เรื่องเล่าจากแดนไกล ตอนที่20

    ตอน  เครื่องสร้างพลังงาน
    หลังจากเสร็จสิ้นการส่งเศรษฐีอ้วนลงยานไปแล้ว  ดอกเตอร์ศศวัตรหรือแม่ทัพและผู้นำคนใหม่ของกองทัพก็ระดมพลสั่งการบุกถล่มป่ามหัศจรรย์ทันที
    “นำรถถังไปถางป่าให้ราบเลยนะ  อ้อ รถขุดดินด้วย  เคยมีสายรายงานมาว่าตรวจพบแร่ทองบริเวณรอบทะเลสาบอาร์เทมิส  ข้าต้องการพื้นที่ราบของป่าแห่งนี้”ดอกเตอร์สั่งทหารหุ่นยนต์
    ในไม่ช้ากองทัพหุ่นจำนวนเรือนหมื่นและอาวุธครบมือก็มายืนเรียงแถวกันครบ ณ บริเวณชายป่ามหัศจรรย์
    “สั่งหุ่นยามยืนคุ้มกันฐานเต็มพีกัด”ชายชราสั่งก่อนยกกองทัพจากไป  ต้นไม้นับร้อยที่ยืนต้นรายรอบพื้นที่อันเขียวชอุ่มถูกตัดถูกถอดออกเหลือเพียงผืนดินสีดำอันเรียบสนิทปราศจากร่องรอยแห่งพงไพร
    “ต้นไม้และกองดินดำอันอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ไว้ข้าจะกลับมาเก็บไปสร้างพลังงาน”ชายชรากล่าว
    เบื้องหลังไปไม่ไกลนัก  หุ่นยนต์ยามหลายสิบตัวยังคงเดินตรวจตรารอบๆยานทั้งหลาย  แต่ดูเหมือนว่าการกระทำเช่นนั้นออกจะสายเกินไปเสียหน่อยเพราะผู้บุกรุกทั้งเจ็ดได้ลอบเข้ายานไปตั้งแต่ครั้งที่แม่ทัพคนก่อนสั่งยกเลิกกองพลลาดตระเวน
    “นำทางไปเร็ว”ครูภพพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในยานได้แล้ว
    เลียงผาและชิมมองหน้ากันเลิกลั่ก  พลางตอบครูภพเสียงอ่อยว่า
    “ผมจำไม่ได้แล้วครับ  ตอนที่เข้ามาเราสองคนเดินวนไปวนมาจนเจอห้องนั้น  มันเป็นประตูเหล็กบานใหญ่”เลียงผาบอก
    “โธ่!”เพื่อนทั้งสี่ร้องขึ้นพร้อมกัน
    “เอาเถอะ  ค่อยๆหาไปเดี๋ยวก็ได้ยินเองแหละ  เอางี้ให้ใครสักคนแปลงเป็นกระต่ายคอยฟังเสียงล่ะกัน”ครูบอก
    “ผมเป็นค้างคาวได้ครับ  ให้ผมบินวนดูรอบๆยานก่อน”ชิมเสนอ
    “อย่างเลยค้างคาวเป็นสัตว์กลางคืน  ตาของมันใช้ไม่ได้ดีในตอนกลางวันเท่าไร  ดีไม่ดีเธอยังไม่ทันบินก็จะง่วงหลับเสียก่อน”ครูค้าน
    “แต่คราวที่แล้ว..”
    “คราวนั้นเธอแอบอยู่ในหัวของหุ่นไม่ใช่เหรอ  ในนั้นมันมืด”ครูขยายความให้ฟัง  ชิมจึงยอมจำนน
    ดังนั้นหน้าที่นี้จึงตกเป็นของแมวไปโดยปริยายเพราะไม่มีใครอื่นสามารถแปลงเป็นกระต่ายได้
    “ลองเดินไปเรื่อยๆก่อนละกัน”ครูบอก
    มนุษย์หกคนและกระต่ายป่าน้อยตัวหนึ่งจึงเดินสำรวจไปรอบๆยาน  พวกเขาแทบไม่ต้องระวังภัยอะไรเลยเนื่องจากภายในยานนั้นแทบไม่มีหุ่นยามตัวใดอยู่เลย
    “เสียงนั่นเป็นยังไงเหรอ?”กระต่ายน้อยถาม
    “มันดังอึกทึกครึกโครมมาก  แล้วก็มีเสียงหวือๆของหนวดปลาหมึกที่หมุนด้วย”
    “เอ๊ะ!  ฉันได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”กระต่ายน้อยร้องบอก
    “อะไร?”ทั้งหมดถามขึ้นเป็นเสียงเดียว
    “เสียงเหมือน.....เหมือน....ตายละนั่นเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินมาทางนี้!!”
