวทำงานในกรุงเทพหมด

เหลือแกเฝ้าสวนตามลำพัง ตกเย็นโน่นแน่ะ ภรรยาถึงจะกลับพร้อมกับอาหารสดมาทำกับข้าวกับปลากินง่ายๆ ตามประสาสองตายาย

"เอ้อ ลุงจ๊ะ หนูมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องพบกับลุงเฉิดชัยให้ได้น่ะจ้ะ ลุงพอจะช่วยหนูหน่อยได้ไหมจ๊ะ เอ้อ บอกที่อยู่ทางโน้นก็ได้ เอ้อ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อก็ได้จ้ะ ที่เหลือหนูจัดการเอง"

"ไม่มีหรอก ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว ตั้งแต่พี่เขาย้ายไปเมื่อโน่นแน่ะ สักสิบกว่าปีแล้วล่ะ"

"สิบกว่าปีแล้ว"

ปัญปัทม์เม้มปากครุ่นคิดเป็นการใหญ่ เธอหรี่ตาใส่ประกายระยิบระยับกลางท้องน้ำในคลองเล็กตรงหน้า ตั้งสติเรียงลำดับวันเวลาที่น่าจะเกี่ยวโยงกัน

"พอจะรู้ไหมจ๊ะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ลุงเฉิดชัยถึงได้โดนไล่ออกจากงาน"

"เฮ้ย ไปเอาที่ไหนมาพูดวะ พี่เขาเสียหายหมด"

ลุงฉัตรชายรีบแย้งโวยวาย โบกมือพัลวันด้วย น่าสงสารแกที่หลงกลมั่วๆ ของปัญปัทม์ เธอก็ทราบมาก่อนแล้วนั่นละว่าลุงเฉิดชัยลาออก แต่ถ้าว่าไปตรงๆ แบบนั้น เธออาจจะไม่ได้คำตอบอะไรเลย

"หนูก็พูดไปตามที่รู้มา คุณนา เอ้อ หมายถึงเจ้านายลุงเฉิดชัยน่ะจ้ะ ไล่ลุงแกออก เห็นว่าแก่แล้ว ขับรถไม่ได้ดั่งใจ อะไรทำนองนี้แหละ"

"ไม่จริงเว้ย"

ลุงฉัตรชายตบแคร่ปัง หน้าแดงตาถลึง แกลุกพรวดไปยืนเท้าสะเอวหันหลังด้วย สาวชาวกรุงตัวเล็กคนนี้ไปได้ยินเรื่องเฮงซวยพวกนี้มาจากใครกัน

ญาติผู้พี่ของแกเป็นคนดีคนเก่ง นอกจากเจ้านายไม่มีทางไล่ออกแล้ว ตอนพามาส่งแล้วให้เงินตั้งปึกใหญ่ เร่งให้หนีไปซ่อนตัวไกลถึงฝั่งลาวโน่น หน้าตาก็ยังบอกชัดว่าเสียดายแกมเป็นห่วง

แต่เรื่องนี้มันก็เป็นความลับที่แกเองก็เกือบจะลืมไปแล้ว ถ้าวันนี้สาวชาวกรุงไม่มาถามหา ดีไม่ดีแกจะลืมเสียสนิทจริงๆ เท่าที่สังเกต หน้าตาก็ดูน่าเอ็นดูดีอยู่หรอก แต่สองตาออกแนวแพรวพราวหลุกหลิกไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย

หรือว่าจะเป็นนางนกต่อที่คนเลวฝ่ายโน้นส่งมาล้วงข้อมูล แต่ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริง ก็แปลกไปหน่อยนะที่ทิ้งช่วงนานเป็นสิบปีแล้วค่อยมาถามหาหมายกำจัดซ้ำ

"ลุงจ๊ะ" ปัญปัทม์เลียปาก ใจเต้นตึกๆ กับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้าน เธอต้องพูดบางอย่างพลาดไปแหงๆ

"แม่หนูเป็นใคร มีธุระอะไรกับพี่เฉิด ฉันถามแม่หนูตั้งนานแล้ว ทำไมไม่เห็นตอบเลย" แกหันกลับมาขึงตาแข็ง

