ตอนที่5

    แล้วเวลาก็ผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว  เผลอแป๊บเดียวพวกเด็กๆก็เปิดเทอมกันมาได้เดือนกว่าๆแล้ว  และในช่วงเช้าของวันจันทร์ซึ่งเป็นเวลาที่นักเรียนในห้องทุกคนแสนจะเบื่อหน่ายนั่นก็คือเป็นชั่วโมงภาษาศาสตร์ของครูประพาที่ได้รับสมญาว่าแม่มดในคราบนางฟ้า
    “เร็วๆ  มัวชักช้าอืดอาดอยู่นั่นแหละ  เดี๋ยวก็ไม่เสร็จกันพอดี”เสียงแหลมสูงของนางแม่มดร้ายตะโกนดังลั่นห้อง
    ชั่วโมงนี้พวกเด็กๆถูกเกณฑ์กันมาให้ช่วยเหลาแท่งไม้ขนาดยาวแทนการนั่งเรียนหนังสือ
    “โอ๊ย! ใช้ได้ซะที่ไหนกัน  เอากลับไปทำใหม่”เสียงแปร๋นดังขึ้นมาอีกเมื่อสิงห์เด็กนักเรียนชายผมฟูยื่นไม้ที่เหลาเสร็จให้
    “ฉันไม่ได้เป็นช่างไม้ซะหน่อย  ได้แค่นี้ก็บุญแล้ว”เด็กชายบ่นกับเพื่อนก่อนนั่งลงเหลาไม้แท่งนั้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง
    ดังนั้นเมื่อกริ่งสัญญาณหมดเวลาเรียนดังขึ้น  พวกเด็กๆจึงแทบจะเฮโลร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
    “ใช้ไม่ได้เลยพวกเธอเนี่ยงานแค่นี้ก็ทำกันไม่เป็น”ครูสาวบ่นพลางเก็บแท่งไม้ทั้งหมดลงห่อผ้า
    “ชั่วโมงหน้าครูจะสอบเรื่องการสื่อสารของสัตว์ใต้น้ำนะ  เตรียมตัวกันมาให้ดีๆ ใครตกคราวนี้ได้เจอดีแน่”
    “แต่ครูยังไม่ได้สอนเลยนะครับ”นักเรียนชายในห้องคนหนึ่งท้วงขึ้น
    “ของแค่นี้ไม่เห็นต้องสอนเลย”เธอกล่าวก่อนสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง
    “ถ้าไม่สอนแล้วฉันจะมาเรียนทำไมล่ะ”เจ้าเด็กคนนั้นบ่นตามหลัง

    และเมื่อครูภพเดินเข้ามาสอนในชั่วโมงต่อไปจึงได้เห็นเด็กทั้งชั้นกำลังนั่งปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด
    “เอ! ทำไมวันนี้บรรยากาศดูพิกลๆ”ครูภพเปรยขึ้นหลังจากเดินเข้าห้องมา
    “ครูขา.....”แก้ว นักเรียนหญิงช่างเจรจาคนหนึ่งของห้องเอ่ยขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเรื่องราวอัดอั้นตันใจของพวกเด็กๆโดยมีนักเรียนทั้งห้องเป็นลูกคู่คอยสนับสนุนอยู่ตลอด
    “พวกเราไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะตั้งแต่เรียนมา”
    “ก็ครูเขาไม่สอนอะไรเลย”
    “ครูภพช่วยพวกเราหน่อยได้ไหมครับ”
    “ใจเย็นก่อน...เอ...ความจริงครูเองก็พอจะรู้เรื่องวิชานี้อยู่บ้างเหมือนกัน  เอ้า...ก็ได้ไว้ชั่วโมงหน้าครูจะสอนให้  ขอเวลาไปทวนความจำก่อน”ครูภพตกปากรับคำอย่างใจดี  เสียงเฮจึงดังขึ้นลั่นห้อง
    “ว่าแต่อย่าไปบอกครูประพาเข้าละกันว่าครูสอน”
    “ทำไมล่ะครับ?”
