เด็กๆต่างดีใจกันยกใหญ่เมื่อวันหยุดได้เวียนมาบรรจบถึง พวกเขาทั้งสี่ต่างมีแผนการที่จะทำในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แล้ว โดยหมูน้อยได้ขออนุญาตทางบ้านว่าจะพาเพื่อนๆทั้งสามคนมาเที่ยวที่บ้านตนซึ่งตั้งติดอยู่กับโรงพยาบาลประจำเมือง
และแล้ววันเสาร์ที่แสนรอคอยก็มาถึง.....
ผมไปแล้วนะครับแม่เลียงผาตะโกนบอกมารดาก่อนวิ่งออกจากบ้าน
ข้าวเช้าล่ะ
ไปกินที่บ้านหมูน้อยครับ
ทำตัวให้ดีๆนะลูกแม่ของเขาร้องเตือนอย่างเป็นห่วง
คร้าบ....
เลียงผาวิ่งตัดถนนใหญ่หน้าบ้านของเขามาอย่างรวดเร็ว ความจริงแล้วบ้านของเขากับหมูน้อยอยู่เกือบจะตรงข้ามกันเลย ดังนั้นเขาจึงวิ่งมาถึงบ้านของหมูน้อยเป็นคนแรก บ้านหมูน้อยช่างดูแตกต่างกับบ้านของเขาและห่านกับหงส์อย่างสิ้นเชิง มันเป็นบ้านทรงทันสมัยที่ก่อสร้างด้วยปูนล้วนๆ ด้านหน้าตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระถางดอกไม้หลากหลายพรรณ มีประตูทาสีเขียวตั้งเด่นอยู่ทางหน้าบ้านพร้อมกับป้ายสีทองขนาดใหญ่ที่ปักเด่นอยู่ขอบรั้วหน้าบ้านว่า เรือนอาหารยินดีต้อนรับ โต๊ะไม้หลายตัวถูกพับเก็บเรียงกันไว้ทางด้านหนึ่งของสนามหน้าบ้าน ส่วนสนามอีกด้านจึงว่างโล่งพอให้พวกเด็กๆสามารถวิ่งเล่นกันได้อย่างสบาย
คนแรกที่ยืนหน้าออกมารับทางช่องประตูสีเขียวหน้าบ้านหมูน้อยคือหญิงสาวผิวขาวนัยน์ตากลมโตสีแดงเพลิง
มาหาใครจ๊ะเธอถามเลียงผาเสียงหวาน
หมูน้อยครับ
อ้อเพื่อนตัวเล็กเหรอ ตัวเล็กยังไม่ตื่นเลย เข้ามาข้างในก่อนสิจ๊ะเธอเชื้อเชิญ
ว่าแล้วประตูก็เปิดออกให้เด็กชายก้าวเข้าไป เลียงผาสังเกตเห็นถึงหูที่ค่อนข้างตั้งชันและยาวของหญิงสาวคนนั้นทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเธอน่าจะเป็นกระต่ายที่น่ารักแสนสวยตัวหนึ่งแน่ๆ
ทานข้าวมารึยัง
ยังครับ หมูน้อยบอกว่าให้มาทานพร้อมกันที่บ้าน
เธอชื่อเลียงผาใช่ไหม ตัวเล็กเคยเล่าให้แม่ฟังเหมือนกัน
เด็กชายสะดุดใจกับคำว่า แม่ ที่หญิงสาวคนนั้นใช้เรียกแทนตัว
คุณน้าเป็นแม่ของหมูน้อยเหรอครับ?เลียงผาถามด้วยแววตาฉงน
หญิงสาวผู้มีหูยาวหันมายิ้มกับเด็กชายอย่างเอ็นดูก่อนกล่าวว่า
แม่ดูไม่เหมือนเจ้าตัวเล็กเลยใช่ไหม ความจริงแม่เป็นแค่แม่เลี้ยงของเขาจ๊ะ แม่จริงๆของตัวเล็กตายไปตั้งแต่ตัวเล็กเกิดแล้วนั่นคือความรู้ใหม่ที่เด็กชายได้รับ
เลียงผานั่งคุยกับแม่เลี้ยงของหมูน้อยอยู่นานกว่าฝาแฝดทั้งคู่จะมาถึง แต่นั่นก็คงไม่ช้าไปกว่าหมูน้อยที่ยังไม่ยอมตื่นลงมาสักที
เห็นทีน้าคงต้องขึ้นไปปลุกเจ้าตัวเล็กซะแล้วเธอหันมาเรียกคำแทนตัวว่าน้าเมื่อเด็กๆต่างเรียกเธอเช่นนั้น
หมูน้อยนี่นอนขี้เซาชะมัดหงส์บ่นกับพี่ชาย
เอาน่า เดี๋ยวก็คงลงมาแล้ว
ยังไม่ทันขาดคำพวกเขาก็เห็นเด็กชายร่างตุ้ยนุ้ยเดินโซเซลงมาจากบันไดพร้อมกับแม่เลี้ยงแสนสวยของเขา
เดี๋ยวจะทำอาหารเช้าให้ทานนะจ๊ะ เอ้าตัวเล็กไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนเธอดุนหนังเด็กชายเข้าห้องน้ำไปก่อนจะเดินไปที่ครัวเตรียมอาหาร
ไม่นานนักพวกเด็กก็ได้มานั่งล้อมวงกันทานข้าวเช้าฝีมือแม่เลี้ยงหมูน้อย
