นี่คุณว่าฉันผิดเหรอ? หญิงสาวแทรกขึ้นเสียงสูง
ก็แล้วแต่จะคิด แต่อย่างน้อยผมก็พาคุณมาจากตรงนั้นแล้วก็พาคุณส่งโรงพยาบาลก็แล้วกัน ต้าหมิง..คนของผมบอกแล้วใช่ไหมว่าหมอให้ยาคุณมากินด้วย
ตกลง..คุณเป็นคนที่ขับรถชนฉัน? เธอแย้งขึ้นโดยไม่สนใจตอบคำถาม
ชนเบาๆ เขาแย้งกลายๆ ถ้าชนเต็มๆ ด้วยความเร็วขนาดนั้นคุณคงไม่ได้มานั่งคุยกับผมอย่างนี้หรอก ผมเชื่อว่าผมเบรกทัน แต่โอเค..ยังไงก็ชนคุณนิดหน่อย ผมก็ยอมรับความผิดตรงนั้น
อราลีมองใบหน้ามนได้รูปแต่ดวงตาเฉยชาของเขาอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่ที่เขาพูดมาก็มีส่วนถูกอยู่บ้างตรงที่เธอก็ไม่ได้นึกระวังตัวเลยว่าการไปยืนกลางทางรถมันอันตรายแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คิดว่าเขาเองก็มีส่วนผิดที่แล่นรถมาตอนนั้นพอดี
แล้วคนของคุณบอกว่า.. ที่นี่มีกฎแปลกๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าคนนอกอย่างฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนใช่มั้ย ขอฉันถามหน่อยเถอะ คุณมีเหตุผลอะไรที่จะต้องกักบริเวณฉันไว้ที่ตรงนี้กัน? อราลีเริ่มต้นถามหัวข้อใหม่ อันเป็นสิ่งที่เธอนึกเคืองใจที่สุดหลังตื่นมาพบว่าตัวเองไม่มีอิสระจะออกไปไหน
เหตุผลของที่นี่ คำรับไม่อนาทร ที่ตรงนี้คือปางแก้ว อยู่ในกำกับของสหภาพแห่งชาติวายัณ เป็นเขตปกครองพิเศษที่เรามีอำนาจดูแลพื้นที่ของตัวเอง เราไม่ได้ขึ้นกับรัฐฉาน แต่เราขึ้นกับทางรัฐบาลโดยตรง
แล้วที่คุณกักฉันไว้ที่นี่ล่ะ นั่นมันกฎข้อไหนของคุณ? หญิงสาวถามอย่างเหลืออด
มันอาจไม่ใช่กฎหมายของวายัณ แต่มันเป็นคำสั่งของผมเอง คำเล่าของเขาทำเอาอราลีแทบลมออกหู ผมสั่งเพราะที่แห่งนี้ก็เป็นจุดยุทธศาสตร์หนึ่งของเรา ปกติคนนอกเข้าออกที่พักผมและคุณตาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่กรณีคุณ.. ยอมรับเรื่องอุบัติเหตุที่ผมทำคุณบาดเจ็บ คุณจึงอยู่ที่นี่ได้ตราบใดที่ยังอยู่ในสายตาของผม
คำอธิบายเฉยเมยนั้นทำเอาหญิงสาวลมออกหูเข้าจริงๆ เมื่อเขาพูดเหมือนเป็นบุญคุณเต็มประดาที่ให้ที่ซุกหัวนอนอย่างนี้ แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มตระหนักถึงความเป็นดินแดนแปลกพิเศษอะไรบางอย่างของที่นี่ จำได้ว่าหนังสือเล่มที่เธอเคยอ่านก็เขียนเล่ากึ่งๆ ว่าต่อให้เป็นเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลทหารพม่าก็ไม่สามารถเข้ามายุ่งย่ามในที่นี่ได้ด้วยซ้ำถ้าทางสหภาพแห่งชาติวายัณไม่ยินยอม ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง.. แสดงว่าอำนาจของที่นี่ต้องไม่ธรรมดา
แต่อำนาจนั้นจะมาจากไหน ถ้าไม่ใช่มาจากอำนาจเงินและยาเสพติดมากมายอย่างที่ทุกคนรู้ๆ กันอยู่!
