เรื่องเล่าจากแดนไกล ตอนที่22

    ตอน  ตัวประกัน
    “แมว!!”พวกเด็กๆตะโกนเรียกเพื่อนสาวด้วยความตกใจ
    เบื้องหน้าของพวกเขาบัดนี้คือร่างชายชราหน้าตาเหี้ยมเกรียมในมือถือดาบยาว  ข้างๆกันคือเด็กหญิงร่างเล็กใส่แว่นตากลมโตที่ยืนตัวสั่นอยู่เนื่องจากปลายดาบยาวของชายชราบัดนี้ได้จ่ออยู่บริเวณลำคอของเธอ!
    “ปล่อยแมวเดี๋ยวนี้นะ”เลียงผาพูดเสียงเข้ม
    “ฮึ  เจ้าไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งข้าเจ้าเด็กน้อย”ชายแก่กล่าวดวงตาวาวโรจน์
    ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาพตัวแข็งทื่อไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรลงไปได้
    “เอาล่ะคราวนี้ถึงตาข้าบ้างแล้ว  พวกเจ้าทุกคนจะต้องจบชีวิตลงที่นี่แหละ  ดินแดนแห่งนี้จะตกอยู่ในอุ้งมือของข้าแต่เพียงผู้เดียว ฮะๆๆๆ”ชายชราหัวเราะเสียงดังอย่างคนไร้สติ
    “ไม่มีทางหรอก  ในเมื่อเครื่องสร้างพลังงานพังไปหมดแล้ว”หมูน้อยเถียง
    “ฮึ  คิดว่าข้าโง่รึไง  ข้ามีพลังงานสำรองเก็บไว้อีกตั้งมากอย่างน้อยก็เพียงพอที่จะถล่มป่าของพวกเจ้า”
    เด็กชายสะดุ้งกับความรู้ใหม่ที่เพิ่งได้ยิน
    “หมายความว่าที่พวกเราพยายามกันแทบตายนี่ไม่ได้ผลอะไรเลยหรือนี่”หมูน้อยกระซิบถามครู
    “ไม่หรอกหมูน้อย  เชื่อครูเถอะว่ามันต้องได้ผล”ครูหนุ่มปลอบ
    แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการช่วยเด็กสาวออกจากอุ้งมือของชายชราให้ได้เสียก่อน
    “เลิกโอ้เอ้เสียทีดีกว่า  ถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว”ชายแก่พูดขึ้นพร้อมกับขยับข้อมือข้างที่ถือดาบอยู่
    ในขณะเดียวกันนั้นแมวซึ่งตั้งสติได้เหลือบไปเห็นครูภพส่งสัญญาณมา  เด็กสาวตัดสินใจแปลงร่างกลับกลายเป็นแมวป่ากระโจนหลุดออกจากบ่วงแขนของดอกเตอร์
    “พรึบ!”
    “โครม!!”เลียงผาซึ่งรอท่าอยู่แล้วได้กลายร่างเป็นกวางป่าวิ่งเข้าชนชายแก่ล้มคว่ำลงทันที
    “บินหนีเร็ว!”ครูเตือนพวกเด็กๆก่อนทุกคนจะถลาบินขึ้นในร่างเหล่านกน้อยและอินทรียักษ์
    “หน็อย  เจ้าพวกสัตว์ป่าคิดหรือว่าจะหนีข้าพ้น”ดอกเตอร์กล่าวพร้อมกับชักปืนขึ้นเล็งฝูงนกทั้งหก
    “หลบเร็ว!”ครูภพในร่างกระรอกน้อยสั่งพวกเด็กๆในขณะที่กระสุนนัดหนึ่งได้พุ่งเฉียดหัวเขาไป
    เหล่านกน้อยทั้งห้าต่างบินฉวัดเฉวียนหลบกันพัลวัน  จะเว้นก็แต่หมูน้อยที่ค่อนข้างจะลำบากกว่าเพื่อนเนื่องจากมีครูภพขี่หลังอยู่แถมเจ้าตัวยังไม่ถนัดในเรื่องการเหินเวหาซะด้วย
    “ครูมาอยู่กับผมดีกว่าครับ”เลียงผาว่า  ทำท่าจะเปลี่ยนร่างอีกครั้ง
    “ปัง!”นกน้อยตัวจิ๋วโฉบหลบกระสุนไปได้ทัน
    “ฉันไม่เป็นไรหรอกแค่นี้”หมูน้อยในร่างอินทรีบอกอย่างดื้อดึงก่อนบินหลบไปอีกทิศทางหนึ่ง
    ไม่นานนักห่ากระสุนที่ระดมใส่ก็เงียบหายไป
    “มันไม่จบแค่นี้แน่”ชายแก่ที่บัดนี้ไม่เหลือเค้าแห่งความสง่างามขว้างปืนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี
    “อารา  การา  พาลา  เมราเดีย...อารา”
    “นั่นมัน”ครูภพร้องขึ้นอย่างตกใจ
    “ผมบอกมนต์นั้นเองแหละครับ”เลียงผาสารภาพเสียงอ่อย
    “อาลา  การา  พารา เมราเดีย  นกอินทรียักษ์!!”