    “หาที่หลบเร็ว!”ครูหนุ่มสั่ง
    ทั้งหมดจึงวิ่งลดเลี้ยวไปเรื่อยๆให้ห่างไกลเสียงฝีเท้านั่น  จนในที่สุดก็เลี้ยวเข้ามาถึงทางตัน
    “เปิดประตูนั่นสิ”ครูบอก
    ประตูบานใหญ่สุดทางตันถูกเปิดออกอย่างลำบากยากเย็น  คนทั้งหมด(และกระต่ายป่า)แอบเข้าไปหลบด้านในนั้น  ภายในห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยซากเศษเหล็ก เศษหุ่นยนต์
    “นี่คงเป็นซากหุ่นยนต์ที่พังแล้ว”ครูบอก
    “แล้วนี่อะไรครับ”ห่านลากครูมายังกองสีดำยักษ์เหนียวๆที่กองพะเนินเป็นภูเขาอยู่ตรงมุมห้อง
    “อี๋!”หงส์ร้อง
    “ครูก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก  แต่ดูเหมือนขยะหรือไม่ก็ซากของอะไรสักอย่าง”
    “ผมว่าผมรู้นะ”ชิมบอก  “จำได้ไหมเลียงผาตอนที่เข้าไปในห้องสร้างพลังงาน  ด้านหลังของปลาหมึกยักษ์ก็มีกองดำๆพวกนี้อยู่”
    “อืม  ว่าแต่มันคืออะไรล่ะ”เลียงผาถาม
    “ถ้างั้นมันก็คงเป็นขยะที่เหลือจากการสร้างพลังงาน”ครูบอก
    “โธ่!  ต้นไม้สวยๆกลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้วเหรอ”หงส์ร้องคราง
    “แต่ที่แน่ๆ  ผมว่าห้องนี้น่าจะมีทางเชื่อมกับห้องสร้างพลังงานนั่นนะครับ”ห่านบอก
    “จริง  งั้นเรามาลองหากันดูดีกว่า”ครูหนุ่มพูดขึ้น
    หลังจากใช้เวลาค้นหาอยู่นานพอควร  แมวในร่างกระต่ายน้อยก็ได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นอีกในขณะที่ยืนบริเวณกองขยะเหนียวสีดำอีกกองที่ตั้งอยู่ชิดริมผนัง
    “เงียบก่อน  ฉันได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”แมวสั่ง
    ทั้งหมดจึงหยุดการค้นหาเดินมาสมทบสัตว์ตัวน้อย
    “ฟังเหมือนเสียงเครื่องจักรนะ  รู้สึกจะดังมาจากด้านหลังกองขยะนี่”
    “ช่วยกันขนขยะพวกนี้ออกไปเถอะ”ห่านบอกพลางยื่นพลั่วที่เขาเจอให้ทุกคน
    เมื่อช่วยกันคนละไม้คนละมือไม่นานกองขยะกองใหญ่ก็ถูกย้ายออกไปเผยให้เห็นช่องสี่เหลี่ยมที่ซ่อนอยู่ทางด้านหลัง
    “เสียงดังมาจากช่องนี้จริงๆด้วยค่ะ”
    “นี่คงเป็นทางส่งขยะ”ครูภพบอกก่อนนำพวกเด็กปีนเข้าไปตามช่องสี่เหลี่ยมนั่น
    ระยะทางของมันดูจะทอดยาวไกลและมืดมิด  ครูภพจึงบอกให้เด็กๆแปลงเป็นค้างคาวบินล่วงหน้าไปก่อน  ส่วนตัวครูและหมูน้อย(ซึ่งไม่สามารถแปลงเป็นค้างคาวได้)จะค่อยๆตามไปทีหลัง
    “ทางมันชันมากนะครับคนปีนขึ้นไปไม่ไหวหรอก”เลียงผาติง
    “หมูน้อยเป็นนกฮูกก็ได้นี่”แมวเสนอ
