Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ยุ่งนักรักคนเสื้อกาวน์ รักโรแมนติกวงการแพทย์ บทที่ 13 ต่างที่ ต่างใจ แต่หัวใจดวงเดียวกัน ติดต่อทีมงาน

ข้อมูลเบื้องต้น
ตกลงชื่อเดิมก็ดีแล้ว ตามเสียงสองในสาม
ขอบคุณนะคะ คุณ นารีจำศีล คุณ ณ พิชา คุณรุริกะที่ช่วยคิดชื่อให้

นิยายรักโรแมนติก วงการแพทย์ ระหว่างสูติแพทย์สาวห้าว แกร่ง ไม่เคยกลัวใคร
กับหนุ่มน้อยอดีตนักศึกษาแพทย์เกียรตินิยมอันดับหนึ่งอดีตคนรักที่
มีเรื่องเข้าใจผิดจนต้องพลัดพรากจากกันไป สิบปีต่อมา เขากลับมาอีกครั้งในสถานมหาเศรษฐีมาเฟียลึกลับ


โดยอาศัยความผิดพลาดทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นในวันที่เธออยู่เวร
จนทำให้หญิงสาวครรภ์แก่ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา
ทั้งแม่และลูก ใช้จังหวะนี้บีบบังคับให้เธอมาอยู่กับเขา

 เขาตั้งใจจะอาศัยสถานใหม่ หลอกให้เธอหลงรักแล้วทิ้งเธอไปเช่นเดียวกับที่เธอเคยทำกับเขา

แต่แล้วเมื่อได้พบเธออีกครั้ง เขากลับพบว่า เธอกลายเป็นแพทย์ ทีีมีจิตวิญญาณของความเป็นแพทย์เต็มตัว

เธอคิดว่าเธอเป็นผู้พิทักษ์ชาวโลกหรือไงกันนะ ที่สำคัญดันลากเขาไปเอี่ยวด้วยทุกงาน

แล้วเป็นไง เวลาเธอเดือดร้อน ถูกฟ้องร้อง ถูกเข้าใจผิด ถูกสังคมตราหน้า แม้แต่คำว่าแพทย์ เธอก็ไม่มีสิทธิ์จะใช้นำหน้าชื่อของเธอ

ก็เป็นเขา ที่คอยช่วยเหลือเธอตลอด แล้วไงล่ะ พอเธอรอดปลอดภัย เธอกลับสลัดนายเฉินฮ่าวหมิงเหมือนรองเท้าเก่าๆ

มัวแต่ไปคร่ำครวญถึงบ้าคนหนึ่งที่หายสาบสูญไปเป็นชาติแล้ว

เขาพยายามเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถดึงเธออกจากหมอนั่นได้

เรื่องคงไม่ยาก ถ้าบ้าที่เธอไม่เคยลืมก็คือเขาในอดีต 


เขาต้องกลายเป็นผู้ชายสองคนวิ่งสลับกลับไปกลับมา

ถ้าเธอไม่จับได้ก่อน เขาก็คงเหนื่อยตายไปเสียก่อน

แล้วเขาจะทำอย่างไรดี ปวดหัวจริงโว๊ย 

ยังไงเสีย เขาต้องตัดใครสักคนทิ้งไป

ไม่นายเฉินฮ่าวหมิง ก็ต้องเป็นนายเตชิต ใครสักคนต้องหายสาบสูญไป

แต่ที่แน่ ไม่ว่าจะเหลือใครไว้ เขาจะไม่ยอมสูญเสียเธอเป็นอันขาด

ต่อค่ะ

ตุ๊กตาหมีขนปุกปุยตัวใหญ่สวมชุดทักซิโด้สีน้ำเงิน ผูกโบกระต่ายอย่างเท่นอนกางแข้งกางขาอยู่กลางเตียง สมบัติชิ้นสำคัญที่ปันนายังไม่ได้บรรจุลงกระเป๋าทั้งที่สิ่งของจำเป็นเตรียมใช้ระยะยาวเข้าไปนอนแอ้งแม้งในกระเป๋าลากและหีบเดินทางใบใหญ่ครบถ้วนแล้ว 
 