    “ก็...มันถือเป็นการเข้าไปก้าวก่ายหน้าที่ของเขานะสิ”
    “ตกลงครับ  พวกผมจะปิดปากเงียบสนิทเลย”
    “อ้อ  วันนี้ครูมีข่าวจะประกาศด้วย  ในช่วงปลายเดือนสามนี้ทางโรงเรียนของเราจะมีการแข่งขันโจรกรรมระหว่างชั้นขึ้น  ซึ่งชั้นของพวกเธอถือเป็นชั้นเล็กสุดและยังอ่อนประสบการณ์กว่ามาก  ดังนั้นครูใหญ่จึงให้ครูมาเป็นผู้ฝึกสอนและคอยแนะนำช่วยเหลือพวกเธอ”
    “ไอ้การแข่งขันที่ว่านี้แข่งกันทั้งโรงเรียนเลยเหรอครับ”ห่านถามขึ้นด้วยความสนใจ
    “ใช่  ชั้นนึงก็ทีมนึง  โรงเรียนเรามีทั้งหมดเก้าชั้นก็เก้าทีมด้วยกัน”
    “แล้วทีมอย่างพวกผมจะมีทางชนะเหรอครับ”
    “มันก็ไม่แน่หรอกนะ  ขึ้นอยู่กับความสามัคคีและการฝึกซ้อม  ทีมที่เป็นแชมป์เมื่อปีที่แล้วอยู่เพียงแค่ชั้นสี่เท่านั้น”ครูภพให้กำลังใจ
    “แต่เรามันชั้นหนึ่งเองนะ”เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้น
    “อย่าเพิ่งท้อซะตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นสิ  อย่างน้อยพวกเธอก็จะได้ประสบการณ์เพื่อเอาไปแข่งต่อในปีหน้าไง  เอาล่ะเราเสียเวลากันมามากแล้ว  เราจะไปเริ่มอธิบายกฎกติกาและเริ่มฝึกซ้อมกันที่สนาม”
    แล้วครูภพก็เกณฑ์นักเรียนทั้งหมดให้มายืนเข้าแถวกันที่สนามของโรงเรียน
    “เกมนี้ถือเป็นการเล่นรวมโดยจะต้องมีทีมในการแข่งขันทั้งหมดสี่ทีมขึ้นไป  จำนวนผู้เล่นก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกันในแต่ละครั้งซึ่งโรงเรียนของเราให้ยึดเอาจำนวนของนักเรียนในห้องทั้งหมดเป็นเกณฑ์  ซึ่งเท่ากับว่านักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนจำเป็นที่จะต้องลงแข่งขัน”
    “อ้าว  อย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมสิคะ  ในเมื่อแต่ละชั้นมีจำนวนนักเรียนไม่เท่ากัน  อย่างชั้นเจ็ดมีนักเรียนตั้งสามสิบเอ็ดคน  ส่วนของเรามีกันแค่ยี่สิบสี่คนเท่านั้น”แมว  สาวช่างคำนวณเอ่ยท้วงขึ้น
    “จำนวนยิ่งมากก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เปรียบกว่าเสมอไปหรอกนะ  อย่างชั้นห้าที่เมื่อปีที่แล้วได้แชมป์ไปก็มีนักเรียนกันแค่ยี่สิบสองคนเท่านั้น”ครูภพกล่าว
    ดังนั้นจึงถึงเวลาเริ่มทำความเข้าใจกับกฎกติกาต่างๆต่อไป
    “หลักการเล่นเกมนี้ความจริงมีอยู่เพียงข้อเดียวคือ  แต่ละทีมจะทำอย่างไรก็ได้ให้สามารถเข้าไปเอาของที่ถูกเก็บไว้บนห้องบนสุดของหอคอยกลางป่า  โดยจะต้องมีการวางแผนแก้ปริศนาให้ครบ  ระยะเวลาในการแข่งขันมีทั้งหมดสิบห้าวัน  ซึ่งนับจากวันนี้ไปจนถึงวันแข่งขันก็สองเดือนครึ่ง  แต่เรามีเวลาฝึกซ้อมกันแค่เพียงสองเดือนเท่านั้นเพราะก่อนการแข่งขันสิบห้าวัน  ทางโรงเรียนจะเริ่มแจกจ่ายปริศนาต่างๆให้นักเรียนช่วยกันค้นหาและในวันที่สิบห้าของเดือนก็จะเปิดทางเข้าป่าให้เริ่มออกเดินทางได้”