คุณไปทำอะไรตรงนั้น? มันไม่ใช่ที่ที่ใครจะผ่านไปผ่านมาได้ง่ายๆ จู่ๆ เคมินก็ขึ้นเรื่องใหม่
ฉันจะไปรู้มั้ยว่าตรงที่ฉันเจอคุณน่ะมันตรงไหนกัน ฉันรู้แค่ว่าก่อนหน้านี้ฉันเดินอยู่กับเพื่อนที่รู้จักกัน แล้วก็.. มีคนพยายามทำร้ายฉัน โดยลักพาตัวฉันขึ้นรถแล้วขู่กรรโชกกัน
ใครจะทำร้ายคุณ.. หรือคุณทาช่า? คำถามดักทางของเขาทำเอาเธอตาโพลงและเริ่มระแวง
ทะ..ทำไมคุณรู้?
ก็ไม่เห็นจะยาก ตอนที่ผมพาคุณขึ้นรถเพื่อจะไปโรงพยาบาล รถผมสวนกับทาช่า..และดูท่าเธอจะไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับลูกน้องพ่อเธออีกเป็นโขยง ทั้งที่พื้นที่ตรงนั้นไม่น่าจะเป็นทางผ่านกลับไปบ้านของเปาเชิงหวาพ่อเธอได้ และจะว่าไป มันก็ไม่ใช่เขตของพวกเค้าเลยด้วยซ้ำ
คำอธิบายนั้นทำให้อราลีรู้สึกแปลกแปร่ง เขตของพวกเค้า.. นี่ทำยังกับแถวนี้เป็นดินแดนที่จับจองความเป็นเจ้าของกันได้ง่ายๆ ใครครองที่ไหนก็แบ่งๆ กันไปอย่างนั้นล่ะ?!?
ฉันก็ไม่ทราบเรื่องเขตอะไรของคุณหรอก เพียงแต่ว่า.. ฉันหนีผู้หญิงคนนั้นมา แล้วก็มาเจอกับคุณ ก็แค่นั้นล่ะ เธอสรุปแบบรวดรัด
"คุณบอกได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนของทาช่าถึงปองร้ายคุณ?" เขากอดอกถาม ด้วยท่าทีเหมือนมีสิทธิ์รู้ทุกสิ่งทุกอย่างในที่นั้น
"ขอโทษนะคะคุณเคมิน ฉันคิดว่า..นี่คือเรื่องส่วนตัว" อราลีเลี่ยงคำถามนั้นอย่างไม่อยากจะพูดถึงนัก อาจจะด้วยท่าทีมึนตึงของเธอทำให้ชายหนุ่มดูขัดใจ เขามองหน้าเธอนิ่งก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงรู้ทัน
"ขอโทษที่คิดจะยุ่งเรื่องส่วนตัว แต่ผมแค่สงสัยเพราะถ้าไม่มีสาเหตุ.. ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ตามล่าคุณ แต่..ถ้าจะให้เดาจริงๆ คุณคิดว่าผมจะเดาไม่ออกเหรอ ขอโทษที่จะต้องให้พูด แต่ผมจำได้ว่าในซองจดหมายคุณนั้น มีผู้ชายชื่อวินนายส่งการ์ดให้คุณ พร้อมลงชื่อว่าไม่เคยลืมคุณ และบังเอิญผู้ชายชื่อนี้คือว่าที่เจ้าบ่าวของทาช่า แล้ววันนี้คุณโผล่เข้ามาแถวนี้พร้อมโดนลูกน้องทาช่าไล่ล่า คุณรู้มั้ยว่าผมสรุปได้ว่าอะไร"
หญิงสาวสบตาเขาด้วยสายตาประกายกล้า คุณจะหาว่าฉันแอบติดต่อกับผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วล่ะสิ?