ไม่ใช่คิดว่าจะทิ้งเจ้าหมีแสนรักแสนหวง
 
แต่ในใจปันนายังมีข้อกังขามากมาย
 
 
ความรู้สึกคุ้นเคยใกล้ชิดสนิทสนมกันมานาน หล่อนเชื่อว่าไม่ได้ตาฝาด
 
ผู้ชายที่หล่อนเห็นเพียงแผ่นหลังวันนั้นก็คือเตชิต 
 
 
พี่เตยของเธอ
 
 
ความรู้สึกสัมผัสเกี่ยวกับพี่เตยไม่เคยพลาด
 
แม้ประวัติที่มาที่ไปรวมทั้งข่าวต่างๆของเขาไม่อาจหาจุดเชื่อมโยงระหว่างเฉินฮ่าวหมิงกับกับเตชิตได้ก็ตาม
 
ใจหล่อนเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
 
เมื่อนึกถึงทอฝัน
 
ครั้งแรกเคยแอบระแวงอวยพร ลูกติดภรรยาสามีเก่าของมัทนาแม่เลี้ยงยังสาวของปันนา 
 
เคยคิดว่าหากเตชิตจะลงหลักปักฐานมีครอบครัว สุภาพสตรีผู้โชคดีคนนั้นน่าจะเป็นอวยพร 
 
แต่กลายเป็นทอฝัน ผู้หญิงที่หล่อนไม่รู้จัก
 
แต่พยาบาลหรือแม้แต่หมอวิกรมต่างยืนยันว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาคล้ายหล่อนมาก
 
ครั้งแรกไม่ใส่ใจ คนหน้าตาคล้ายๆกันมีทั่วไปในโลก
 
หากเมื่อนึกย้อนไปในวันแรกที่ได้พบทอฝัน 
 
ปันนาถูกตามลงไปดูคนไข้พิเศษของอาจารย์นายแพทย์วิจิตร เพราะทอฝันปวดท้องมาก 
 
 
น้องพยาบาลใหม่รับออเดอร์ยาสลับคน เอายาสำหรับให้มดลูกแข็งตัวหลังคลอดลดอาการตกเลือดมาให้ทอฝันที่กำลังเตรียมตัวคลอด
 
 
ยาทั้งสองตัวต่างมีสามพยางค์แถมชื่อฟังเผินๆคล้ายๆกันเสียอีก
 
แม้ว่าพยาบาลผู้รับคำสั่งจะยืนกรานว่าหมอวิจิตรเป็นคนสั่งก็ตาม แต่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ เพราะไม่ได้มีการอัดเทปเป็นหลักฐาน
 
 
สีหน้าทอฝันที่เห็นปันนาครั้งแรกมีแววตื่นตระหนกหวาดกลัว คงเพราะกำลังปวดท้องอย่างรุนแรง 
 
หากคำพูดประโยคแรกดูราวกับเคยรู้จักคุ้นเคยกับปันนมาก่อน
 
 
"เธอคิดจะทำอะไรฉัน คิดจะฆ่าฉันใช่ไหม?"
 
จำได้ว่าหล่อนตอบกลับไปว่า
 
"หมอไม่ใช่ฆาตกรนะคะ หมอมีหน้าที่ช่วยชีวิตคน"
 
"แล้วทำไมฉันถึงกลายเป็นอย่างนี้ ฉันมาดีๆแท้ๆ"
 
ขนาดกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน ปันนายังอดประหลาดใจไม่ได้ว่า ปฏิกิริยาของคนไข้ในภาวะวิกฤติออกจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย
 
แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะในสมองมีแต่เรื่องจะทำอย่างไรให้ทั้งแม่และเด็กปลอดภัยที่สุด
 
บางทีปันนาอาจระแวงไปเอง
 
หญิงสาวยกเจ้าหมีน้อยขึ้นมาพาดบนตัว วางไอแพดรุ่นล่าสุดลงไปบนพุงของมัน นั่งครึ่งนอนครึ่งพิงหมอนอยู่บนหัวเตียง 
 
หน้าจอโชว์เมลเปล่าๆที่ยังไม่ได้พิมพ์ข้อความอะไรลงไป ได้แต่จดๆจ้องๆ
 
 
วันนี้เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเกิดอาการลังเล จะส่งเมลถึงพี่เตยดีไหม ทุกครั้งหากมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ พี่เตยเป็นคนแรกที่ได้รับรู้เสมอ เพียงแต่เขาจะเปิดอ่านหรือไม่เท่านั้น
 