"หนูเป็นทนายความจ้ะ ไม่เชื่อใช่ไหมจ๊ะ" เธอถามเหมือนว่าเข้าใจที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วแล้วค่อยสำรวจหัวจรดเท้า "หนูเข้าใจ นานๆ ทีลุงจะได้เจอทนายสาวตัวเล็กน่ารัก แล้วก็หน้าตาดี เสียงเพราะ อัธยาศัยมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ หนูน่ะเป็นคนเข้ากับคนได้ง่าย ถ้าใครได้มารู้จัก คบกันไปสักพักก็จะ.. "

"ฉันเชื่อแล้วละว่าแม่หนูเป็นทนาย พูดมากดีนะ"

"คะ"

ปัญปัทม์ครางค้าง ปั้นหน้าเหลอหลาให้แกตวัดตาแข็งมองแวบหนึ่ง แล้วเดินไปนั่งถอนใจหนักๆ แกชมได้ระคายหูพิลึก ทำไมไม่บอกว่าพูดเก่ง มันฟังดูดีกว่าพูดมากตั้งเยอะ แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องหยุมหยิมอย่าไปหมกมุ่นให้เวลาของวันนี้งวดลงอย่างไร้ค่าอีก

สังเกตจากท่าทางกระด้างของแกตอนนี้ เหมือนว่ามันจะปลุกให้เธอตื่นจากความคิดเดิมที่ว่าแกเป็นชาวสวนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่จริงๆ แล้ว แกน่าจะรู้อะไรดีๆ ไม่อย่างนั้น ก็คงไม่ใช้สายตาหวาดระแวงจ้องเธอเขม็งแบบนั้น

"หนูมาดีนะจ๊ะลุง" เธอเดินไปบอกด้วยรอยยิ้ม "หนูมาทำงาน แล้วงานของหนูมันก็บังเอิญไปพัวพันกับลุงเฉิดชัยนิดหน่อย หนูอยากเจอแกสักครั้ง หรือไม่ก็ได้คุยกับแก หนูสัญญานะว่าจะไม่รบกวนเวลาแกนานเกินไป แค่อยากถามคำถามเดียวเท่านั้น ได้คำตอบแล้วหนูก็จะไม่มารบกวนอีกเลย เพราะแกไม่ใช่เป้าหมายโดยตรงของหนู"

ถึงบทจริงจัง ปัญปัทม์ก็แสดงได้งดงาม มาดทนายสาวผู้สุขุมพราวขึ้นมาเชียว แม้แต่น้ำเสียงที่ชอบปั้นใสปนทะเล้นก็เปลี่ยนเป็นเข้มขรึมไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าตรงฉัตรเลย

"เป็นพวกไอ้พันศิลป์หรือเปล่าล่ะ ฉันก็อยากได้คำตอบนี้เหมือนกัน ถ้าแม่หนูตอบว่าใช่ ก็เชิญกลับไปได้เลย"

"ไม่ใช่หรอกจ้ะ หนูเป็นพวกคุณตรงฉัตร แล้วเขานี่แหละที่เป็นเป้าหมายโดยตรงที่หนูบอกลุงเมื่อกี้นี้น่ะ"

"คุณตรงฉัตรหรือ" ลุงฉัตรชายลุกขึ้น กะพริบตาลังเล การโกหกตาใสของปัญปัทม์มันทำท่าได้ผลดีจังเลย

"จ้ะ เขากำลังเดือดร้อนหนัก หนูจำเป็นต้องมีข้อมูลบางอย่างที่เขาไม่ยอมปริปาก แต่ข้อมูลนี้จะช่วยเขาได้"

"ช่วย"

"จ๊ะ ในเมื่อเขาไม่ปริปาก คนเดียวที่จะช่วยหนูได้ เพราะเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยก็คือลุงเฉิดชัย หนูอ่านประวัติของลุงแกมาอย่างละเอียดแล้ว นับจากปีที่แกลาออกจนถึงปีนี้ก็สักสิบห้าปีเศษๆ แล้วนะจ๊ะ ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่คุณตรงฉัตรเข้ามาทำงานกับคุณนาพอดี"

