เรื่องเล่าจากแดนไกล ตอนที่16

    ตอน บุกเข้ายานศัตรู
    รุ่งเช้าอาการของห่าน่ดูดีขึ้นมากแต่ก็ยังอ่อนเพลียอยู่  เด็กทั้งหกจึงได้แต่นั่งซ่อนตัวอยู่ในโพรงยักษ์โดยไม่รู้จะทำอย่างไร
    “เครื่องรับสัญญาณมันพังไปแล้ว”เลียงผาบอกหลังจากที่เดินออกไปสำรวจเมื่อคืนนี้  มันถูกหุ่นยนต์นักฆ่าเหยียบจนแบนกลายเป็นเศษเปลือกหอยแตกละเอียด
    “นายซ่อมไม่ได้เหรอ”แมวถามหมูน้อย
    “พังขนาดนั้นใครจะไปซ่อมได้”หมูน้อยบ่นด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
    “เราต้องออกไปตามหาครูภพ...ถึงไม่มีเครื่องนั้นยังไงเราก็ต้องไป”ห่านเอ่ยปากขึ้นเป็นครั้งแรก  แม้ใบหน้าของเขาจะยังไม่มีสีเลือดแต่แววตาที่มุ่งมั่นเช่นนั้นทำให้กำลังใจของเพื่อนๆกลับคืนมาอีกครั้ง
    “จริงสิ  ฉันแก้ระบบควบคุมหุ่นยนต์ได้  พวกนายสามารถบังคับมันได้  แต่คงไม่นานนักเพราะหุ่นยนต์พวกนี้ต้องใช้พลังงานจากผลึกแก้วประหลาดอันนี้  แล้วมันก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว”หมูน้อยกล่าวพลางยื่นผลึกแก้วสีเทาเกือบดำให้เพื่อนๆดู
    “ใช้ได้นานเท่าไหร่?”เลียงผาถาม
    “ก็ราวๆสี่ห้าชั่วโมงได้”แมวซึ่งไปเฝ้าดูและคอยช่วยหมูน้อยอยู่บอก
    “แค่นั้นก็พอแล้ว  เอาละเรามาวางแผนกันใหม่ดีกว่า”
    แผนใหม่ของเด็กชายคือเลียงผากับชิมจะอาศัยหุ่นยนต์นักฆ่าที่หมูน้อยแก้โปรแกรมนี้แอบเข้าไปช่วยครูภพ  ส่วนเด็กทั้งสี่ที่เหลือจะคอยอยู่ที่โพรงไม้จนกว่าเพื่อนทั้งสองจะกลับมา
    “นายจะหาครูภพยังไงโดยไม่มีเครื่องนั่น”ห่านร้องถาม
    “ก็....ใช้จมูกสุนัขก็ได้  ชิมนายลองดมกลิ่นดูที  ฉันไม่ค่อยถูกกับพวกสุนัขเท่าไร”เลียงผาบอกเพื่อน
    และด้วยจมูกอันแสนไวของสุนัขพันธุ์เชปเพิร์ดที่สามารถรับกลิ่นได้ไวกว่ามนุษย์เป็นล้านเท่าทำให้ชิมสามารถตามรอยของครูภพไปได้โดยไม่ยากเย็นนัก
    “คิดว่าเป็นยานลำนั้นแหละ”ชิมชี้ไปยังยานสีเงินลำหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลนักหลังจากตามกลิ่นเข้ามาจนถึงเขตทหาร
    “เข้าไปแอบในหุ่นกันเถอะ”เลียงผากล่าวก่อนแปลงร่างเป็นนกฮัมมิ่งเบิร์ดบินเข้าไปหลบอยู่ในส่วนหัวของหุ่นยนต์  ส่วนชิมก็กลายร่างจากสุนัขไปเป็นค้างคาวเบียดตัวเข้าไปเช่นกัน
    “หุบปีกของนายซะ”เลียงผาสั่ง  ด้วยปีกสองข้างที่ยาวกว่ายี่สิบเซนติเมตรทำให้พื้นที่ภายในส่วนหัวของหุ่นยนต์แถบไม่พอให้เด็กทั้งสองหลบตัวอยู่
    เลียงผาบังคับหุ่นยนต์นักฆ่าให้ออกเดินตรงไปยังยานสีเงินลำนั้น
    “ขวาๆๆ  นายเดินเบี้ยวแล้ว”ชิมบอก
    “ขอเวลาฉันลองบังคับเครื่องก่อนสิ”เลียงผาพูดเสียงเขียว