 
แต่ในที่สุด นิ้วเรียวสวยก็จิ้มลงไปบนตัวหนังสือหน้าจอจนได้
 
พี่เตยจ๋า
 
พรุ่งนี้ กล้วยก็จะต้องไปเฝ้าไข้ทอฝันที่บ้านนายเฉินฮ่าวหมิงแล้วนะ ก่อนไปกล้วยต้องไปเรียนรู้อะไรหลายอย่าง วิธีการดูแลคนไข้ ตั้งแต่การพลิกตัว ทำความสะอาดซอกมุมต่างๆของร่างกาย สระผม เรียนวิธีทำอาหารทางสายยาง ต้องจำสูตรในแต่ละวัน (ทั้งที่มีของสำเร็จรูป เจ้าของบ้านก็ไม่ยอมใช้) และอะไรอีกจิปาถะ 
 
ไม่รู้ว่านายเฉินแกคิดยังไงถึงเอาหมอไปเฝ้าไข้ 
 
ไม่รู้หรือไงว่าหมอมีหน้าที่ใช้สมองคิดหาวิธีรักษา ผ่าตัดคนไข้ ไม่ใช่ไปนั่งเฝ้าไข้ ให้ยา ป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดตัว คนไข้ ซึ่งเป็นความชำนาญของพยาบาลหรือผู้ช่วยพยาบาลมากกว่า 
 
เวลากลับมาจะยังทำหัตถการเป็นหรือเปล่า สงสัยต้องใช้เวลารื้อฟื้นอีกนาน
 
แต่พอคิดถึงว่ากล้วยอาจจะได้เจอพี่เตย กล้วยก็ทนได้ทุกอย่าง ถึงแม้ว่า...
 
นิ้วที่จิ้มไปบนหน้าจอหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงไขกุญแจประตูใหญ่ด้านนอก ปันนาเหลียวไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ข้างฝาผนัง
บอกเวลา อีก 15 นาที เที่ยงคืน
 
 
ก่อนจะเบนไปจับที่ประตูห้องนอนอย่างรอคอย ท่าทีของหล่อนมิได้แสดงความประหลาดใจหรือหวาดกลัวแต่อย่างใด แสดงว่าผู้ที่แวะเวียนมาหายามวิกาลนั้นคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
 
ไม่ถึงอึดใจ ร่างสูงโปร่งผอมบางของสตรีสาววัยไม่เกิน 20 ปีก็มาหยุดยืนพิงกรอบประตู เท้าสะเอวมองเข้ามาในห้อง
 
"ทำไมวันนี้นอนดึกจังพี่กล้วย พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานเช้าหรือ?" 
 
เสียงหวานกังวานใสราวกับระฆังเงินเอ่ยทัก เมื่อเห็นผู้เป็นพี่สาวนั่งเอนหลังพิงหมอนบนหัวเตียง เหนือเข่าที่ตั้งชันขึ้นมาทั้งสองข้าง เป็นที่รองไอแพด ที่เจ้าของกำลังจะพับเก็บบนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง หลังเซฟข้อความที่เพิ่งพิมพ์ไปเมื่อครู่เรียบร้อยแล้ว 

 
รอยยิ้มกึ่งล้อเลียนจุดขึ้นเหนือริมฝีปากอวบอิ่มของผู้เข้ามาใหม่
 
 "คุยกับพี่เตยอยู่หรือคะ..." 
 
"วันนี้ว่างหรือ?" คนถูกแซวไม่ตอบแต่ถามกลับ พลางลุกขึ้นจากเตียง โอบตุ๊กตาหมีเดินผ่านน้องสาวที่ยังยืนเกาะขอบประตูห้องนอนไม่ขยับเขยื้อน ตรงไปยังโซฟาในห้องนั่งเล่น วางหมีน้อยลงอย่างทะนุถนอม ก่อนจะเดินเข้าห้องครัวเล็กๆที่อยู่ติดกัน ปารมีขยับตัวเดินตามมาด้วย ปากก็บ่นว่า
 
 
"กองถ่ายงด เพราะยายนางเอกขาวีนคนเดียวเลย ทำป่วนไปทั้งกอง ฉากเฉิก อุตส่าห์เตรียมเสียดิบดี ต้องงดหมด"
 
"คนไหน?"
 