พ่อนายไปไหนล่ะห่านกระซิบถามเพื่อน
ยังไม่กลับจากโรงพยาบาลเลยหมูน้อยพูดขณะที่ข้าวเต็มปาก
พ่อนายเป็นหมอเหรอ
ก็ทำนองนั้นเขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจนักแล้วก็หันมาสนใจกับอาหารตรงหน้าต่อ พวกเด็กๆดูจะเจริญอาหารดีในเช้าวันนี้เนื่องจากพวกเขาทานข้าวกันในเวลาสายมากแล้ว ประกอบกับฝีมือทำกับข้าวที่แสนอร่อยของแม่เลี้ยงจึงไม่แปลกนักที่หมูน้อยจะมีรูปร่างเช่นที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
เราจะไปไหนกันต่อดีห่านถามขึ้นหลังจากจัดการอาหารตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว
ไปเที่ยวตลาดกันไหมเลียงผาเสนอ
สายแล้วนะ ป่านนี้ตลาดวายหมดแล้วหงส์บอกในฐานะที่บ้านอยู่ใกล้ตลาดมากที่สุด
ไปโรงพยาบาลกันสิจ๊ะ ที่นั่นมีพิพิธภัณฑ์ด้วยแม่เลี้ยงหมูน้อยเสนอ
เหรอครับ ผมไม่เคยรู้เลย
ฉันเดินจนเบื่อแล้วหมูน้อยบ่น แต่เมื่อเห็นเพื่อนๆทั้งสามมีท่าทางสนอกสนใจเช่นนั้นก็ไม่กล้าขัด
ตัวเล็กก็เป็นไกด์พาเพื่อนๆไปเดินเล่นสิ
ก็ได้ครับแม่หมูน้อยกล่าวเสียงอ่อย
ดังนั้นเด็กทั้งสี่คนจึงเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่ตั้งติดอยู่กับบ้านของพวกเขา มันเป็นอาคารหลังใหญ่สามหลังตั้งเรียงติดกันเป็นรูปตัวยู โดยอาคารกลางสิบสองชั้นที่ตั้งเด่นสุดตรงหน้าเด็กทั้งสามในเวลานี้คือตึกรักษาคนไข้ของโรงพยาบาล ด้านซ้ายมือเป็นศูนย์วิจัยและแปลงทดลองต่างๆ ส่วนด้านขวามือที่พวกเด็กๆกำลังมุ่งหน้าไปนั้นคือส่วนที่จัดแยกออกมาเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชม
ไกด์ร่างอ้วนตัวน้อยพาลูกทัวร์ทั้งสามคนมาหยุดยืนอยู่ตรงทางเข้าพิพิธภัณฑ์ก่อนแจกเอกสารของทางพิพิธภัณฑ์ที่เสียบวางเอาไว้ให้ผู้คนได้หยิบอ่าน
เอาล่ะครับทุกๆท่านฟังทางนี้ วันนี้ กระผม...เด็กชายหมูน้อยจะทำหน้าที่เป็นไกด์พาทุกๆท่านเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่ออีกแห่งของทางเมืองแห่งนี้ ตุ้ยนุ้ยกล่าวอย่างมาดมั่นด้วยท่าทางเลียนแบบมัคคุเทศก์มืออาชีพ
และแล้วขบวนทัวร์น้อยๆก็ได้เคลื่อนตัวเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ โดยส่วนแรกที่คณะทัวร์คณะนี้ไปหยุดยืนดูก็คือส่วนที่เป็นประวัติศาสตร์ของเมืองนี้
เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณหนึ่งพันสองร้อยปีล่วงมาแล้ว ตามความเชื่อเมืองเทมาริสถือกำเนิดขึ้นโดยเทพีอาร์เทมิส เมื่อครั้งหนึ่งที่พระองค์ทรงสร้างเมืองแห่งนี้ขึ้นเพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกับสัตว์ต่างๆได้อย่างสงบสุข โดยให้เหล่ามนุษย์ทั้งหลายเป็นผู้ปกครองสัตว์ต่างๆ พระองค์ทรงประทานพรข้อหนึ่งให้แก่มนุษย์กลุ่มนี้ พรที่ทรงประทานให้ก็คือเวทมนตร์แห่งการแปลงร่าง ดังนั้นในวันที่ 9 เดือน 9 ซึ่งถือกันว่าเป็นวันแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเมืองแห่งนี้ เราจึงมีพิธีการบวงสรวงเทพีอาร์เทมิสกันเพื่อขอบคุณพระองค์ที่ปกปักษ์รักษาเมืองเทมาริสแห่งนี้มาเป็นระยะเวลานานกว่าพันปี
จากคุณ :
ไฟลี่ - [16 เม.ย. 45 08:33:50]