เรื่องเล่าจากแดนไกล ตอนที่18

    ตอน  ถูกขัง
    “ดูเหมือนแท่งแก้วนั่นจะเป็นแหล่งพลังงานทุกสิ่งของพวกมันเลยนะ”เลียงผาบอก
    “ใช่  แต่นั่นก็ได้มาจากการทำลายทรัพยากรอันแสนมีค่าของเรา..ต้นไม้ที่พวกเราทุกคนเฝ้าถนอมกับเกือบตาย”ชิมกล่าวด้วยความแค้น
     แล้วหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายก็เดินออกมาจากเครื่อง...
    “จะตามพวกมันไปต่อไหม?”ชิมกระซิบถาม
    “ไม่รู้สิ  มันคงกลับไปเฝ้ายามต่อกระมัง  เราน่าจะหาทางไปห้องอื่นกันดีกว่า”
    “ห้องที่พวกเจ้าสองตัวจะไปก็คือห้องขัง!!!”เสียงแหบพร่าของชายชราเอ่ยขึ้นทางด้านบนของพวกเด็กๆ
    “ในที่สุดข้าก็จับวายร้ายที่ขโมยดัดแปลงหุ่นยนต์ข้าได้แล้ว”ชายชรากล่าวเสียงเข้มก่อนจะตะครุบตัวหนูขาวทั้งสองใส่กรงเหล็กได้!!!!!
    ชายชรานำหนูขาวทั้งสองตัวไปขังไว้ในห้องมืดแห่งหนึ่ง  ผนังห้องถูกสร้างขึ้นด้วยเหล็กหนาชั้นดี  ภายในไม่มีวัสดุหรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใดประดับอยู่เลย  
    “ทีนี้หันมาเผชิญหน้ากับความจริงได้แล้ว  เจ้าสองคนเป็นใคร”ชายชรายืนจังก้าเหนือสัตว์ตัวจิ๋วทั้งสอง
    หนูขาวสองตัวมองหน้ากันด้วยดวงตาที่ตื่นตระหนก  ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากของเด็กทั้งสอง  และในวินาทีถัดมาร่างหนูขาวสองตัวก็กลายสภาพเป็นเด็กชายตัวเล็กสองคน
    “ข้ากะแล้วเชียว  ตำนานอาร์เทมิสมีจริง!”ชายชรากล่าวสีหน้าพออกพอใจ
    เด็กทั้งสองถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในความมืดมิดของห้องอันแสนอ้างว้าง  ทั้งสองนั่งจมปลักอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลาหลายชั่วโมง  และในที่สุดเลียงผาก็พูดทำลายความเงียบขึ้น
    “ฉันขอโทษนะชิม”เด็กชายกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่
    “ไม่ใช่ความผิดนายสักหน่อย  นายทำดีที่สุดแล้ว”ชิมพูดอย่างจริงใจ
    “เราน่าจะหาทางติดต่อกับพวกนั้นนะ”
    “ยังไงล่ะ  ส่งสัญญาณคลื่นเสียงเหรอ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ”ชิมติง
    “ฉันลืมไป”เด็กชายพูดอย่างผิดหวัง
    “นี่เราไม่แค่ช่วยครูภพไม่ได้  เรายังถูกจับเพิ่มอีกด้วย”
    “เฮ้อ!”
    แล้วเด็กทั้งสองก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
    แสงอรุณแห่งเช้าวันใหม่สาดทอรอดผ่านกระจกแผ่นหนามา  แม้จะเป็นเพียงแสงสว่างรำไรๆแต่นั่นก็พอทำให้ห้องอันแสนมืดมิดและอ้างว้างดูทุเลาความน่าสะพรึงกลัวลงได้
    “เอี๊ยดดดดด”เสียงเปิดประตูเหล็กดังขึ้น  ก่อนร่างของหุ่นยนต์ยามจะเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ  แม้อาหารในถาดจะดูไม่น่าทานนักแต่เด็กทั้งสองก็ทานมันจนเกลี้ยงด้วยความหิวกระหาย  ในขณะนั้นเองชายชราก็เดินแทรกม่านเงามืดเข้ามาหาเด็กทั้งสองพร้อมกับหุ่นยนต์ยามสี่ตัวกับอาวุธครบมือ
    “เอาล่ะ  ข้าต้องการรู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับพวกเจ้า”เขาเริ่มต้นเจรจา
    “ทำไมผมจะต้องบอกคุณด้วย”เลียงผาถามเสียงแข็ง
    ชายชราก้มลงมองเด็กชายด้วยดวงตาวาวโรจน์!