ก็มันไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้เหรอที่ทำให้คุณต้องหนีเอาเป็นเอาตายอย่างนั้น? เขาจ้องตอบด้วยสายตาไม่ต่างกัน
อราลีนึกไม่เข้าใจอีกฝ่าย เธอรักความเป็นส่วนตัวอย่างหนึ่งตรงที่ไม่ชอบตอบคำถามเรื่องส่วนตัวกับใคร แต่จู่ๆ ผู้ชายคนนี้ก็มายืนค้ำหัวแล้วกดดันเธอต้องพูดออกมาให้ได้ สีหน้าถัดไปของหญิงสาวจึงไม่สบอารมณ์นัก
ได้ ในเมื่อคุณอยากรู้เรื่องส่วนตัวของฉันมาก ฉันก็คงต้องเล่าให้ผู้มีพระคุณที่ช่วยให้ฉันรอดชีวิตจากเงื้อมมือผู้หญิงร้ายๆ คนนั้นมาได้ ใช่..ฉันยอมรับ ฉันเคยคบกับวินนายสมัยที่ฉันไปเรียนปริญญาโทที่สหรัฐฯ เราพบกันเพราะเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ว่า..เราก็จบกันไปนานแล้วตั้งแต่เขาเลือกที่จะเดินทางมาที่นี่ จากนั้นฉันก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย เส้นทางชีวิตเราต่างคนต่างไป จนกระทั่งฉันมาที่เชียงรายก็เจอหน้าเขาครั้งนึง และพอข้ามแดนมาเที่ยวที่นี่ ก็เลยบังเอิญได้พบเขาอีกครั้ง
เคมินพยักหน้ารับแกนๆ อราลีไม่ชอบสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งของเขา จึงตัดสินใจเล่าต่อ
แต่ว่าผู้หญิงคนนั้น.. เธอดูไม่มีเหตุผล เธอคงเห็นตอนวินนายมาพบกับฉันแล้วก็เลยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอให้ลูกน้องลากตัวฉันไปคุยบนรถ บอกตรงๆ เธอค่อนข้างหยาบคายกับฉันมาก ไม่ยอมฟังอะไรเลยว่าฉันกับวินนายจบกันไปนานแล้วและเราไม่ได้มีอะไรต่อกันอีก แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำร้ายอะไรฉันมากกว่านั้นไหม เพราะเธอพูดเองเลยว่าเธอจะทำอะไรกับฉันก็ได้ในดินแดนแห่งนี้ ฉันเลยตัดสินใจ..เปิดประตูรถแล้วกระโดดหนีออกมา..
ชายหนุ่มพยักหน้านิดหนึ่งเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่เติมเต็มกว่าเดิม
"โอเค อราลี ผมพอจะเข้าใจอะไรคุณบ้างหรอกนะ และจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวคุณมากไปกว่านี้หรอก แต่ว่า.. เขาเว้นจังหวะเมื่อเอ่ยประโยคถัดไปด้วยเสียงเครียด ขอเตือนให้คุณระวังตัวให้ดี ทาช่าคงอยากขจัดคุณให้พ้นหน้าได้ถ้ามีโอกาส ถ้าคุณออกไปข้างนอกตอนนี้แล้วเธอได้เห็นคุณอีกครั้ง คงไม่พ้นตามล่าคุณอีกแน่
นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนรึไง หญิงสาวแย้งกลับ คนใหญ่คนโตอยากทำอะไรกับใครก็ได้ตามใจเหรอ ชีวิตคนไม่มีค่าใช่มั้ย? ทำไมถึงปล่อยให้คนบ้าอำนาจทำอะไรโดยไม่มีความผิดอย่างนี้
ช่วยไม่ได้ ที่นี่คือวายัณ
คำรับของเขาเหมือนไม่แยแส แต่แท้จริงอราลีรู้สึกได้ว่านี่คือเสียงสะท้อนจากความเป็นจริงของดินแดนแถบนี้โดยแท้ เธอนึกถึงคำที่รุ่นน้องอย่างสายโลนบอกไว้ว่าดินแดนที่ไร้กฎหมายและอำนาจรัฐอ่อนแอหาได้ไม่ไกล เพราะมันอยู่ที่รัฐฉานตรงเขตแดนปกครองพิเศษวายัณนี้นี่เอง!
