เรื่องเล่าจากแดนไกล(ตอนหมียักษ์)

    ชั่วโมงต่อไปของวันนี้เป็นชั่วโมงค้นคว้าความรู้ของครูฝ้าย  พวกเด็กไม่รู้ว่าชั่วโมงนี้จะเป็นอย่างไร  แต่อย่างน้อยเมื่อทราบว่าครูประจำชั้นแสนสวยของเขาจะมาเป็นครูสอนในวิชานี้ก็ทำให้ทั้งห้องโล่งอกโล่งใจไปตามๆกัน
    “ครูจะพาพวกเธอออกไปเที่ยวกันดีไหม”ครูสาวสวยเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องและนั่นทำให้เด็กทั้งหลายเฮกันลั่น
    “ไปไหนครับครู”มดถามขึ้น
    “ไปเดินเล่นแถวชายป่ากัน”ครูเสนอ
    “ป่าด้านหลังโรงเรียนที่พวกผมไปนะหรือครับ”เลียงผาถาม
    “ใช่จ๊ะ  แต่เราจะไม่เข้าไปลึกถึงขนาดนั้นหรอกนะ  ว่าไงใครอยากไปกับครูบ้างจ๊ะ”
    ทุกคนในห้องยกมือหลาพร้อมๆกัน  เด็กๆได้ฟังวีรกรรมของเพื่อนร่วมห้องทั้งสี่แล้วอดรู้สึกอยากไปเห็นสถานที่ผจญภัยของพวกเขาไม่ได้  แม้จะไปไม่ถึงก็ขอให้ได้เห็นบ้างก็ยังดี  ดังนั้นไม่ถึงห้านาทีพวกเด็กทั้งสิบห้าคนก็เดินเรียงแถวกันออกมาจากห้องเรียนมุ่งตรงไปยังบริเวณชายป่าด้านหลัง  ครูฝ้ายเป็นคนเดินนำนักเรียนทั้งหลายเลาะชายป่าดิบชื้นไปเรื่อยๆพลางเล่าถึงเรื่องราวและเกร็ดความรู้ต่างๆประกอบให้นักเรียนฟังด้วย
    “ป่าแห่งนี้มีถูกเรียกว่าป่ามหัศจรรย์  ที่ชาวเมืองตั้งชื่อเช่นนี้ก็เพราะว่าป่านี้ได้ซ่อนความลึกลับและอันตรายไว้มากมายยากที่ผู้ใดจะไขมันได้หมด  ป่านี้มีพื้นที่กว้างขวางมากและแต่ละบริเวณก็จะแตกต่างกันออกไปมีทั้งป่าดิบชื้น ป่าผลัดใบ ป่าทุรกันดาร ป่าดงดิบ ทะเลทรายและเขตน้ำแข็ง”
    “ในป่านี้มีตัวอะไรอาศัยอยู่บ้างคะ”
    “หลายอย่างจ๊ะ  มีทั้งหมี  กวาง  สิงโต  ยีราฟ  ลิง  เสือ  แล้วก็ใจกลางป่าแห่งนี้ก็มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ด้วย”
    “ครูเคยเข้าไปไหมคะ”
    “เคยจ๊ะ  พวกครูทุกคนเคยเข้าไปสำรวจป่าแห่งนี้กันแล้วทั้งนั้น  แต่ก็ไม่เคยเข้าไปได้ลึกถึงใจกลางป่าหรอก”
    ครูพาพวกเด็กๆเดินเล่นกันมาถึงทุ่งทานตะวันสีเหลืองอร่ามที่กำลังออกดอกผลิบานรับแสงจากดวงอาทิตย์
    “สวยจังเลยค่ะครู  หนูเพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่ามีทุ่งดอกไม้อยู่ในเมืองเราด้วย”แมวร้องบอกด้วยความตื่นเต้น
    “ไปวิ่งเล่นกันได้นะ  แต่อย่าไปไกลมากครูให้เวลาพวกเธอสิบห้านาทีแล้วค่อยเดินกันต่อ”
    พวกเด็กๆจึงพากันวิ่งเล่นไปทั่วทุ่งทานตะวัน  ดอกทานตะวันสีเหลืองสดดอกใหญ่หลายดอกมีขนาดสูงกว่าเด็กๆมากนัก  ไม่นานเด็กทั้งยี่สิบสี่คนจึงถูกกลืนหายเข้าไปในทุ่งแห่งนี้
    “ครูคะ  มานี่หน่อยสิคะ”หงส์วิ่งเข้ามาหาครูฝ้ายที่กำลังนั่งคุยกับเด็กหญิงสองคนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
    “อะไรกันจ๊ะ”
    “ไปกับหนูหน่อยสิคะ  พวกเราเจออะไรอย่างนึง”ว่าแล้วแฝดหญิงก็ลากข้อมือครูสาวเดินแกมวิ่งตัดทุ่งทานตะวันไปยังอีกด้านหนึ่งที่มีไม้ใหญ่หลายต้นขึ้นครึ้ม
