สวัสดีคะ กลับมาอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ นิยายเรื่องก่อนยังแต่งไม่จบเลยแถมเหมือนบนเว็บจะไม่มีแล้วเพราะหาไม่เจอก็ไม่รู้เพราะอะไร
ซึ่งหลังจากเทอมที่แล้วกลับไทยไปโน๊ตบุ๊คก็เกิดแฮ้งต้องนำส่งซ่อมเป็นการด่วน จนลืมเซฟนิยายที่อยู่เครื่อง แล้วตอนส่งซ่อมก็รีบมากจนลืมบอกช่างซ่อมว่าให้เก็บข้อมูลไว้ด้วย พอจะเขียนอีกทีก็ลืมไปแล้วว่าเขียนถึงตอนไหนบวกกับบนเว็บก็ไม่มีแล้ว เลยหมดมุขต่อเรื่องทันที
เซ็งนิดหน่อยถึงปานกลางมากๆค่ะ - -
----------------------------
เอาล่ะมาพูดถึงนิยายเรื่องนี้กันบ้าง อันนี้ตั้งใจแต่งเป็นเรื่องสั้นคะ สักสามสี่ตอนจบ ก็ต้องดูไปก่อน ฮ่าๆๆๆ แต่พล็อตนี่ได้จากเพื่อนคนจีนที่เราไปทักว่าแฟนเค้าเหมือนเกย์ แล้วเค้าก็กลัวมากว่าแฟนเค้าจะเป็นเกย์เพราะมีสามสี่คนแล้วทักเค้า เราไม่ใช่คนแรก! เค้าก็บอกว่านี่เค้าไปเคยทำกรรมอะไรกับใครมาถึงได้มีแฟนเป็นเกย์ (ส่วนเราก็ปลอบใจว่าแฟนเค้าอาจจะไม่ใช่ก็ได้แค่ท่าทางเหมือน) เค้าก็เลยเล่าเรื่องให้ฟังว่าแต่ก่อนเค้าเคยปฏิเสธรักคนๆนึงและคนนั้นก็เสียใจมาก เพราะคนๆนั้นจีบเค้ามากว่า 3 ปี แถมตัวเค้าดันไปทำร้ายน้ำใจอีกมากมายทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว
โอ้โหพอเราฟังแล้วก็รู้สึกว่า นี่มันนิยายชัดๆ! อีกสิบปีข้างหน้าอาจจะได้กลับมารักกันใหม่ก็ได้นะ
จึงเกิดเป็นนิยายสั้นเรื่องนี้ขึ้นมาโดยทันที
ยังไงก็ขอความกรุณาติชมเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขเรื่องภาษาการใช้หน่อยนะคะ เพราะตอนนี้ภาษาไทยแอบแย่มาก เพราะภาษาจีนบางทีเราใช้คำนี้ได้ไม่ดูแปลก แต่พอมาเขียนเป็นภาษาไทยมันจะรู้สึกแปลกๆแบบไม่เข้ากันก็มี
ขอความกรุณาด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ ^^
----------------------------------------------
ลมหวนรัก
รักแท้เปรียบดั่งเกลือ แม้จะนานแค่ไหนความเค็มก็ไม่เคยจางหาย
ถึงเพื่อนๆคณะอักษรศาสตร์รุ่น45 ทุกคน วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 ที่จะถึงนี้ สมาคมศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยรุ่นสี่สิบห้าได้มีการจัดเลี้ยงฉลองสิบห้าปีมิตรภาพสี่ห้าไม่จางหาย ณ หอประชุมห้าสิบปี จึงขอเรียนเชิญทุกคนเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นอย่างพร้อมเพรียงกัน
นพรดาจ้องมองเหล่าบรรดาเพื่อนชายหญิงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยต่างพูดคุยกระตู้วี้ดว้ายเรื่องการจัดงานเลี้ยงรุ่นซึ่งจะมีขึ้นในไม่ช้าผ่านแชทกลุ่มบนเว็บไซต์ชื่อดัง หญิงสาวยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นรายชื่อเพื่อนสมัยก่อนต่างคุยแข่งกันบนกล่องแสดงความคิดเห็นเรื่องจะใส่เสื้อผ้าอะไรไปงานเลี้ยงครั้งนี้ดี
เมื่อเห็นบรรดาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติบนกล่องแสดงความคิดเห็น จนหญิงสาวอดที่จะนึกย้อนกลับไปสมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้ ตอนนั้นเธอและบรรดาเพื่อนทุกคนต่างยังเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มเปรียบดั่งดอกไม้เพิ่งผลิบาน ชีวิตในตอนนั้นมีแต่เสียงหัวเราะและความสุข ไม่มีเรื่องที่ต้องเครียดและให้คิดมากใดๆ กิน นอน เที่ยว เรียน ชีวิตประจำวันที่ดูเหมือนจะซ้ำซากแต่ไม่น่าเบื่อเลยซักนิด ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะย้อนเวลากลับไปเรียนมหาวิทยาลัยอีกสักรอบ
สิ่งมีค่าที่แม้จะรวยแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อได้คือเวลา
นพรดาคิดถึงคำพูดซึ่งเมื่อก่อนมีคนเคยพูดกับเธอไว้ และดูจะเป็นประโยคเดียวคำพูดที่เธอจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนพูดไว้กับเธอ มีหลายครั้งหลายคราที่เธอพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออกว่าคนนั้นคือใครหนอ และพูดไว้กับเธอเมื่อไหร่ และยิ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจอย่างยิ่งที่เด็กเกียรตินิยมอย่างเธอกลับลืมว่าใครที่เป็นคนพูดประโยคสั้นๆง่ายๆนี้ไป
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ประโยคนี้ติดอยู่ในใจ แต่หน้าคนพูดกลับเลือนหายเหมือนดั่งสายลมที่ไม่มีตัวตน
...อ๊อดดดดดด...