    ดังนั้นทั้งหมดจึงบินทะยานขึ้นสู่ปลายทางช่องสี่เหลี่ยมโดยมีค้างคาวและนกฮูกอย่างละตัวรั้งท้าย(เนื่องจากหมูน้อยไม่ถนัดในเรื่องการบินเลย  เขาจึงบินเฉไปเฉมาอยู่ด้านหลัง)
    ในที่สุดเด็กทั้งห้าก็หลุดออกมาได้  เบื้องหน้าของพวกเขาในขณะนี้คือกองขยะเหนียวสีดำหลายกองที่ถูกลำเลียงมาวางไว้หน้าปล่องทิ้งขยะ  เลยออกไปคือหุ่นปลาหมึกยักษ์ที่หนวดของมันกำลังกวัดแกว่งไปรอบๆด้วยความเร็วสูง
    “เราจะทำลายมันยังไงล่ะ”ชิมถามเนื่องจากพวกเขาไม่มีอาวุธสักอย่างติดตัวมา
    “ไม่รู้สิ  รอครูภพกับหมูน้อยก่อนละกัน”หงส์บอก                
    “คงต้องทำลายระบบควบคุมของเครื่อง  รู้สึกว่าจะอยู่บริเวณส่วนหัวของปลาหมึก”เลียงผาว่า
    “รอให้เครื่องมันหมุนช้ากว่านี้อีกหน่อยดีกว่า”แมวเสนอ
    “สงสัยพวกเจ้าคงไม่มีโอกาสรอถึงเวลานั้นหรอก”เสียงแหบพร่าดังขึ้นทางเบื้องหลัง
    ทั้งห้าหันกลับไปเผชิญหน้ากับชายชราและกองทัพทหารยืนโอบรอบอยู่ทางด้านหลัง
    “ทำไมมันกลับมาได้”หงส์กระซิบถามเสียงสั่นด้วยความกลัว  แต่นั่นก็ดังพอที่จะให้ดอกเตอร์ศศวัตรได้ยิน
    “พวกเจ้าคงคิดว่าข้าโง่มากที่ปล่อยให้ฐานทัพว่างเปล่าไว้ในขณะที่ศัตรูยังลอยนวลอยู่สินะ  ข้าเคยบอกกับใครต่อใครแล้วว่าข้าไม่เคยประมาท  แล้วในที่สุดแผนของข้าก็ได้ผลเกินคาด  พวกเจ้าเดินเข้ามาสู่กับดับเองโดยไม่ต้องเสียแรงค้นหา”ชายชรากล่าวเยาะพร้อมกับกองทัพหุ่นที่ตรงเข้าล้อมรอบพวกเด็กๆไว้
    “ยังไงนายก็ไม่มีทางทำลายป่ามหัศจรรย์ของพวกเราได้หรอก  องค์เทพีไม่ยอมให้อภัยนายแน่”ห่านร้องบอกด้วยความเคืองแค้น
    “ฮึ เทพีอาร์เทมิสก็มีอยู่แต่ในตำนานเท่านั้นแหละ  ถ้ามีอยู่จริงก็ลองเรียกท่านมาช่วยสิ”เขากล่าวอย่างไม่เชื่อถือนัก
    “คงไม่ต้องรอถึงพระองค์หรอก”เสียงครูหนุ่มดังขึ้นเบื้องหลังก่อนร่างอินทรียักษ์สองตัวจะโฉบบินลงมากลางกองทัพหุ่นที่รายรอบพวกเด็กๆไว้
    เด็กทั้งห้าต่างเกาะกงเล็บอินทรียักษ์ลอยขึ้นสู่ระเบียงด้านบน
    “ปังๆๆๆๆๆ”เสียงระรัวของปืนกลดังตามมา
    “หยุด!  ขืนยิงถูกเครื่องสร้างพลังงานก็พังกันพอดี”ชายชรากล่าวเสียงเขียวเพราะเข็ดจากการซ่อมเครื่องที่พังเมื่อคราวที่แล้ว
    นกอินทรียักษ์จึงร่อนลงเหยียบพื้นระเบียงอย่างปลอดภัย
    “หนีข้าไม่พ้นหรอกเจ้าพวกโง่”เสียงตะโกนดังมาจากด้านล่าง
    “ส่งหุ่นทหารขึ้นไปด้านบน  ห้ามใช้ปืนเด็ดขาด  ฆ่าพวกมันให้ได้”


    จากคุณ : ไฟลี่ - [19 พ.ค. 45 07:58:06]