    “ไปไหนจ๊ะ  นี่พวกเธอเดินกันมาไกลกลุ่มแล้วนะ”ครูติง
    “อีกนิดเดียวเองค่ะ”เด็กสาวว่า
    หงส์พาครูมาหยุดลงที่กลุ่มเด็กผู้ชายสามคนเพื่อนของเธอ
    “พวกเราวิ่งเล่นมาจนถึงแถวนี้ค่ะ  แล้วก็เจอรอยเท้านี้เข้า”แล้วเธอก็ชี้ให้ดูรอยเท้าสัตว์ขนาดใหญ่ที่ประทับอยู่บนดินเป็นทางยาว  มันมีขนาดใหญ่กว่ารอยเท้าคนหลายเท่า  มีนิ้วห้านี้และเล็บขนาดยาว  ตรงกลางรอยเท้าแต่ละรอยดูจะเป็นรอยลึกกว่าบริเวณอื่น
    “ครูว่าตัวอะไรคะ”เด็กสาวถามด้วยความสงสัย
    ครูฝ้ายหัวเราะคิกคักคนเดียวอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามเด็กฝาแฝดว่า
    “ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งอำครูจ๊ะห่าน หงส์”
    “ทำไมผมต้องแกล้งอำครูล่ะครับ”แฝดชายทำหน้างง
    “ก็นี่มันรอยเท้าหมีไงจ๊ะ  อะไรกันพ่อเธอนะเป็นหมีไม่ใช่เหรอ  ไม่เคยสังเกตเลยรึ”
    “เหรอครับ  ผมไม่เคยเห็นรอยเท้าพ่อนี่นา  พ่อไม่ค่อยแปลงกายตอนผมอยู่บ้านเท่าไรนักหรอกครับ”เด็กชายบอก
    “ไม่แน่นะ  รอยเท้านี้อาจเป็นของพ่อเธอก็ได้”หมูน้อยออกความเห็น
    “งั้นเราตามรอยเท้านี้ไปกันดีไหม”เลียงผาเสนอ
    “อย่าดีกว่าจ๊ะ  เกิดไม่ใช่พ่อของห่านหงส์แล้วเป็นหมีขึ้นมาจริงๆ  ตัวขนาดนี้น่ากลัวมากนะ”ครูติงเบา
    “แต่ผมอยากเห็นหมีนี่ครับ  ถ้าเกิดเป็นพ่อด้วยยิ่งดีใหญ่เลย  นะครับครู”เด็กชายอ้อน
    เป็นที่รู้กันว่าครูคนสวยของพวกเขามักใจอ่อนอยู่เสมอกับคำพูดหวานๆและท่าทางน่ารักๆของพวกเด็กๆ
    “ก็ได้ๆแต่ต้องถามเพื่อนๆทุกคนด้วย  ถ้าทุกคนยอมก็ไปด้วยกัน”ครูยื่นข้อเสนอ
    “ได้เลยครับ  งั้นผมไปตามเอง”
    และจากคำป่าวประกาศจากปากของเด็กชายอย่างห่านแล้วล่ะก็มีหรือเพื่อนทั้งหลายจะไม่ยอมไป
    “ไปเถอะๆ  เพื่อได้เจอเรื่องผจญภัยอย่างฉันไง”ห่านบอกเมื่อเห็นเพื่อนหลายคนยังอดเสียดายทุ่งทานตะวันอยู่
    ไม่ช้าเด็กทั้งห้องก็มารวมกันที่บริเวณที่พบรอยเท้า  พวกเขาเดินตามรอยเท้าหมียักษ์ไปอย่างเงียบๆด้วยท่าทางตื่นเต้น  เด็กหลายคนเหลียวซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวังภัย  และในที่สุดทั้งยี่สิบสี่คนก็เดินทางมาถึงธารน้ำตกใหญ่แห่งหนึ่งที่ส่งเสียงน้ำตกลงมาซู่ๆพร้อมกับไอเย็นยะเยียบที่พัดเข้ามาปะทะพวกเด็กๆ
    ไม่ไกลจากน้ำตกใหญ่นี้นักเป็นที่ตั้งของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งด้านบนมีรวงผึ้งห้อยระย้าอยู่  ฝูงผึ้งจำนวนหลายตัวบินวนไปมาอย่างแข็งขัน
    “อุ๊ย  หมี”แมวร้อยอุทานออกมาเมื่อเห็นหมียักษ์เดินสี่ขามุ่งไปยังรวงผึ้งรวงนั้นอย่างไม่สนใจใคร
    “พ่อจริงๆด้วยแหละ”ห่านกับหงส์อุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
    “แล้วพ่อนายจะทำอะไรนะ”หมูน้อยถาม
    “เอ...”