เสียงอ๊อดประตูหน้าบ้านดังขึ้น นพรดาลุกจากเก้าอี้ด้วยความรวดเร็วก่อนจะรีบเดินไปยังประตูหน้าบ้านเพราะไม่อยากให้ใครรอนาน
เมื่อเปิดประตูออกมา นพรดายิ้มกว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มและเด็กหญิงตัวน้อยยืนอยู่หน้าบ้าน เด็กหญิงเมื่อเห็นนพรดาก็ร้องเรียกชื่อดังๆว่า แม่ดา ก่อนจะโผวิ่งเข้าไปหาหญิงสาว
นพรดาย่อตัวอ้าแขนรับ ลูกสาว ตัวน้อยหน้าตาน่ารักคนเดียวของเธอ ก่อนจะอดหอมแก้มกลมป่องอย่างหมั่นเขี้ยวไม่ได้
หืม...ลูกสาวคนดีของแม่ ไม่ได้เจอกันตั้งสองอาทิตย์คิดถึงคุณแม่มั้ยค่ะเนี่ย นพรดาเอ่ยถามลูกสาววัยห้าขวบแต่ก็ยังไม่วายหยุดหอมแก้มนุ่มนิ่มนั้น เด็กหญิงตัวหัวเราะคิกคักด้วยความจักกะจี้เมื่อถูกหอมแก้มหลายๆครั้ง แต่เธอก็ชอบสัมผัสนี้ของคุณแม่มาก เอ๋ หรือว่าคุณพ่อพาไปเที่ยวที่สนุกๆเสียจนลืมคุณแม่ ไม่อยากกลับมาอยู่กับคุณแม่แล้วเอ่ย
ชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ข้างหลังไม่ไกลจากทั้งสอง เดินอมยิ้มเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยแซว ลูกสาว และถือเป็นการฟ้อง อดีต ภรรยาไปในตัว
คิดถึงไม่คิดถึง...แต่พอพาไปเที่ยวที่ไหนๆก็ต้องพูดว่า ถ้าคุณแม่มาด้วยคุณแม่จะต้องชอบที่นี่แน่ๆเลย ตลอดทุกที่ทุกเวลาเลยล่ะ จนบางทีเรากับภูยังอดน้อยใจหนูนิดไม่ได้เลย
เมื่อนพรดาได้ยินดังนั้น จึงเงยหน้ามองชายหนุ่ม อดีต สามี ก่อนจะลุกขึ้นส่งยิ้มมิตรภาพให้ แกคงติดเรามากไปหน่อยนะ เด็กๆก็ยังงี้แหละ...มักจะติดแม่ อย่าถือสาแกเลย
ช่ายค่ะคุณป้อ นิดรักทั้งคุณป้อและคุณอาปูเท่าๆกับคุณแม่เลย อย่าน้อยใจเลยนะค้า...โอ๋ๆ เด็กหญิงหันหน้าจากคุณแม่โผเข้ากอดเอวคุณพ่ออย่างเอาใจ นพรดาและวรรณุหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นเด็กหญิงกอดเอวคุณพ่อใหญ่เพราะกลัวคุณพ่อจะน้อยใจ
คร้าบ...คุณพ่อรู้คร้าบ...คุณพ่อไม่ได้น้อยใจอะไรหนูนิดเลยนะ ทั้งคุณพ่อและอาภูรักหนูนิดนะครับ วรรณุพูดพลางลูบหัวลูกสาวตัวน้อยที่ยังกอดไม่ยอมปล่อย ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับนพรดาที่กำลังยืนยิ้มกับความน่ารักช่างออดอ้อนของลูกสาว
ขอบใจนะดาที่ยอมให้หนูนิดไปค้างด้วยสองอาทิตย์ ภูชอบหนูนิดมากเลย บอกเราทุกวันเลยว่าน่าอิจฉาดาที่มีลูกน่ารักๆอย่างหนูนิด
แหม ณุเองก็เป็นพ่อของหนูนิดนะ เราจะใจร้ายไม่ให้พ่อลูกพบเจออยู่ด้วยกันได้ยังไง แล้วภูเองก็เป็นคนดี เราคิดว่าณุไม่มีทางเลือกคนผิดหรอก...เรารู้
เมื่อนพรดาพูดจบ วรรณุจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสายตาชื่นชม เขาคิดไม่ผิดที่ เคย รักหญิงสาวตรงหน้า แต่งงานใช้ชีวิตคู่และมีลูกด้วยกันก็คือนิดาวรรณ เด็กหญิงตัวน้อยน่ารักตรงหน้าคนนี้
ขอบใจนะดา...เรา...เราไม่รู้จะพูดยังไงดี...เราขอบใจดามากนะ...ขอบใจจริงๆ
วรรณุก้มหน้าน้ำตาคลอในดวงตา นพรดายิ้มอย่างเข้าใจก่อนจะบอกลูกสาวตัวน้อยให้เข้าไปในบ้านเลย
นิดาวรรณรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะบอกลาคุณพ่อด้วยการกอดแรงๆครั้งหนึ่งและวิ่งหายเข้าไปในบ้าน