    “เพราะยิ่งพวกเจ้าพูดมากเท่าไร  พวกเจ้าก็จะมีชีวิตยืนยาวขึ้นมากเท่านั้น  เอาล่ะไม่ต้องโยกโย้  บอกความลับของพวกเจ้ามา”เขากล่าวเสียงเหี้ยมเกรียม
    เด็กชายชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจพูดออกไป
    “ถ้าคุณต้องการรู้เกี่ยวกับเวทมนต์แปลงร่างล่ะก็  ได้!  ผมจะบอกให้  แต่รับรองได้ว่าคุณต้องผิดหวัง”
    “อย่างมาเล่นลูกไม้กับข้า  ข้าลืมตาดูโลกอันแสนทุเรศใบนี้มานานพอที่จะรู้ซึ้งถึงเล่ห์เหลี่ยมกลโกงต่างๆ  ฉะนั้นอย่ามาหลอกข้าซะให้ยาก”
    เลียงผาบอกบทคาถาที่ร่ำเรียนมาให้ชายชราฟังทั้งหมด
    ดอกเตอร์ศศวัตรเดินกลับออกไปทิ้งให้เด็กทั้งสองตกอยู่ภายใต้แสงสลัวๆของเวลาเที่ยงวัน
    “ฉันน่าจะแปลงร่างเป็นสิงโตโดดเข้าขย้ำมันซะ”ชิมกล่าวอย่างแค้นเคือง
    “นายก็คงถูกยิงหรือไม่ก็ถูกแทงด้วยดาบของหุ่นยามพวกนั้น”เลียงผาต่อให้  ทำให้เด็กชายร่างเล็กเงียบเสียงลง
    “แต่นายก็ไม่น่าบอกความลับของพวกเราไป”
    “ไม่เป็นไรหรอก  ฉันเชื่ออย่างหนึ่งว่ามนต์แปลงร่างบทนี้เทพีอาร์เทมิสทรงประทานให้ชาวเมืองมาเทริสเพื่อปกปักรักษาป่ามหัศจรรย์  ดังนั้นบุคคลใดที่คิดร้ายต่อเมืองเทมาริสและป่ามหัศจรรย์แห่งนี้ย่อมไม่สามารถใช้มนต์บทนี้ได้เป็นแน่”เลียงผากล่าวด้วยความมั่นใจ
    เมื่อแสงแดดลำสุดท้ายลับขอบฟ้าไป  ความมืดมิดก็กลับเข้าครอบคลุมห้องแห่งนี้อีกครั้ง  เด็กชายทั้งสองนอนขดตัวอยู่ริมผนังห้อง  
    “ก๊อก...ก๊อก...”เสียงวัตถุบางอย่างกระทบกันเป็นจังหวะดังแทรกความมืดเข้ามาปลุกเลียงผาให้ตื่นขึ้น
    เด็กชายเหลียวมองรอบตัวด้วยความงุนงง  ประตูเหล็กยังคงปิดสนิทดีอย่างที่มันควรเป็น
    “ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก..”เสียงยังคงดังต่อเนื่องเป็นระยะๆ
    เลียงผาเหลียวมองไปยังด้านบน  และนั่นเขาก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน!!
    นกอินทรีตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกบินหน้าบานกระจก  ภายในกงเล็บอันแหลมคมของมันคือลิงลมตัวเล็กที่กำลังใช้ขาหน้าของข้างของมันเคาะกระจกอยู่
    “ชิม  ตื่นเร็วมีคนมาช่วยเราแล้ว”เลียงผาปลุกเพื่อน
    ลิงลมตัวนั้นยกไม้ยกมือเป็นสัญญาณบางอย่าง
    “ว่าไงบ้าง”ชิมหันไปถามเลียงผาด้วยความงุนงง
    “ลิงตัวนั้นคือหงส์  ส่วนนกนั่นก็ครูภพ  หงส์บอกว่าจะเข้ามาช่วยเราตอนเช้าพรุ่งนี้”เลียงผากล่าวด้วยความดีใจ
    “แต่...ครูภพถูกขังอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
    “ครูเขาแอบหนีออกไปได้”
    แล้วนกอินทรีตัวนั้นก็บินจากไปทิ้งให้เด็กทั้งสองนั่งรอแสงแห่งความหวังในรุ่งอรุณของวันใหม่อย่างเงียบๆ
    เมื่อแสงทองของวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งหุ่นยนต์ยามก็ยกถาดอาหารเข้ามาวางไว้เช่นตามคำสั่งดุดเดิม  เด็กชายสองคนจ้องมองหุ่นยนต์เดินจากไปอย่างรอคอย
    “ไม่เห็นมีใครมาเลย”ชิมร้องถามเลียงผา  แต่ดูเหมือนเด็กชายจะไม่ได้ยินที่เพื่อนร้องถาม
    “เลียงผา!”ชิมสะกิดเพื่อน
    “หือ”
    “เป็นอะไรไป”
    “ฉันเห็นอะไรแปลกๆ  แวบนึง”
    “ไหนๆ  ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย”ชิมว่าพลางกวาดตาไปรอบๆห้อง  ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงสภาพปรกติคือเป็นห้องกว้างๆโล่งๆเช่นเดิม
    “ดูนั่นสิ!”เลียงผาว่าพลางชี้ไปยังมุมประตูห้องด้านซ้าย  
    ณ มุมห้องบริเวณนั้นราวกับมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นเคลื่อนไหวอยู่
    เด็กชายทั้งสองขยี้ตาก่อนจ้องมองกลับไปใหม่  คราวนี้เด็กชายกลับมองไม่เห็นสิ่งผิดปรกติใดๆอีก
    “ชิม...เลียงผา”เสียงเรียกอย่างขันๆดังขึ้นด้านหลังเด็กทั้งสอง
    เลียงผาสะดุ้งสุดตัวหันหลังกลับไปมองผู้บุกรุก  ผิดกับชิมที่วิ่งจู๊ไปหลบอยู่ที่มุมตรงข้ามของห้อง
    “ครู!!”เลียงผาตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ
    “ค...ครูมาได้ไงครับ”ชิมถามเมื่อเดินกลับมา  ท่าทางของเด็กชายแม้ยังหวาดๆอยู่แต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ
    “ครูพลางตัวเข้ามา  ก็หุ่นยามเมื่อกี้แหละที่ครูแปลงเป็นกิ้งก่าเกาะเท้ามา”ครูภพอธิบาย
    “งั้นไอ้ที่เคลื่อนไหวแว๊บๆอยู่เมื่อกี้ก็ครูนะสิครับ”เลียงผาถาม
    “อืม  เป็นไงตกใจมากเลยเหรอ”ชายหนุ่มถามสีหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
    “ครับ  ผมนึกว่าผีซะแล้ว”ชิมตอบ
    “เอาล่ะ  ครูจะมาพาพวกเราออกไป”ชายหนุ่มว่าพร้อมกับเริ่มบอกแผนการของเขา
    “ครูจะให้พวกเราแปลงเป็นกิ้งก่าแล้วเกาะหุ่นยนต์ยามไปพร้อมกันเลยเหรอครับ  กิ้งก่าตัวนึงใหญ่จะตาย”เลียงผาติงเมื่อฟังแผนการชายหนุ่มจบ
    “หุ่นยามพวกนี้มันไม่มีความรู้สึกหรอก  แต่มันก็อันตรายจริงอย่างที่เธอว่าแหละ”
    “งั้นแปลงเป็นสัตว์อื่นแทนดีไหมครับ”ชิมเสนอ
    “สัตว์อะไรล่ะ?”