เจอสาวทนายโม้แหลกแบบหลับหูหลับตา แถมหน้าก็ปั้นซื่อได้เนียนจัด โดยเฉพาะไอ้เรื่องพูดคล่องลิ้นพันกันยากมันก็เป็นงานถนัดที่สุดของปัญปัทม์อยู่แล้ว มีหรือที่คนฟังชาวสวนอย่างลุงฉัตรชายจะไม่ยิ่งลังเล แกยังอิดออดอีกนิดหน่อยกับอีกหนึ่งคำถามที่ว่า

"ในเมื่อแม่หนู เอ้อ ขอโทษนะ ในเมื่อคุณทนายตั้งใจช่วยเหลือคุณตรงฉัตร แล้วทำไมเขาไม่ยอมปริปากให้ข้อมูลที่คุณทนายต้องการเล่า"

"เขาเป็นห่วงคุณนาจ้ะ พ่อเลขาเนื้อทองคนนี้ดื้อรั้น ยโส หัวสูง แล้วก็ภักดีต่อคุณนามาก หนูว่าเรื่องนี้ ลุงเองก็น่าจะรู้ๆ อยู่นะจ๊ะ แล้วถ้าหนูต้องมัวเสียเวลาไปกับการง้างปากเขา หนูว่าแอบมาถามลุงเฉิดชัยทางนี้ยังง่ายเสียกว่า เฮ้อ แต่ดูสิ ย้ายไปฝั่งลาวเสียแล้ว เอ้อ เอาอย่างนี้ก็ได้จ้ะ"

ไอ้ปัทม์ทำทีตีซี้ ปรี่หุ่นน่าเอ็นดูเข้าไปเขย่าแขนใหญ่แล้วพานดึงตัวใหญ่เหมือนกันลงนั่ง แววตาลังเลของแกบอกเป็นนัยๆ ว่ากลยุทธ์ล้วงข้อมูลของเธอกำลังจะได้ผล นี่ถ้าเธอเป็นนักขาย ขั้นตอนนี้ต้องเรียกว่ารีบปิดการขายโดยด่วนก่อนที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจ

"หนูไม่เจอลุงเฉิดชัยก็ไม่เป็นไร เจอลุงก็เหมือนกันนี่ ตอนนี้ หนูก็ตอบทุกคำถามที่ลุงสงสัยจนกระจ่างหมดแล้วใช่ไหม ใช่ไหมจ้ะ" ต้องถามย้ำด้วยเสียงน่ารักๆ อีกหน่อย พอฝ่ายโน้นลืมตัวพยักหน้า ก็ปิดการขายฉับเลยว่า "ถ้าอย่างนั้น ลุงช่วยเล่าสักนิดเถอะ ทำไมลุงเฉิดชัยต้องโดนไล่ออกด้วย"

"ลาออกเว้ย"

"แหม ลุงจ๋า มันก็ความหมายเดียวกันนั่นละจ้ะลุง คนเก่าคนแก่ทำงานมาตั้งแต่รุ่นคุณแม่คุณนาไม่ใช่หรือ จู่ๆ มาลาออกกะทันหัน บริษัทคงสงสารเห็นแก่อายุการทำงานนั่นแหละ ก็เลยไม่อยากให้เสียประวัติ ถึงได้บันทึกว่าลาออกไง"

"พี่เขาไม่ได้ลาออกหรอกคุณทนาย" ลุงฉัตรชายบอกเสียงอ่อน ถอนใจยาว แล้วขยายเนิบว่า "ตัวคุณนาเองก็ไม่อยากให้ลาออกด้วย แต่มันจำเป็นนี่หว่า ถ้าคุณนาไม่ตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างนั้น ป่านนี้พี่เฉิดอาจจะโดนสั่งเก็บเป็นผีเฝ้าป่าเฝ้าถนนที่ไหนสักแห่งแล้วล่ะ ไอ้มาเฟียพันศิลป์น่ะ มันคนเสียที่ไหน"