วรรณุมองลูกสาววิ่งไปจนลับสายตา น้ำตาที่คลอหยดลงแก้มหนาอย่างช้าๆ นพรดายิ้มอย่างเข้าใจก่อนจะเอ่ยแซวอดีตสามี
ร้องไห้อะไรกันณุ เดี๋ยวนี้บ่อน้ำตาตื้นเชียว อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้นะ
อือ...ฮะฮะ... ชายหนุ่มหัวเราะกับคำเอ่ยแซวของหญิงสาว นพรดาเองก็หัวเราะเช่นกัน เดี๋ยวนี้ต้องให้เราเป็นคนปลอบนะ ที่แต่ก่อนณุชอบล้อหาว่าเราเป็นคนบ่อน้ำตาแตกง่าย ถึงคราวเราล้อณุบ้างแล้ว
อือ ขอบใจนะดา... ชายหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาชื่นชมอีกครั้ง เขาคิดว่าเขานั้นเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก เพราะถึงแม้จะหย่าร้างกับภรรยาเก่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่มิตรภาพของพวกเขาทั้งคู่นั้นยังไม่ถูกตัดขาดออกไป เธอยังเป็นคนที่คอยให้คำปรึกษาที่ดีแก่เขาเสมอมาไม่ว่าจะเวลาไหน
นพรดาส่งยิ้มมิตรภาพจากหัวใจให้แก่ชายหนุ่ม เธอเข้าใจและเห็นใจเขาเสมอตั้งแต่เลิกราหย่าร้างกันไป เธอเองก็รู้ว่าชายหนุ่มก็ลำบากใจไม่น้อยกับเรื่องนี้ และเธอก็ไม่เคยคิดจะบังคับฝืนใจใครทั้งสิ้น
ไม่เป็นไรณุ เราแค่หวังว่าณุจะมีความสุข ณุอย่าคิดมากเลยนะ...ฝากบอกภูด้วยว่าอย่าคิดมากเช่นกัน แล้วก็ถ้าอยากเล่นกับหนูนิดก็มาที่บ้านเราได้ตลอดเลย เรายินดี...
ขอบใจนะ วรรณุพูด
หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จเรียบร้อย วรรณุก็ขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะยังมีงานต้องทำต่อ นพรดาบอกลาพร้อมกับให้กำลังใจชายหนุ่มอีกครั้ง ทั้งคู่กอดลากัน กอดที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยแห่งมิตรภาพ
นพรดานั่งดูอัลบั้มรูปภาพงานแต่งงานของเธอกับวรรณุที่ถูกจัดขึ้นเมื่อแปดปีก่อน ในรูปภาพทั้งเธอและชายหนุ่มต่างส่งยิ้มให้กันด้วยความรัก...รักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว หญิงสาวยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น ก่อนจะพลิกดูหน้าต่อไปเรื่อยๆ
เธอและวรรณุพบรักกันตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่ง โดยที่เธอเรียนอยู่คณะอักษรศาสตร์เอกภาษาจีน ส่วนวรรณุนั้นเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาวอักษรหนุ่มวิศวะ ต่างเป็นคู่รักที่แตกต่างแต่ลงตัวตามแบบฉบับความรักที่ใครๆก็อยากมี เธอและวรรณุเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาประจำมหาวิทยาลัยในขณะนั้นเลยทีเดียว
พอเรียนจบ เธอและวรรณุต่างตกลงบินไปเรียนต่อปริญญาโทด้วยกันที่อเมริกา จึงเริ่มต้นทดลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก่อน ซึ่งปรากฏว่าเธอและเขาต่างเป็นคนใจเย็นและใจเย็น ไม่เคยทะเลาะโกธรกันข้ามวันครั้งเลยสักครั้ง ทั้งคู่คิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดี หลังจากเรียนจบกลับมาเมืองไทย วรรณุจึงรับช่วงกิจการธุรกิจส่วนตัวต่อจากพ่อของตนเองและที่สำคัญ...เขาขอเธอแต่งงานภายในปีเดียวกัน