    “ไม่เอาหนูแล้วนะ  คราวก่อนที่โดนจับได้ก็เพราะแปลงเป็นมันนั่นแหละ”เลียงผา
    ทั้งสามนิ่งเงียบกันไปสักพักหนึ่ง  แน่นอนว่าในโลกใบนี้มีสัตว์มากมายหลากหลายชนิด  บางชนิดเราก็รู้จักกันดี  แต่บางชนิดเราก็ไม่เคยแม้แต่จะเห็นมันด้วยซ้ำไป  และตอนนี้ทั้งสามก็พยายามนั่งคิดถึงสัตว์ต่างๆที่พวกเขาเคยพบและได้เรียนรู้กันมา
    “ครูครับ  เราแปลงเป็นตัวปาดก็ได้นี่”เลียงผาพูดขึ้น
    “ตัวปาดอะไร?”ชิมทำหน้างง
    “ก็ตัวปาดที่ครูศักดิ์เคยเล่าให้ฟังในห้องไง  นายไม่ได้ฟังล่ะสิ”เลียงผาถามเพื่อนอย่างรู้ทัน
    ชิมหน้าแดงก่อนตอบเสียงเบาว่า  “ฉันแค่พยายามนั่งลืมตาอยู่ได้ก็ดีแล้ว”
    “คิดได้ดีเลียงผา”ครูภพเอ่ยชมก่อนขยายความถึงลักษณะของตัวปาดให้ชิมฟัง
    “ตัวปาดนั้นมีลักษณะคล้ายกบ สีเขียว ตัวเล็กมากประมาณหกเซนติเมตรได้  เธอสองคนคงแปลงเป็นสัตว์เล็กได้นะ”ครูหันมาถามอย่างเป็นห่วง
    เด็กชายทั้งสองพยักหน้า  เนื่องจากเด็กทั้งสองมีรูปร่างเล็กผอมบางจึงไม่เคยเป็นอุปสรรคในการแปลงร่างมากนัก
    “ลักษณะเด่นของตัวปาดก็คือตรงปลายนิ้วเท้าของมันมีแผ่นดูดระบบสุญญากาศซึ่งช่วยให้เกาะพื้นผิวเรียบได้ง่าย  และตัวมันสามารถเปลี่ยนสีได้แต่คงต้องใช้เวลานานเป็นชั่วโมง”ครูบอกปัญหา
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ  กว่าหุ่นยามจะกลับเข้ามาก็อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆได้”เลียงผาบอก
    ดังนั้นแผนการทั้งหมดจึงเริ่มต้นขึ้น  และเมื่อหุ่นยามเดินกลับเข้าห้องมาเพื่อเก็บถาดอาหาร  ในห้องจึงตกอยู่ในสภาพว่างเปล่า  
    “มันหนีไปแล้ว....หนีไปแล้ว....”หุ่นยนต์เปิดสัญญาณเตือนภัย
    คนทั้งสามซึ่งแปลงกายแอบแฝงอยู่ในเงามืดกระโดดขึ้นเกาะเท้าหุ่นยนต์ทันที
    “เข้าไปหลบทางด้านในดีกว่า”ครูภพกระซิบบอก
    ตัวปาดทั้งสามจึงค่อยๆเกาะขึ้นไปตามลำตัวของหุ่นในขณะที่มันวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
    “ติ๊ดๆๆๆๆๆๆ”เสียงสัญญาณเตือนภัยดังกระหึ่มไปทั่วทั้งยาน
    “ค้นหาพวกมันเดี๋ยวนี้  มันยังต้องหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในยาน  ค้นหามันทุกซอกทุกมุม  ไม่ว่าจะพบสัตว์ตัวใดให้จับมันมาให้หมด”ชายชรายืนจังก้าสั่งการหุ่นยามทั้งกองทัพ
    “มันก็แค่แปลงร่างเป็นสัตว์ได้  ไม่ได้ล่องหนซะหน่อย”ดอกเตอร์กล่าวกับตัวเองอย่างหัวเสีย
    ดังนั้นยานมาเฟจึงตกอยู่ในความวุ่นวายตลอดช่วงเช้า
                                                                                                                                                                 
       



    จากคุณ : ไฟลี่ - [15 พ.ค. 45 08:03:22]