"ยายวีนัสคนเดิมนั่นแหละ" จับน้ำเสียงชิงชังในตัวผู้ที่ถูกกล่าวถึงได้ชัดเจน "อาละวาดฟาดหัวฟาดงวงไปทั่ว ตั้งแต่คอสตูม แต่งหน้าสวยสู้ปาไม่ได้ หาว่าปาตั้งใจตบเค้าจริงๆ พยายามจะหาเรื่องให้ปาออก แต่ผู้กำกับบอกว่า เปลี่ยนไม่ทันแล้ว เพราะต้องตัดต่อออนแอร์พรุ่งนี้...เซ็งจริง สุดท้ายอ้างปวดหัว ถ่ายไม่ไหว หนีกลับบ้านเฉย...พี่กล้วยจะทำอะไร?" 
 
 
ท้ายประโยคถาม เมื่อเห็นพี่สาวยกกระทะขึ้นมาตั้งบนเตาไฟฟ้า และหยิบหัวหอมใหญ่ ผักชีออกมาจากตู้เย็นวางบนเขียงไม้ใบขนาดย่อมข้างๆ
 
"หิวไม่ใช่หรือ?...พี่จะทำไข่เจียวทรงเครื่องให้กิน" น้ำเสียงมีแววภาคภูมิใจ ขณะสาละวนกับการตอกไข่ใส่ชาม เตรียมจะตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน ถึงท่าทางจะไม่ทะมัดทะแมง แต่กระนั้นก็ดูออกว่ามีความตั้งใจสูง
 
 
"พี่ๆ" น้องสาวเรียกเมื่อเห็นฝีมือการตอกไข่อย่างแม่นยำของพี่สาว "ไอ้เปลือกไข่นี่ มันมีวิตามินสูงมากหรือไง"
 
"ไม่อยากกิน ก็หยิบออกเองสิ" ปันนาบอกงอนๆ 
 
จะทำให้กินแล้ว ยังมาประชดประชันอีก
 
ปารมีหัวเราะ เมื่อเห็นท่าทางพี่สาวที่แม้จะวัยห่างกันเกือบ 10 ปี แต่เพราะมีกันอยู่สองคนพี่น้อง จึงสนิทสนมรักใคร่กันเหนียวแน่น แต่น้องสาวก็รู้ดีว่า ยามที่พี่สาวโกรธนั้น ใครก็ยากจะเข้าหน้าติด
 
"ใครได้กินอาหารฝีมือพี่กล้วยนี่ ต้องถือว่ามีบุญบารมีสูงส่งจริงๆ"
 
 พูดกลั้วหัวเราะ พลางใช้ช้อนตักเศษเปลือกไข่ออกจากชามจนมองไม่เห็นแล้ว จึงตามมาช่วยปอกหัวหอมใหญ่ ซอยเป็นชิ้นบางๆ และเด็ดใบผักชีโปรยใส่ลงในชามไข่ที่พี่สาวกำลังตี โดยไม่ลืมหยอดพริกไทยกับน้ำปลาเป็นเครื่องปรุงรส
 
สำหรับปันนา เรื่องที่ปารมีค่อนแคะ ก็มีส่วนจริงไม่น้อย เพราะลำพังจะทำให้ตัวเองกิน ปันนายังไม่มีปัญญา ตั้งแต่เกิดมา การเข้าครัวของหญิงสาวคือการไปรื้อๆ ค้นๆ แล้วก็วิ่งโร่เอาไปให้คนอื่นทำ 
 
คนที่ถูกเด็กหญิงปันนาเรียกใช้มากที่สุดคือพี่เตย 
 
"ยายม่อมทำอาหารสู้พี่เตยก็ไม่ได้ พี่เตยทำอะไร อะไร ก็อร่อย"
 