หลังจากแต่งงานด้วยกันสามปี ทั้งคู่ก็มีนิดาวรรณเกิดมาบนโลกใบนี้ เป็นพยานรักตัวน้อยที่แสนจะน่ารักน่าหยิก และต่างก็คิดว่าลูกสาวตัวน้อยคนนี้จะเป็นโซ่ทองที่จะยิ่งคล้องใจกันและกันมากขึ้น
แต่เรื่องราวกลับตาลปัตร หลังจากนิดาวรรณเกิดมาได้ไม่นาน ความรักของทั้งคู่กลับจืดจางลงอย่างเห็นได้ชัด ความสนใจของทั้งคู่ไม่ได้อยู่ที่อีกฝ่าย แต่กลับอยู่ที่ลูกสาวตัวน้อยหมด ช่วงแรกทั้งคู่คิดว่านี่เป็นเรื่องปกติ และยิ่งเป็นลูกคนแรกก็ยิ่งต้องเห่อเป็นธรรมดา แต่ทว่าสองปีผ่านไป...ความเชยเมยที่จะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของกันและกันกลับเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นความเคยชิน ประจวบเหมาะกับวรรณุได้เจอกันภูวนาท ลูกสาวคนเดียวของหุ้นส่วนใหญ่สำคัญของบริษัท ทั้งสองพบรักกันอย่างรวดเร็ว ช่วงแรกวรรณุรู้สึกแย่และไม่ดีที่พบรักใหม่โดยที่ยังไม่ได้หย่าร้างกับนพรดา แต่เขาก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างกับนพรดาอย่างเปิดเผยและคิดว่าถ้าหญิงสาวโกธรและไม่ยอมหย่าเขาก็เข้าใจ
แต่หลังจากนพรดารู้ว่าสามีปันใจไปให้ผู้หญิงอื่น แทนที่เธอจะโกธรหรือหาเรื่องเขา เธอกลับแสดงความยินดีและขอหย่าแทบจะในทันที เมื่อคิดได้ว่าทั้งเธอและเขาต่างหมดรักกันแล้วอย่างแน่นอน ภูวนาทเองก็กลายเป็นเพื่อนคนใหม่ของเธอไปโดยปริยาย และไม่เคยนึกโกธรทั้งคู่เลยแม้แต่สักครั้งเดียว
หญิงสาวพลิกหน้าอัลบั้มรูปจนถึงหน้าสุดท้าย เธอยิ้มเมื่อรูปสุดท้ายนั้นคือรูปวันแรกที่นิดาวรรณลูกสาวตัวน้อยคนเดียวของเธอและวรรณุได้ลืมตาดูโลกใบนี้เป็นครั้งแรก ในรูปเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาล โดยที่ชายหนุ่มอุ้มลูกสาวมองมาที่กล้องอย่างมีความสุข
นพรดาปิดอัลบั้มรูป ก่อนจะหันไปมองนิดาวรรณที่นั่งดูโทรศัพท์ กำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปกับตัวการ์ตูนที่ทำท่าตลก หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆลูกสาวตัวน้อยและหัวเราะไปกับเด็กหญิง
รูปแบบของความรักเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพียงแต่ต้องเข้าใจและปรับตัวให้ทันว่าความรักนั้นตอนนี้เป็นรูปแบบไหน
นิดาวรรณชี้เค้กที่ถูกตกแต่งด้วยครีมสีส้มและราดด้วยน้ำเชื่อมแสนหวานผ่านตู้กระจกหน้าร้านเค้กแห่งหนึ่งแถบสีลมซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของนพรดา ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยสำเนียงภาษาไทยที่ยังออกเสียงไม่ชัดบางคำตามประสาเด็กห้าขวบ
คุณแม่คะ หนูนิดอยากทานเค้กฉ้มอันนั้นจังเลยค่ะ
นพรดาหันไปมองเค้กส้มตามที่เด็กหญิงตัวน้อยชี้อย่างสนใจ เธอรู้ดีว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอคนนี้ชอบสีส้มและอะไรก็ตามที่เป็นสีส้ม ครั้งนี้ก็เป็นเค้กส้มด้วยเช่นกัน
ไหนคะ อันไหนเอ่ย เค้กเยอะแยะเต็มไปหมดเลย
