เรื่องเล่าจากแดนไกล(ตอนที่8)

    ยานยนต์ของเศรษฐีวุฒิแล่นเข้ามาจอด ณ อาคารหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่ไกลนัก  บริเวณแทบนั้นถูกรายล้อมไปด้วยกำแพงอิฐแดงสูงเสียดฟ้า  บนกำแพงห่างกันประมาณสิบเมตรคือป้อมขนาดกลางที่มีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและปืนเลเซอร์ติดตั้งอยู่  โดยพวกมันถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่สุดของเมือง  เมื่อประตูเหล็กด้านหน้าถูกปิดลงมันก็เหมือนกับโลกสองโลกถูกตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิง  สถานที่แห่งนี้หากไม่ได้รับอนุญาตแล้วยากที่ใครจะสามารถเข้าหรือออกไปได้  มีคนกล่าวขานกันว่าเคยมีขโมยผู้หนึ่งพยายามเข้าไปล้วงความลับของสถานที่แห่งนี้  แน่นอนเขาต้องเป็นผู้ที่โง่เขลาที่สุดในรอบศตวรรษ  ขโมยผู้นี้ยังไม่แม้แต่จะไปถึงยังบริเวณกำแพงอิฐแดงเลยด้วยซ้ำ  เขาก็ถูกปืนเลเซอร์ยิงเจาะทะลุหน้าอกถึงสิบสองนัดเมื่อแอบสุ่มอยู่ห่างออกไปถึงสองร้อยเมตร  ดังนั้นถ้าผู้ใดยังอยากจะมีชีวิตเหลือรอดอยู่ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพยายามอยู่ห่างจากสถานที่แห่งนี้ให้มากที่สุด
    วกกลับเข้าเรื่องเดิมกันต่อ....หลังจากที่ยานยนต์คันนั้นจอดลงหน้าประตูตึกสีดำสูงเสียดฟ้าแล้ว  ร่างๆหนึ่งภายใต้หน้ากากโลหะก็ก้าวออกมาจากยานยนต์แล้วผลุบหายเข้าประตูแห่งนั้นไป
    “ไปห้องทดลอง”เสียงท่านวุฒิกล่าวกับหุ่นยนต์ขับเคลื่อนภายใน  แล้วหุ่นยนต์ตัวนั้นก็ขับรถคันเล็กที่ใช้ภายในอาคารเหาะลอยไปยังจุดหมายด้วยความเร็วยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง  ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีรถยนต์เล็กก็มาถึงบริเวณประตูโลหะอันใหญ่ของห้องทดลองที่ใช้ดวงตาและลายนิ้วมือเป็นกุญแจเปิดประตูบานใหญ่นั้น  ในที่สุดการเดินทางอันลึกลับและมากด้วยระบบรักษาความปลอดภัยก็มาสิ้นสุดลง ณ ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่บรรจุความลับสูงสุดของเมืองนี้ไว้
    “การทดลองของท่านไปถึงไหนแล้วล่ะดอกเตอร์”ชายชราถามด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยอำนาจ
    “ข้ากำลังเร่งดำเนินการอยู่”ดอกเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก  ความผิดพลาดถือเป็นคำบัญญัตินอกพจนานุกรมของเศรษฐีชราผู้นี้
    “ท่านกล่าวในที่ประชุมว่าใช้เวลาเพียงเดือนเดียวในการผลิตหุ่นยนต์นักฆ่า  แต่ไฉนท่านจึงใช้เวลาไปกว่าสองเดือนเต็มโดยงานยังไม่บรรลุผล”ท่านวุฒิกล่าวเสียงเย็น
    “ขออภัยท่าน”ดอกเตอร์กล่าวคำที่ไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในพจนานุกรมของท่านเศรษฐีอีกครั้ง  “เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นกับหุ่นทดลอง”
    “ปัญหา?  ข้าไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรได้นอกจากสมองของท่านเวลานี้ไม่เหมาะกับงานวิจัยอีก”
    “มีปัญหาจริงๆท่าน  หุ่นยนต์ทดลองของข้าถูกคนขโมย”
    สีหน้าของท่านวุฒิบ่งบอกถึงความกราดเกรี้ยวและไม่เชื่อถือ
    “ท่านจะบอกว่ามีคนสามารถลอบเข้ามาในศูนย์วิจัยแห่งนี้ได้งั้นหรือ”
    “ข้าไม่คิดว่าเป็นคนนอก”
    “งั้นท่านก็มีหนอนบ่อนไส้รึ”เขาถามเสียงเยือกเย็น
    “ลูกน้องของข้าทุกคนได้ถูกเลือกสรรมาอย่างดีแล้ว  ไม่มีใครกล้าทรยศข้าได้หรอกท่าน”น้ำเสียงของดอกเตอร์เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
    “ท่านต้องการจะบอกอะไรกับข้ากันแน่”
    “ข้าคิดว่ามีคนในศูนย์วิจัยแห่งนี้ต้องการไม่ให้ข้าทำงานสำเร็จ  คนที่ต้องการขัดขาข้าให้ล้มเพื่อมันจะได้เป็นหนึ่งเพียงผู้เดียว”
    “ท่านหมายถึงท่านทศยศ!!”