    “ก็แค่พูดผ่านเครื่องบังคับการเท่านั้น  ไม่เห็นมีอะไรยาก  มานี่ฉันบังคับเอง”ชิมบอกพลางเบียดตัวเข้าหาเครื่องบังคับการ  และดูเหมือนว่าเด็กชายร่างเล็กจะทำได้ดีกว่าเลียงผามากนัก  หุ่นยนต์จึงเดินตรงขึ้นยานไปโดยขาทั้งสองไม่ได้ขัดกันอีก  
    ผ่านด่านประตูยานที่มีหุ่นยามเฝ้ามาได้อย่างง่ายดาย  เด็กทั้งสองก็มาเจอเข้ากับทางแยกภายในยานพร้อมๆกับประตูห้องหับต่างๆมากมาย
    “ฉันไม่คิดเลยนะว่ายานลำนี้มันจะใหญ่ได้ถึงเพียงนี้  แล้วนี่เราจะหาครูภพเจอได้ยังไง”ชิมบ่นท่าทางหัวเสีย
    “นายไม่ได้กลิ่นครูภพแล้วเหรอ?”เลียงผาถาม
    “ฉันไม่ใช่หมานี่  แล้วถ้าขืนแปลงร่างเป็นมันขึ้นมาตอนนี้มีหวังเราได้ถูกจับกันพอดี”
    “งั้นก็คงเหลือทางเดียวแล้ว  สุ่มดูละกัน  เอาล่ะฉันว่าไปทางขวาดีกว่า”เลียงผาสั่ง
    “แต่ฉันว่าซ้ายนะ  นั่นไงมียามเฝ้ากันเต็มเลย”
    “เออ...ตามใจนาย”เด็กชายกล่าว
    หุ่นยนต์จึงเดินเข้าไปยังทางแยกซ้ายมือโดยผ่านหุ่นยามนับสิบไปได้อย่างไม่มีใครสงสัย  เมื่อเดินมาถึงทางเลี้ยวทางหนึ่งชิมก็เกือบบังคับหุ่นไปชนเข้ากับร่างๆหนึ่งที่โผล่พรวดออกจากประตูด้านซ้าย
    “อะ...”ชิมเกือบหลุดเสียงอุทานออกมาดีที่เลียงผากางปีกปิดปากเขาไว้ได้ทัน
    “เจ้ามาทำอะไรแถวนี้”ชายชราผู้นั้นกล่าวขึ้น
    หุ่นยนต์นักฆ่ายังคงยืนนิ่งเฉยเผชิญกับชายแก่แปลกหน้าอย่างสงบโดยที่เด็กชายสองคนพยายามเบียดตัวเข้าไปด้านในให้ได้มากที่สุด  สองนาทีผ่านไปเหมือนกับเป็นช่วงเวลานับสิบชั่วโมง  เด็กชายแทบจะกลั้นหายใจด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียง
    “เออ...ช่างเถอะ  กลับไปห้องเก็บหุ่นได้แล้ว  สงสัยไอ้หมอนั่นมันเอาหุ่นฉันไปใช้อีกแล้ว”ชายแก่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวก่อนเดินจากไป  
    เด็กชายถอนหายใจอย่างโล่งอก
    “เอาไงต่อ”ชิมถาม
    “หาต่อไป”เลียงผากล่าวด้วยความมาดมั่น
    ดังนั้นหุ่นยนต์จึงเดินต่อไปเรื่อยๆทีละห้อง...ทีละห้องอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง

    ลองกลับไปดูพวกเด็กๆที่เหลืออยู่ที่ชายป่า  อาการของห่านทุเลาลงมากจากสมุนไพรที่นำมารักษา  เมื่อเปิดแผลเพื่อทำความสะอาดและใส่ยาใหม่  แผลของเด็กชายก็เริ่มแห้งแล้ว
    “อีกสองสามวันก็หาย”หงส์บอกขณะพันแผลใหม่เสร็จ
    “แล้วหมูน้อยกับแมวล่ะ”ห่านถาม
    “ออกสำรวจรอบนอก  เดี๋ยวคงกลับมา”
    “เราน่าจะเข้าไปช่วยพวกเขานะ  แค่สองคนจะไปพอสู้กับใครได้”ห่านหมายถึงชิมและเลียงผา
    “มันก็จริง  แต่เราจะเข้าไปยังไงล่ะ”หงส์ถามพี่ชาย
    “ไม่รู้สิ  พี่รู้แต่ว่าเราไม่ควรนั่งอยู่เฉยๆเช่นนี้เลย”
    “ห่าน   หงส์!!!”เสียงตะโกนของหมูน้อยดังมาจากด้านในป่า  เมื่อทั้งสองเหลือบมองออกไปนอกโพรงก็เห็นสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน!!

