นานมาแล้ว ที่โลกยังมีวันหยุดหมุนรอบตัวเอง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง มนุษย์ทุกคนไม่ต้องดิ้นรนทำงาน แข่งขันกัน สัตว์ทั้งหลายรู้จัก คบหา พูดจากันรู้เรื่อง ไม่มีใครเบียดเบียนใคร โลกอยู่อย่างสงบสุข พระเจ้าเป็นผู้ปกครองโลก และพระเจ้าประกาศไว้ว่าถ้าใครต้องการอะไร ให้มาขอ ท่านจะประทานให้ อยู่มาวันหนึ่ง มีชายคนหนึ่งเกิดต้องการที่จะเป่าขลุ่ยให้ไพเราะเพราะพริ้ง ใครได้ฟังก็จะมีความสุข เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงขลุ่ยของเขา จึงไปร้องขอกับพระเจ้า ๆ เห็นว่าไม่มีพิษภัยอะไร จึงประทานพรให้แก่ชายคนนี้
หลังจากนั้นชายคนนี้จึงลองเป่าขลุ่ยดู ปรากฎว่า เสียงขลุ่ยของเขาเป็นที่ไพเราะจับใจ ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกนิ่ง ตลึงฟังเสียงขลุ่ยของเขา ๆ ดังไปทั้ง ในอากาศ ใต้พื้นดินและในท้องทะเล ไม่มีใครคิดจะทำอะไร วันๆ เอาแต่นิ่งฟังเสียงขลุ่ย แม้แต่โลกเองยังลืมหน้าที่ตัวเอง ถึงกับหยุดหมุน ทำให้เกิดวิปริตขึ้นไปทั่วทั้งโลก พระเจ้าเห็นดังนั้นให้ร้อนรน หาวิธีแก้ไข แต่จะเอาพรคืนก็ไม่ได้เพราะสิ่งใดได้ลั่นวาจาไปแล้วมิอาจคืนคำ พระเจ้าหาวิธีแก้ไขโดยแก้ที่มนุษย์ก่อน สั่งให้มนุษย์ขยันขึ้น ฉลาดขึ้น แต่มนุษย์ก็ยังนิ่งฟังเสียงขลุ่ยอยู่ ก็หันไปแก้ที่สัตว์ทั้งหลายให้แต่ละชนิดมีหน้าที่ของมันเอง ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่หน้าที่ตัวเองไม่ต้องสนใจอย่างอื่น ทำให้สัตว์ทั้งหลายเลิกติดต่อกัน สั่งให้โลกห้ามหยุดพัก ต้องหมุนไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบสิ้น พระเจ้าทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่ในเมื่อชายคนนี้ยังไม่เลิกเป่าขลุ่ย โลกก็ยังไม่เป็นปกติเหมือนเดิม ทางสุดท้าย พระเจ้าเปลี่ยนให้ชายคนนี้กลายเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ไม่มีแขน ไม่มีมือ ไม่มีนิ้ว ที่จะจับขลุ่ยได้ แต่ก็ยังกลัว เพราะยังมีปากเป่าลมได้ ก็เลยสั่งให้เขาหูหนวกอีกด้วย แต่ด้วยความที่เขารักเสียงดนตรี ถึงแม้เขาจะหูหนวก แต่ครั้งใดที่เขาเห็นคนเป่าขลุ่ย เขาก็ยังอดที่จะเต้นตามไม่ได้... หลังจากพระเจ้าเปลี่ยนแปลงอะไรไปมากมาย โลกก็เลยยุ่งเหยิงมาจนปัจจุบัน...
จากคุณ :
ไข่เจียวหมูสับ - [23 พ.ค. 45 18:40:43 A:203.148.244.204 X:]