และไม่มีสักครั้งที่พี่เตยจะปฏิเสธน้องน้อย
 
กลางคืนดึกดื่นแค่ไหน พี่เตยก็ลงมาทำอาหารให้ยายกล้วย แค่เอ่ยมาคำเดียว
 
อาหารแสนอร่อยจะมาวางตั้งอยู่ตรงหน้าในเวลาไม่นาน
 
 
ปันนาสะบัดศีรษะ เทไข่และส่วนผสมที่ช่วยกันทำ 2 คน ลงในกระทะที่เทน้ำมันรอไว้ก่อน ไข่เจียวฟูฟ่องหอมฉุย สุกไปด้านหนึ่ง แต่พอพลิกกลับมาอีกด้านหนึ่ง ไข่ส่วนที่ยังไม่สุกก็ไหลย้อยออกมา เนื้อไข่บางส่วนเริ่มเละ ติดก้นกระทะเป็นรูกว้าง
 
น้องสาวที่ถอยไปยืนกอดอกมอง ทนไม่ได้ เข้ามาแย่งตะหลิวในมือพี่สาวไปทำแทน
 
"ว่าแล้ว" เสียงพูดกลั้วหัวเราะ "นึกว่าแยกมาอยู่ ฝีมือทำครัวจะพัฒนาขึ้น ที่ไหนได้ ยังเละเหมือนเดิม"
 
"ของกินน่ะเอาไว้เข้าปากนะ ไม่ใช่เอาไว้ดู" ปันนาพูดอย่างงอนๆ แต่ก็ถอยออกมาโดยดี "ข้าวอยู่ในตู้เย็น จะเอาหรือเปล่า" 
 
 
"เอาสิ ถึงจะมีแต่ข้าวเปล่า ปาก็จะกิน หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว"
 
 
"เกี้ยวน้ำ เพิ่งซื้อมาจากเดอะมอลล์ จะเอาไหม จะเวฟให้" พี่สาวยังพยายามเสนอจนเกือบจะกลายเป็นการยัดเยียดกลายๆ
 
 
"เกือบเหมือนแม่เข้าไปทุกที" ปารมีเปรียบเปรย สีหน้ายิ้มแย้ม "ไม่ต้องหรอก พี่เก็บไว้กินตอนเช้าแล้วกัน" ปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าปันนาเป็นแม่ครัวถุงพลาสติก กินแต่อาหารสำเร็จรูป
 
"อ้าว! ไหนว่าหิวไส้จะขาด"
 
"หิวจริงแต่ก็ไม่อยากนอนอืดพุงหลามเป็นงูเหลือม"
 
"ก็ตามใจ" ปันนาจับตาดูน้องสาวพลิกไข่รวบไปมาอย่างชำนาญ ปากก็ถามว่า "กลับบ้านบ้างหรือยัง?" หากคำว่าบ้านของปันนาฟังห่างเหินจนจับได้
 
"ไม่อยากกลับ" น้องสาวต่างมารดาเพียงคนเดียวของปันนายักไหล่ เบะปาก "กรอบเหลือแต่กระดูก กลับไปก็โดนด่า" เด็กสาวยักไหล่
 
ปันนาอดเห็นใจน้องสาวไม่ได้ คุณมัทนาแม่เลี้ยงของปันนา อาจจะไม่เป็นเช่นนี้ หากหล่อนไม่ติดการพนันจนเข้ากระแสเลือด แต่ยังโชคดีที่แม้จะมีหนี้สินท่วมท้น แม่เลี้ยงของปันนาก็ไม่เคยคิดหรือมีทีท่าจะขายลูกสาวกิน หรือยกลูกสาวให้เสี่ยเพื่อหวังรวยทางลัด
 
หากหล่อนทำอย่างนั้นจริง ปันนาคงไม่นิ่งเฉยแน่ ถึงจะเกลียดแม่เลี้ยงเข้ากระดูกดำ แต่ปารมีก็มีสายเลือดเดียวกับปันนาครึ่งหนึ่ง
 
แล้วปันนาก็มานั่งมองน้องสาวกินข้าวเปล่ากับไข่เจียวทรงเครื่อง ตบท้ายด้วยน้ำเต้าหู้ใส่สาคูเย็นเฉียบบนโต๊ะอาหารขนาดนั่งได้ไม่เกินสี่คนในห้องพักที่ใช้สอยอย่างคุ้มค่า ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัวอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มองเห็นกันตลอด
 