อันนั้นค่ะ อันหญ่ายๆ หญ่ายมากๆเลย นิดาวรรณชี้บอกมารดาอย่างตื่นเต้น นพรดายิ้มกับท่าทางน่ารักของลูกสาว แต่ยังไม่วายแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเค้ก
ไหนคะ คุณแม่ไม่เห็นเลย เอ๋...อยู่ไหนเอ่ย
คุณแม่ค่ะอันนั้น คุณแม่ๆเข้ามาดูๆ
คราวนี้เด็กหญิงไม่ได้พูดปากเปล่า แต่ยังจับมือคุณแม่พาเดินเข้าไปในร้านเค้กนั้นด้วย นพรดายิ้มแต่ก็ยอมเดินเข้าไปในร้านอย่างว่าง่าย นิดาวรรรเมื่อเข้ามาในร้านก็ปรี่เข้าไปชี้เค้กส้มก้อนโตที่ถูกตกแต่งไว้ในตู้กระจกแก่นพรดาอีกรอบ คราวนี้นพรดาพยักหน้าเป็นเชิงบอกลูกสาวว่าเห็นแล้ว นิดาวรรณทำหน้าท่าทางดีใจเมื่อในที่สุดคุณแม่ของเธอก็เห็นเค้กสีส้มสวยงามแล้ว
นพรดามองไปรอบๆร้านเค้กด้วยความสนใจ เหมือนความฝันครั้งเยาว์วัยกลับคืนมา ผนังร้านเค้กแห่งนี้ถูกแต่งแต้มเติมสีสันด้วยภาพทุ่งดอกทานตะวันที่ดูปร๊าดเดียวเธอก็รู้ว่าถูกเขียนด้วยสีน้ำมันคล้ายกับภาพโมนาลิซ่าของเลโอนาร์โด ดา วินชี ศิลปินจิตรกรเอกที่เธอคลั่งไคล้ โต๊ะนั่งทุกตัวทำจากไม้ดูคลาสสิกและมีเสน่ห์ ของตั้งโชว์ในร้านไม่ได้ถูกวางระเกะระกะดูรกหูรกตา แต่กลับถูกจัดวางอย่างถูกที่ดูสวยงามสะอาดตา
หญิงสาวมองการจัดตกแต่งร้านอย่างตะลึงจึงไม่ทันสังเกตเห็นชายหนุ่มที่ใส่เสื้อเชฟสีขาวสะอาดตาเดินออกมาจากหลังร้านและจ้องมองเธออยู่เช่นกัน
ยินดีต้อนรับครับ ชายหนุ่มพูดพลางกระแฮ่มเสียงดัง นพรดาสะดุ้งตกใจหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนส่งยิ้มคล้ายปนขำมาให้เธอ เธอได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆพลางกำมือปิดปากตัวเองก่อนจะหน้าไปอีกทาง
นพรดาเขินอายหน้าแดงเมื่อรู้ว่าได้แสดงปฏิกิริยาที่น่าอายออกไป ถึงแม้ปีนี้เธอจะอายุย่างเข้าเลขสามทั้งสองตัวแล้วก็ตาม แต่ก็มีหลายคนชอบบอกว่าเธอทั้งหน้าตาและนิสัยยังดูเด็กกว่าอายุจริงอยู่มาก เรื่องหน้าตาเธอว่าเป็นเพราะการดูแลและเอาใจใส่สุขภาพมากกว่า แต่เรื่องนิสัยเธอเองก็ยอมรับว่ามันเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้ และเธอก็ยังไม่อยากแก่ทั้งตัวเลขอายุทั้งนิสัยด้วย
คุณอาคะๆ หนูนิดอยากทานเค้กฉ้มอันนั้นจังเลยค่ะ นิดาวรรณที่ดูท่าจะไม่รู้ว่าคุณแม่คุณสวยเกิดอาการอายขนาดไหนปรี่เข้าไปหาเชฟหนุ่มหล่อตรงหน้าทันที ก่อนจะชี้บอกชายหนุ่มว่าอยากกินเค้กส้มที่เจ้าตัวหมายปองมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
เชฟหนุ่มสุดหล่อยิ้มให้กับความน่ารักของเด็กหญิงตัวน้อย นพรดามองใบหน้านั้นแล้วรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเธอเคยเห็นหรือเคยเจอใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้านี้มาจากไหน แต่ยังไง้ยังไงก็นึกไม่ออก บางทีเธอก็งงว่าเธอเรียนจบได้เกียรตินิยมมาได้ยังไง เรื่องง่ายๆเนี่ยลืมเก่งจริงเชียว
ได้สิครับ แต่ว่าเค้กก้อนนั้นทานไม่ได้นะครับ ถ้าทานไปหนูนิดต้องไม่สบายแน่ๆ
อ้าว ทามมายล่ะค่ะ? เด็กหญิงถามด้วยความสงสัย
