Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[[[ เพลิงสายลม บทที่ ๖-๗ ]]] ติดต่อทีมงาน

[[[ เพลิงสายลม ปฐมบท และบทที่ ๑ ]]]  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12838440/W12838440.html
[[[ เพลิงสายลม บทที่ ๒-๓ ]]]http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12841643/W12841643.html#2
[[[ เพลิงสายลม บทที่ ๔-๕ ]]] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12849051/W12849051.html


บทที่ ๖

...เอ..หลังจากที่คนเราจากโลกนี้ไปแล้ว.. มันรู้สึกสบายอย่างนี้เหรอ..

หญิงสาวงึมงำอยู่ในมโนคติตัวเองเมื่อเริ่มรู้สึกถึงความอุ่น..นุ่ม..สบายของสิ่งที่อยู่รอบกาย การทำงานในที่เสี่ยงชีวิตที่ผ่านมาทำให้เธอเตรียมใจกับการอำลาโลกกลมๆ สีฟ้าใบนี้เสมอ และเธอก็คิดไพล่ไปเองว่าตอนนี้ตัวเธอคงเดินทางไปที่ไหนสักที่ที่ไม่เคยรู้จัก เพราะเริ่มค่อยๆ รู้สึกได้ว่า..ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไม่ใช่สิ่งเคยคุ้ยเลยแม้แต่น้อย

อราลีไม่แน่ใจว่าภาพที่เห็นเกิดจากตาเนื้อหรือตาทิพย์ แต่เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองเหมือนนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่พร้อมผ้าห่มผืนนุ่มอบอุ่นที่ปกปิดมาถึงช่วงคอ เมื่อสายตาปรับระยะได้ก็เห็นเพดานด้านบนเป็นไม้ขัดเงา เลื่อนสายตาลงมาก็พบว่านี่น่าจะเป็นสถานที่เรียกว่าห้องพักเพราะมองไปเห็นประตู มีหน้าต่างกระจก มีโต๊ะเครื่องแป้งอันเล็ก  เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ โดยมากทำจากไม้ ทำให้ดูกลมกลืนและไปกันได้ดีกับโทนของห้องเพราะดูจะเป็นไม้ขัดเงาทั้งหมด

แน่นอนสิ่งแรกที่เธอต้องถามตัวเองก็คือ ที่นี่คือที่ไหน?

อราลีลืมตาขึ้นมาเต็มตื่นและค่อยๆ ยันกายขึ้นมาช้าๆ การรู้สึกได้ถึงตัวตนทำให้เธอรู้ว่า เธอยังไม่ตาย! ระบบประสาทสั่งการให้ยกแขนยกขาขึ้นมาเหมือนไม่แน่ใจกับร่างกายตัวเองเท่าไหร่ และก็พบว่าทุกอย่างยังอยู่ครบดี แม้จะมองเห็นรอยแผลเล็กน้อยกระจายไปทั่วเนื้อทั่วตัว ลูบไปที่หน้าผากก็รู้สึกได้ว่ามีผ้าปิดแผลอยู่ชิ้นหนึ่ง แถมข้อแขนข้อเข่าก็มีผ้าปิดแผลเช่นกัน รู้สึกเจ็บระบมตามข้อพับอยู่บ้างซึ่งน่าจะเกิดจากการโดนกระแทกทั้งตอนโดดลงจากรถ แล้วตามด้วยรถชนครั้งนั้น

ตกลงเธอโดนรถชนใช่ไหม? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น? ทำไมมาอยู่ที่นี่.. แล้วที่นี่น่ะคือที่ไหน เขตแดนรัฐฉาน หรือเธอถูกส่งมาเมืองไทยแล้ว แต่ที่แน่ๆ คือที่นี่ไม่น่าจะใช่โรงพยาบาล เพราะเธอก็ไม่เคยพบเห็นห้องพักในโรงพยาบาลที่ไหนจะตกแต่งอย่างนี้