หญิงสาวรอจนน้องสาวจวนจะรับประทานหมด ก็ลุกไปหยิบหนังสือนิตยสารเล่มหนึ่งที่วางซ้อนบนโต๊ะในห้องนั่งเล่นมาวางต่อหน้าคนที่กำลังเตรียมตัวจะรวบช้อน เก็บจานไปล้าง กางหน้าที่พับไว้ให้ดู
 
ภาพที่ปรากฏให้เห็นเป็นภาพด้านข้างของสาวน้อยวัยใส หากเครื่องหน้าเข้มจัด ยิ่งชุดเดรสเกาะอกสีน้ำเงินเข้ม เห็นเนินเนื้ออวบอิ่ม ด้านข้างผ่าขึ้นมาเกือบถึงสะโพก ด้านหลังเปิดโล่งถึงเอว เผยแผ่นหลังเนียนขาว และขายาวเรียวสวย มีเพียงเครื่องประดับสร้อยมุกน้ำงามคล้องคอไว้เท่านั้น ทั้งหมดนี้ทำให้เจ้าตัวดูสวยเข้มเกินวัยเพียงสิบแปดปี
 
ใต้ภาพมีคำอธิบายประกอบ
 
'ปารมี บดีรักษ์ ดาวรุ่งพุ่งแรงมาในชุดเดรสสุดวาบหวาม อวดความสาวแบบเต็มพิกัด โชว์ความอึ๋มตอกย้ำความเซ็กซี่ที่มีอยู่ในตัว อีกไม่นานคงโกยเต้าวิ่งไล่ตาม อุ้ม พัชริยา เซ็กซี่ตัวแม่ได้ทัน'
 
เจ้าของภาพตัวจริงเพียงแค่ชำเลืองมอง ทำหน้าไม่ยี่หระ คว้าถ้วยชามบนโต๊ะอาหารไปวางไว้ในซิงค์น้ำในครัว สวมถุงมือเตรียมล้าง ปากก็อธิบายให้พี่สาวฟังว่า
 
"แค่นี้จิ๊บๆ สมัยนี้นะพี่ ถ้าไม่เส้นใหญ่ระดับก้วยจั๊บเรียกพ่อ ก็ต้องสร้างกระแส โชว์ตู้มล่าง ตู้มบนอย่างนี้แหละ ไม่งั้นก็กระเด็นออกจากวงการไปนานแล้ว...ดีกว่าไปขายตัวให้เสี่ย"
 
"พี่ว่าที่เธอโชว์ขนาดนี้ มันก็ใกล้เข้าไปทุกทีแล้วนะ" พี่สาวขัดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
 
"ถ้าต้องขาย ปาก็ไม่ให้ฟรีๆหรอก ต้องเอาให้คุ้ม ขนาดเอาบ้านเราหลุดจำนองได้เลยก็แล้วกัน คอยดูสิ" แววตาหมายมาด "ไม่งั้นอย่าหวังจะได้ลูบขาอ่อนปา"
 
"บ้านไม่สำคัญเท่ากับคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเธอหรอกนะปา อย่าเอามาเป็นเหตุผลในการทำตัวให้ตกต่ำ" ปันนาเตือน พยายามทำน้ำเสียงเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ 
 
ตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเสียชีวิตไปแล้ว ปารมีก็เปรียบเหมือนเรือที่ไร้หางเสือ ลอยไปตามยถากรรม ตามความพอใจของตนเองเป็นหลัก

ขณะที่คุณมัทนาผู้เป็นมารดาของเด็กสาวเอาแต่เล่นการพนัน แต่งตัวอวดโฉม หวังจะสอยผู้ชายรวยๆสักคนให้ทั้งตัวเองและลูกสาวเพื่อมาช่วยกอบกู้ฐานะที่ล่มจมไป เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุให้ฟื้นกลับมาเหมือนเดิม ฉะนั้นหากปันนาไม่ดูแล คอยดึงรั้งทิศทางเรือไว้บ้าง ปารมีคงเตลิดออกทะเลไปไกลเกินจะวกกลับมาในทางที่ถูกต้องได้
 
 
"พี่เองเป็นคนอยากได้บ้านคืนไม่ใช่หรือ?"
 