    “หมายความว่าสิบห้าวันของการแข่งขันเราจะเข้าไปเมื่อไหร่ก็ได้งั้นเหรอคะ”
    “ใช่โดยส่วนมากแล้วการเดินทางจริงๆจะอยู่ระหว่างสามถึงห้าวัน  และตามหลักยุทธศาสตร์มักจะเริ่มออกเดินทางกันประมาณวันที่ยี่สิบถึงยี่ห้า  เพราะการเดินทางครั้งนี้ไปได้เพียงครั้งเดียวถ้าพลาดก็หมายถึงถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน  ถ้าไปก่อนโดยไม่พร้อมเสี่ยงมากหน่อย  แต่ถ้าไปวันท้ายๆทีมอื่นๆก็อาจเอาของไปได้ก่อนแล้ว”
    “ฟังดูน่าสนุกดีนะครับ  ว่าแต่พวกเราจะมีเวลาซ้อมกันเหรอครับ”
    “หลังจากวันนี้เป็นต้นไปตารางเรียนทั้งหมดจะถูกทอนออกเหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น  อีกครึ่งหนึ่งของอาทิตย์จะถูกยกให้กับการซ้อม  แล้วเดือนสี่ทั้งเดือนก็จะถูกยกเว้นเรื่องการเรียน  เพราะทางโรงเรียนถือว่าการแข่งขันเกมนี้เป็นประสบการณ์และการเรียนรู้นอกตำราเรียนอย่างหนึ่ง”
    “หมาย....หมายความว่าวิชาภาษาศาสตร์ที่มีอาทิตย์ละสองครั้งก็จะเหลือเพียงครั้งเดียวเหรอครับ”หมูน้อยละลำละลักถาม
    “ใช่”ครูภพอมยิ้มตอบ
    “เย้  ไม่ต้องเจอหน้าครูประพาตั้งหนึ่งชั่วโมง”
    “ใครบอก  หนึ่งชั่วโมงต่ออาทิตย์ สองเดือนก็แปดชั่วโมง  เดือนสี่ไม่เรียนเลยก็อีกแปดชั่วโมง  ทั้งหมดสิบหกชั่วโมงย่ะ”แมวบอก
    “เออ เออ  นั่นแหละเหมือนกัน”
    “แล้วครูจะฝึกพวกเรายังไงล่ะครับ”เลียงผาวกกลับเข้าเรื่องเดิม
    “ครูต้องขอรู้ความสามารถของแต่ละคนคร่าวๆก่อน  แล้วจะแบ่งหน้าที่ของแต่ละคนให้  เพราะการแข่งขันเกมนี้จะต้องอาศัยการวางแผนและการประสานงานของแต่ละฝ่ายให้ดี  รวมไปถึงความสามารถของแต่ละคนที่จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”
    “ครูพอจะบอกได้ไหมครับว่ามันมีทั้งหมดกี่ฝ่าย”
    “ถ้าเอาอย่างละเอียดล่ะก็ตอนนี้คงบอกไม่ได้หรอกเพราะว่ายังไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของปีนี้เขาจะให้ทำยังไงบ้าง  แต่ฝ่ายหลักๆมีด้วยกันสี่ฝ่ายคือ  ฝ่ายจารกรรมที่ต้องคอยสืบข่าวรวมไปถึงความเคลื่อนไหวของทีมอื่นๆ  ฝ่ายวิจัยที่ต้องคอยคิดคำนวณหาลู่ทางในการเดินทาง การหลบหนี รวมไปถึงการผลิตอาวุธเพื่อการเดินป่าและป้องกันตัว  ฝ่ายเสบียงอาหารที่ต้องคอยตุนเสบียงสำหรับการเดินทาง  และสุดท้ายก็แนวหน้าที่เป็นแนวป้องกันและส่งสัญญาณเตือนยามมีภัย  อ้อ...พวกเธอต้องหาหัวหน้าของแต่ละฝ่ายและผู้บัญชาการสูงสุดด้วย”
    “ฟังดูยุ่งยากจังเลยครับ  แล้วอย่างนี้ครูจะรู้ได้ยังไงว่ามอบหน้าที่ให้แต่ละคนถูก”ห่านผู้มีความละเอียดรอบคอบเสมอถาม
    “นั่นละปัญหาใหญ่ของทีมใหม่  เพราะถ้ามอบหน้าที่ผิดก็เท่ากับทีมล่มทั้งทีม  ดังนั้นครูจึงยังไม่แบ่งฝ่ายให้กับพวกเธอในตอนนี้  เราจะลองร่วมฝึกกันสักระยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยดูความสามารถของพวกเธออีกที  อีกอย่างนึง...ครูฝ้ายเขาจะมาช่วยพวกเธอฝึกด้วย”