'อะไรวะ ทำไมมันผิดรูปผิดรอยแบบนี้หว่า' ปัญปัทม์ครางในใจ หน้าเอ๋อไปอีกยก เธอตั้งใจมาล้วงข้อมูลของตรงฉัตรจากลุงเฉิดชัยนะ ไม่ได้มานั่งฟังว่าแกต้องหนีตายไปกบดานไกลถึงฝั่งลาว แล้วคนที่ไล่จิกวิญญาณของแกก็คือพันศิลป์อีก

โอ๊ย ตายเลยไอ้ปัทม์เอ๊ย นี่มันไม่ใช่งานหินแล้วนะ ท่าทางจะกลายเป็นภูเขาทั้งเทือกเสียมากกว่า




ดึกโขอยู่ แต่ปัญปัทม์ก็ไม่หลับไม่นอน เธอเก็บข้อมูลที่ได้จากลุงฉัตรชายมาครุ่นคิดหนักหน่วง หิวกาแฟก็ลงมาในครัวชงแก้วต่อแก้ว

แคร่ใหญ่ยามดึกมันดูวังเวงเมื่อมีเธอนั่งชันเข่าบ้าง นอนแผ่หลาหนุนศีรษะด้วยท่อนแขนบ้าง ไฟดวงเล็กส่องสีส้มก็ขยันแยงตากับกระทุ้งความคิดให้ไหลไปไม่มีหยุดเลย

"นี่มันอะไรกันวะ" เมื่อสายน้ำความคิดไหลไปเจอทางตันซ้ำซาก หุ่นเล็กก็ดีดลุกมาบ่นหงุดหงิด "ทำไมคุณพันศิลป์ต้องตามหาประวัติของคุณตรงฉัตรเหมือนเราเลย เขาต้องการอะไร แล้วตกลงนี่เขาจ้างพี่อมทำอะไรกันแน่ ฟ้องหย่า หรือว่าฉีกโฉมหน้าอาชญากร"

เธอหมายถึงตรงฉัตรนั่นแหละ ตอนนี้เขาเท่มากด้วยฐานะนั้น มีแต่คนจ้องตะครุบประวัติที่หายไปของเขา เป็นหนุ่มประหลาดจริงๆ เกิดมาก็อายุสิบเจ็ดเลยหรือ มันไม่จริงหรอก ต้องมีอะไรผิดพลาดสิ

"พี่อม"

"ไอ้บ้า ไอ้ปัทม์ นี่มันตีหนึ่งกว่าแล้วนะเว้ย แกบ้างานฉันก็ชื่นชมนะ แต่ไอ้ที่อุตริปลุกฉันมาบ้าด้วยนี่ ฉันเหยียดหยามเว้ยไอ้น้องเวร"

"แหม ดึกนิดดึกหน่อยทำเป็นไม่เคยไปได้ ปัทม์มีข้อสงสัย"

"เออ ว่ามา"

ปัญปัทม์หัวเราะชอบใจที่เจ้านายใจดีกระแทกเสียงแล้วปิดด้วยเสียงหาวดังๆ สงสารเหมือนกัน แต่จะให้ทำยังไง เธอคงนอนไม่หลับถ้าไม่มีใครสักคนมาช่วยไขปริศนาร้อนในอก ในเมื่ออมฤทธิ์โยนงานหินมาให้ ก็ต้องร่วมกันอดหลับอดนอนแบบนี้แหละ

"นักสืบที่พี่อมให้ไปสืบที่ทะเบียนราษฏร์น่ะ ได้ความว่ายังไง มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือยัง"

"มี ก็ตั้งใจว่าจะโทรจิกแกให้ไปฟังที่สำนักงานพรุ่งนี้เว้ย สะเออะโทรมาก่อนทำไม"

"แหม ไม่ต้องทำเสียงภาคภูมิใจในตัวปัทม์แบบนั้นก็ได้ ปัทม์ก็เขินเป็นนะ แต่ก็ยอมรับละว่าเป็นลูกน้องชั้นหนึ่ง ขยัน เอาใจใส่ กระตือ.. "