    “เสร็จกัน”เลียงผากล่าว
    และแล้วร่างของชายแก่ก็กลายสภาพไป...แขนทั้งสองของเขากลับมีขนนกสีน้ำตาลสลับขาวขึ้นโดยรอบ  ขาทั้งสองที่เคยผอมเล็กบางอยู่แล้วกลับยิ่งเรียวเล็กลงเข้าอีก  บริเวณลำตัวที่เคยผอมบางกลับพองขึ้นเรื่อยๆ  ส่วนใบหน้าของชายแก่กลับแปรเปลี่ยนสภาพไปอย่างสิ้นเชิง  มีจะงอยปากงอกออกมา  จมูกเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ  ผมสีเทาสลับขาวกลับแทนที่ด้วยขนนกสีขาวหนา
    “หนีเร็วมันแปลงร่างแล้ว!”เลียงผาตะโกนบอก
    “เดี๋ยวก่อนเลียงผา”ครูหนุ่มหยุดเด็กชายไว้
    และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ก็เริ่มต้นอีกครั้ง  ชายแก่ในสภาพครึ่งคนครึ่งสัตว์เริ่มกลายสภาพใหม่อีกครั้งหนึ่ง  ขนสีน้ำตาลเริ่มแปรสภาพกลายเป็นสีดำไหม้เกรียมและร่วงหลุดไปทีละเส้นๆ  หน้าตาของชายแก่ที่แสนจะอัปลักษณ์เริ่มบวมขึ้น...บวมขึ้น...พร้อมกับเปล่งแสงสีแดงฉาดออก  และจากนั้นแสงสีแดงก็ได้กระจายไล่ลงมาเรื่อยๆทั่วตัวชายชรา
    “หลบเร็วมันจะระเบิดแน่”ครูหนุ่มร้องเตือน
    “บึม!!”เสียงระเบิดดังจากร่างของชายแก่พร้อมกับร่างที่แหลกเหลวและไหม้เกรียม
    “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้?”เลียงผาถามด้วยความตื่นตระหนก
    “มันเป็นผลข้างเคียงของมนต์บทนี้  ตาเฒ่าคนนี้ไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับมนต์แปลงร่างมาก่อน  เขารู้เพียงแค่คาถาของมันแถมยังท่องผิดอีกด้วย  ที่สำคัญการแปลงร่างข้ามขั้นตอนเช่นนี้เป็นอันตรายสำหรับผู้เริ่มต้นมาก”
    “ยังไงคะ?”แมวถาม
    “ก็อินทรีถือเป็นสัตว์ที่มีสายพันธุ์ห่างไกลมนุษย์มาก  แถมยังไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมด้วย  ตามหลักทฤษฎีของการแปลงร่างก็จะถือว่าเขาทำผิดหลักการทำให้ธาตุต่างๆในร่างเกิดความแปรปรวนและระเบิดออกในที่สุด  แต่ถ้าจะพูดตามความเชื่อเก่าๆก็ต้องบอกว่าเวทมนต์บทนี้ใช้ได้เฉพาะชาวเทมาริสเท่านั้น  คนอื่นที่ขโมยมันไปต้องพบจุดจบเช่นนี้”ครูภพสรุปให้เด็กๆฟัง
    นั่นก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคนว่าจะคิดกันไปในทางใด  แต่สำหรับเด็กชายเลียงผาแล้วเขากลับคิดว่านี่คือบทลงโทษที่องค์เทพีอาร์เทมิสทรงประทานให้กับบุคคลที่คิดจะทำลายดินแดนแห่งนี้
    ส่วนคุณจะคิดอย่างไรก็สุดแล้วแต่คุณเถอะ  เพราะเหตุการณ์นี้นอกเหนือความสามารถที่จะบรรยายได้  
    เมื่อเหตุการณ์ต่างๆได้คลี่คลายลงเช่นนี้  ทุกชีวิตในเมืองเทมาริสก็กลับมาปรกติสุขอีกครั้งหนึ่ง  และพวกเขาก็ดำรงอยู่กันอย่างผาสุกชั่วนิรันดร์....




    อ๊ะ!...ดูเหมือนจะลืมอะไรไปบางอย่างเสียแล้ว  เหตุการณ์ยังไม่จบแค่นี้  มันยังคงมีต่ออีกยาววววว....