    “ครูฝ้ายด้วยเหรอคะ  แหมคงจะสนุกน่าดู”แก้วร้องอย่างดีใจ
    “แล้ววันนี้เราจะฝึกอะไรกันก่อนดีล่ะครับ”ห่านถาม
    “เอาพื้นฐานก่อนเลยละกัน  เรื่องการดำรงชีพอยู่ในป่า  ก่อนอื่นเลยพวกเธอก็ต้องศึกษาถึงสภาพภูมิอากาศและลักษณะของป่านั้นๆก่อนว่าเป็นป่าชนิดใดแล้วจึงค่อยหาสัตว์ที่จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ ณ บริเวณแห่งนั้นได้”

    เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึงห้องเรียนทุกชั้นก็ได้รับแจ้งเรื่องการเปลี่ยนตารางเรียนใหม่  
    วันจันทร์   วิชาภาษาศาสตร์      -ครูประพา      9โมง-10โมง
                     วิชาแปลงร่าง           -ครูภพ         11โมง-บ่าย3โมง
    วันอังคาร   วิชาประวัติศาสตร์   -ครูพิณ           9โมง-10โมงครึ่ง
                      วิชาว่าด้วยกฎแห่งการแปลงร่าง  -ครูศักดิ์  10โมงครึ่ง-12โมง
                      วิชาแปลงร่าง          -ครูภพ            บ่ายโมง-บ่าย3โมง
    วันพุธ         วิชาค้นคว้าข้อมูล    -ครูฝ้าย           9โมง-12โมง
    และหลังจากเที่ยงของวันพุธไปก็คือเวลาซ้อมของนักเรียนทุกคน  ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้จัดสถานที่ให้เป็นสัดส่วน  ชั้นเรียนชั้นหนึ่งของพวกเด็กๆถูกจัดให้ฝึกซ้อมภาคสนามกันบริเวณชายป่าที่ติดกับน้ำตกใหญ่ที่ครูฝ้ายเคยพาเด็กๆไป
    “หอคอยนี่มันอยู่ลึกไหมครับ”ห่านถามอย่างสงสัย
    “ก็พอดูเหมือนกันแหละ  ใช้เวลาเดินทางกันประมาณสี่ถึงห้าวันก็น่าจะถึง”ครูฝ้ายซึ่งในวันนี้มาช่วยพวกเด็กๆฝึกซ้อมตอบ
    “พวกเราจะเข้าไปถึงบริเวณทะเลสาบอาร์เทมิสไหมคะ”แฝดสาวถามขึ้นบ้าง
    “ไม่หรอกจ๊ะ  ที่พวกเธอจะไปกันนั้นยังอีกไกลจากทะเลสาบ”
    “แล้วถ้าพวกผมหลงทางจะทำยังไง”หมูน้อยยังคงไม่ยอมหมดปัญหาง่ายๆ
    “ไม่หลงหรอกเพราะตอนนี้พวกครูก็เริ่มกั้นเขตทั้งหมดที่จะใช้เดินทางกันแล้ว  พวกเธอไม่มีทางหลุดจากเขตนี้ไปได้หรอกจ๊ะ  แล้วตลอดวันแข่งสิบห้าวันก็จะมีครูคอยพลัดเวรกันตรวจตราทุกจุด”ครูฝ้ายให้ความมั่นใจ
    “กั้นเขตยังไงเหรอคะ  ป่าตั้งกว้าง”
    “ก็เหลาไม้แท่งปักไว้รอบบริเวณแล้วก็ขอความช่วยเหลือจากพวกสัตว์อีกแรงหนึ่งให้คอยเฝ้าดูไว้”
    “อ้อ  ไม้ที่ครูประพาให้เราช่วยกันเหลาวันนี้แน่ๆเลย”เลียงผากระซิบบอกห่าน
    “อย่างนี้ก็หมายความว่าครูจะไม่ไปกับเรางั้นเหรอคะ”หงส์ร้องถาม
    “สิจ๊ะ  ไม่งั้นจะเป็นการแข่งของพวกเธอได้อย่างไรกัน”
    “ว้า  แล้วพวกเราจะไปกันรอดไหมเนี่ย”หมูน้อยบ่นด้วยท่าทางสิ้นหวัง


    จากคุณ : ไฟลี่ - [17 เม.ย. 45 07:47:54]