ตอน การตามหา
หันมาดูทางด้านพวกเด็กๆ เช้าตรู่ของวันที่สามในการเดินทางพวกเขาก็ มาถึงเขตทุ่งหญ้าซาวานนาที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มีทุ่งหญ้าสีเหลืองทองแผ่ปกคลุมอยู่ทุกตารางนิ้ว ต้นไม้ลำต้นสูงใหญ่ขึ้นอยู่ประปรายอย่างไม่เป็นระเบียบนัก นานๆทีจึงได้เห็นพุ่มไม้หรือดงหญ้าสีเขียว
เราจะต้องเดินตัดทุ่งหญ้าแห่งนี้ไปทางทิศตะวันตก ข้ามไปจนถึงเขตภูเขาหิน และที่นั่นเราเองที่แผนที่ของเราขาดหายหงส์บอก
พวกเด็กๆเริ่มต้นออกเดินทางข้ามทุ่งหญ้าไปด้วยความระมัดระวัง โดยมีแนวหน้าและหน่วยคุ้มกันที่ถูกตั้งขึ้นคอยสอดส่องดูแลทั่วพื้นที่ พวกเขาพยายามเลี่ยงเส้นทางที่มีหญ้าขึ้นสูงเพราะอาจมีสัตว์ร้ายแฝงตัวอยู่ได้
ดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นจากทิศตะวันออก ลอยสูงขึ้นๆจนบัดนี้แสงแดดได้แผ่ไปทั่วทั้งทุ่งหญ้าแห่งนี้ พวกเด็กๆหยุดพักเหนื่อยกันบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากฝูงม้าลายและยีราฟที่กำลังยืนเล็มหญ้าอยู่ และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น....
สิงห์แม่ทัพแนวหน้าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ก่อนเป็นคนแรก
ดูนั่นสิ!เด็กชายตะโกนพร้อมกับชี้ไปยังพุ่มไม้ที่อยู่ไกลออกไปกว่าร้อยเมตร
อะไรเหรอหงส์ถามเนื่องจากเขาไม่เห็นอะไรที่ผิดปรกติ
มีสิงโตสุ่มอยู่ในพงไม้นั่น มันคงกำลังจะล่าเหยื่อสิงห์กล่าวด้วยสีหน้าไม่ดีนัก คำพูดของเด็กชายเรียกความตื่นตระหนกจากเพื่อนๆโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงได้เป็นอย่างดี
เราจะทำยังไงดี ขืนพวกมันวิ่งมาทางนี้ล่ะก็เสร็จแน่แมวร้องถามสีหน้าหวาดหวั่น
นายแน่ใจนะเลียงผาหันไปถามเพื่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า เด็กชายจึงออกคำสั่งกับเพื่อนๆ
พวกเราแปลงร่างเป็นนกหรือไม่ก็ลิงขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้นะ ส่วนสัมภาระทั้งหมดให้ซุกอยู่ในพงหญ้านั่นพลางชี้ไปยังพงไม้สูงไม่ไกลนัก
แต่เราแปลงร่างเป็นสัตว์เล็กอย่างนั้นไม่ได้ช้างบอก นั่นเป็นปัญหาใหญ่ของเด็กชายร่างยักษ์รวมทั้งหมูน้อยด้วย
งั้นนายเป็นงูเหลือมหรือไม่ก็นกยักษ์ก็ได้เลียงผาหาทางแก้ปัญหาให้
และแล้วพวกเด็กๆก็เริ่มต้นดำเนินตามแผนทันที ดังนั้นเมื่อการล่าเริ่มต้นขึ้นสัตว์ใหญ่น้อยทั้งยี่สิบสี่ตนจึงเป็นเพียงแค่ผู้สังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ พวกเด็กๆเห็นสิงโตตัวใหญ่กระโจนออกมาจากพุ่มไม้พุ่งเข้าใส่ฝูงม้าลาย เหล่าเหยื่อทั้งหลายต่างตื่นตระหนกหันหลังวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เสียงฝีเท้าและฝุ่นคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วทั้งทุ่งหญ้า และแล้วการล่าก็สิ้นสุดลงเมื่อราชสีห์สามารถตะครุบม้าลายที่วิ่งล้าหลังได้ตัวหนึ่ง เจ้าแห่งสัตว์ป่าจัดการฉีกชิ้นเนื้อทีละส่วนๆออกกินอย่างเอร็ดอร่อย
พวกเด็กมองดูภาพนั้นด้วยความเศร้าสลดใจแม้จะรู้ดีว่านี่คือวงจรชีวิตแห่งการดำรงอยู่ แต่พวกเขาก็อดสงสารเจ้าม้าลายตนนั้นไม่ได้ พวกเขารอให้สิงโตจัดการกับอาหารอันโอชะจนอิ่มและเดินจากไปก่อนจะค่อยๆกลับลงมายังพื้นดินและกลับร่างเดิมเพื่อออกเดินทางอีกครั้ง ดังนั้นครูภพซึ่งได้รับมอบหมายให้มาตามหาพวกเด็กๆ ณ บริเวณแทบนี้จึงไม่พบล่องรอยของพวกเขาเลย สำหรับพวกเด็กๆเองก็เห็นเพียงนกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งบินผ่านไป!!
สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างเสียงทรงอำนาจของท่านเศรษฐีวุฒิเอ่ยถามผ่านหน้าจอมอนิเตอร์
กองทัพสามารถยึดเมืองแห่งนี้ได้แล้ว แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือเราไม่พบศพหรือมนุษย์คนใดอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้เลยแม่ทัพหนุ่มกล่าวรายงาน
เป็นไปได้อย่างไรกันที่ไม่มีชาวเมืองอาศัยอยู่ หรือว่าพวกมันรู้ตัวแล้วหลบหนีกันไปหมดเศรษฐีอ้วนตั้งของสังเกต
ข้าก็คิดเช่นเดียวกับท่าน แล้วท่านต้องการให้เราติดตามหาพวกมันไหม
ไม่จำเป็นหรอก แต่ก็ตั้งหน่วยลาดตะเวนไว้บ้างก็ดี
ขอรับท่านชายหนุ่มรับคำสั่ง
ทางด้านเหล่าชาวเมืองซึ่งกำลังเดินทางข้ามป่าโปร่งที่มีต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นอยู่เป็นกลุ่มๆทั้งป่ายูคาลิปตัสและป่าไผ่ ในขณะนั้นนกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งโฉบบินลงมาตรงหน้าท่านเจ้าเมือง
ว่าไงครู หาพวกเด็กๆพบแล้วรึยังชายชราถามครูภพ
ขาดอีกกลุ่มหนึ่งครับ กลุ่มชั้นหนึ่งครูหนุ่มกล่าวสีหน้าไม่ดีนัก
แล้วกลุ่มอื่นๆล่ะ
อยู่ที่ทะเลสาบแล้ว นี่ผมตั้งใจมาส่งข่าวแล้วจะลองบินหาดูอีกรอบหนึ่ง
ให้ใครไปช่วยหาด้วยสิชายชราเสนอ
ครูอีกสี่ห้าคนกำลังค้นหาอยู่ทั้งบนดินและบนฟ้า แต่ผมเกรงว่าบางทีพวกเด็กๆอาจเดินหลงออกนอกเส้นทางไป
งั้นให้ชาวเมืองคนอื่นๆไปช่วยด้วยละกัน
ดังนั้นครูภพจึงขออาสาสมัครชาวเมืองที่สามารถแปลงร่างเป็นนกอินทรีหรือนกยักษ์ชนิดอื่นที่สามารถบินไปได้ทั่วผืนป่า และเมื่อรวบรวมได้เกือบสิบคนครูหนุ่มก็กางปีกโผบินออกไป
ฝากลูกผมด้วยนะครับครูบิดาของหมูน้อยกล่าวก่อนที่กลุ่มค้นหาจะออกเดินทาง
ส่วนพวกเด็กๆเมื่อเข้าเขตป่าหินในช่วงตะวันลับขอบฟ้าก็แทบจะหมดเรี่ยวแรงในการเดินทาง
คืนนี้พักกันตรงนี้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยแกะรอยกลุ่มอื่นๆเลียงผาออกคำสั่ง
แม้จะเหนื่อยมากมายเพียงใด พวกเขาก็ยังคงต้องช่วยกันหาอาหารมาทานในค่ำนี้เนื่องจากเสบียงนั้นร่อยหรอเต็มที แต่บริเวณเขตรอยต่อของทุ่งหญ้าซาวานากับป่าหินเช่นนี้ไม่ง่ายต่อหาอาหารเลย
ได้แค่ผลไม้นิดหน่อยกับนกอีกสี่ห้าตัวหมูน้อยหัวหน้าทีมล่าอาหารกล่าว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเจียดเสบียงส่วนหนึ่งออกมาเป็นอาหารมื้อค่ำนี้