แล้วหมายความว่ายังไงกัน? บ้านเมืองคุณไม่มีขื่อมีแปเลยเหรอ อยู่กันแบบไร้กฎหมายแล้วก็มีแต่เจ้าพ่อตั้งตัวเป็นใหญ่ปกครองกันเองใช่มั้ยล่ะ มิน่าล่ะ ฉันถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนข้างนอกถึงได้มองที่นี่เป็นแดนเถื่อนที่ไม่น่าเข้าใกล้ แถมยังมีแต่แก๊งค์ผลิตยาเสพติดเกลื่อนเมืองไปหมด ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะระบบภายในแย่ๆ นี่เอง
ประโยคนั้นของเธอทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น เคมินจ้องตรงมาที่เธอด้วยสายตาวาวโรจน์เป็นครั้งแรก และมันก็ทรงอานุภาพพอจะทำให้อราลีกลืนน้ำลายไม่ลงเมื่อรับรู้ได้ว่าวาจาตัวเองได้ล้ำเส้นอะไรบางอย่างเกินไป
อราลี... คำเรียกชื่อช้าๆ ทำให้รู้ว่าพื้นอารมณ์เขาพุ่งสูง คุณเองก็เรียนมาสูง ทำงานระดับนานาชาติ แต่ทัศนคติคุณก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนทั่วไปที่รับรู้ข่าวสารแต่เพียงข้างเดียวเลยนะ ผมไม่แคร์ว่าคนข้างนอกจะพูดถึงเขตปกครองพิเศษของวายัณว่าเลวร้ายแค่ไหน เพราะนั่นคือคนนอกที่ไม่เคยมารับรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ แต่กับคุณตอนนี้.. จงรู้ตัวไว้บ้างว่าตอนนี้คุณอยู่ในเขตแดนของเราแล้ว คำพูดของคุณอาจสร้างปัญหาให้ตัวเองก็ได้ถ้าคุณไม่รู้จักระวังตัว
อราลีเม้มปากนิ่งเมื่อเจอคำขู่แบบกลายๆ ของเขา เธอถอนใจก่อนจะหลุดประโยคต่อไปว่า
ยังไงตอนนี้ชีวิตฉันก็นับว่าเจอปัญหาใหญ่ในเขตวายัณอยู่แล้วนี่ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าชะตากรรมฉันจะเป็นยังไงบ้าง จู่ๆ คุณอาจส่งฉันไปให้แม่ทาช่านั่นเลยก็ได้
อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้น?
ก็..คำว่าคนนอกของคุณนั่นยังไง ฉันไม่ใช่คนที่นี่ ไม่ใช่พวกพ้องของพวกคุณ คุณจะมาเห็นฉันดีกว่าคนเชื้อสายวายัณเหมือนคุณได้ยังไง
ประโยคนั้นของเธอทำให้เขายักไหล่ ผมแยกออกระหว่างเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวคุณกับทาช่าและวินนายนั้นผมไม่รับรู้ เพียงแต่ตอนนี้ผมให้คุณพักที่นี่ก็อย่ามีคำถามมาก ถ้าคุณรู้จักอยู่เงียบๆ ไม่สร้างปัญหาอย่างเรื่องที่เพิ่งเกิดกับคุณ คุณก็จะกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
ฉันไม่เคยสร้างปัญหากับใคร หญิงสาวโต้แย้งอย่างทระนง ฉันไม่ได้ต้องการแย่งคนรักของใคร ฉันอยู่ของฉันดีๆ ก็มีคนพาลมาหาเรื่อง ทั้งที่จริงๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้กับฉัน เธอควรจะรู้ขอบเขตและเคารพสิทธิของฉันบ้าง บอกได้เลยว่าฉันไม่กลัวหรอกที่จะออกไปข้างนอกแล้วเจอกับแม่นั่นอีก