เพราะเค้กก้อนนั้นเป็นของปลอมที่ทำจากโฟมนะซิครับ ถ้าทานเข้าไปหนูนิดต้องปวดท้องมากแน่ๆ หลังจากนั้นก็ต้องไปโรงพยาบาลให้คุณหมอล้างท้องแล้วก็ฉีดยาด้วย
ม่ายอาวหนูนิดม่ายอยากไปโรงพยาบาล...หนูนิดม่ายอยากฉีดยา ฮือๆ...คุณแม่ค้าหนูนิดม่ายอยากฉีดยา
เด็กหญิงร้องไห้ด้วยความกลัวเมื่อถูกพูดถึงเรื่องฉีดยา นพรดาย่อตัวนั่งกอดปลอบขวัญลูกสาวเพราะรู้ว่าลูกสาวคนนี้ของเธอกลัวเข็มฉีดยามากขนาดไหน ถึงขนาดเคยเกร็งตอนคุณหมอฉีดยาเสียจนเข็มหัก ต้องฉีดใหม่อีกรอบ ซึ่งกว่าจะยอมฉีดใหม่อีกรอบเด็กหญิงก็ร้องไห้งอแง้อยู่เกือบชั่วโมงทีเดียว
โอ๋ๆ เด็กดีนะคะ...เด็กดีนะคะ...คุณหมอไม่ฉีดยาหนูนิดหรอกค่ะถ้าหนูนิดไม่ทานเค้กอันนั้นเข้าไป โอ๋ๆ...ไม่ร้องไห้นะคะเด็กดีของคุณแม่ นพรดาปลอบขวัญลูกสาวสุดที่รักด้วยความรักใคร่ นิดาวรรณที่หยุดร้องไห้สะอึกสะอื้นมองหน้าคุณแม่ ก่อนจะเอ่ยอีกรอบ
แต่หนูนิดอยากทานเค้กฉ้มนี่คะ แต่ก็ยังไม่วายเรื่องที่อยากจะทานเค้กส้ม
ทานได้ซิคะ หนูนิดทานเค้กส้มได้แน่นอน ยังมีเค้กส้มอันอื่นๆอยู่อีกเยอะแยะเลย...ใช่ไหมคะ? นพรดาเงยหน้าจ้องมองเชฟหนุ่มที่ยืนยิ้มอย่างขอความเห็น
จริงหรือคะ?
จริงครับหนูนิด มีเค้กส้มก้อนอื่นๆอยู่อีกมากเลย แถมอร่อยกว่าก้อนนั้นอีกตั้งเยอะนะ เมื่อนิดาวรรณได้ฟังเชฟหนุ่มพูดถึงเค้กส้มก้อนอื่นๆ เด็กหญิงตัวน้อยก็ยิ้มร่าด้วยความดีใจขึ้นมาในทันที
เชฟหนุ่มพานิดาวรรณไปยังตู้เค้กซึ่งตั้งอยู่ด้านในร้าน ก่อนจะให้เด็กหญิงเลือกเค้กตามใจชอบ สีหน้าของนิดาวรรณมีความสุขมากเมื่อเห็นเค้กมากมายถูกวางเรียงรายอยู่ในตู้กระจกขนาดใหญ่
ว้าวๆ เค้กเต็มไปหมดเลย
เลือกได้ตามสบายเลยนะครับ เดี๋ยวคุณอาจะเป็นคนหยิบเค้กให้หนูนิดเอง
นพรดามองลูกสาวตัวน้อยเลือกเค้กด้วยใบหน้ามีความสุข อันที่จริงเธอเองก็เป็นคนชอบทานเค้กเหมือนกัน เพียงแต่ระหว่างตอนเรียนปริญญาโทเธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และพอไปตรวจสุขภาพประจำปีคุณหมอก็ได้บอกว่าเธอเป็นโรคความดันสูง ต้องเลี่ยงอาหารหวาน มัน และต้องกินยาทุกวันเป็นประจำ ดังนั้นถึงแม้เธอจะชอบทานมากขนาดไหน แต่ก็ห้ามทานในปริมาณที่มากเกินไป โดยเฉพาะเค้กของโปรดของเธอ
เป็นอะไรครับ เค้กไม่อร่อยเหรอ
เชฟหนุ่มมองหญิงสาววางช้อนลงข้างจานก่อนจะดื่มน้ำเปล่าตาม และก็แปลกใจว่าเค้กสตรอเบอร์รี่ที่เขาเลือกมาให้เธอชิมนั้นถูกกัดกินไปไม่ถึงครึ่งนึงด้วยซ้ำ
เปล่าค่ะ เค้กอร่อยมากเลยค่ะ
แต่คุณทานไปแค่นิดเดียวเองนะครับ ถ้าเค้กร้านผมไม่อร่อยบอกผมได้ตรงๆเลยนะครับ ผมจะได้ปรับปรุงแก้ไข ชายหนุ่มบอก
นพรดาส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ ก่อนจะหันไปมองลูกสาวตัวน้อยที่กำลังนั่งทานเค้กส้ม ช็อกโกแลต และพายแอปเปิ้ลสลับกันไปมาอย่างมีความสุข
แหม พยานก็นั่งอยู่ข้างหลังไงคะว่าเค้กอร่อยมาก ไม่อร่อยยัยนิดไม่ตักทานพร้อมกันสามชิ้นหรอกคะ นพรดาเอ่ยแซวลูกสาว เชฟหนุ่มหัวเราะน้อยๆเพราะคำกล่าวนั้นคือความจริง เด็กหญิงตักเค้กสลับทานกันบ้าง หรือไม่ก็ตักทีละอย่างละนิดแล้วยัดเข้าไปทีเดียวพร้อมกันเลยก็มี