    “ใช่”
    “ฮึ ฮึ  ดอกเตอร์”ท่านวุฒิกล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม  “ท่านไม่ควรกล่าวโทษผู้ใดโดยไม่มีหลักฐาน  ข้าไม่สนว่าท่านสองคนจะมีเรื่องขัดแย้งอะไร  แต่ข้าไม่ต้องการให้งานใหญ่ของเราต้องสะดุดเพียงเพราะท่านกำลังสงสัยท่านทศยศ  กลับไปทำงานของท่านได้แล้ว!!”เขาตวาดเสียงลั่น
    “ขอรับ  ข้าขออภัย  บางทีข้าอาจเข้าใจท่านทศยศผิดไปจริงๆ”ดอกเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน  แม้ใจเขาจะไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวเลย  แต่ชายผู้นี้ก็รู้ดีว่าผลลัพธ์ของการทำให้เศรษฐีอ้วนโกรธเกรี้ยวนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยเลย
    “หวังว่าข้าคงไม่ได้ยินคำขออภัยจากปากท่านอีก”ท่านวุฒิกล่าวก่อนผละไปเร็วปานพายุ
    “รับรองคราวหน้าข้าหาหลักฐานมาโค่นไอ้ยักษ์นั่นได้แน่”ดอกเตอร์กล่าวดวงตาวาวโรจน์
    หลังจากแยกออกมาจากห้องทดลองของดอกเตอร์ศศวัตรแล้ว  ท่านวุฒิก็นั่งรถต่อไปยังสนามฝึกภายในอาคารทรงเตี้ยด้านหลังตึกสีดำ  พื้นที่บริเวณสนามฝึกแห่งนี้กว้างใหญ่เสียจนไม่สามารถวัดได้  กองทัพหุ่นเหล็กยืนเรียงกันเป็นระเบียงยาวจรดไปไกลสุดลูกหูลูกตา  มีทั้งหุ่นรถถังที่ติดตั้งปืนเลเซอร์จับความร้อนของเหยื่อ  หุ่นนักบินที่ลำตัวของพวกมันคือตัวถังเครื่องบินและปีกขนาดเล็กที่สามารถพับเก็บได้  นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์นักรบภาคพื้นดินอีกทั้งกองทัพ
    “ดูเหมือนกองทัพของท่านจะแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบแล้ว”ชายชรากล่าวกับทศยศแม่ทัพร่างกำยำผู้นำกองทัพ
    “ขอบคุณสำหรับคำชม กองทัพของข้าพร้อมที่จะออกรบแล้ว”
    “อย่างเพิ่งใจร้อน  รอเวลาให้นักฆ่าของดอกเตอร์เสร็จสมบูรณ์เสียก่อน  เมื่อนั้นเราจะยกทัพไปบุกเมืองเทมาริสทันที”ท่านวุฒิกล่าวอย่างใจเย็น
    “ข้าไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องรออีก  แค่กองทัพในมือขณะนี้ก็แกร่งเกินพอที่จะสู้กับชนพื้นเมืองแสนโง่เขลาเหล่านั้นแล้ว”ชายหนุ่มแย้ง
    “ใช่  ข้ารู้ว่าเพียงแค่หุ่นนักรบของท่านไม่กี่ร้อยตัวก็สามารถยึดเมืองนั้นได้”
    “แล้วทำไมท่านถึง...”