ผู้ชายชื่อเคมินทอดสายตามองท่าทีของเธอด้วยสายตาหยามหยัน โดยเฉพาะท่อนที่ว่าด้วยสิทธิบุคคลดูจะทำให้เขาเหยียดปากเหมือนได้ฟังอะไรที่ไม่เข้าที
"โอเค คุณใจกล้าดีที่จะปะทะกับศัตรู แต่ขอแนะนำอะไรสักอย่าง ตอนนี้สิ่งที่คุณทำได้คือรักษาชีวิตดีๆ ของคุณไว้กับตัวจะดีกว่า หน้าที่งานการคุณก็ดีใช่ย่อยไม่ใช่เหรอ ไม่จำเป็นอย่าออกไปล่อเป้าให้คนเขามาทำร้ายคุณจะดีกว่า อุดมการณ์แรงกล้าพวกนั้นน่ะเก็บไปก่อนเถอะ..มันใช้ไม่ได้กับที่นี่หรอก คิดเหมือนเด็กๆ
คุณ! อราลีขึ้นเสียง เตรียมจะว่าต่อแต่อีกฝ่ายก็ตัดบทขึ้นมาก่อน
ตอนนี้ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น รักษาตัวคุณเองให้รอดก่อนดีกว่า คุณอยู่ที่นี่ไปก่อนไม่ต้องออกไปไหน ผมจะตัดสินเองว่าจะอนุญาตคุณไปไหนได้เมื่อไหร่
คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ฉันทำอะไร หรือห้ามฉันไปไหน หญิงสาวยอกย้อนอย่างถือดี ฉันเป็นคนไทย ไม่ใช่คนที่นี่ ฉันมีสิทธิเสรีภาพของตัวเอง และคุณละเมิดสิทธิ์ฉันไม่ได้!
ประกายตาวูบวับจับขึ้นที่นัยน์ตาของบุรุษผู้มีนามว่าเคมิน ก่อนที่เขาจะย่างก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิม อราลีรีบฟุบตัวลงและกระถดให้ห่างจากท่าทีคุกคามของเขา อีกฝ่ายแทบจะก้มหน้าลงมาตรงหัวเตียงเพื่อประจันหน้าเมื่อเอ่ยแค่นประโยคที่ว่า
"บอกแล้วว่าให้เก็บคำว่าสิทธิมนุษชนนั่นไปซะ ผมต่างหากที่ต้องบอกว่าคุณไม่มีสิทธิ์มาขัดคำสั่งของผม ที่นี่คือวายัณ โดยเฉพาะที่ตรงนี้คือปางแก้ว รับรู้ไว้ซะว่าคุณอยู่ในบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ด้อยพัฒนาอย่างที่คุณไม่เคยพบเจอมาก่อน เราเป็นพวกป่าเถื่อนที่กฎหมู่ของเราอยู่เหนือกฎหมาย มีเรื่องอะไรเราจัดการกันเอง ดังนั้นเมื่อคุณจำเป็นต้องอยู่ที่นี่.. ก็หัดเชื่อฟังผมไว้บ้าง ถ้าคุณยังมีความหวังจะกลับไปสู่โลกข้างนอก!"
พูดจบเขาก็หันหลังจากไปโดยไม่หันมามองเธออีกแม้แต่น้อย อราลีได้แต่มองตามแบบหวั่นๆ หลังได้เห็นท่าทีจริงจังที่สุดของเขา เมื่อประตูบานนั้นปิดลง เธอก็ได้ยินเสียงคลิ๊กอันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า อิสรภาพของเธอถูกลงกลอนเรียบร้อยแล้วในน้ำมือของผู้ชายคนนี้ นี่มันหนีเสือมาปะจระเข้หรือยังไงกันนี่!
จากคุณ |
:
ณ พิชา
|
เขียนเมื่อ |
:
วันออกพรรษา 55 18:55:23
|
|
|
|