"แกหยุดไอ้ปัทม์ เพ้อเจ้อเข้าข้างตัวเองทุเรศๆ ว่ามาเนื้อๆ ง่วงเว้ย"

"ได้ ถ้าอย่างนั้นก็นอนเล่นพลางๆ ไม่เกินชั่วโมง ปัทม์ถึงหน้าบ้าน"

อมฤทธิ์ทางโน้นอ้าปากค้างตาเหลือก อยากจะโขกหัวกับหัวเตียงให้แตกแบะเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่เขาหลุดปากกระทุ้งต่อมบ้าบิ่นของลูกน้องตัวแสบเข้าหรือยังไง

ให้ตายสิ ดูเอาเถอะ ตัดสายไปแล้ว ไม่ต้องนึกภาพให้เหนื่อยสมองก็เห็นเลยว่าตอนนี้แม่สาวทนายจอมกระด้างกำลังกระวีกระวาดออกจากบ้าน

ใช่ ปัญปัทม์ทำอย่างนั้นจริงๆ เธอนอนไม่หลับหรอกถ้าไม่เห็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ว่าให้จะจะตาในคืนนี้ เพราะมันไม่แน่หรอกว่าข้อมูลใหม่อาจสาวเบาะแสบางอย่างมาแผ่หลา เปิดทางให้เธอเดินไปสู่คำตอบที่ซ่อนอยู่ในหลืบลับ

เอายังไงก็เอากันสิ ไม่ว่าจะยากเย็นแสนสะบักสะบอมแค่ไหน เธอก็ต้องเอาชนะตรงฉัตรให้ได้ ประวัติของเขาต้องสว่างอยู่ในมือ แล้วเมื่อถึงตอนนั้น เธอจะต้องได้ยินประโยคนี้ 'ผมเป็นชู้กับคุณนาจริงๆ '




'จำอะไรไม่ได้' เสียงครางของลูกน้องสาวคนเก่งดึงรอยยิ้มพราวขึ้นทั่วกรอบหน้าอารีเล็กน้อย เขาครางแบบนั้นมาแล้วน่ะสิ มันมืดมนไปหมดเมื่อมาเจอข้อมูลพิลึกพิลั่นที่ว่า

"คุณตรงฉัตรก็เลยกลายเป็นใครอีกคนที่มีคุณนารู้ประวัติอยู่คนเดียว แถมยังเป็นประวัติที่สร้างขึ้นมาใหม่ เป็นลูกชายคนสวนในบ้าน โอ้โฮ นี่ปัทม์ตลกมากเลยนะนี่ อย่าให้มันการ์ตูนมากไปกว่านี้ได้ไหม"

"ฮื่อ พี่ก็ขำก๊ากก่อนแกเหมือนกัน" เจ้านายประชดสำทับให้สาวแดกดันหงุดหงิดหนักเข้าไปอีก

"แล้วนี่ปัทม์จะทำยังไง"

เธอทุบตักตึกๆ อารมณ์เสียมากเลยกับข้อมูลผีทะเลพวกนี้ แทนที่มันจะกล่อมให้เธอหลับสบายกับราตรีที่เหลือ แต่กลายเป็นว่าตาเธอค้างเหมือนซดกาแฟยี่สิบถ้วยติดต่อกันในยี่สิบนาทีเชียวนะ

"คนที่ให้คำตอบได้ก็มีคุณณพนา คุณตรงฉัตร แล้วก็อีกคนของแก ลุงเฉิดชัย"

"แกย้ายไปอยู่ฝั่งลาวแล้ว สิบกว่าปีแล้วด้วย" สาวทนายหน้าม่อยย้อนไปเสียงเนือยๆ

"มันยังไง"

ปัญปัทม์ขอถอนใจก่อนเถอะ สักเฮือกหนักเฮือกยาว แล้วจากนั้น จึงค่อยเล่ารายละเอียดให้ลูกพี่ฟัง ฝ่ายลูกพี่พอฟังจบก็ถอนใจหน้าซึมเหมือนถูกทวงค่าแชร์ โอ้ งานนี้มันพิลึกพิลั่นจริงอย่างที่สาวแสบเปรยไว้เสียแล้วสิ