    “เขากำลังจะเก็บรวงผึ้งจ๊ะ  เอ้าเด็กๆถอยออกมาก่อน  ให้พ่อห่านหงส์เก็บรวงผึ้งให้เสร็จก่อนค่อยเข้าไปนะ  ระวังผึ้งต่อยด้วยนะเด็กๆ”ครูฝ้ายร้องเตือน
    หมียักษ์เดินตรงไปยังรวงผึ้งที่ห้อยล่อตาล่อใจอยู่ก่อนยืดตัวยืนขึ้นสองขาซึ่งความสูงของมันคงไม่ต่ำกว่าสองเมตรครึ่ง  เจ้าหมียักษ์เก็บรวงผึ้งได้อย่างง่ายดายโดยไม่อาทรต่อฝูงเหล็กในเลย
    หลังจากที่ฝูงผึ้งเริ่มซาลงไปแล้วพวกเด็กๆจึงเดินตรงเข้าไปหาพ่อหมีที่นั่งกินน้ำผึ้งอยู่อย่างสบายอารมณ์
    “สวัสดีครับพ่อ”ห่านร้องทัก
    “อ้าวห่าน หงส์  มาได้ไงเนี่ย”
    “มากับครูแล้วก็เพื่อนๆครับ  มาสำรวจแถวชายป่าแต่พอเห็นรอยเท้าพ่อเข้าก็เลยตามมา  พ่อมาจับปลาเหรอครับ”
    “อืม  แต่พอดีเห็นรวงผึ้งนี่ก็เลยอดใจไม่ได้ต้องขอหยุดพักมากินก่อน”
    “มันอร่อยมากเลยหรือครับ”ชิมถาม
    “ก็ถ้าเป็นหมีล่ะก็  พวกเบอรี่ น้ำผึ้งเนี่ยของโปรดทั้งนั้น”
    “แล้วพ่อจับปลารึยังคะ”
    “ยังเลย  ว่าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ว่าแล้วเขาก็ผละออกจากซากรวงผึ้งที่เหลืออยู่นั่น
    “หนูขอไปด้วยคนสิคะ”
    “อย่าเลย  พวกเธอเป็นคนอยู่ไปไม่ได้หรอกมันอันตราย คอยดูพ่ออยู่ตรงนี้ดีกว่า”ติงด้วยความเป็นห่วง
    เด็กๆจึงยืนมองพ่อหมียักษ์เดินลุยน้ำอุ้ยอ้ายลงไปยืนอยู่กลางลำธารน้ำลึกที่มีน้ำตกยักษ์เป็นฉากหลัง  หมียักษ์ก้มหน้าลงไปในน้ำโดยใช้ปากซึ่งเต็มไปด้วยด้วยฟันอันแหลมคมของมันจับปลาที่ว่ายอยู่เต็มลำธารอย่างคล่องแคล่ว  ไม่นานนักกองปลาที่ตั้งอยู่ริมลำธารก็สูงขึ้นๆเป็นกองใหญ่
    “พ่อครับ!”หงส์ตะโกนเรียกบิดาท่ามกลางสายน้ำตกที่ดังแข่ง  ร่างของหมียักษ์เงยหน้าโผล่ขึ้นมาจากลำธาร  เลียงผาเห็นเพื่อนชายของตนยืนยกไม้ยกมือส่งสัญญาณอะไรแปลกๆกับผู้เป็นพ่อโดยมีห่านน้องแฝดสาวยืนกำกับยกไม้ยกมืออยู่ข้างๆ
    “ผมอยากอยู่ทานอาหารกลางวันที่นี่ครับครู  เดี๋ยวพ่อผมไปส่ง”หงส์บอกหลังจากตกลงกับพ่อแล้ว