“อูย..เจ็บอยู่แฮะ..” หญิงสาวครวญกับตัวเองเมื่อก้าวเท้าลงจากเตียง ผิวเนื้อหลายส่วนน่าจะช้ำเพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่เธอก็โล่งใจอยู่บ้างที่ไม่ได้เจ็บมากขนาดจะเดินเองไม่ไหว

นี่แสดงว่าเหตุการณ์รถคันใหญ่ที่เธอเห็นก่อนสลบไปคืออุบัติเหตุที่ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก หาไม่แล้ว..ตัวเธอก็แค่นี้ แต่รถคันใหญ่กำลังเครื่องแรงขนาดนั้น เจอกันเต็มๆ ก็คงไม่เหลือตัวตนให้เห็นอย่างที่เป็นอยู่อย่างนี้

อราลีทอดมองไปที่หน้าต่างอย่างสนใจ มันเป็นเวลาโพล้เพล้ แต่เธอก็มองเห็นได้ว่าข้างนอกออกไปนั้นมักเป็นภูเขาลูกเล็กที่ยังเต็มไปด้วยพืชพรรณปกคลุมอยู่จำนวนมาก ได้แต่นึกสงสัยว่าตัวเองอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้กัน ถัดจากหน้าต่างเธอก็เดินไปที่ประตู.. แต่ก็พบว่ามันล็อค ใจที่ชื้นอยู่ดีๆ ก็เริ่มตกลงไปที่ตาตุ่ม เพราะไม่รู้ว่ากำลังจะเจออะไรน่ากลัวอีกหรือไม่

เสียงก็อกแก็กของคนที่พยายามจะเปิดประตูอย่างเธอคงทำให้ใครบางคนข้างนอกได้ยินเข้า อราลีได้ยินเสียงผู้หญิง.. น่าจะเด็กสาว พูดอะไรลอดเข้ามาเป็นภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่องอยู่สองสามประโยค แล้วก็หายเงียบไปอีก

ไม่กี่นาทีถัดจากนั้น ประตูก็ถูกเคาะขึ้นอย่างคนรู้มารยาท อราลีถอยตัวออกมาให้ห่างจากประตูนั้นก่อนเพราะไม่รู้เลยว่าจะเป็นใครที่เปิดประตูเข้ามา

ผู้มาใหม่สองคนเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผู้ชายที่เดินนำน่าจะอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับเธอ แต่ดูเป็นคนกระฉับกระเฉงและร่าเริงดี เพราะเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรที่ทำให้คนหลงทิศหลงทางอย่างเธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง ส่วนคนที่ตามหลังมาน่าจะเป็นเด็กสาวคนเมื่อครู่  ดูท่าจะอายุไม่เกินสิบห้า มาพร้อมถาดอาหารมีถ้วยข้าวต้มร้อนๆ ที่มีไอพวยพุ่ง

“เป็นไงครับคุณ ตื่นเร็วจัง” คนผู้ชายทักเธอก่อนด้วยเสียงสดใส และที่สำคัญเขาพูดอังกฤษพอได้

“เอ่อ..คือ..” อราลีนึกตอบอะไรไม่ออก ฝ่ายเด็กสาวคนนั้นก็ปรี่เข้ามาวางสำรับอาหารที่โต๊ะเล็กๆ อย่างรู้หน้าที่

“ผมเข้าใจครับว่าคุณอาจยังไม่หายอาการเจ็บจากอุบัติเหตุ ไม่ต้องห่วงครับ ก่อนหน้านี้เราส่งคุณไปตรวจกับหมอที่โรงพยาบาลแล้ว หมอเช็คแล้วว่าคุณไม่เป็นอะไรมาก แต่ว่าสลบไป ก็เลยพาคุณกลับมาที่บ้านพักดีกว่า” เขายังคงเอ่ยต่อเหมือนจะรู้ว่าเธอต้องการคำอธิบายมากมายเช่นกัน

“ว่าแต่คุณ.. ชื่ออะไรคะ?” คำถามพื้นๆ ของเธอทำให้อีกฝ่ายตาโตเหมือนตนเองเฟอะฟะได้ถนัดใจ

“อ้าวตาย.. นี่ผมลืมบอกชื่อตัวเองกับคุณได้ไงเนี่ย คือ ผมชื่อต้าหมิง นะครับ ส่วนเด็กคนที่จะดูแลคุณคนนี้ แกชื่อเจียครับ คุณพูดไทยกับแกก็ได้ เจียเข้าใจภาษาไทยใหญ่และไทยกลางอยู่บ้าง”

“คุณ..รู้ด้วยเหรอคะว่าฉันเป็นคนไทย?”