    ฝ่ายชิมกับเลียงผาเมื่อเดินสำรวจไปเกือบทั่วยานแล้ว  เด็กชายทั้งสองก็ยังไม่พบกับสถานที่ที่พอจะเป็นที่คุมขังได้เลย
    “หยุดก่อน”ชิมสะกิดเลียงผาขณะที่เดินผ่านประตูเหล็กขนาดใหญ่
    “อะไร?”
    “ฉันได้ยินเสียงอะไรแปลกๆดังมาจากห้องนี้”ชิมบอกพลางเงี่ยหูขนาดใหญ่ของค้างคาวฟังอย่างตั้งใจ
    “ฉันไม่ได้เห็นได้ยินอะไรเลย”เลียงผากล่าวหลังจากที่หยุดฟังสักพัก
    “นายเป็นนกส่วนฉันเป็นค้างคาว  หูฉันย่อมดีกว่านายอยู่แล้ว  นายจะได้ยินได้ยังไง”
    “อ้าว  งั้นนายได้ยินอะไร”เลียงผาถามเพื่อน
    “ไม่รู้สิฟังไม่ออก  เสียงมันดังอึกทึกครึกโครมมาก”
    “ครูภพคงไม่ได้อยู่ในนั้นหรอก”เลียงผากล่าว
    “แต่ฉันมีความรู้สึกว่าเราควรจะเข้าไปดูมันนะ”ชิมบอกอย่างไม่ยอมแพ้
    “นายคิดจะเข้าไปยังไงล่ะ?”
    ขณะที่เด็กทั้งสองกำลังคิดอย่างจนปัญญาอยู่นั้น  ก็มีกองทหารหุ่นเหล็กกลุ่มหนึ่งเดินแถวเข้ามาพอดี  ชิมบังคับหุ่นนักฆ่าให้หลบเข้าซอกข้างทางก่อนที่ขบวนหุ่นเหล็กจะเดินมาถึง  หุ่นยนต์ตัวแรกของกลุ่มหยุดยืนอยู่หน้าประตูเหล็กซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วซ่อนอยู่  เสียงติ๊ดดดด...ดังขึ้นก่อนที่บานประตูทั้งสองจะแยกออกจากกัน  แล้วกองทัพหุ่นพวกนั้นก็เดินผ่านประตูเหล็กหนาเข้าไป
    “ตามไปเร็ว!”เลียงผาสั่ง
    หุ่นยนต์นักฆ่าเดินต่อท้ายขบวนกองทัพเข้าประตูบานนั้นไปก่อนที่มันจะปิดกั้นพื้นที่สองฝ่ายออกจากกัน
    “ปัง!”