ฮ่าๆๆ...ครับ...ผมเชื่อแล้วครับ
ค่ะ คืออันที่จริงฉันมีปัญหาเรื่องสุขภาพนะค่ะ ห้ามทานของหวานของมันเกินขนาด ไม่งั้นยาจะคุมไม่อยู่ เดี๋ยวจะต้องเข้าโรงพยาบาลให้หมอฉีดทั้งๆที่ไม่ได้ทานเค้กส้มโฟมก้อนนั้น
นพรดาชี้ไปยังเค้กส้มโฟมก้อนเดิมที่เชฟหนุ่มใช่แกล้งขู่ลูกสาวตัวน้อยของเธอ เชฟหนุ่มหัวเราะกับมุขและความตลกขบขันของหญิงสาว
สาวสวยบางคนก็ตลกเหมือนกันนะ เขาคิด
อ้อ ฮ่าๆๆ เข้าใจแล้วครับ
ไม่ทราบว่าคุณ...
วินครับ...วินธร รัฐกิจจงไพบูลย์ครับ ผมเป็นทั้งเชฟแล้วก็เจ้าของร้านนี้ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เชฟหนุ่มเอ่ยนำแนะตนเอง เอ่อ...คุณ...
ดาค่ะ นพรดา เอื้ออำนงค์กร ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ นพรดาเอ่ยแนะนำตัวบ้างก่อนจะยิ้มเป็นมารยาท ชายหนุ่มชะงักไปสักพักนึงก่อนจะจ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาที่เธอเองก็ไม่เข้าใจ จนเวลาผ่านไปได้สักพักหนึ่งชายหนุ่มก็ดูจะไม่มีท่าทีจะหยุดจ้องเธอเลยแม้แต่น้อย นพรดารู้สึกประหลาดและเขินอยู่ในที แต่ก็ไม่กล้าจะเอ่ยถามออกไป ได้แต่กระแอ่มเบาๆ
แฮ่ม...คะ...
อ้อ ขอโทษครับ
วินธรรู้สึกตัวว่าจ้องหน้าหญิงสาวนานเกินไป จึงเอ่ยขอโทษก่อนจะเกาท้ายทอยอย่างอายๆ นพรดารู้สึกคุ้นตากับนิสัยนี้อย่างบอกไม่ถูกแต่ก็จำไม่ได้ว่าไปคุ้นเอาตอนไหน
ทั้งสองต่างเงียบเมื่อไม่รู้จะพูดคุยเรื่องอะไรกัน จนกระทั่งเชฟหนุ่มทนไม่ไหวจึงหาเรื่องเอ่ยถามขึ้น
แล้ววันนี้คุณดาไม่ทำงานหรือครับ
อ้อ คือดาเลิกงานเร็วนะค่ะ แล้วนี่ก็ไปรับยัยนิดกลับมาตอนแรกว่าจะกลับบ้านแล้ว แต่ยัยนิดเรียกร้องจะทานเค้กส้มให้ได้
แล้วสามีของคุณดาล่ะครับ
หย่ากันแล้วค่ะ
อ๊ะ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ... วินธรรีบเอ่ยขอโทษขอโพยหญิงสาวเป็นการใหญ่ นพรดาส่ายหน้าก่อนจะส่งยิ้มให้เชฟหนุ่ม
ไม่เป็นไรค่ะ อันที่จริงเราหย่ากันได้สักพักแล้ว และเราก็หย่ากันด้วยดีไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน คุณวินไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ
วินธรมองนพรดาอย่างอึ้งๆ หญิงสาวตรงหน้าเขาไม่ใช่แค่เพียงสวยสง่าแต่ภายนอกเท่านั้น แต่ภายในจิตใจของเธอนั้นงดงามเหมือนภายนอกไม่แพ้กัน ชายผู้ใดหนอกลับปล่อยสาวสวยจิตใจดีขนาดนี้หลุดมือไปเสียดาย ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
ค่าเค้กทั้งหมดเท่าไหร่ค่ะ นพรดาเอ่ยถามถึงค่าเค้กทั้งสี่ชิ้น ซึ่งมีของเธอหนึ่งชิ้น และของนิดาวรรณสามชิ้น
วินธรส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเดินเข้าไปหลังตู้กระจก หยิบเค้กส้มสามชิ้น เค้กช็อกโกแลตสองชิ้น สตรอเบอร์รี่สองชิ้น และพายแอปเปิ้ลสองชิ้นใส่กล่องที่มีรูปสกรีนชื่อร้านดูสวยงามน่ารัก
ผมไม่คิดเงินครับ วันนี้ผมเพิ่งเปิดร้านเป็นวันแรก วันนี้ค่าอาหารบริการฟรีแก่ลูกค้าคนแรกครับ...แถมเค้กกลับไปทานที่บ้านด้วยนะครับ