“ครับ.. ก็ทราบมา” เขาพยักหน้า

“แล้ว..คุณเป็นคนที่ขับรถคันนั้น.. ที่ชนฉันเหรอคะ?”

คำถามนี้ทำเอาคนตอบยิ้มแหย “เอ่อ..จะว่ายังไงดีล่ะครับ คือปกตินายใหญ่จะฝากให้ผมขับไอ้คันนั้นแทนนายน้อยนั่นล่ะ ยกเว้นวันไหนไปกันหลายคนก็จะได้ไปนั่งหลังกับนาย หรือวันไหนนายผมอยากขับเอง เค้าก็ขับซะเลยก็มี”

คำอธิบายวกไปวนมาของเขาไม่ได้ทำให้อราลีกระจ่างใจนัก แต่ชายหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้ก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมเรื่องนี้ เพราะประโยคถัดไปเขาก็ขึ้นเรื่องใหม่ว่า

“อ้อ.. ขอโทษเรื่องล็อคประตูห้องนะครับ แต่มันเป็นคำสั่งนายผม.. คือว่า..ที่นี่ออกจะเป็นที่ที่แปลกสักหน่อย เรามีกฎมีระเบียบของเรา คุณเพิ่งเข้ามาแล้วอาจไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ว่า..ในฐานะคนนอกของคุณตอนนี้ นายผมยังไม่อนุญาตให้คุณออกไปเพ่นพ่านข้างนอกได้นะครับ อีกอย่างคุณเพิ่งบาดเจ็บ..ควรพักรักษาตัวเองจะดีกว่า แล้วเดี๋ยวนายผมกลับมาจะอธิบายกับคุณอีกที.. เขาน่าจะทำได้ดีกว่าผมเพราะภาษาอังกฤษเขาดีกว่าผมเยอะ”

“นายคุณ?” อราลีเลิกคิ้วสูง เพราะได้ยินอีกฝ่ายเรียกคำว่า ‘นาย’ หลายรอบแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจสักทีว่าหมายถึงใคร

“ครับ..นายผม..คุณเคมิน” อีกฝ่ายตอบกลับชัดเจน “ตอนนี้คุณเคมินไม่อยู่บ้านนี้แป้บนึง เค้าไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนนายใหญ่ท่านที่บ้านโน้นครับ ฝากบอกผมกับเจียให้ดูแลคุณที่บ้านนี้ ดังนั้นคุณก็กินข้าวไปก่อนเลยครับ ยังไงเสียตอนคุณเคมินกลับมาที่นี่ คุณอาจจะได้เจอ”

เคมิน! อาคันตุกะสาวชาวไทยถึงกับทำหน้าไม่ถูก ชื่อนี้จะคุ้นหูมากเกินไปไหม มีแค่คนเดียวก็น่าจะพอแล้วสำหรับหน่วยความจำเธอที่เคยรับรู้ว่าเคมินเป็นบุคคลระดับสูงคนหนึ่งของชนกลุ่มน้อยวายัณ และถ้าเป็นคนเดียวกันจริงๆ โลกใบนี้มันกลมเกินเหตุไปแล้ว!