อมฤทธิ์เริ่มจะคิดคะเนใกล้เคียงกับปัญปัทม์บ้างแล้ว ตกลงว่าพันศิลป์จ้างเขาให้ทำอะไรกันแน่ ฟ้องหย่าภรรยามีชู้ หรือว่าฉีกโฉมหน้าอาชญากรตรงฉัตร ใช่ มันต้องมีเบื้องหลังสิ ไม่อย่างนั้น ณพนาคงไม่ลงทุนสร้างประวัติเลขาเนื้อทองขึ้นมาใหม่แบบนั้นหรอก

"พี่อม แนะนำปัทม์หน่อยสิว่าปัทม์ควรเริ่มต้นจากตรงไหนดี"

"ตรงที่แกเห็นควรที่สุดละไอ้น้องเอ๊ย พี่เอาใจช่วยแกเต็มที่เลย ถ้าแกทำสำเร็จ พี่อาจจะยกสำนักงานทนายความให้แกไปเลยก็ได้นะ เชื่อสิว่าต้องไม่มีทนายหน้าไหนทำได้อย่างแกแน่ๆ "

'เฮ้อ' สองลูกพี่ลูกน้องครางออกมาพร้อมกันแล้วนอนแผ่หลาบนเก้าอี้ยาวคนละตัว ซ้ำยังก่ายหน้าผากกลัดกลุ้มกับงานชิ้นประหลาดเหมือนกันเป๊ะ นัดก็ไม่ได้นัดเสียด้วยนะ

"หมายความว่าคุณตรงฉัตรความจำเสื่อมหรือคะ" จู่ๆ ปัญปัทม์ก็เปรยคำถามขึ้น

"แล้วก็อาจเป็นไปได้ว่าชื่อตรงฉัตรก็อาจไม่ใช่ชื่อเดิมของเขา" อมฤทธิ์เสริมอีกนิด "คราวนี้แหละแกเอ๊ย มันหินปนอิฐปนปูนเชียวละเว้ย เราจะไปหาประวัติของคนความจำเสื่อมได้จากไหนถ้าไม่จากตัวเขาโดยตรง"

"ตัวเขาโดยตรงก็ไม่ได้หรอก" สาวทนายลุกพรวดมานั่งแล้วแย้ง "คนที่บอกเราได้จริงๆ คือคุณณพนาต่างหาก หรือไม่ก็ลุงเฉิดชัย"

"หรือไม่อีกที.. " อมฤทธิ์เว้นวรรคแล้วลุกตามลูกน้อง จ้องตาเหมือนเสนอความคิดอีกมุมว่า "คุณตรงฉัตรก็ไม่ได้ความจำเสื่อมอย่างที่แกคิด เขาจำทุกอย่างได้ดี และรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ร่วมมือกับคุณณพนาปกปิดประวัติส่วนนั้นไว้ ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง"

"ซึ่งปัทม์ต้องรู้ให้ได้อีกใช่ไหม"

เจ้านายลูกน้องจ้องตาเหมือนเสนอสนองคำตอบที่ต่างรู้แจ้งเห็นจริงโดยไม่ต้องเอ่ยให้เสียพลังงานน้ำลาย

อมฤทธิ์ขำปัญปัทม์จังเลย เธอทำหน้าเบ้ตาละห้อยได้น่าเอ็นดูและน่าเวทนาไปพร้อมๆ กัน คล้ายจะโอดครวญหรือรำพึงรำพันว่า 'ตาย ไอ้ปัทม์ต้องตายแน่ๆ '

มันเป็นความผิดของเขาเอง งานนี้ขอตำหนิตัวเองคนเดียวเลยเต็มๆ เถอะ เพราะละโมบค่าจ้างสูงลิบ เพราะหวังชื่อเสียงที่จะโด่งเด้งเป็นพลุกลางฟ้า เขาถึงผลีผลามรีบรับงานหินของมาเฟียเทพบุตร