    “ขอฉันอยู่ด้วยสิ”หมูน้อยว่าเพราะท้องเด็กชายเริ่มส่งเสียงร้องหลังจากออกแรงมากเกินไป
    “เราอยู่ด้วยสิ”
    “เราด้วย   เราด้วย”เด็กๆทั้งหลายต่างร้องขอ
    “แล้วจะเอาอะไรทานล่ะจ๊ะ”ครูฝ้ายถาม
    “ให้พ่อผมจับปลาให้ก็ได้ครับ  ช่วยกันย่างแป๊บเดียวก็เสร็จ”หงส์ว่าพลางโบกไม้โบกมือกับบิดาอีกรอบ
    “รบกวนพ่อของหงส์เปล่าๆ”ครุพูดอย่างเกรงใจ
    “ไม่หรอกค่ะ  พ่อบอกว่ายินดีทำให้”ห่านกล่าว
    พวกเด็กๆหันไปอ้อนครูสาวของพวกเขา
    “ก็ได้ๆ  แต่ว่าจะอิ่มกันเหรอ  เอางี้ดีกว่าเดี๋ยวครูวิ่งไปเอาข้าวกับน้ำมาให้จากโรงเรียน”
    “แต่มันไกลนะคะ  กว่าจะเดินไปเดินมาครูเหนื่อยแย่เลย”แมวท้วง
    “ไม่หรอก  แป๊บเดียวเอง  อยู่กันดีๆนะเด็กๆ”ว่าแล้วครูสาวของพวกเด็กๆก็กลายร่างเป็นกวางแสนสวยถลาวิ่งออกไปด้วยความเร็วปานสายฟ้า
    “แหมครูเราเป็นกวางนี่เอง  มิน่าละถึงได้ดูน่ารักอย่างนี้”ห่านเปรยขึ้นกับเพื่อนๆ
    “แล้วนายว่าครูใหญ่ของเราจะเป็นตัวอะไร”เลียงผากระซิบถาม
    “ก็เป็นเสือดาวมั้ง  ไม่ก็สิงโตถึงได้ดุขนาดนั้น”
    “แต่สิงโตมันขี้เกียจจะตายไป  ครูใหญ่เราไม่ขี้เกียจขนาดนั้นสักหน่อย  เห็นเดินหาเรื่องพวกนักเรียนได้ทุกวัน”มดเข้ามาร่วมวงนินทามั่ง
    “นั่นมันสิงโตตัวผู้ต่างหาก  ตัวเมียนะไม่ขี้เกียจหรอก”เด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้ติง
    “เอาเถอะสักวันฉันจะต้องหาโอกาสรู้ให้ได้ว่าครูใหญ่ของเราเป็นตัวอะไรกันแน่”เลียงผากล่าวกับเพื่อนๆอย่างหมายมั่นปั้นมือ
    กองไฟกองใหญ่ลุกโชติช่วงขึ้นพร้อมๆกับปลาหลายสิบตัวที่ถูกจับเสียบไม้วางเรียงรายอยู่รอบๆโดยมีพวกเด็กๆผลัดกันเปลี่ยนเวรมาปิ้งปลาและหาฟืนเติม
    “นายยกไม้ยกมืออะไรกับพ่อเหรอเมื่อกี้”เลียงผาถามฝาแฝดขณะนั่งยองๆกลับตัวปลา
    “อ้อ  ที่บ้านเรามีภาษามือไว้ใช้กันนะ  พ่อเป็นคนคิดเองเลยนะเอาไว้เพื่อเวลาขายของหรือตอนยืนอยู่ไกลๆกันจะได้ส่งสัญญาณได้  ไว้ฉันจะสอนนายเอาไหม”หงส์กล่าวอย่างใจดี
    “ดีเลย!”