    ท่ามกลางความมืดของทางเดินเหล็กที่แคบแสนแคบ  เสียงย่ำเท้าของขบวนหุ่นเหล็กที่ก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆดังก้องกังวานไปทั่วทางเดิน  สุดปลายทางแคบๆสายนี้คือประตูเหล็กอีกบานที่มีสภาพไม่ต่างจากบานแรกนัก  ใช้เวลาตรวจสอบผู้มาเยือนไม่นานประตูบานใหญ่ก็เปิดรับกองทัพหุ่น  มีเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึมลั่นห้องดั่งที่ชิมได้ยินไม่ผิดเพี้ยน  เบื้องหน้าเด็กทั้งสองในขณะนี้คือระเบียงเหล็กที่ทอดยาวไปสิ้นสุดลงที่รั้วเหล็กสีเงินกลม  เลยออกไปนั้นคือพื้นที่กว้างขนาดใหญ่ลึกไม่ต่ำกว่าห้าสิบเมตรและสูงขึ้นไปไม่ต่ำกว่าหกสิบเมตร  สิ่งที่ตั้งเด่นลอยอยู่กลางพื้นที่แห่งนี้ก็คือหุ่นยนต์รูปร่างแปลกตาขนาดใหญ่  มันมีลักษณะคล้ายปลาหมึกยักษ์  หนวดสีดำขนาดใหญ่เกือบยี่สิบหนวดกวัดแกว่งเป็นวงกลมไปรอบๆตัวปลาหมึกอย่างช้าๆซึ่งก็คือที่มาของเสียงอันดังกระหึมนั่นเอง  และเมื่อมองเลยไปทางด้านล่างเด็กชายทั้งสองก็ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน  ท่อนซุงที่ตัดจากต้นสน  ต้นไทร  และต้นโอ๊กขนาดใหญ่...ต้นไม้ที่เหล่าชาวเมืองทั้งหลายต่างหวงแหน  เฝ้าดูแลรักษามาแทบตลอดชั่วอายุคนกลับถูกทำลายลงในพริบตา  นั่นยังไม่รวมถึงรถขุดดินขนาดใหญ่ที่โกยตักหน้าดินบริเวณแทบชายป่ามา  แล้วยังมีก้อนหินนับร้อยนับพันก้อน  ต้นไม้ต้นเล็กต้นน้อยที่เคยถูกถะนุถนอมเพาะพันธุ์กันมาอย่างยากลำบาก  ทั้งหมดนี้ถูกนำมารวมกันอยู่ทางเบื้องล่างและถูกเจ้าเครื่องปลาหมึกยักษ์ดูดกลืนเข้าไปทีละน้อยๆ
    หนวดทั้งยี่สิบหนวดของมันเริ่มกวัดแกว่งแรงขึ้นๆเรื่อยๆจนกระทั่งมันกลายสภาพเป็นเหมือนใบพัดอยู่รอบตัวปลาหมึก
    “ครืน....”เสียงเครื่องยนต์ทำงานอย่างหนัก
    และในที่สุดหนวดเหล่านั้นก็ค่อยๆผ่อนกำลัง  ช้าลงเรื่อยๆ....  ดวงตาของปลาหมึกยักษ์เปล่งประกายสีแดงเพลิง  และทันทีที่มันอ่อนแสงลงบริเวณส่วนที่เป็นปากของมันก็ถูกเปิดขึ้น  ภายในนั้นเต็มไปด้วยผลึกแก้วใสที่ส่องประกายสีรุ้งสุกสกาวไปทั่วทั้งพื้นห้อง!!
    “นั่นมัน!!”ชิมร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ  เป็นผลให้กองทัพหุ่นเหล็กที่ยืนเรียงกันอยู่บริเวณด้านหน้าหันหลังกลับมาจ้องมองด้วยดวงตาสีเขียวเข้มที่สว่างโร่ขึ้นยามเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู!!
    -------------------------------------------
    เมื่อเรื่องวานถามท่านผู้รู้ทุกคนค่ะ
    คือเรื่องๆนี้ไฟลี่เขียนจนจบแล้ว
    ไฟลี่อยากลองเอาผลงานของตัวเองไปเสนอสำนักพิมพ์ดูบ้าง
    ไม่ทราบว่าไฟลี่พอจะไปหาข้อมูลพวกนี้ได้ที่ไหน
    ที่ไฟลี่เห็นมาส่วนใหญ่  สำนักพิมพ์เขามักรับพิจารณานิยายซะมากกว่า
    ไม่รู้ว่าเรื่องแนวนี้จะพอมีสำนักพิมพ์ไหนสนใจบ้าง
    ใครรู้ช่วยตอบไฟลี่ด้วยนะคะ


    จากคุณ : ไฟลี่ - [11 พ.ค. 45 17:22:19]