    ย้อนกลับมาที่ห้องสร้างพลังงานกันใหม่  หลังจากที่ดอกเตอร์คนนั้นต้องจบชีวิตลงด้วยความประมาทพร้อมกับร่างที่แหลกสลายไปกับกลุ่มควันไฟ  พวกเขาทั้งหมดก็ได้ออกจากยานมาเฟตรงไปยังยานสีดำลำใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องควบคุมหุ่นยนต์
    “พังมันเข้าไปเลยหมูน้อย”ครูภพสั่งหมูน้อยในร่างช้างแอฟริกา
    “โครม!”
    เมื่อบุกเข้ามาถึงห้องบังคับการทุกคนต่างตรงไปยังเครื่องจักรยักษ์กลางห้อง
    “ทำอะไรสักอย่างสิหมูน้อย”เลียงผาบอกเพื่อนซึ่งเป็นความหวังเดียวของกลุ่ม
    “เออ...”เด็กชายตุ้ยนุ้ยก้มลงมองเครื่องจักรยักษ์ด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ  เครื่องจักรที่แสนทันสมัยและลึกล้ำมากเกินไปเช่นนี้ดูเหมือนจะเกินความสามารถของเด็กชาย
    “หนีเร็ว!!”หมูน้อยตะโกนเสียงลั่นเมื่อเหลือบไปเป็นสัญญาณกระพริบสีแดงที่หน้าจอมอนิเตอร์
    ไม่ต้องรอให้เตือนรอบสองคนทั้งเจ็ดต่างวิ่งออกจากยานลำยักษ์กันสุดชีวิต
    “บึมๆๆ....!!!”เสียงระเบิดดังขึ้นไล่หลังพวกเขามาติดๆ
    “ไอ้เฒ่านั่นมันร้ายจริงๆ”ครูภพกล่าวด้วยความแค้นเคือง
    “แย่แล้วล่ะครับครู  เครื่องจักรนั่นถูกตั้งระบบให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งพร้อมกับทำลายตนเอง”หมูน้อยกล่าว
    “หมายความว่าไง?”ครูหนุ่มทำหน้าสงสัย
    “พูดง่ายๆก็คือว่า  ชายแก่คนนั้นแก้คำสั่งใหม่หมดให้หุ่นยนต์ทุกตัวไม่ได้ถูกควบคุมจากเครื่องนั่นแล้ว  ซึ่งหมายความว่าพวกมันสามารถมีความคิดได้ด้วยตัวเองหรืออาจถูกตั้งโปรแกรมอย่างใดอย่างหนึ่งไว้และจะทำตามคำสั่งจนเสร็จสมบูรณ์ไม่ว่ายังมีเครื่องควบคุมอยู่หรือไม่”
    “หมายความว่าสงครามกำลังจะเกิดขึ้นใช่ไหม?”หงส์ถาม
    “บึมๆๆๆ!!”เสียงระเบิดดังมาจากป่าด้านใน
    “ครูว่ามันกำลังเกิดแล้วล่ะ”ครูภพกล่าวก่อนเร่งออกเดินทางเข้าป่าไป
    “ครูว่าเราจะตามพวกนั้นทันไหมครับ”หงส์ถามด้วยความลังเลใจ
    “ทันสิ”
    “แต่กองทัพหุ่นพวกนั้นมันแข็งแกร่งมากนะคะครู  แถมเรายังทำลายผลึกพลังงานของพวกมันไม่หมดเสียด้วย”แมวพูดขึ้น
    “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก  ผลึกพวกนั้นยังไม่ได้ถูกขนย้ายไป  ดอกเตอร์นั่นคงกะจะขนมันไปพร้อมกับทัพหลัง  ซึ่งตอนนี้เราก็ทำลายทัพหลังของมันหมดแล้ว”
    “งั้นก็หมายความว่า...”
    “ใช่  ตอนนี้พลังงานของพวกมันเหลือน้อยเต็มทีแล้ว  หากเราสามารถรับมือกับพวกมันได้อีกไม่นานมันก็จะหมดพลังงานไปเอง”ครูตอบพวกเด็กๆ
    ณ เบื้องหน้า  สงครามระหว่างหุ่นเหล็กและสัตว์ป่าต่างเป็นไปอย่างดุเดือด  หุ่นยนต์โดยการนำของหุ่นแม่ทัพที่สร้างขึ้นจากมันสมองของดอกเตอร์สั่งโจมตีเหล่าชาวเมืองด้วยปืนกลไฟและหุ่นบินทิ้งระเบิด
    “บึมๆๆๆ...”เสียงระเบิดดังระงมไปทั่วทั้งผืนป่า




    จากคุณ : ไฟลี่ - [23 พ.ค. 45 08:15:24 A:203.113.39.6 X:]