"ใช่พี่อยากได้ แต่วิธีการที่ได้มาต้องขาวสะอาด ถ้าต้องแลกกับอนาคตของเธอ พี่ก็ไม่เอา" 
 
"เถอะ! ไม่ต้องห่วงปาหรอก มือชั้นนี้ เอาตัวรอดได้ สบายมาก" 
 
น้ำเสียงมั่นใจตนเองของปารมี ทำให้ปันนาอดห่วงลึกๆไม่ได้ 
 
เรื่องที่ต้องไปทำงานที่บ้านเฉินฮ่าวหมิง คงทำให้มีเวลาดูแลน้องสาวน้อยลง หวังว่าคุณมัทนาแม่ของปารมีจะมีเวลาเอาใจใส่ปารมีมากกว่านี้ 
 
คนถูกมองอย่างพิจารณา คว่ำถ้วยที่ล้างเสร็จบนตะแกรง ถอดถุงมือล้างมือให้สะอาด ก่อนจะเดินมานั่งบนโซฟาที่พี่สาวกับเจ้าหมีน้อยจองที่ไว้ก่อนแล้ว
 
"เอ๊ะ! " น้องสาวอุทาน เพิ่งสังเกตว่ามีกระเป๋าสัมภาระ ใบใหญ่วางซ้อนกันสองใบแอบอยู่ข้างโต๊ะนั่งเล่น "พี่จะไปไหน?"
 
"ว่าจะบอกอยู่พอดี" ผู้เป็นพี่มองตามสายตาน้องสาวตอบว่า "พี่ต้องไปเฝ้าคนไข้วีไอพีที่บ้าน..."
 
"โห" น้องสาวทำตาโต "ต้องโคตะระมหาวีไอพีเลยนะคะ ขนาดให้หมอไปเฝ้าถึงที่บ้านได้"
 
"พี่ฝากเงินเข้าบัญชีเธอ ช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟกับให้พี่ขวัญด้วย" พี่ขวัญคือคนงานในคอนโดที่ปันนาว่าจ้างให้มาทำความสะอาดที่ห้องทุกอาทิตย์ "เขาจะมาช่วยดูแลทำความสะอาดเดือนละสองครั้ง กับช่วยให้อาหารปลาทุกวัน" 
 
"สั่งเสียยังกับจะไปซะนาน"
 
"ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน"
 
 
"อ้าว! ซะงั้น" ปารมีเลิกคิ้วสูง อุทานอย่างประหลาดใจ "คนไข้เป็นอะไรหรือคะ" 
 
"ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้" ปันนาตอบสั้นๆ 
 
"อยู่ที่ไหนคะ"
 
“ยังไม่เคยไปเหมือนกัน"
 
"อ้าว” น้องสาวอุทานอย่างประหลาดใจ “แล้วปาจะไปเยี่ยมยังไงล่ะ? "
 
"ไม่ต้อง" ปันนารีบสั่นหน้า สัญญาที่อ่านคร่าวๆเมื่อวันนั้นยังจำได้ "ไม่ใช่บ้านเรา เกรงใจเขา"
 
คนอ่อนวัยกว่าทำหน้าหงอยๆ พี่สาวเอามือแตะบ่าเบาๆ ปลอบว่า
 
"ไม่เป็นไร อยากพบหรืออยากปรึกษาอะไร ก็โทรมา พี่จะออกมาหาเอง"
 
"แล้วพี่ไม่ต้องไปทำงานที่โรงพยาบาลหรือคะ?"
 
"ยังไม่รู้ คงต้องดูก่อน"


ปันนาคิดว่าเมื่อไปถึงที่นั่น ดูลาดเลาสักพัก หล่อนคงจะพอต่อรองขอกลับมาทำงานออกตรวจคนไข้หรือช่วยผ่าตัดได้บ้างบางวัน และที่สำคัญหากพี่เตยไม่ได้อยู่ในบ้านเฉินฮ่าวหมิง หล่อนก็ไม่มีความจำเป็นต้องทนอยู่อีกต่อไป
 
ปันนาคิดเอาเองง่ายๆ หารู้ไม่ เรื่องยากกว่าที่คิดมาก
 
 
 

[ ค้นหาเว็บบอร์ดทุกโรงเรียน แวะไปล่างสุดโฮมเพจ Dek-D ]

แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 55 07:17:12

จากคุณ : mamahuhu
เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 07:08:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com