ใครจะไปคิดเล่าว่าเบื้องหลังงานมันมีรากมีใยพัวพันกันยุ่งเหยิงเสียขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเวทนาปัญปัทม์ หรือจะบอกให้ถอนตัวรามือดีไหม

"ไม่"

ปัญปัทม์โพล่งพรวดด้วยเสียงมุ่งมั่นเมื่อหัวหน้าคนดีเสนอความคิดนั้นออกมาจริงๆ  แววตาเธอมันแข็งกร้าววาววับแบบที่ตรงฉัตรเห็นคราวแรกบนลานจอดรถแล้วนึก 'ชอบ'

"ปัทม์ พี่รู้นาว่าแกไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ทำอะไรก็อยากทำให้มันสุดลิ่มทิ่มประตู ไม่ชอบล้มเลิกกลางคัน แต่ว่ากำลังและสติปัญญาของเรามันก็เป็นเงื่อนไขที่มองข้ามไม่ได้นะเว้ย ถ้าเรามีจำกัด เราก็อย่าฝืนดันทุรังเลย พี่ว่า.. "

"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ" สาวเก่งโบกมือส่ายหน้า "มันไม่ใช่เรื่องงานทั้งหมดอีกแล้ว ปัทม์ต้องการเอาชนะคุณตรงฉัตร ปัทม์จะทำให้เขายอมแพ้ สารภาพว่าเป็นชายชู้ให้ได้ ยังไงก็จะไม่ยอมเสียจูบไปเปล่าๆ "

"อะไรนะ" ลูกพี่หูผึ่งเลย ตาโตกลมเหมือนตานกฮูกเชียว "แกพูดอีกทีซิ จูบอะไรของใครเปล่าๆ "

สาวทนายจอมห้าวก็เลยร่ายเหตุการณ์หวาดเสียวให้ลูกพี่ตานกฮูกฟังแบบละเอียดและหวือหวาท่าเยอะ อีกฝ่ายฟังไปครางไปเรอไป ตอนจบก็ร้อง 'โอ้ ให้ตายสิ คุณพระคุณเจ้า'

"คุณพระคุณเจ้าอะไรกัน" คนเล่าจบโวยวายสวนกลับ "ตอนนั้นนะ มันหวาดเสียวมาก หน้าสิ่วหน้าขวานของแท้เลย ถ้าไอ้ปัทม์มันไม่เก่งจริง นิสัยเหลาะแหละตัดสินใจไม่เด็ดขาดละก็ ป่านนี้ หัวขาดไปนานแล้ว"

"อ้อ แล้วไอ้ที่แกเสียจูบไปเปล่าๆ ไปให้เขานี่ แกเก่งแล้วหรือ"

"ยัง" แม่จอมเก่งเชิดหน้า "ตราบใดที่ยังไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ จูบเด็ดผสมสเปรย์พริกไทยของปัทม์ในคืนนั้น ยังต้องเรียกว่าอาวุธลับเฉพาะกิจต่อไป"

อมฤทธิ์อยากเป็นลม เขาค่อยๆ เอนลงนอนอีกครั้ง ก่ายหน้าผากเหมือนเดิม แต่ความคิดที่ไหลวนในสมองตอนนี้ ไม่ใช่ปัญหาหินของงานมาเฟียเทพบุตรอีกแล้ว เขาเริ่มเป็นห่วงความผุดผ่องของปัญปัทม์ กว่าสามเดือนตามข้อตกลงจะสิ้นสุดลงมันก็อีกหลายวันอยู่

แล้วจะมีใครรับประกันไหมว่าลูกน้องคนเก่งของเขาจะไม่เสียจูบไปเปล่าๆ อีก หรือพอจะมีใครมากระซิบข้างหูให้รู้ล่วงหน้ากันก่อนได้ไหมว่านอกจากจูบที่อาจต้องเสียไปเปล่าๆ แล้ว ยังมีอะไรที่ต้อง 'เสียเพิ่มอีก'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 20:08:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com