“นี่เป็นยาที่หมอฝากให้คุณทานหลังอาหาร” ต้าหมิงยังคงครองบทพูดขณะชี้มายังซองยาแผนปัจจุบันที่อยู่รวมในถาดอาหาร “หวังว่าคุณจะทานนะครับ เอาละ ผมกับเจียไม่กวนคุณแล้วล่ะ”

“เดี๋ยวค่ะคุณต้าหมิง” หญิงสาวรีบเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ เมื่อชายหนุ่มคนนั้นและเด็กสาวหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเตรียมจะลับกายออกไป

“ครับ ถามได้เลยครับ” อีกฝ่ายเหลียวมาทันที

“ที่นี่..คือที่ไหนคะ? ตกลงฉันอยู่ส่วนไหนของรัฐฉาน?”

ชายผู้มีนามว่าต้าหมิงพยักหน้าเข้าใจเธอดี ก่อนตอบเสียงชัดเจน

“ความจริงเขตเราก็อยู่ในรัฐฉานนั่นล่ะครับ แต่ที่นี่เรียกปางแก้วครับ คุณคงทราบหรืออาจไม่ทราบ..ปางแก้วเป็นเมืองหนึ่งในเขตปกครองของวายัณ แล้วเรือนพักแถบที่คุณอยู่เป็นของคุณเคมิน..นายผมเองครับ นายผมเค้าเป็นคนชอบอะไรส่วนตัว ก็เลยมีที่พักที่แยกมาจากนายใหญ่ท่าน แต่ก็ไม่ไกลกันหรอกครับ”

เขาตอบยาวเหยียด แต่ก็ตามท้ายด้วยประโยคสั้นๆ ก่อนจะเดินลับออกไปว่า

“ไม่ต้องห่วงครับ ที่นี่ปลอดภัย อย่างน้อย..ไม่มีใครเข้ามาตามล่าคุณได้หรอกครับ”

# # #


เคมิน.. ปางแก้ว.. นายใหญ่.. เขตปกครองตนเองวายัณ แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่กันล่ะนี่?

อราลีถามตัวเองอย่างมึนๆ อยู่พักใหญ่ เธอพอจะเข้าใจเรื่องราวอยู่ว่าตัวเองวิ่งหนีมาจากคุณหนูอารมณ์ร้ายที่ชื่อทาช่าแล้วก็มาปะทะเข้ากับรถออฟโรดคันใหญ่นั่น ซึ่งตอนนี้เธอก็รู้แน่แล้วว่าก็คือรถคันเดียวกับที่เธอเคยเห็นพร้อมกับบุรุษที่ชื่อเคมิน ซึ่งเคยเจอหน้ากันแบบผิวเผินในเชียงราย พอโดนชนกระเด็นเธอก็คงสลบไป แล้วโผล่อีกทีก็ที่บ้านพักหลังนี้

แสดงว่านี่เธอหลุดเข้ามาถึงในเขตปกครองตนเองของวายัณเลยเหรอ? แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนที่นี่จึงไม่รู้ลึกถึงภูมิศาสตร์ของแถบนี้แต่อย่างใด แต่จากคำเล่าของคำทิพย์และสายโลนก็พอจะทราบได้ว่าเขตแดนของวายัณนั้นแทรกอยู่ริมขอบของรัฐฉาน และดำรงตัวเองเสมือนรัฐที่ซ่อนอยู่ในรัฐชาติอีกทีหนึ่ง พร้อมกับมีกองกำลังของตนเองที่เป็นที่เลื่องลือในด้านแสนยานุภาพทหาร

ถ้าอย่างนั้นเธอก็อยู่จุดที่เรียกว่าปางแก้ว..เมืองแห่งใหม่ของเขตปกครองตนเองวายัณที่สายโลนเล่าให้ฟังในครั้งนั้น และที่สำคัญ.. เจ้าบ้านที่ต้าหมิงบอกกล่าวให้ฟังก็คือคนที่ชื่อเคมินคนนั้น

คิดแล้วอราลีก็หนาววูบพิกล เธอหนีการตามล่าของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกคุณหนูของวายัณคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ก็จับพลัดจับผลูมาเจอกับผู้ชายคนที่มาจากชนกลุ่มเดียวกันเหรอเนี่ย แล้วเธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าชีวิตตัวเองจะปลอดภัยในเงื้อมมือพวกเขา? ในเมื่อเธอเองก็จำได้ว่าตอนอยู่เชียงรายก็เคยเดินสวนพวกเขาที่โรงแรม เป็นไปได้ว่าพวกเขาน่าจะรู้จักกันเป็นเครือข่ายคนระดับผู้นำเป็นอย่างดี