และเหตุการณ์ก็ดูยิ่งเลวร้ายลงเมื่อราตรีนั้นพายุได้พัดผ่านมายังป่ามหัศจรรย์ สายลมแรงและห่าฝนเม็ดใหญ่ตกลงจากฟากฟ้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา พื้นดินที่เคยแห้งขอดและแตกระแหงกลับกลายเป็นอ่างน้ำขนาดเล็กมากมายรองรับน้ำบริสุทธิ์ใส และเมื่อแสงแดดแห่งรุ่งอรุณของเช้าวันต่อมาสาดส่อง ชีวิตบนผืนป่าหินแห่งนี้ก็ดูไม่วังเวงดั่งเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่นั่นไม่ใช่ข่าวดีสำหรับกลุ่มนักเดินทางกลุ่มนี้เลยเพราะพายุฝนเมื่อคืนได้พัดพาเอาร่องรอยของกลุ่มอื่นๆที่ล่วงหน้าไปจนหมดสิ้น
เราจะทำยังไงดีล่ะคราวนี้ห่านกล่าวอย่างจนปัญญา
ในแผนที่ไม่ได้บอกอะไรไว้เลยเหรอเลียงผาถาม
ก็พอมีบ้าง ยังไงๆเราก็ต้องเข้าเขตป่าหินมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก
งั้นเราเดินทางกันต่อ ไม่แน่ว่าข้างหน้าอาจมีร่องรอยที่พายุไม่ได้พัดไปก็เป็นได้
พวกเด็กๆเริ่มเก็บข้าวของและออกเดินทางด้วยความลังเลใจ การเดินทางในแทบนี้เป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากพื้นดินส่วนใหญ่เป็นกองหินที่สูงต่ำไม่เท่ากัน สัตว์สัมภาระที่เคยใช้ช้างก็เปลี่ยนมาเป็นลาแทนซึ่งเท่ากับต้องเพิ่มจำนวนอีกเท่าตัวจึงสามารถแบกของได้หมด พวกเด็กๆเดินเรียงเดี่ยวผ่านช่องแคบของภูเขาที่ขนาบสองข้างห่างกันไม่เกินสามเมตร และเมื่อสุดปลายทางช่องแคบแห่งนี้แล้ว เส้นทางบนแผนที่ก็ขาดหายไปโดยสิ้นเชิง
ไปต่อไม่ได้แล้วแมวบอก
ลองให้ใครแปลงเป็นนกบินดูรอบๆนี้สิ เพื่อจะเจออะไรบ้างเลียงผาสั่งสิงห์ แม่ทัพแนวหน้าจัดหาหน่วยลาดตระเวนขึ้น
สิบห้านาทีผ่านไปอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โผบินลงมาตรงหน้าเด็กชาย
เจออะไรบ้างไหมสิงห์เลียงผาถามอินทรีร่างยักษ์
ไม่ใช่เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูกล่าวก่อนที่อินทรีตัวนั้นจะกลายร่างเป็นครูหนุ่มของพวกเด็กๆ
อ้าว ครูภพมาที่นี่ได้ยังไงครับ?เด็กชายถามด้วยความแปลกใจ
ก็มาตามหาพวกเธอนะสิ
เอ๊ พวกผมมาผิดเส้นทางเหรอ
เปล่าหรอกพวกเธอยังอยู่บนเส้นทางดี แต่ว่าการแข่งขันนั้นยุติแล้ว
ว้า กลุ่มอื่นชนะไปแล้วเหรอครับเสียงถามดังมาจากเพื่อนๆทางด้านหลัง
ไม่ใช่มันถูกยกเลิกแล้วต่างหาก มีเรื่องเกิดขึ้นในเมือง พวกต่างเมืองมันบุกมายึดเมืองเรา สงครามกำลังจะเกิดขึ้น!!