    “ข้าอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์  อย่างน้อยการรบครั้งนี้ก็จะถือได้ว่าเป็นการซ้อมกองกำลังของเมืองเราไปในตัว”
    “ข้าเข้าใจแล้ว  ท่านวุฒิช่างรอบคอบจริง”ชายหนุ่มกล่าวซ่อนความไม่พอใจอยู่ลึกๆภายใต้ดวงตาสีสนิมนั่น
    “ไหน  ท่านลองซ้อมรบให้ข้าดูหน่อย”
    “งั้นเชิญท่านไปนั่งที่หอ”
    แล้วชายต่างวัยสองคนก็ย้ายกันเข้าไปในหอลอยฟ้าที่อยู่เหนือสนามรบแห่งนี้  เมื่อต่างนั่งประจำที่กันเรียบร้อยแล้ว  ชายหนุ่มก็เริ่มบัญชาการรบด้วยความชำนาญ  โดยการซ้อมรบครั้งนี้ได้แบ่งหุ่นยนต์ทั้งหมดออกเป็นสองฝ่ายเท่าๆกันโดยใช้สีเป็นเครื่องหมายโดยฝ่ายหนึ่งถูกทาทับด้วยสีแดงส่วนอีกฝ่ายเป็นสีน้ำเงิน  หลังจากเคลียร์สนามแบ่งกองทัพกันเสร็จเรียบร้อยแล้วการซ้อมรบก็เริ่มต้นขึ้น
    “ข้าเป็นแม่ทัพฝ่ายแดง  ศัตรูของเราคือฝ่ายน้ำเงินซึ่งมีหุ่นยนต์แม่ทัพของท่านดอกเตอร์บัญชาการอยู่”ทศยศแจกแจงรายละเอียดให้ท่านวุฒิทราบ
    “ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าสมองของท่านกับดอกเตอร์ใครจะเก่งกว่ากัน”ชายชรากล่าวอย่างขบขัน
    “แต่ท่านอย่าลืมว่าท่านดอกเตอร์เป็นเพียงนักวิจัย  ไฉนจะมาสู้สมองของนักรบอย่างข้าได้”เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทะนงตนยิ่งนัก

    หุ่นยนต์นักรบของสองกองทัพเริ่มเคลื่อนพลออกมาประจันหน้ากันกลางสนาม  ฝ่ายน้ำเงินของดอกเตอร์เริ่มต้นด้วยการใช้หุ่นยนต์มือระเบิดขว้างระเบิดใส่แนวหน้าของอีกฝ่าย  เสียงระเบิดดังระงมไปทั่วทั้งสนามซึ่งหุ่นยนต์ฝ่ายแดงถูกทำลายไปมากพอดู
    “ดูเหมือนเริ่มต้นนัดนี้ท่านจะเสียเปรีบนะ”เศรษฐีอ้วนกล่าว
    “ก็แค่เริ่มต้นเท่านั้น”
    ฝ่ายแดงที่โดนบุกหนักเริ่มออกลายแล้วเช่นกัน  โดยชายหนุ่มได้สั่งหุ่นยนต์นักบินบรรทุกระเบิดจำนวนมากบินขึ้นไปทิ้งระเบิดในส่วนกลางของทัพที่หุ่นยนต์ระเบิดของอีกฝ่ายประจำการอยู่  แม้ว่าแนวหน้าของฝ่ายน้ำเงินจะสามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้  แต่ภายในกองทัพดูเหมือนจะเกิดการปั่นป่วนขึ้นแล้ว
    “ท่านนี้ฉลาดไม่เบาเหมือนกัน”ชายชราเอ่ยชม
    “ยังไม่จบแค่นี้หรอกท่าน”
    ฝ่ายแดงเริ่มทำการบุกหนักโดยตั้งแนวหน้าด้วยกองกำลังเต็มพีกัดพร้อมหุ่นยนต์รถถัง  ใช้วิธีการบุกตะลุยเข้าไปยังอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว  ในไม่ช้ากองหน้าของฝ่ายน้ำเงินก็ร่อยหรอเต็มทีจนต้องล่าถอย  ชายหนุ่มผู้หลงระเริงในผลงานของตนสั่งกองบินขึ้นฟ้าไปถล่มฝ่ายน้ำเงินต่ออย่างไม่หยุดยั้ง  แต่ในสถานการณ์เช่นนี้คงพูดได้ว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า  ฝ่ายน้ำเงินตั้งหุ่นยนต์รถถังบรรจุกระสุนเต็มพีกัดระดมยิงกองบินของผู้บุกรุกไม่ยั้งมือ  กองบินที่เคยเข้มแข็งต่างร่วงหล่นลงราวใบไม้แก่  และเมื่อได้ทีเช่นนี้แม้พลทหารจะยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่  แต่กองกำลังที่ร่นถอยลงมาผนึกกำลังกันอย่างหนาแน่นก็เริ่มมีอำนาจขึ้นมาอีกครั้ง  ฝ่ายน้ำเงินทำการบุกโต้ตอบโดยใช้มาตรการเดียวกันโดยการส่งกองบินข้ามไปยังอีกฝ่าย  แน่นอนว่าด่านสำคัญก็คือหุ่นยนต์รถถังที่จอดเรียงรายอยู่แนวหน้า  แต่ด้วยความเร็วสูงของการพุ่งยิงซึ่งฝ่ายน้ำเงินได้บรรจุกองบินแทนกระสุนให้หุ่นยนต์รถถังยิงออกไปในระยะไกลแล้วทำให้หุ่นยนต์รถถังของฝ่ายแดงไม่สามารถจับวิถีการบินได้  การบุกโจมตีทางอากาศในครั้งนี้จึงประสบผลดีเยี่ยม  ทัพหลังฝ่ายแดงแตกกระจายโดยสิ้นเชิง