นิดาวรรณที่เพิ่งจะทานเค้กกันเสร็จเดินมายังโต๊ะของคุณแม่และเชฟหนุ่มสุดหล่อ เมื่อเห็นเชฟหนุ่มยื่นกล่องเค้กซึ่งมองเข้าไปเห็นเค้กที่เธอแสนจะชอบถูกบรรจุวางเรียงรายเต็มไปหมด เด็กหญิงก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะหมายความว่าเสาร์อาทิตย์นี้เธอยังมีเค้กทานจนอิ่มแปล้ แถมยังอร่อยมากอีกด้วย
ตายแล้ว ไม่ได้หรอกค่ะ โดยเฉพาะเพิ่งเปิดร้านมาด้วย เดี๋ยวจะเป็นลางไม่มีนะคะ นพรดาตกใจเมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูกค้าคนแรกของชายหนุ่ม แต่ตอนที่เดินผ่านร้านเค้กนี้กับลูกสาวตัวน้อยครั้งแรกเธอก็แปลกใจอยู่เล็กน้อย เพราะเธอจำได้ว่าเธอไม่เคยเห็นร้านเค้กร้านนี้มาก่อน จนกระทั่งลูกสาวตัวน้อยร้องเรียกอยากทานเค้กส้ม
คุณอาให้เค้กหนูนิดเหยอคะ นิดาวรรณเอ่ยถามน่ารัก เมื่อได้ยินอะไรแว่วๆเกี่ยวกับคำว่าฟรีและแถม เด็กมักจะสามารถจดจำคำศัพท์ได้รวดเร็วและว่องไวต่อการใช้ครั้งต่อไปเสมอ
เชฟหนุ่มย่อตัวนั่งลงก่อนจะลูบหัวเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มให้กับนพรดาอย่างอ่อนโยน
ใช่ครับ เค้กกล่องนี้คุณอายกให้หนูนิดครับ แล้วครั้งหน้าคุณอาจะพยายามทำเค้กที่ไม่หวานและมันมากเกินไปสำหรับคุณแม่หนูนิดนะครับ
...ตึกตึกตึกตึกตึก...จู่ๆเสียงหัวใจของนพรดาก็เต้นดังและแรงขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่ หญิงสาวมองชายหนุ่มส่งยิ้มมาให้อย่างรู้สึกแปลก ก่อนจะหลบสายตานั้นไปอย่างไม่มีเหตุผล
นี่เราเป็นอะไรเนี่ย สามสิบสามแล้วนะ
เออค่ะ...เอ่อ...ขอบคุณมากค่ะ... นพรดาตอบอย่างตะกุกตะกัก ผิดแปลกจากตอนแรกที่ยังนั่งคุยกับชายหนุ่มด้วยทวงท่าทีอย่างธรรมดา วินธรสังเกตได้ถึงความผิดแปลกไป ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นตรง มองหน้าหญิงสาวด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
คุณดาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าเค้กเมื่อกี้หวานไปจนอาการไม่ดี
เอ่อ...เปล่าค่ะ...ดายังอาการดีอยู่ค่ะ
นพรดาตอบ หญิงสาวหลับตาก่อนจะหายใจเข้าออกอย่างช้าๆสองสามทีก่อนจะส่งยิ้มให้ชายหนุ่มเป็นเชิงยืนยันว่าเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ วินธรยิ้มมุมปากมองหญิงสาวด้วยความตลก
เมื่อทั้งสองได้ตกลงโดยที่วินธรไม่ยอมให้หญิงสาวจ่ายเงิน และอ้างว่าเขาถือเป็นเคล็ดโชคลางของเขาแบบนี้ นพรดางงเล็กน้อยเพราะเธอไม่เคยได้ยินเรื่องโชคร้ายแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อพิสูจน์มายืนยันได้ แต่หญิงสาวก็ได้ให้สัญญาไว้ว่าอาทิตย์หน้าเธอจะพานิดาวรรณมาทานเค้กที่ร้านของเขาอีก หลังจากนั้นสองแม่ลูกจึงขอตัวกลับบ้านของตนเองไป
ติดตามตอนต่อไป
แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 55 21:11:36
แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 55 16:50:21
แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 55 16:46:49
แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 55 16:45:14