ว่าไงนะครับ!พวกเด็กๆตะโกนถามเป็นเสียงเดียวกัน
ระหว่างรอหน่วยลาดตระเวนของสิงห์ครูหนุ่มก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พวกเด็กๆฟัง และเมื่อกลุ่มลาดตระเวนกลับมาพวกเขาจึงได้ออกเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางป่ามหัศจรรย์แห่งนี้
ระหว่างการพักแรมในคืนนั้น พวกเด็กๆได้พบกับกลุ่มของครูฝ้ายที่ตามรอยบนพื้นดินมา
แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะครับ
ตอนนี้คงต้องลี้ภัยอยู่ในป่ากันก่อน แต่อีกไม่นานท่านเจ้าเมืองคงตั้งกองทัพออกมายึดเมืองคืนแน่ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกเมืองของเราไม่เคยทำสงครามแพ้ใครครูหนุ่มให้กำลังแก่พวกเด็กๆ
แต่ฝ่ายนั้นมียานบินยักษ์นะครับหมูน้อยเถียงหลังจากที่ได้ฟังเหตุการณ์ในคืนที่เมืองถูกถล่ม
จะยานบินหรือกองทัพหุ่นก็ไม่อาจสู้ความสามัคคีและน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพวกเราไปได้หรอก
ผมก็หวังว่าที่ครูพูดมาคงจะเป็นจริงนะครับเลียงผากล่าวด้วยความไม่แน่ใจ
ครูครับ...ล...แล้วชาวเมืองที่ตายไปมีใครมั่งครับหมูน้อยกล่าวน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก
ครูไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่ได้อยู่ตอนฝังศพพวกเขา แต่ครูยังเห็นพ่อของหมูน้อยนะ ท่านเป็นคนช่วยผ่าตัดให้กับชาวเมืองที่บาดเจ็บตั้งหลายคนคำพูดของครูหนุ่มสร้างความสบายใจให้เด็กชายเป็นอย่างมาก
อ้อ พ่อเขาเป็นห่วงหมูน้อยมากนะ ตอนที่ครูกำลังจะมาออกตามหาพวกเธอ ท่านยังฝากครูให้ช่วยดูแลเธอเลยนั่นยิ่งทำให้หมูน้อยยิ้มออกมาได้ในยามน่าสิ่วน่าขวานเช่นนี้
เมื่อมีครูภพกับครูฝ้ายเป็นผู้นำในการเดินทางเช่นนี้ทำให้ขบวนของพวกเด็กๆเดินทางไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และเมื่อบวกกับเสบียงอาหารที่ลดหลั่นลงตามวันเวลาทำให้ช่วยทุ่นแรงไปได้มาก ดังนั้นในเช้าของวันที่หกพวกเขาก็เข้าสู่เขตของป่าโปร่งซึ่งเป็นป่าแห่งสุดท้ายก่อนที่จะถึงทะเลสาบอาร์เทมิส
รับรองว่าเย็นนี้พวกเธอได้เจอพ่อแม่อย่างแน่นอนครูภพกล่าวให้กำลังใจพวกเด็กๆ
แม้เหนื่อยอ่อนกับการเดินทางเพียงไร แต่กำลังใจของทุกคนก็ยังคงเข้มแข็งไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเมื่อตะวันคล้อยต่ำลงขบวนนักเดินทางกลุ่มนี้ก็สามารถหลุดออกมาจากป่าโปร่งได้ เบื้องหน้าของเด็กๆคือลำธารน้ำสายเล็กที่ไหลออกมาจากถ้ำหินขนาดใหญ่
พวกชาวเมืองทั้งหมดหลบซ่อนกันอยู่ในถ้ำหินนั่นครูฝ้ายกล่าว
ครูทั้งสองพาพวกเด็กเดินข้ามลำน้ำเข้าไปยังถ้ำหินแห่งนี้ และเมื่อลอดผ่านอุโมงค์ถ้ำไป พวกเขาจึงได้พบกับทะเลสาบอาร์เทมิสที่ถูกปกคลุมด้วยดอกบัวหลากสี และกึ่งกลางทะเลสาบแห่งนี้คือรูปปั้นสีเขียวมรกตของหญิงสาวในอาภรณ์บางพลิ้วยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ นั่นคือเทพีอาร์เทมิส เทพีแห่งธรรมชาติและผืนแผ่นดิน
รอบบริเวณทะเลสาบคือทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่เหล่าชาวบ้านยึดเป็นพื้นที่อาศัยอยู่ชั่วคราว พวกเขากำลังช่วยกันสร้างบ้านหลังย่อมขึ้นอย่างง่ายๆจากต้นไม้และใบหญ้าที่หาได้บริเวณนั้น
เราจะตัดต้นไม้เท่าที่จำเป็นเท่านั้นนั่นคือกฎเหล็กของชาวเมืองนี้
พวกเด็กๆเดินตรงเข้ามายังกลุ่มคนที่กำลังวุ่นอยู่กับการก่อสร้าง เลียงผาสอดส่ายสายตาไปยังบุคคลเหล่านั้นก็ร้องตะโกนออกมาดังลั่น
พ่อ!
เด็กชายวิ่งนำหน้าไปหาผู้เป็นบิดาที่กำลังขนไม้อยู่ สองพ่อลูกต่างกอดกันกลมทามกลางสายตายินดีของเหล่าชาวเมือง
จากคุณ :
ไฟลี่ - [3 พ.ค. 45 10:04:39]