และที่น่าหวั่นใจเป็นที่สุดคือความจริงที่ว่าห้องเธอถูกล็อคเอาไว้จากข้างนอกดังที่ชายหนุ่มชื่อต้าหมิงแจ้งเอาไว้ อราลีลองขยับกลอนประตูหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ สีหน้าหญิงสาวเริ่มไม่ดี.. กฎระเบียบบ้าบออะไรกันที่สั่งให้กักขังคนนอกเอาไว้ในที่จำกัดแบบนี้ นี่มันเรียกกักขังหน่วงเหนี่ยวชัดๆ !!! ถ้าอยู่ในไทยนะ..จะลากคอคนต้นคิดเข้าตารางให้ได้เชียว!

แต่ไม่นานหลังจากนั้น อราลีก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออกขณะที่เธอนอนกึ่งนั่งที่เตียงพร้อมเปิดหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งที่เจอในห้องอย่างฆ่าเวลาเล่น

“อ้อ คุณยังไม่นอน?”

เสียงถามสั้นๆ มาพร้อมกับร่างคนที่เธอกริ่งเกรงอยู่ลึกๆ ผู้ชายคนที่เธอรู้แน่แก่ใจแล้วว่าชื่อเขาคือเคมินเดินเข้ามาช้าๆ อย่างสำรวจตรวจตรา ร่างสูงของเขาอยู่ในแจ้กเก้ตสีเข้มที่น่าจะใส่บ่อยจนชินแต่ก็ดูเข้ากับบุคลิก ดวงหน้าเขาในครั้งนี้ถือว่าแปลกตากว่าเดิมเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอมองลึกถึงนัยน์ตาเรียวยาวคู่นั้นได้โดยไม่มีแว่นกันแดดเป็นเครื่องกั้น และนั่นก็ทำให้อราลีนึกยอมรับสายตาคมที่ทอประกายมาจากท่าทีเรียบนิ่งของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

“คุณ..” หญิงสาวถึงกับอ้ำอึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้พบหน้ากันแบบใกล้ๆ และส่วนตัวอย่างนี้ “คุณใช่ไหมที่ชื่อ เคมิน?”

“ความจริงผมว่าคุณน่าจะรู้ชื่อผมแล้วล่ะนะ แต่ก็เอาล่ะ ใช่ ผมนี่ล่ะ เคมิน” คำรับของเขาฟังดูทางการ “ว่าแต่เราสองคนยังต้องแนะนำตัวกันอีกรึเปล่า?  คุณรู้ชื่อผม ส่วนผมก็รู้แล้วว่าคุณชื่อ..อราลี และเป็นคนไทย”

“ค่ะ คุณก็รู้อยู่แล้วนี่นา” หญิงสาวรับอย่างไม่แปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาคงได้อ่านจดหมายเธอมาก่อนแล้ว “นี่คุณเคมิน ตกลงตอนนี้.. ฉันอยู่ในปางแก้วที่เป็นเมืองของวายัณใช่มั้ย ฉันมาที่นี่ได้ยังไง แล้วฉันจะกลับยังไง?”

“ผมคงต้องค่อยๆ ตอบคุณทีละคำถามนะ” ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเริ่มต้นอธิบาย “ผมไม่รู้ว่าคุณมาจากจุดไหน รู้แต่ไอ้จุดที่ผมขับรถเกือบไปชนคุณน่ะมันเป็นโค้งหักศอก ถ้าคุณขับรถเป็นคุณก็ควรรู้ว่าคุณไม่ควรอยู่ในมุมที่มองเห็นได้ยากอย่างนั้น และคนทั่วไปก็ควรรู้ว่าไม่ควรไปยืนเสียกลางถนน”

แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 55 18:57:25

จากคุณ : ณ พิชา
เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 18:53:51




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com