    “ท่านคงต้องไปฝึกซ้อมอีกสักหน่อยแล้วมั้ง”ท่านวุฒิกล่าวก่อนผละจากไป  ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนหัวเสียอยู่ตามลำพัง
    ถัดเลยออกไปจากตึกสีดำสูงเสียดฟ้าแห่งนี้  ในบริเวณเขตศูนย์วิจัยทางด้านหลังยังมีอาคารอีกแห่งหนึ่งที่ถูกก่อสร้างขึ้นด้วยโลหะสีเงินแวววาว  มันเป็นอาคารทรงเตี้ยรูปวงกลมที่ตั้งเด่นอยู่บนเนินซีเมนต์  โดยรอบของอาคารแห่งนี้มีประตูเข้าออกเพียงแห่งเดียวอยู่ทางด้านหน้า  แน่นอนว่าการรักษาความปลอดภัยของอาคารหลังนี้ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าตึกสีดำเลย  ถ้าหากสามารถเข้ามาถึงภายในอาคารทรงกลมนี้ได้  คุณก็จะได้พบกับขบวนการสร้างหุ่นยนต์ในรูปแบบต่างๆเพราะที่แห่งนี้เองคือต้นกำเนิดของหุ่นยนต์นักรบทุกรูปแบบที่จะใช้ในการทำศึกสงครามคราวนี้  
    สายพานสีดำเคลื่อนเอาส่วนประกอบของหุ่นยนต์แต่ละชิ้นผ่านไปๆ  ส่วนหัวของหุ่นยนต์ถูกหล่อขึ้นด้วยวัตถุชนิดพิเศษที่หาได้จากทรัพยากรภายใต้พื้นดินที่เคยอุดมสมบูรณ์  และเมื่อมันถูกเลื่อนผ่านมายังแผนกประกอบ  สมองกลขนาดเล็กพร้อมจอคอมพิวเตอร์ก็ถูกคีมเหล็กคีบบรรจุลงในส่วนหัวทันทีพร้อมกับผลึกแก้วใสแท่งหนึ่ง  จากนั้นก็จะถูกเลื่อนต่อไป  มีลำตัวถูกยื่นเข้ามาประกอบ  แขนสองข้างถูกขันนอตอย่างแน่นหนา  และสุดท้ายก็มาถึงขาอันกำยำและเทอะทะที่ถูกขันเชื่อมเข้าด้วยกัน  ทันทีที่ประกอบร่างเสร็จเจ้าหุ่นยนต์เหล่านี้ก็จะถูกส่งไปยังห้องเก็บกองทัพเพื่อรอการตรวจเช็คอีกขั้นตอนก่อนนำออกสู่สนามรบ
    แน่นอนว่าเมื่อมีการสร้างหุ่นยนต์มากมายเช่นนี้  ขยะหรือส่วนประกอบที่ไม่สมบูรณ์ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นๆทุกวัน  และเจ้าเศษขยะเหล่านั้น(รวมถึงซากหุ่นยนต์ที่พังไประหว่างการซ้อมรบด้วย)ก็จะถูกลำเลียงไปเก็บไว้ในห้องเก็บขยะซึ่งสิ่งเหลือใช้มากมายจากทั่วทั้งศูนย์วิจัยถูกส่งตรงมาห้องแห่งนี้  มีทั้งเศษเหล็ก พลาสติก กระดาษ แก้ว สารเคมีที่เคยใช้ในการทดลองและซากหุ่นยนต์ทั้งหลายที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่สามารถใช้งานได้แล้ว  พวกมันจะถูกกองทับถมกันไว้จนกระทั่งขยะเหล่านี้สูงขึ้นเกือบจะล้นห้องแห่งนี้  และเมื่อนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยก็จะทำการขนย้ายพวกมันออกไปทางประตูลับด้านหลังเพื่อนำไปทิ้งยังนอกเมืองโดยไม่มีการแยกขยะเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่  หรือแม้แต่การเผาทิ้งเพราะพวกเขาถือว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการเปลืองแรงโดยใช่เหตุ  ทำไมเขาจะต้องเสียเวลาทั้งวันทั้งคืนเพื่อแยกเจ้าสิ่งของไร้ค่าเช่นนี้ในเมื่อทรัพยากรและพลังงานต่างๆมีอยู่เหลือเฟือให้ใช้สอย

    จากคุณ : ไฟลี่ - [20 เม.ย. 45 08:08:51]