    “แถมในเวลาเรียนยังใช้ได้ผลดีอีกด้วยนะ”ห่านกระซิบบอกเลียงผา
    ก่อนที่ปลาเหล่านั้นจะสุกได้ที่พอรับประทาน  เจ้ากวางน้อยตัวงามก็วิ่งตรงมาถึงพร้อมๆกับหมาป่าตัวโตที่เดินตามหลังมา  บนหลังของทั้งสองตัวคือกล่องอาหารและกระติกน้ำจำนวนหลายใบที่ถูกผูกไว้
    “ครูฝ้ายมาแล้ว  มากับใครไม่รู้”หงส์เป็นคนแรกที่เห็น
    “ครูภพไง”มดบอกเมื่อเป็นร่างของครูทั้งสองเดินเข้ามาร่วมวง
    “ครูแบกของมาไม่หมดเลยชวนครูภพมาด้วยจ๊ะ”
    เด็กๆต่างรู้สึกดีใจกันมากที่ครูหนุ่มอารมณ์ดีของพวกเขามาร่วมวงด้วยในคราวนี้
    “ครูเป็นหมาป่าเหรอครับ”ชิมถามอย่างสงสัยเมื่อสังเกตถึงรูปร่างหน้าตาของครูแล้วออกจะไม่เหมาะกันเจ้าสัตว์ชนิดนี้เท่าไรนัก  เนื่องจากครูภพเป็นชายหนุ่มร่างเล็กแม้จะไม่เตี้ยกว่าครูฝ้าย  แต่ก็ไม่สูงกว่ามากนัก  ตาสีดำโต  ผิวของครูเป็นสีน้ำตาลค่อนไปทางแดง ส่วนใบหูนั้นดูค่อนข้างใหญ่และโด่ดเด่น  
    “เปล่าหรอก”ครูภพยิ้มจนเห็นฟันหน้าที่ค่อนข้างยาวกว่าปรกติ
    “ครูเป็นหนูรึเปล่า”
    “ไม่บอก  ไว้ดูเอาเองดีกว่า”
    “ต้องใช่แน่ๆเลย”ชิมบอกอย่างมั่นใจในการคาดเดาของตน
    “ปลาสุกแล้วครับครู  มาทานกันดีกว่า”พ่อของฝาแฝดร้องเรียก
    และเด็กก็ได้ทานปลาย่างพร้อมๆกับข้าวสวยร้อนๆและน้ำจิ้มซีอิ้วที่ครูทั้งสองช่วยกันแบกมาอย่างเอร็ดอร่อยท่ามกลางธรรมชาติและเสียงน้ำตกไหลให้บรรยากาศอันแสนสบาย
    ปลาย่างกองโตถูกกลืนหายเข้าไปในท้องเด็กๆภายในเวลาไม่นาน  หลายคนยังออกอาการอยากทานอีกจนพ่อของห่านหงส์ต้องลงไปจับมาให้กินกันเป็นรอบสอง  เมื่อทานอาหารกันจนอิ่มดีแล้วครูสาวปล่อยให้เด็กไปวิ่งเล่นพักผ่อนกันอีกกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนชวนกันเดินกลับไปยังโรงเรียนซึ่งเป็นเวลาบ่ายกว่าๆ
    “ผมชอบวิชาของครูจังเลยครับ  คราวหน้าเรามากันอีกนะครับ”ห่านบอกขณะที่เดินกลับโรงเรียนมา
    “อะไรกันเมื่อตอนเช้ายังกระซิบบอกครูอยู่เลยว่าชอบการแปลงร่าง  เผลอหน่อยเดียวเปลี่ยนใจเสียแล้ว”ครูภพว่าอย่างไม่จริงจังนัก
    “ของครูภพก็ชอบครับ  ว่าแต่วันศุกร์นี้ครูจะสอนเราแปลงร่างกันเป็นอะไร”
    “เป็นหมีเอาไหม  เห็นพ่อเธอทำแล้วนี่  อยากลองกันบ้างไหม”
    เด็กหลายคนสนับสนุนเต็มที่  จะมีก็แต่ห่านกับหงส์เท่านั้นที่ทำหน้ามุ่ย
    “เป็นอะไรไปเหรอห่าน หงส์”ครูภพถามฝาแฝดทั้งสอง
    “ผมกับห่านนะเคยลองแปลงร่างเป็นหมีดูกันแล้วครับ  พ่อเคยสอนผมตั้งหลายทีแต่ไม่รู้เป็นไง  ไม่เคยสำเร็จสักครั้งเดียว”
    “ดีละ  ครูจะสอนแปลงร่างหมีชั่วโมงหน้า  เราจะได้เห็นเด็กเก่งสองคนหมดท่าสักที”ครูกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนปล่อยให้ฝาแฝดทั้งสองทำหน้ามุ่ยต่อไป



    จากคุณ : ไฟลี่ - [วันเถลิงศก (15) 11:36:53]